Chapter 52 : หมอก - มอนสเตอร์
หลังจากปิดการทำงานของสกิลย่างก้าวสายลมโจวเฉินก็พลันรู้สึกได้ถึงความอ่อนล้าในจิตใจ สิ่งนี้ทำให้เขาทราบว่าอัตราการกินพลังจิตวิญญาณที่สกิลนี้อธิบายเอาไว้ไม่ได้แปะเอาไว้หลอกๆ
“ระยะปลอดภัยคือสิบนาทีต่อวันสินะ? สั้นไปหน่อยแต่ก็น่าจะใช้รับมือกับสถานการณ์บางสถานการณ์”
ขณะที่เดินกลับไปยังกองไฟโจวเฉินก็คิดเกี่ยวกับสกิลย่างก้าวสายลมไปด้วย
ระหว่างทางเขาไม่เจอการโจมตีจากพวกอสูรกงเล็บเงาอีกเลยทำให้เขารู้สึกว่าตอนนี้ตัวเขาน่าจะปลอดภัยในระดับนึงแล้ว
เมื่อกลับมาถึงกองไฟเขาก็เห็นว่าหญิงสาวผมหางม้าและชายหนุ่มชุดทหารยังคงเฝ้าระวังการลอบโจมตีจากอสูรกงเล็บเงาอยู่เลยจึงโจวเฉินจึงขันอาสาออกมาว่าจะช่วยคนทั้งสอง
ตอนนี้เขาได้ทราบแล้วว่าอสูรกงเล็บเงาพวกนี้คือขุมสมบัติเดินได้ ถ้าสังหารพวกมันลงได้ก็มีโอกาสที่จะได้ไอเทมดรอปดีๆ
โจวเฉินกระชับมีดมาเชเต้เอาไว้ในมือและเข้าช่วยสหายทั้งสองโจมตีอสูรกงเล็บเงา ยังไงก็ตามแม้ว่าจะถูกทรมานอีกยกเขากลับไม่สามารถสังหารอสูรกงเล็บเงาเพิ่มได้เลยซักตัวและจบลงด้วยการที่ไม่ได้ไอเทมดรอปอะไรเลย
“มอนสเตอร์เงาพวกนี้เห็นได้ชัดว่าต้านทานการโจมตีทางกายภาพ ฟันมันไปไม่ใช่ว่าเสียแรงเปล่าหรอกหรอ?”
หญิงสาวผมหางม้าสับสนกับการกระทำของโจวเฉินยิ่งนัก แผนการรับมือเดียวที่เธอมีในการรับมือกับมอนสเตอร์เงาพวกนี้ก็คือเลี่ยงบริเวณใบหน้าและหลบการโจมตีให้ได้ เธอยอมแพ้ที่จะสวนกลับพวกมันไปนานแล้ว
“มอนสเตอร์นี่สามารถถูกสังหารได้แต่ยากมาก”
โจวเฉินไม่ได้ซ่อนความลับนี้ เขาบอกคนทั้งสองไปตรงๆว่ามอนสเตอร์เงาสามารถถูกสังหารได้แต่เขาไม่ได้กล่าวถึงเรื่องไอเทมดรอปแต่อย่างใด
หญิงสาวและชายหนุ่มที่ได้ยินพลันแสดงสีหน้าสนใจออกมาแต่หลังจากเข้าใจวิธีการแล้วพวกเขาก็เริ่มหมดความสนใจในทันทีเพราะว่าเพียงแค่รับมือกับเจ้าอสูรเงาพวกนี้ก็ลากเลือดแล้ว พวกเขาไม่มีความปรารถนาที่จะท้าทายกับพวกมันด้วยยุทธวิธีที่เหนือชั้นกว่านี้แน่นอน
ไม่นานนักท้องฟ้าก็ค่อยๆส่องสว่าง อสูรเงาไม่ปรากฏกายอีกและคนทั้งสามก็ได้รับวันคืนอันแสนสงบสุขคืนมาอีกครั้ง
เนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมาทั่วร่างของพวกเขาได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของอสูรเงาและเสื้อผ้าเองก็แทบจะเป็นชิ้นๆดังนั้นคนทั้งสามจึงต้องออกหาฟืนมาเติมกองไฟและหาผลไม้ป่ามาเพื่อประทังชีวิต ก่อนจะกลับมารวมกันพักผ่อนอยู่รอบๆกองไฟอีกครั้ง
โจวเฉินยังคงไม่กินผลไม้เหล่านั้น เขายังคงทำตามวิธีการเดิมของตนเองคือการปลอดกระดุมชุดพรางกายและเอนกายลงบนต้นไม้ก่อนจะปิดตาเข้าสู่สภาวะกึ่งกลับกึ่งตื่นเพื่อฟื้นฟูพลังงานที่เสียไป
คนทั้งสองที่เหลือเองก็พากันหลับใหลเช่นเดียวกันและกว่าจะตื่นกันขึ้นมาอีกคราก็ปาเข้าไปช่วงบ่ายแล้ว
“เจ้าชีเปลือยนั่นยังไม่กลับมาอีกหรอ?”
หญิงสาวถามออกมาด้วยความสับสน
“น่าจะหลงทางล่ะมั้ง”
ชายหนุ่มชุดทหารที่ตื่นขึ้นมาแล้วเช่นกันเอ่ยสิ่งที่คาดเดาออกมา
โจวเฉินไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไร เมื่อเช้าตอนที่เขาออกไปหาฟืนมาเติมกองไฟเขาเลือกที่จะมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่เขานำศพของชายหนุ่มกางเกงในไปทิ้งเอาไว้เมื่อวาน เขาไปที่นั่นและตรวจสอบจนพบว่าศพของชายหนุ่มกางเกงในได้หายไปแล้วทิ้งไว้เพียงรอยเลือดสีแดงคล้ำเท่านั้น
‘ร่างของหมอนั่นน่าจะถูกพวกปิศาจต้นไม้กินไปหมดแล้ว’
โจวเฉินคาดเดา ยังไงซะนี่ก็เป็นข้อมูลที่พวกเขาได้มาจากความตายของชายหนุ่มชุดขาวอยู่แล้ว
หญิงสาวผมหางม้าและชายหนุ่มชุดทหารไม่สนใจเรื่องของสหายที่จู่ๆก็หายตัวไปอีกต่อไป พวกเขารู้ดีว่าสถานการณ์ตอนนี้แค่จะปกป้องตัวเองยังลำบากเลยด้วยซ้ำและพวกเขาก็ไม่มีความสามารถพอจะมาสนใจชีวิตของคนอื่นด้วย
ไม่นานนักท้องฟ้าก็เริ่มมืดลงและราตรีก็มาเยือนอีกครา คนทั้งสามจำเป็นต้องเตรียมรับมือกับอสูรเงาอีกครั้ง
ครั้งนี้หญิงสาวผมหางม้าวางแผนว่าจะหมอบราบไปกับพื้นและใช้มือทั้งสองข้างป้องกันส่วนหัวเอาไว้และปล่อยให้อสูรเงาโจมตีตามสบาย หลังจากได้พักผ่อนมาจนเต็มอิ่มชายหนุ่มชุดทหารจึงตัดสินใจว่าจะลองท้าทายอสูรเงาดูตามสิ่งที่โจวเฉินแนะนำ
โจวเฉินเองก็เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้เช่นเดียวกัน เขาหมายมั่นว่าจะสังหารอสูรกงเล็บเงาให้ได้อย่างน้อยสามตัวในคืนนี้เพื่อเก็บเกี่ยวไอเทมดรอป
ยังไงก็ตามคนคำนวณนั้นมิอาจสู้ฟ้าลิขิต เมื่อคนทั้งสามเตรียมพร้อมรับมือกับอสูรเงาและกระทั่งคิดว่าน่าจะต้องเจอกับอสูรเงามากกว่าเมื่อวานแต่อสูรเงากลับทำให้พวกเขาผิดหวัง กระทั่งล่วงเลยจนถึงกลางดึกก็ยังไม่มีพวกมันปรากฏตัวเลยแม้แต่ตัวเดียว
“นี่มันไม่ถูกต้องแล้วนะ ไม่ใช่ว่าถ้าอิงตามนิสัยของระบบแล้วมันจะต้องเพิ่มระดับความยากขึ้นไปอีกรึไง? ทำไมจู่ๆถึงได้ปล่อยร้างทั้งคืนแบบนี้?”
หญิงสาวผมหางม้าไม่ได้อยู่ในท่าหนอนหมอบมือกุมหัวอีกต่อไป เธอกอดอกเดินไปเดินมารอบกองไฟขณะที่สีหน้าก็เผยความสับสนออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน
“สถานการณ์ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องดีเลย”
ชายหนุ่มชุดทหารตอบกลับเสียงเรียบนิ่ง
“ตามรายงานการวิเคราะห์ภารกิจเซอร์ไววัลที่ฉันได้อ่านมาจากทางองค์กร เมื่อใดที่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมักจะมีจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ตามมาเสมอ”
“ถ้างั้นก็หมายความว่าเรื่องระยำกำลังจะมาสินะ?”
โจวเฉินยิ้ม
“ถ้างั้นคืนนี้ก็พักผ่อนกันให้เต็มที่และเตรียมรับมือกับพายุที่จะโหมกระหน่ำในวันพรุ่งนี้ดีกว่า”
โจวเฉินกลับไปนอนพิงต้นไม้อีกครั้ง ด้วยการปล่อยให้แสงไฟส่องลงบนผิวหนังทำให้เขาสามารถฟื้นฟูพลังงานได้ผ่านทางสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่นเช่นนี้
อีกสองคนที่เหลือก็คิดว่านี่น่าจะเป็นสิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้ในตอนนี้จึงรีบพากันไปพักผ่อนเช่นเดียวกัน
พวกเขาไม่ได้จัดเวรยามเฝ้าระวังเพราะรู้สึกได้ลึกๆในใจว่าคืนนี้น่าจะเป็นคืนอันเงียบสงบที่หาได้ยากยิ่ง
เวลาค่อยๆล่วงเลยผ่านไป ไม่นานนักคนทั้งสามก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้งในช่วงเช้ามืดของวันถัดมา
ก่อนจะทันได้ทำอะไรคนทั้งสามที่อยู่รอบกองไฟก็พลันสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ ตอนนี้ภายในป่าเริ่มมีหมอกลงจัดแล้ว
หมอกนี่ค่อนข้างหนามากทีเดียวจนทำให้รัศมีการมองเห็นของพวกเขาลดลงเหลือเพียงสิบเมตรเท่านั้น ถ้าห่างกว่านี้ก็แทบจะเป็นภาพพร่ามัวเลยก็ว่าได้
ไม่นานต่อมาพวกเขาก็ได้ยินเสียงย่ำเท้าในป่าที่เงียบสงัดมาโดยตลอดแห่งนี้และปรากฏเงาร่างของสิ่งมีชีวิตบางชนิดเคลื่อนไหวให้เห็นอยู่ไกลๆ
“ดูเหมือนหนี้มอนสเตอร์จะเริ่มโจมตีในช่วงกลางวันแล้ว เตรียมตัวรับมือกันได้เลย”
ชายหนุ่มชุดทหารสังเกตสถานการณ์อยู่ซักพักนึงก่อนจะหยิบไม้พลองออกมาเพื่อเตรียมต่อสู้
โจวเฉินเองก็นำหอกของตนเองออกมากระชับเอาไว้ในมืออย่างเงียบๆเช่นเดียวกัน ขณะที่หญิงสาวผมหางม้าก็ยังคงใช้ง้าวเช่นเดิม
“ระบบนี่มันชั่วร้ายจริงๆ แมร่งดันเลือกส่งมอนสเตอร์มาตอนที่ฉันกำลังหิวและไม่ค่อยมีแรงแบบนี้ซะได้”
หญิงสาวเองก็รู้ว่ามอนสเตอร์กำลังจะเข้าโจมตีดังนั้นจึงบ่นออกมา
ราวสิบนาทีให้หลังมอนสเตอร์ตัวเลือกด้านหลังหมอกหนาทึบก็ปรากฏออกมา หน้าตาของมันดูคล้ายกับเสือดาวแต่ร่างกายของมันกลับไม่ได้สร้างขึ้นมาจากเลือดและเนื้อแต่ดูเหมือนจะก่อรูปขึ้นมาจากน้ำแข็งเสียมากกว่า
ในตอนที่อสูรเสือดาวน้ำแข็งปรากฏกายออกมามันก็กระโจนเข้าใส่หญิงสาวผมหางม้าในทันที ความเร็วของมันรวดเร็วเป็นอย่างมาก กงเล็บโปร่งใสของมันฟาดตรงเข้าใส่ศรีษะของหญิงสาวอย่างไม่ออมแรง
หญิงสาวผมหางม้าเองก็หาได้ตื่นตระหนก เธอที่เคยถูกอสูรเงาทรมานมาทั้งคืนในที่สุดก็ได้สำแดงพลังที่แท้จริงออกมา เจ้าหล่อนหมุนกายอย่างสวยงามหลบกงเล็บของเสือดาวน้ำแข็งไปได้และในเวลาเดียวกันง้าวในมือของเจ้าหล่อนก็ถูกเหวี่ยงออกไป พร้อมกับผมหางม้าที่แกว่งไกวนั้นร่างของอสูรเสือดาวน้ำแข็งก็ถูกเธอฟันจนขาดเป็นสองท่อน
“ฮี่ๆ ฉันจัดการกับอสูรเงาพวกนั้นไม่ได้ก็จริงแต่ไอ้พวกโง่แบบพวกแกนี่คิดว่าฉันจัดการไม่ได้รึไง?”
หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงดูถูก หลังจากถูกความเร็วของอสูรเงากดข่มมาทั้งคืนเธอจึงค่อนข้างดูถูกความเร็วของเสือดาวน้ำแข็งตนนี้ไม่น้อย
“เอ๋? มันดรอปซาลาเปาเนื้อด้วยหรอเนี่ย? ขอโทษด้วยนะระบบที่ฉันเข้าใจแกผิดไป!”
หลังจากร่างของเสือดาวน้ำแข็งแตกสลายเจ้าหล่อนก็พลันอุทานออกมา