ตอนที่ 82 กลิ่น (อ่านฟรี)
แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ สายเลือดแห่งมังกร
ตอนที่ 82 กลิ่น
"เราจะไปไหนกัน?" รักนาร์ถามแม็กนัส ทั้งคู่วิ่งจ๊อกกิ้งบนทางเท้าของเมือง
“ไปเจอทนายฉัน ฉันไม่อยากให้เขามาที่บ้าน เพราะพวกเราอาจถูกจับตามองโดยพวกเลือดบริสุทธิ์บางคน แล้วฉันก็ไปบ้านเขาไม่ได้เหมือนกัน จากนั้นเราจะไปพบสเนป แล้วพาไปดูปราสาทของเรา” แม็กนัสวางแผนไว้แล้ว
"ดูเหมือนว่าเราทำถูกแล้วแฮะ ที่ทำการบ้านวันหยุดของโรงเรียนให้เสร็จ" รักนาร์พึมพำ
"เฮ้ มันเป็นความผิดของพวกอาจารย์นะ พวกเขาให้เวลาแค่หนึ่งสัปดาห์ก่อนวันหยุดจะเริ่มแค่วันเดียว พูดตามตรงว่าการให้การบ้านในช่วงวันหยุดเป็นสิ่งที่ผิด เด็กๆ ควรได้ใช้เวลาช่วงวันหยุดนี้กับครอบครัว และทางโรงเรียนก็พยายามไม่ปล่อยให้พักเลยสักช่วงเวลาเดียว ฉันว่าฉันต้องคุยกับดัมเบิลดอร์หน่อยแล้วล่ะ” แม็กนัสพึมพำ
“ก็ยังดีนะ สำหรับคนโง่ที่ไม่เรียนอะไรเลย ฉันไม่เคยได้ยินว่ามีนักเรียนสอบตกฮอกวอตส์มาก่อน ฉันเดาว่ามันคงได้ผลแหละ” รักนาร์ตอบ
“ฮ่า นี่ไง ร้านกาแฟเท็ดบอกให้มา” แม็กนัสก็เข้าไปในร้านกาแฟที่ดูดี
“จองไว้หรือเปล่าครับ?” ชายคนหนึ่งที่ประตูหยุดเขา
แม็กนัสไม่รู้ว่าที่นี่เป็นสถานที่ชั้นสูงประเภทไหน ขนาดจะจิบกาแฟก็ยังต้องจองล่วงหน้า “อืม มันน่าจะจองโดยชื่อเท็ด ท็องส์ไม่ก็แม็กนัสครับ”
ชายคนนั้นตรวจสอบมันและพบชื่อของเท็ด หลังจากนั้นเขาก็แสดงตาราง เท็ดกำลังรอแม็กนัสพร้อมกับเอกสารปึกใหญ่
“ว่าแต่คุณเรียกผมมาทำไม?” แม็กนัสนั่งลงแล้วถาม
“อรุณสวัสดิ์ครับ คุณเพนดราก้อน ผมต้องการลายเซ็นของคุณในเอกสารสองสามฉบับ สิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกับบริษัท Intel เราต้องจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อให้ได้หุ้นที่เราขอ แต่จากที่ได้เรียนรู้จากทริปอเมริกาคือ เทคโนโลยีเป็นอนาคต ที่นั่นพวกบริษัทคอมพิวเตอร์จำนวนมากกำลังมาแรง บางทีคุณควรลงทุนเพิ่มเติมหรืออะไรสักอย่างนะครับ” เท็ด ท็องส์นั่งร่ายยาวเหยียด
"คุณมีชื่อและรายละเอียดของบริษัทที่ว่ามาหรือเปล่าครับ?" แม็กนัสถาม
“ยังไม่มีครับ แต่กำลังรวบรวมอยู่ อย่างไรก็ตาม เราได้รับรายชื่อบริษัทที่เกี่ยวข้องกับแผน 'THE' ของคุณแล้ว สำหรับเทคโนโลยี คุณจะต้องรอเนื่องจากบางบริษัทกำลังจะเริ่มต้นขึ้น นั่นจะเป็นเวลาที่ดีที่สุดในการลงทุน อย่างไรก็ตาม ในบริการด้านการดูแลสุขภาพ มีข้อมูลบริษัทต่างๆ พร้อมอยู่แล้วครับ
ผมเจอบริษัทชื่อ Medtronic บริษัทนี้เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์การแพทย์และการรักษาระดับโลก พวกเขามีเครื่องมือทางการแพทย์ 4 ส่วนหลักๆ คือ หัวใจและหลอดเลือด การรักษาแบบบุกรุกน้อยที่สุด การบำบัดแบบบูรณะ และก็โรคเบาหวานครับ
ผมขอแนะนำให้คุณลงทุนในบริษัทนี้เนื่องจากโดยทั่วไปแล้วมีขนาดเล็กและมีขอบเขตการพัฒนาที่กว้างขวาง อย่างที่คุณพูดครับ เพราะความมั่งคั่งของโลกที่เพิ่มขึ้น ผู้คนจึงกินมากขึ้น การป่วยเป็นโรคหัวใจหรือเบาหวานก็มากขึ้น บริษัทนี้ก็ให้ความสำคัญเช่นกัน" เท็ดอธิบายอย่างละเอียด
ใจของแม็กนัสกำลังคิดไปไกลกว่าที่เท็ดพูดจริงๆ
~ถ้าฉันต้องการสร้างโรงพยาบาลที่ดีที่สุดสำหรับแม่จ๋า ต้องเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางหัวใจ เพื่อทำโรงพยาบาลที่ดีที่สุด เราก็ต้องมีอุปกรณ์ที่ดีที่สุดเช่นกัน อืม...~
"คุณท็องส์ หาทางซื้อบริษัทนี้เท่าที่ทำได้ แล้วอัดฉีดเงิน 10 ล้านดอลลาร์สำหรับการวิจัยและพัฒนาอีก 5 ล้านเน้นไปที่แผนกโรคหัวใจ" แม็กนัสออกคำสั่ง
ตอนนี้เท็ดเริ่มชินกับคำสั่งกะทันหันของแม็กนัสแล้ว เขาได้รับเงินอย่างงาม ดังนั้นเขาจึงไม่เคยตั้งคำถามใดๆ เพียงแค่เขียนบันทึกลงไป
“ผมจะพยายามครับ แต่การซื้อมันคงจะยากสักหน่อย เพราะมันเป็นบริษัทมหาชน แล้ววงการบันเทิงล่ะครับ?” เท็ดถาม
แม็กนัสอ่านรายงาน แต่ยกเว้นสตูดิโอขนาดใหญ่อย่างดิสนีย์และอื่นๆ ไม่พบสิ่งที่น่าสนใจ เขาเลยพยายามเบนเข็มไปที่ด้านดนตรี
"ตอนนี้แค่ซื้อค่ายเพลงที่ดูดีแล้วค่อยเริ่มขยายไปทั่วโลก ตอนนี้ผมไม่มีบริษัทไหนอยู่ในใจ ดนตรีจะเป็นส่วนสำคัญของชีวิตในอนาคตเพราะน่าจะสามารถฟังได้ง่ายขึ้น" เขาวางแผน
เท็ดพยักหน้าและเขียนมันให้เสร็จ เขาดื่มกาแฟอย่างใจเย็นและหันไปหารักนาร์ “คุณอยากลงทุนด้วยไหมครับ?”
“แน่นอนครับ แต่ผมอยากลงทุนในโลกวิเศษมากกว่า ช่วยบอกผมทีว่าในตรอกไดแอกอนมีร้านไหนว่างอยู่บ้าง ผมอยากมีร้านปรุงยาเป็นของตัวเอง” รักนาร์เผย
เมื่อได้ยินเขา แม็กนัสอุทานว่า "เอาจริงดิ? แล้วไมนายไม่บอกฉันก่อนล่ะ กระทรวงดำเนินกิจการร้านค้าเหล่านั้นหลายแห่ง ฉันสามารถกรรโชกร้านค้าหนึ่งหรือสองแห่งได้นะ ถ้าฉันกดดันสักหน่อย แต่ไม่เป็นไร ด้วยความโง่เขลาของพวกนั้น ฉันมั่นใจว่าเราจะได้โอกาสมากกว่านี้"
“หึหึ พวกมันโง่จริงๆ นั่นแหละ” รักนาร์หัวเราะเบาๆ
“โอเคผมต้องไปแล้ว เท็ด ยินดีกับคุณด้วยนะครับคุณกำลังจะเป็นพ่อคนในไม่ช้า ว่าแต่ยังไม่ได้ตั้งชื่อเลยเหรอ?” เขาถาม
“ขอบคุณครับ คุณเพนดราก้อน ยังหรอกครับ ผมไม่ได้รับอนุญาตให้ตั้งชื่อลูกของผม อันโดรแมนดาได้ห้ามผมไว้” เท็ดตอบอย่างเศร้าใจ
“ฮ่าฮ่า คุณจะต้องแนะนำชื่อที่ไม่ดีจริงๆ โอเค แล้วเจอกัน ดูแลตัวเองนะครับ”
จากนั้นแมกนัสและรักนาร์ก็กลับบ้าน พวกเขาจำเป็นต้องเก็บเสื้อผ้าที่แพ็คไว้เพราะจะไปบ้านของสเนปที่ปลายทางของสปินเนอร์
แม็กนัสรีบอาบน้ำและลงมาที่โต๊ะอาหารเช้า แต่เมื่อเขามาถึง เขาเห็นพ่อแม่ของเขามองเขาแปลกๆ
แต่เกินคาดเดา เกรซพุ่งเข้าหาเขาและทำหน้ากังวล
"โอ้พระเจ้า...แม็กนัส! แผลเป็นที่ตาของคุณคืออะไร? เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่?" เธอถามเสียงดัง
ขณะที่แม็กนัสอยากก่นด่าตัวเองในใจ ~จิ๊ๆ... ฉันลืมทาเครื่องสำอางหลังอาบน้ำได้ยังไงเนี่ย~
"อ่า ฮ่าฮ่า... แม่จ๋า... มันเป็นแค่อุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างเล่นกัน..."
“แม็กนัส แกรนท์ ลูกไปหัดโกหกมาจากไหน? ลูกคิดว่าแม่ตาบอดที่จะไม่สังเกตเห็นเมื่อลูกโกหกหรอ? พูดความจริงเดี๋ยวนี้” เกรซเรียกร้อง
แม็กนัสกัดริมฝีปาก เขารู้ว่าเขาไม่สามารถวิ่งหนีจากสิ่งนี้ได้ เกรซเป็นห่วงเขามาก แต่เขาไม่ต้องการบอกความจริงกับเธอเพราะมันจะทำให้เธอกลัวและทำลายการรับรู้ของเธอเกี่ยวกับโลกเวทมนตร์ จนถึงตอนนี้เธอคิดว่ามันไม่เป็นอันตราย
แม็กนัสสูดลมหายใจ เริ่มตอบในแบบที่มันจริงไม่หมดและปล่อยให้มันอยู่ในการรับรู้ของผู้ฟัง
"แม่ฮะ ผม... ผมติดอยู่ในห้องโถงที่ปิดตายในคืนหนึ่งในโรงเรียน
เพื่อนของฉันก็อยู่ที่นั่นด้วย... เขากลัวการอยู่คนเดียว เพื่อช่วยเขา ฉันอยู่ที่นั่น แต่ระหว่างนั้น เราได้พบกับสัตว์วิเศษที่น่ากลัวมาก เพื่อนของผมพยายามต่อสู้กับมันด้วยมีดอันแหลมคมของเขา แต่มันดันโดนใบหน้าของผมโดยไม่ได้ตั้งใจ นั่นเลยทำให้ผมเป็นแผลแบบนี้ฮะ มันไม่มีอะไรร้ายแรง" แม็กนัสเปลี่ยนเนื้อเรื่องหลักแต่ไม่ได้เปลี่ยนความหมาย
เพื่อนของเขาคือรีมัส สิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวสามารถนับได้ว่าเป็นทั้งรีมัสและตัวเขาเองด้วย เพราะมนุษย์ธรรมดาไม่สามารถพ่นไฟออกจากปากได้ จากนั้นใบมีดอันแหลมคม (กรงเล็บมนุษย์หมาป่า) ที่เพื่อนใช้ต่อสู้กับสัตว์ประหลาด (ตัวเอง) ก็เป็นเรื่องจริงเช่นกัน
เกรซกอดเขาแน่น “เจ้าเด็กโง่ ลูกชอบเอาตัวเองไปเสี่ยงกับทุกคน เมื่อไหร่จะฉลาดสักที”
“แม่ฮะ ผมเป็นเด็กที่ฉลาดที่สุดในโรงเรียนนะ” แม็กนัสพูด
“สักวันลูกจะตายเร็ว อย่าทำให้แม่ตกใจแบบนี้อีนะก แล้วก็ไม่ต้องแต่งหน้าแล้วรู้ไหม” เธอพูดแล้วพาเขาไปที่เก้าอี้ทานอาหารเช้า
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ รักนาร์ก็คุยกับแม็กนัสในห้องของเขา “แล้วมันเป็นมนุษย์หมาป่าเหรอ? นายหลอกฉันไม่ได้หรอก ฉันได้ศึกษาอย่างจริงจังเกี่ยวกับวัตถุดิบในการปรุงยา มีเพียงกรงเล็บของพวกมันเท่านั้นที่สามารถทิ้งรอยแบบนี้ไว้ได้”
"คุณกำลังพูดเรื่องอะไร? อาจเป็นดั๊กหรือแชดก็ได้นี่” แม็กนัสเถียง
รักนาร์หัวเราะเบาๆ "ฉันไม่ใช่คนโง่นะ แม็ก ทีนี้สิ่งที่ฉันต้องหาก็คือใครในบรรดาเพื่อนของเราที่เป็นมนุษย์หมาป่า"
แม็กนัสถอนหายใจ “แค่สัญญากับฉันนะว่าเมื่อใดก็ตามที่นายรู้ คุณจะไม่พูดเรื่องนี้ แม้แต่พวกผีก็ห้ามบอก”
“ยอมรับแล้วสินะ เอาล่ะ ไปกันเถอะ ฉันต้องดูว่าสเนปเป็นหมาป่าน้อยของเราหรือเปล่า” รักนาร์ตกลงทันที
“เราต้องพาบ๊อบบี้ไปด้วย จากนั้นไปที่เปลี่ยวๆ แล้วบินไปด้วยไม้กวาด” แม็กนัสวางแผน
“แม่นายรู้เปล่าว่านายกำลังจะไปที่ไหนสักแห่ง?” รักนาร์ถาม
“บอกแล้ว ฉันบอกเธอว่าฉันจะไปบ้านเพื่อน” แม็กนัสเผย
“แล้วบ๊อบบี้จะบอกว่าเขาอยู่บ้านนายงั้นเหรอ” รักนาร์ถาม
แม็กนัสหัวเราะเบา ๆ "ฮิฮิ แม่นแล้ว พวกเราผจญภัยกันมาตั้งแต่เด็กๆ"
ดังนั้นพวกเขาจึงออกเดินทางหลังจากบอกลาเกรซและอดัม พวกเขาบอกว่าจะกลับมาในสักวัน แล้วแม็กนัสก็พาเมอร์ลินกับอาเธอร์ไปด้วย พวกรูปบอกว่าอยากเห็นหน้าเขาตอนที่เห็นปราสาท
พวกเขาเดินไปที่บ้านของบ๊อบบี้ ความเจริญรุ่งเรืองมาถึงครอบครัวของพวกเขาแล้ว เมื่อธุรกิจของพ่อของบ๊อบบี้เริ่มไปได้สวยตั้งแต่เขาได้รับสัญญาจากสำนักพิมพ์นิตยสาร ตอนนี้ พวกเขามีบ้านหลังใหญ่ที่อยู่ห่างจากแม็กนัสไม่ไกลนัก
ไม่นานพวกเขาก็มาถึงหน้าบ้านของบ๊อบบี้ ที่นั่น แม็กนัสกับรักนาร์ก็แสยะยิ้มชั่วร้ายพร้อมเริ่มตะโกนชื่อของเขาสุดเสียง
"บ๊อบบี้ ออกมา"
“เรามาแล้ว บ๊อบบี้”
“นายอยู่ไหน บ๊อบบี้”
"บ๊อบบี้?"
*เปรี้ยง*
บ๊อบบี้วิ่งเข้ามาหาพวกเขาด้วยความโกรธ “หยุดตะโกนแบบนั้นนะ ฉันเกลียดชื่อนั้น”
แม็กนัสทำราวกับว่าเขาไม่ได้ยินเขา “รักนาร์ ฉันได้ยินเสียงของบ็อบบี้
เขาบอกว่าเขาต้องการให้เรียกชื่อของเขาดังๆ บางทีฉันควรจะซื้อป้ายโฆษณาบ้าง”
"ฮิฮิ เอาเลย" รักนาร์กระตุ้น
หลังจากหัวเราะ แม็กนัสก็พูดกับบ็อบบี้ "ล้อเล่นน่ะ บ็อบบี้ ไปกันเถอะ เราจะบินไปที่นั่น"
“เดี๋ยวนะ ฉันต้องไปเอาเป้ของฉันก่อน” บ๊อบบี้วิ่งกลับเข้าไปในบ้านของเขา
แต่ตอนนั้นเองที่พ่อของบ๊อบบี้มา เขากำลังจะไปทำงาน
"อรุณสวัสดิ์ครับคุณลุง" แม็กนัสทักทาย
“อ๊ะ...แม็กนัส โรงเรียนประจำของเธอเป็นอย่างไรบ้าง? ว่างๆ มาทานมื้อเย็นด้วยกันนะ แม่บ๊อบบี้พูดถึงเธอตลอดเวลาเลย” เขาตบไหล่ของแม็กนัสแล้วจากไป
แต่เมื่อเขาไปแล้ว ใบหน้าของแม็กนัสก็หายไปจากรอยยิ้มและเปลี่ยนเป็นจริงจัง
"เกิดอะไรขึ้น?" รักนาร์สังเกตเห็น
“ให้บ๊อบบี้มาก่อน” แม็กนัสพูด
ไม่นาน บ๊อบบี้ก็มาถึงพร้อมเป้ใบน้อยและกล้องถ่ายรูป เขาก็ชะงักเช่นกัน เมื่อเห็นสีหน้าของแม็กนัส
แม็กนัสเดินมาหาเขาและพูดเสียงเบา “บ็อบบี้ จำที่ฉันเคยบอกนายว่าความสามารถในการดมกลิ่นของฉันดีขึ้นมากใช่ไหม”
“ใช่ นายพูดอย่างนั้น มีไรหรอ? เกิดอะไรขึ้น?” บ๊อบบี้ถาม
“ขากลับ นายพาพ่อไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาล เขาน่าจะเป็นมะเร็งปอดในระยะเริ่มแรก แต่แค่ยาธรรมดาสามารถรักษาเขาได้อย่างง่ายดาย” แม็กนัสเผย
ดวงตาของบ๊อบบี้เบิกกว้าง “คุณได้กลิ่นมะเร็งงั้นหรอ?”
"ใช่และอีกเยอะเลย ฉันเคยไปโรงพยาบาลกับแม่หลายครั้ง ฉันติดนิสัยชอบอ่านแฟ้มทางการแพทย์ของผู้คนเมื่อพวกเขามา" แม็กนัสอธิบาย
*เฮ้อ*
“ขอบใจนะแม็ก ฉันจะเรียกหมอมาเจาะเลือดดู ทำเหมือนตรวจเลือดทั่วไป คงบอกเขาไม่ได้หรอกว่าเขาจะเป็นมะเร็งในอนาคต” บ๊อบบี้วางแผน
"นั่นเป็นความสามารถที่ยอดเยี่ยมมาก แล้วฉันล่ะ แม็ก ฉันแข็งแรงดีไหม" รักนาร์ถามขึ้นทันที
แม็กนัสหันไปหาเขาและทำหน้าเบื่อหน่ายหลังจากนั้นไม่กี่วินาที
"เอ่อ นายมีอาการท้องผูก ฉันคิดว่า... นายน่าจะดื่มน้ำมากกว่านี้นะ แร็ก" เขาแนะนำ
_____________________________