Chapter 60 : นักรบศิลา
“อย่าเข้าไปเลยดีกว่า”
โจวเฉินตัดสินใจได้ทันทีว่าห้องนี้อันคตรายเกินไปและเลือกที่จะยอมแพ้
เขาเดินออกจากห้องและมุ่งหน้าต่อไปตามทางเดิน หลังจากเดินมาซักพักเขาก็พบเข้ากับห้องที่ถูกล็อคเอาไว้
ประตูของห้องนี้ทำมาจากโลหะและแม้ว่ามันจะไม่ได้ดูหนาเท่ากับประตูที่นำไปสู่ชั้นสองแต่ก็ดูเหมือนจะแข็งแกร่งไม่น้อย
โจวเฉินหยิบขวานออกมาและพยายามใช้มันทำลายตัวล็อคแต่กลับพบว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยดังนั้นเขาจึงยอมแพ้ไป
เขากระทั่งลองหยิบกุญแจที่ได้มาจากอสูรหมีขึ้นมาลองใช้ด้วยซ้ำแต่ขนาดของมันก็ไม่สามารถเข้ากันได้อย่างที่คาด
“ในเมื่อมีแม่กุญแจก็ต้องมีลูกกุญแจอยู่ที่ไหนซักที่แหละน่า”
โจวเฉินคิดกับตัวเอง
จากนั้นเขาก็หันกายเดินต่อไปตามทางเดินและเดินมาจนถึงบริเวณสามแยกแห่งหนึ่ง ทางด้านซ้ายไม่ไกลออกไปนักเป็นสะพานเชือกและทางขวาเป็นห้องโถงกว้าง
โจวเฉินเลือกที่จะตรวจสอบสะพานเชือกเป็นที่แรกและพบว่าด้านล่างของสะพานนั้นเป็นพื้นที่ว่างๆโล่งๆและมืดสนิท เมื่อมองผ่านสกิลมองเห็นในที่มืดของเขา ตัวสะพานดูเหมือนว่าจะห่างจากพื้นดินด้านล่างราว30เมตร เรียกได้ว่าเป็นผาหินที่ไม่ได้ลึกมากนักก็ว่าได้
ปลายทางของบันไดเชือกนำทางไปสู่เสาหินขนาดยักษ์แห่งหนึ่ง ขั้นบันไดแต่ละขั้นของเสาหินนำขึ้นไปสู่แท่นหินกว้างด้านบนและจากด้านบนของแท่นหินกว้างนั้นโจวเฉินก็ได้ยินเสียงอาวุธปะทะกันดังลอยออกมา
โจวเฉินสนใจยิ่งนักเมื่อได้ยินเสียงดังกล่าว เขารีบข้ามสะพานและมุ่งตรงไปยังเสาหินในทันทีจากนั้นเมื่อมาถึงเขาก็เริ่มปีนขึ้นไปยังแท่นหินด้านบนอย่างไม่รีรอ
เมื่อเขามาถึงเขาก็สังเกตเห็นว่ามีสตรีสองคนหนึ่งดาบหนึ่งกระบี่กำลังสู้อยู่กับนักรบหิน
แม้ว่านักรบตนนี้จะเป็นหินแต่มันกลับรวดเร็วไม่ต่างจากคนจริงๆ กระบี่ในมือทั้งสองข้างของมันโบกสะบัดอย่างต่อเนื่อง สตรีทั้งสองขนาดว่าร่วมมือกันแล้วก็ยังไม่อาจสู้มันได้แถมยังเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำเสียด้วยซ้ำ
บนก้อนหินด้านหลังนักรบศิลาตนนี้มีกล่องไม้วางอยู่ด้านบน ดูแล้วนี่น่าจะเป็นเป้าหมายของสตรีทั้งสองคน พวกเธอพยายามเข้าใกล้กล่องนั้นอยู่หลายครั้งแต่ก็ถูกนักรบศิลาจู่โจมจนต้องถอยล่น
“กล่องนี้มีมอนสเตอร์เฝ้าอยู่ดังนั้นน่าจะเป็นของจริง”
โจวเฉินคิดกับตัวเอง จากนั้นเขาก็กระชับหอกในมือแน่นและพุ่งตรงเข้าหากล่องไม้กล่องนั้น
ในเวลานี้เองนักรบศิลาที่กำลังโจมตีเซอร์ไวเวอร์ทั้งสองคนเมื่อมันเห็นว่าโจวเฉินกำลังพุ่งเข้าหากล่องไม้ที่มันเฝ้าปกปักษ์มันก็รีบสะบัดกระบี่และเปลี่ยนเป้าหมายพุ่งเข้ามาหาโจวเฉินแทน กระทั่งว่าเศษส่วนที่เป็นหินด้านหลังของมันถูกดาบและกระบี่ของสตรีทั้งสองคนโจมตีใส่จนล่วงกราวมันก็ยังไม่สนใจ
โจวเฉินเมื่อเห็นว่านักรบศิลาพุ่งเข้ามาขวางเขากลับไม่ได้ถอยล่น เขากดหอกในมือลงและแทงเข้าใส่ขาของอสูรศิลา
เขาไม่รู้ว่ามอนสเตอร์ศิลาตนนี้มีจุดอ่อนรึเปล่าดังนั้นจึงตัดสินใจทำให้มันล้มเพื่อคว้าหีบสมบัติมาให้ไดก่อน
ยังไงก็ตามการโจมตีของโจวเฉินกลับไม่ประสบผล นักรบศิลาตนนั้นสะบัดกระบี่ลงและเปลี่ยนทิศทางของปลายหอกไปได้สำเร็จ
“นักรบศิลาตัวนี้ทรงพลังพอสมควรเลยนะเนี่ย สงสัยถ้าจะเอามันลงคงต้องทุ่มแรงอีกซักหน่อย”
โจวเฉินพอจะประเมินความแข็งแกร่งคร่าวๆของอีกฝ่ายได้จากการแลกเปลี่ยนกระบวนท่าที่ผ่านมา ดูแล้วเจ้าตัวนี้น่าจะเป็นมอนสเตอร์ประเภทกึ่งแทงค์กึ่งดาเมจ
ขณะที่โจวเฉินกำลังสู้อยู่กับนักรบศิลาสตรีทั้งสองคนเองก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ พวกเธอไม่ได้หันมาช่วยโจวเฉินโจมตีมอนสเตอร์ตัวนี้แต่เลือกที่จะวิ่งไปยังก้อนหินที่มีหีบสมบัติแทน เป้าหมายของพวกหล่อนชัดเจนมากนั่นก็คือเอาของในกล่องมาให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน
การกระทำของคนทั้งคู่ทำให้นักรบศิลาที่กำลังสู้อยู่กับโจวเฉินกราดเกรี้ยวยิ่งนัก มันไม่สนใจที่จะสู้กับโจวเฉินอีกและหันไปหาสตรีทั้งสองคนนั้นแทน
โจวเฉินเองก็ไม่ได้หยุดมันเพราะตัวเขาเองก็ไม่อยากให้ทั้งสองคนนั้นได้หีบสมบัติไปเหมือนกัน
นักรบศิลารวดเร็วเป็นอย่างยิ่งหรืออาจจะเป็นเพราะมันอยู่ไม่ห่างจากหีบสมบัติมากนักก็เป็นได้ เมื่อมือของสตรีคนหน้ากำลังจะแตะหีบกระบี่ยาวของนักรบศิลาก็ถูกฟันเข้าใส่แขนของเจ้าหล่อนเสียก่อน
สตรีผู้นี้ไร้ทางเลือกได้แต่ต้องจำยอมถอยออกมาและปล่อยให้นักรบศิลาปกปักษ์หีบสมบัติต่อไปตามเดิม
“พวกเราเจอกล่องนี่ก่อน! อย่าคิดจะแย่งไปจากพวกเราเชียว!”
หลังจากสถานการณ์กลับมาทรงๆเหมือนเดิมหญิงสาวที่ใช้กระบี่ก็ตะโกนบอกกับโจวเฉิน
“เฮอะๆ”
โจวเฉินยิ้มบางๆตอบกลับ กล่องนั่นยังคงไร้เจ้าของอยู่ชัดดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่เขาจะเข้าร่วมวงแย่งชิงด้วย
“ร่างของมอนสเตอร์ตัวนี้แข็งเกินไป ดาบของฉันเองก็ทำอะไรมันไม่ได้ฉันว่าพวกเราไปเสาะหาโชคที่อื่นกันดีกว่า!”
หญิงสาวเซอร์ไวเวอร์อีกคนมองไปที่นักรบศิลาที่ยืนจังก้าอยู่หน้าหีบสมบัติด้วยแววตาลังเล ดูเหมือนอีกฝ่ายคิดที่จะถอยแล้วจึงกล่าวกับสหายออกมาเช่นนั้น
“ไม่! ถ้าพวกเราไปหีบนี่ก็จะกลายเป็นของหมอนั่นน่ะสิ!”
หญิงสาวที่ใช้กระบี่ส่ายหัวด้วยท่าทีกระฟัดกระเฟียด
“ไม่หรอก...หมอนี่เอาชนะอสูรศิลาตัวนี้คนเดียวไม่ไหวแน่ มีแต่จะเสียเวลากับพลังไปเปล่าๆ”
หญิงสาวที่ใช้ดาบตอบกลับทันควัน
โจวเฉินไม่สนใจบทสนทนาของคนทั้งสองและพุ่งเข้าใส่นักรบศิลาอีกครั้ง เขาวางแผนว่าจะหาโอกาสดูว่าจะสังหารเจ้าอสูรศิลานี่ลงได้ยังไง
เมื่อนักรบศิลาเห็นว่าโจวเฉินโจมตีเข้ามาอีกครั้งมันก็ก้าวขึ้นมาเพื่อประชันด้วยในทันที กระบี่ในมือของมันเข้าปะทะกับหอกของโจวเฉินอย่างรุนแรง
ขณะที่โจวเฉินกำลังสู้อยู่นั้นสตรีทั้งสองคนเองก็ดูเหมือนจะคุยกันจนได้ข้อสรุปแล้ว พวกนั้นดูเหมือนจะตกลงอะไรบางอย่างกันได้และเดินลงจากแท่นหินไปยังสะพานเชือก
เมื่อไม่มีคนอื่นคอยให้พะว้าพะวงโจวเฉินก็ยิ่งโฟกัสไปกับการต่อสู้ได้เต็มที่มากยิ่งขึ้น หนนี้เขาใช้แรงไปกว่า9ส่วนเพื่อคว่ำนักรบศิลาตนนี้ลงให้ได้
นักรบศิลามีร่างกายที่หนักและทรงพลังเป็นอย่างมาก การเคลื่อนไหวของมันเองก็ไม่ได้เชื่องช้าเช่นเดียวกันแทบจะคล้ายกับอสูรหมีที่เขาเจอก่อนหน้านี้เลยแต่ต่างกันตรงที่บนร่างของอสูรหมีนั้นยังมีจุดอ่อนให้เห็นแต่เจ้านักรบศิลาตนนี้กลับดูเหมือนว่าจะไม่มีจุดอ่อนอยู่เลย หรือต่อให้มีแต่การที่เขาจะทำลายจุดอ่อนมันลงให้ได้ด้วยอาวุธที่มีก็ยังเป็นเรื่องยากอยู่ดี
การต่อสู้ครั้งนี้ใช้เวลาไปกว่าสามนาที ท้ายที่สุดโจวเฉินก็ได้จังหวะกวาดหอกเข้าใส่เข่าของนักรบศิลาอย่างรุนแรงจนทำให้มันเสียสมดุลย์และล้มลงบนพื้น
ก่อนที่มันจะได้ลุกขึ้นยืนอีกครั้งโจวเฉินก็รีบพุ่งตรงไปยังหีบสมบัติและเปิดมันทันทีก่อนที่จะคว้าของที่อยู่ด้านในอย่าง – ‘คัมภีร์สีทอง’ มา
จากนั้นเขาก็ไม่แม้แต่จะมองดูรายละเอียดของมันเลยด้วยซ้ำ โจวเฉินรีบจัดแจงโยนมันลงไปในช่องเก็บของและวิ่งลงไปจากแท่นหินในทันทีก่อนที่นักรบศิลาจะลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง เขาไม่อยากจะเสียเวลากับมันอีกต่อไปแล้ว
เมื่อโจวเฉินวิ่งมาจนถึงขอบของแท่นหินเขาพลันสัมผัสได้ว่าอสูรศิลาตนนั้นกำลังไล่ตามมา ดูแล้วอีกฝ่ายคงอยากจะสู้กับเขาให้ตายกันไปข้าง
“เจ้าหมอนี่ดื้อด้านจริงโว้ย!”
โจวเฉินรู้สึกพูดไม่ออกเล็กน้อย เขาสงสัยเหลือเกินว่าคัมภีร์สีทองนี้เป็นสมบัติอะไรถึงได้ทำให้ระบบส่งตัวปัญหาขนาดนี้มาเป็นผู้คุ้มกัน
เขาวิ่งลงมาจนถึงขั้นบันไดหินและมาถึงสะพานเชือกในเวลาไม่นาน
ในตอนที่เขามาถึงสะพานเชือกเขาก็สังเกตเห็นสตรีสองคนก่อนหน้านี้ยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งของสะพาน สตรีคนที่ถือกระบี่อยู่ในมือตะโกนบอกกับเขา “รีบส่งของที่อยู่ในหีบสมบัติมาซะ! ไม่อย่างนั้นพวกเราจะตัดสะพานนี้ทันที!”
“เฮอะๆ”
โจวเฉินไม่สนใจคำขู่ของอีกฝ่ายและวิ่งขึ้นไปบนสะพานในทันที