Chapter 58 : กุญแจ
เสียงกรีดร้องแผ่วเบาของผู้คนมากหน้าและเสียงคำรามของมอนสเตอร์ดังออกมาจากบันไดแห่งนั้น โจวเฉินรู้ดีว่าด้านในนั้นอย่างน้อยต้องมีเซอร์ไวเวอร์สามคนกำลังสู้กับมอนสเตอร์อยู่
“มีมอนสเตอร์เฝ้าบันไดงั้นหรอเนี่ย?”
โจวเฉินรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที เขาเดินลงไปยังบันไดอย่างระมัดระวัง
ในตอนที่เขากำลังจะถึงมุมของบันไดนั้นก็ปรากฏว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งวิ่งกลับขึ้นมาพอดี บนเสื้อของอีกฝ่ายมีรอยกรีดลากยาวและมีเลือดไหลออกมาปรากฏอยู่
เขารีบวิ่งขึ้นมาด้านบนบันไดและวิ่งผ่านโจวเฉินไปทันทีโดยไม่แม้แต่จะกล่าวคำ
โจวเฉินที่เห็นเช่นนี้ก็ยิ่งระวังตัวขึ้นไปอีก เขาเปลี่ยนจากการเดินเป็นการย่องแทนจนลงไปถึงด้านล่างสุดของบันไดซึ่งสิ่งที่ปรากฏอยู่ด้านหน้าของเขาก็คือโถงกว้างแห่งหนึ่ง
ภายในโถงนี้กำลังเกิดการต่อสู้อย่างหนักหน่วงดังคาด สองบุรุษและหนึ่งสตรีกำลังสู้อยู่กับอสูรลักษณะคล้ายหมีที่มีความสูงราว2เมตร
มอนสเตอร์ตัวนี้มีขนหนาและกงเล็บยาวคมกริบ มันทั้งทรงพลังและปราดเปรียวในตัวเดียวกัน เพียงแค่การโจมตีทั่วๆไปของมันก็มากพอจะทำให้เหล่าเซอร์ไวเวอร์ต้องพบเจอกับช่วงเวลาอันแสนยากลำบากไปตามๆกันแล้ว
ด้านหลังมอนสเตอร์ตัวนี้คือประตูเหล็กที่ถูกปิดเอาไว้อย่างแน่นหนา ตรงกึ่งกลางของประตูนั้นมีรูกุญแจอยู่ด้วย ส่วนกุญแจจะหาได้จากที่ใดนั้นโจวเฉินเดาว่าคงเป็นกุญแจที่เจ้าอสูรหมีตนนี้ห้อยอยู่ที่คออย่างไม่ต้องสงสัย
ชายหนุ่มร่างบางและหญิงสาวผมยาวเข้าจู่โจมอสูรหมีอย่างต่อเนื่อง ส่วนชายหนุ่มร่างกำยำอีกคนที่ถือกระบองและโล่เห็นได้ชัดเลยว่ารับหน้าที่เป็นตัวแทงค์ ในบรรดาคนทั้งสามมีเพียงเขาคนนี้เท่านั้นที่สามารถยืนอยู่ได้หลังจากถูกกงเล็บของมอนสเตอร์หมีฟาดใส่
“ฉันช่วยเอง!”
พวกเขาทั้งสามดูแล้วน่าจะทนได้อีกไม่นานและโจวเฉินก็ไม่อาจมองข้ามได้ ยังไงซะประตูเหล็กที่นำไปสู่ชั้นที่สองนี่ก็ต้องถูกเปิดไม่ช้าก็เร็วอยู่ดี
กระแสลมพวยพุ่งออกมาจากใต้เท้าของเขา เพียงเสี้ยวพริบตาเดียวเท่านั้นร่างของเขาก็พุ่งเข้ามาประชิดร่างของอสูรหมีและแทงหอกเข้าใส่ดวงตาของมันอย่างแม่นยำ
หากแต่อสูรหมีที่สามารถรับมือกับเซอร์ไวเวอร์หลายคนได้พร้อมๆกันก็หาใช่ตัวตนอ่อนแอแต่อย่างใด
มันยกกงเล็บข้างขวาขึ้นปัดค้อนที่ถูกหญิงสาวผมยาวเหวี่ยงเข้ามาและใช้มันป้องกันดวงตาจากปลายหอกไปในคราวเดียวกัน
เมื่อเห็นว่าการโจมตีล้มเหลวโจวเฉินก็ล่าถอยทันทีและอ้อมไปด้านหลังอสูรหมีก่อนจะแทงหอกใส่รูทวารของมันอีกครา
ครั้งนี้เรียกว่าประสบความสำเร็จกึ่งหนึ่งก็คงได้ เขาแทงโดนก้นที่มีขนหนาๆของอสูรหมีได้สำเร็จก็จริงแต่หาใช่จุดที่เขาอยากจะแทงจริงๆไม่
แรงสะท้อนมหาศาลจากปลายหอกแล่นเข้าสู่แขนของเขาจนชาราวกับว่าเขาแทงโดนกำแพงก็ไม่ปาน ปลายหอกของเขาแทงทะลุเข้าไปได้ไม่ถึงสองเซ็นด้วยซ้ำ
“ร่างกายของมอนสเตอร์ตัวนี้แข็งมาก ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเซอร์ไวเวอร์ที่มีอาวุธครบมือหลายคนก็ยังเอามันไม่ลง”
โจวเฉินมีแผนในหัวแล้วแต่หลังจากที่มอนสเตอร์หมีสะบัดกงเล็บเหวี่ยงร่างของคนอื่นๆถอยออกไปมันกลับหันมาเผชิญหน้ากับเขา แน่นอนว่าเขาเลือกที่จะวนอ้อมไปด้านหลังของมันอีกครั้งเช่นเดิม
ยังไงก็ตามการโจมตีเมื่อครู่ของเขาดูเหมือนจะทำให้มันหัวเสียไม่น้อย เจ้าอสูรหมีตนนี้ไม่สนใจเซอร์ไวเวอร์อีกสามคนที่เหลือและหันมาไล่ล่าเขาแทน
โจวเฉินต้องแบกรับแรงกดดันอย่างหนัก เขาคิดว่าตอนนี้เขาคงไม่อาจออมมือได้อีกแล้วและจำเป็นต้องใช้พลังเต็มที่เสียที
เขาล่อเจ้าอสูรมุมไปยังมุมของห้องโถงและหลังจากที่อสูรหมีพุ่งเข้ามาด้วยความเกรี้ยวกราดเขาก็พลันเปิดใช้งานสกิลย่างก้าวสายลมเพื่อเหยียบกำแพงและไต่ขึ้นไปด้านบนของกำแพง จากนั้นเขาก็วิ่งไต่เพดานด้วยความเร็วสูงจนมาปรากฏอยู่ด้านบนหัวของอสูรหมี พริบตาต่อมานั้นเขาก็พลันกระโดด หมุนตัวกลางอากาศและล่อนลงบนไหล่ของมอนสเตอร์หมีพอดิบพอดี ในเวลานี้หอกในมือของเขาได้ถูกเปลี่ยนเป็นมีมาเชเต้ไปแล้วและปลายมีดอันคมกริบนั้นก็ถูกแทงเข้าใส่ดวงตาของมันและกดลึกไปจนถึงก้านสมอง
กงเล็บที่มันยกขึ้นมาหมายจะฟาดโจวเฉินพลันห้อยตกลงอย่างไร้เรี่ยวแรงและร่างกายอันสูงใหญ่ของมันเองก็ค่อยๆล้มลงแน่นิ่งบนพื้น
กระบวนการทั้งหมดนั้นเสร็จสิ้นภายในไม่กี่วินาทีเท่านั้น โจวเฉินล่อให้อสูรหมีเปิดช่องว่างและโจมตีเข้าใส่จุดบอดของมันจนทำให้มันตอบสนองได้ไม่ทันเวลา
เมื่อร่างของมันกระทบกับพื้นดินจนพื้นดินสั่นสะเทือน เหล่าเซอร์ไวเวอร์อีกสามคนที่เหลือที่กำลังรุดหน้าเข้ามาช่วยก็มาถึงพอดี พวกเขาจับจ้องมองมาที่โจวเฉินที่ยืนอยู่ข้างๆศพของอสูรหมีด้วยสีหน้าตกตะลึงเล็กน้อย
ในสายตาของพวกเขาชายหนุ่มสวมหน้ากากคนนี้เจ๋งไม่เบา เพียงพริบตาเดียวเขาก็สามารถสังหารมอนสเตอร์ที่พุ่งเข้าใส่ได้แล้ว นอกจากนี้การเคลื่อนไหวของเขายังลื่นไหลไม่มีติดขัดจนดูราวกับภาพในหนัง
ขณะที่พวกเขากำลังตกตะลึงอยู่นั้นโจเวฉินก็เหยียดมือออกไปคว้ากุญแจมาจากคอของอสูรหมีขณะที่หูก็ฟังเสียงแจ้งเตือนจากระบบไปด้วย
[พรสวรรค์ช่วงชิงสกิลติดตัวทำงาน : ท่านได้ทำการช่วงชิงสกิลของหมีขนดก ‘เสริมแกร่งกายา (ระดับ1)’ ระบบตรวจพบว่าสกลิตติดตัวนี้มีค่าสถานะดีกว่าที่ท่านครอบครองอยู่จึงทำการแทนที่สกิลเดิมโดยอัตโนมัติ]
‘มีแค่เสริมแกร่งกายาเองหรอเนี่ย? เป็นถึงมอนสเตอร์เฝ้าประตูเชียวนะทำไมไม่ดรอปอย่างอื่นบ้างวะ?’
โจวเฉินรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เขาหยิบกุญแจขึ้นมาและยัดใส่กระเป๋าลงไปก่อนจะหมุนกายและเดินกลับไปทางบันไดที่ลงมา
“นายไม่คิดจะเปิดประตูหรอ?”
ชายหนุ่มร่างกำยำที่อยู่ไม่ไกลออกไปนักขมวดคิ้วขึ้นมาทันทีที่เห็นการกระทำของโจวเฉิน
“ไม่รีบเท่าไหร่รอจนกว่าฉันจะเก็บเกี่ยวชั้นแรกให้เสร็จก่อน”
ในมุมมองของโจวเฉินถ้าเขาไม่เคลียร์ชั้นแรกเขาคงไปชั้นที่สองได้อย่างไม่สบายใจซักเท่าไหร่ ในเวลาเดียวกันเขาก็หาใช่คนใจดีที่จะเปิดประตูให้กับใครก็ได้ลงไปก่อนตามต้องการเพราะว่านั่นอาจจะทำให้เขาพลาดสมบัติดีๆไปก็เป็นได้
“นายจะเห็นแก่ตัวเกินไปหน่อยแล้วมั้ง! พวกเราแค่อยากจะรีบๆเคลียร์ดันเจี้ยนเองนะ!”
ชายหนุ่มร่างกำยำเดินเข้ามาตำหนิโจวเฉิน
“เหอะๆ กุญแจอยู่กับฉันดังนั้นฉันจะทำอะไรก็ขึ้นอยู่กับฉัน”
โจวเฉินยิ้มอย่างไม่แยแสและเดินผ่านเขาไปยังบันได
สีหน้าของชายร่างกำยำมีท่าทีโกรธขึ้ง เขาอยากจะระเบิดออกมาตรงนี้แต่ก็รีบควบคุมอารมณ์เอาไว้และเดินตามโจวเฉินไป
โจวเฉินเองระหว่างที่เดินอยู่ก็คอยเพ่งความสนใจไปที่ด้านหลังอยู่ตลอดเวลา ถ้าเจ้าหมอนี่คิดจะทำอะไรไม่ดีเขาจะไม่มีทางได้ออกไปจากที่นี่แบบเป็นๆแน่นอน
ส่วนเซอร์ไวเวอร์อีกสองคนหรือก็คือชายหนุ่มร่างบางกับหญิงสาวผมยาวไม่ได้กล่าวอะไร ชายหนุ่มร่างบางเพียงแค่เร่งซอบเท้าเดินไปยังบันไดเพียงเท่านั้น ส่วนหญิงสาวผมยาวเจ้าหล่อนทรุดตัวนั่งลงบนพื้นราวกับต้องการรอให้โจวเฉินกลับมาเปิดประตู
หลังจากโจวเฉินกลับมายังชั้นแรกเขาก็ใช้หอกในมือทำสัญลักษณ์เอาไว้บนกำแพง เพื่อที่เวลาย้อนกลับมาอีกจะได้ไม่เสียเวลา
หลังจากเดินต่อมาอีกซักพักเขาก็พบว่าด้านหลังของเขามีตัวประกอบเพิ่มมาอีกสองคน นั่นก็คือชายร่างกำยำและชายหนุ่มร่างบางนั่นเอง
“อย่ามาตามฉันน่าเดี๋ยวฉันไปเปิดประตูให้แน่นอน”
โจวเฉินกล่าวอย่างหมดความอดทน
“แล้วถ้าเกิดนายไปเจออุบัติเหตุเข้าแล้วไม่ได้กลับมาล่ะ?”
ชายหนุ่มร่างบางสวนกลับทันควัน
“เพราะงั้นแล้วถึงต้องมีคนคอยตามเก็บซากนายไง”
“...”
โจวเฉินรู้สึกพูดไม่ออกขึ้นมาทันที