ตอนที่ 439 นักเรียนฝึกหัด
“รับทราบ!” ทุกคนตะโกนรับคำ
ด้วยคำสั่งชุดแรกตะกวดสะท้านภูผาทั้งหมดย่อตัวลง เชิดหัวของพวกมันขึ้น นักสู้ที่อยู่บนหลังของพวกมันยังคงดูขึงขัง
“เตรียมตั้งรูปขบวน”
กองกำลังสะท้านภูผาขนาดมหึมาไม่ก่อให้เกิดเสียงอะไร
หัวใจของหวังเย่เย็นเฉียบ กองกำลังสะท้านภูผาไม่มีชื่อเสียงเทียบเท่ากับกองทัพพญาหมีแต่เมื่อเห็นกับตาตนเอง หวังเย่รู้สึกว่าพวกเขาเข้มแข็งมาก
“บุก!”
ด้วยคำสั่งดังกล่าวเสียงย่ำพื้นก็ดังขึ้น ตะกวดภูผานับร้อยตัวปลดปล่อยพลังพร้อมกัน เสียงกระทบพื้นกันทำให้อกของหวังเย่อึดอัด ขนาดของตะกวดสะท้านภูผามีขนาดใหญ่และความเคลื่อนไหวของมันคล่องแคล่วว่องไวพวกมันวิ่งเข้าใส่ด้วยความเร็วสูง จึงเกิดเป็นการบุกตะลุยที่ทรงอานุภาพมากและภาพของตะกวดสะท้านภูผาวิ่งตะลุยเต็มกำลังเป็นภาพที่จับตาจับใจมาก เหมือนกับสายน้ำหลากที่ไม่มีอะไรหยุดไว้ได้
หวังเย่เก็บตัวอยู่ด้านในรู้ว่าเขาไม่มีความสำคัญมากนัก เขารู้ว่าหลงจู้กำลังแสดงกำลังของเขา แต่เขาก็ยังสั่นสั่นมากเพราะคล้อยตามภาพที่เห็น
กำลังพลที่เข้มแข็งวิ่งควบตะบึงไปข้างหน้าเหมือนกับว่ามันสามารถขยี้ทุกอย่างที่อยู่ในเส้นทางของมันได้
ระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายลดลงอย่างรวดเร็ว กลุ่มตะกวดสะท้านภูผาเร่งความเร็วอย่างบ้าคลั่ง ดังนั้นเมื่อทหารทั้งสองฝ่ายจะปะทะกันจะอยู่ในช่วงที่ทำความเร็วสูงสุด
หน้าของหลงจู้มีรอยยิ้มชั่วร้ายอะไรนี่พวกมันคือกองทัพจักรกลหรือนี่?อยู่ต่อหน้ากองทัพตะกวดสะท้านภูผาของข้า พวกเจ้าทุกคนก็อ่อนแอเหมือนแผ่นกระดาษ!
ทันใดนั้นเสียงสะเทือนประหลาดดังมาจากตำแหน่งอื่น
หลงจู้เบิกตาแทบถลน
เขาหันไปมองทางด้านขวาของกองทัพของเขากองทัพประกายแสงสีเงิน จู่ๆ ก็โผล่ออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
แย่แล้วพวกมันซุ่มโจมตี
หน้าของหลงจู้เปลี่ยนไปทันที การบุกตะลุยอย่างไร้สาระของคู่ต่อสู้เป็นแค่เพียงกลลวงให้ไขว้เขว แต่ไม้ตายที่แท้จริงของศัตรูก็คือกองทัพที่กำลังซุ่มโจมตี กองกำลังหมาป่า!หลงจู้ตระหนักได้ทันทีว่าดูเหมือนกองทัพประกายเงินแท้ที่จริงก็คือกองกำลังหมาป่าของถังเทียน
ข้าไม่รู้ตัวได้ยังไง....
สายตาของหลงจู้จับจ้องดูชุดสีเงินเป็นประกายประหลาด ชุดรบอันโดรเมดา! นั่นคือชุดรบอันโดรเมดา! มันต้องเป็นพลังของชุดรบอันโดรเมดาแน่นอน...เป็นไปได้หรือนี่ นั่นคือพลังของชุดรบอันโดรเมดาสามารถล่องหนได้จริงๆ
ความสิ้นหวังเกาะกุมจิตใจหลงจู้ ตะกวดสะท้านภูผาเร่งความเร็วของพวกมันขึ้นแล้ว ขนาดที่ใหญ่โตมหึมาของพวกมันทำให้พลังโจมตีไม่อาจหยุดยั้งได้ แต่นั่นก็คือการยืนยันถึงจุดอ่อนของพวกมันเช่นกันนั่นคือเมื่อพวกมันเร่งความเร็ว พวกมันจะไม่สามารถเปลี่ยนตำแหน่งได้
ไวมาก!
ความเร็วของกองกำลังหมาป่าทำให้หลงจู้ประหลาดใจและเห็นได้ชัดว่าพวกเขาคือทหารที่ฝึกฝนมาเป็นอย่างดี เมื่อพวกเขาเข้าโจมตีการตั้งกระบวนเป็นระเบียบมากเสียจนเขาสามารถใช้ไม้บรรทัดวัดระยะห่างระหว่างแถวได้
ความเย็นยะเยียบจับขั้วหัวใจหลงจู้ แม้ว่าเขาจะไม่รู้เคล็ดโจมตีของฝ่ายตรงข้ามว่าเหมือนอะไร แต่การปรากฏตัวของกองทัพทำให้เขารู้ว่าพวกเขาแข็งแกร่งมากแน่นอน
“สละพาหนะของพวกเจ้า!”
หลงจู้ตวาดหน้าเขาบิดเบี้ยวน่าเกลียดชั่วร้าย ความสง่างามทั้งหมดของเขาแต่ก่อนหายไปหมด เขาเป็นเหมือนกับสัตว์ร้ายที่กำลังจะตาย และส่งเสียงคำรามเป็นครั้งสุดท้าย
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยน แม้จะอยู่ในสภาพเลวร้ายในอดีตที่ผ่านมา แต่เจ้านายของพวกเขาไม่เคยสั่งให้สละตะกวดสะท้านภูผา พวกเขาผ่านการรบด้วยพาหนะของพวกเขามาหลายศึกแล้ว และอารมณ์พวกเขากำลังฮึกเหิมเต็มที่การให้พวกเขาสละพาหนะทำให้กองทหารลังเล
สำหรับทุกคนแม้ว่าจะมีการซุ่มโจมตี แต่กองกำลังหมาป่าไม่ใช่หน่วยรบหนัก แม้ว่าพวกเขาจะต้องเสียสละไปบ้าง แต่ก็พอจะรักษากระบวนศึกได้ ด้วยขนาดของตะกวดสะท้านภูผา พวกมันสามารถชะลอความเร็วศัตรูได้และเมื่อความเร็วของศัตรูตกลง ต่อให้พวกเขาถูกตัดไปครึ่งหนึ่ง พวกเขาเชื่อว่าเพียงพอจะกำจัดทหารหมาป่าผู้อ่อนแอได้
หลงจู้ได้แต่หมดหวังอย่างช่วยไม่ได้
ด้วยความลังเลนั้นกองทัพหมาป่าวิ่งเข้ามาในระยะห่างจากกองทัพสะท้านภูผาห้าสิบเมตร
ตาของถังอี้เป็นประกายเจิดจ้าเหมือนสายฟ้าเปี่ยมไปด้วยพลัง เขาชูดาบฟันขาม้าขึ้นสูงหันหน้าไปทางกองทัพสะท้านภูผา เขาไม่รู้สึกถูกคุกคามเลยแม้แต่น้อย สำหรับคนอื่นการบุกประจัญบานของกองทัพสะท้านภูผาอาจเป็นกำลังบุกโจมตีที่มีขนาดใหญ่มาก แต่สำหรับถังอี้ เขาไม่รู้สึกกังวลเลยแม้แต่น้อย
ต่อให้เขาเผชิญหน้ากับการจู่โจมจริงๆ เขาก็ยังไม่รู้สึกกลัว
วิทยายุทธประจำตัวของเขาก็คือการรุกโจมตีของเขา
การโจมตีของเขาเป็นเอกลักษณ์ในสวรรค์วิถี
เมื่อเขาเริ่มบุกโจมตี ในสายตาของเขา พวกทหารทั้งหมดล้วนเหมือนกัน
“ฆ่า!!!”
เขาระเบิดพลังออกเหมือนกับสายฟ้าฟาดและฟันดาบฟันขาม้าลงทันที
“ฆ่า!”
กองกำลังหมาป่าโห่ร้องทุกคนฟันดาบลงมาพร้อมกัน รังสีดาบนับไม่ถ้วนปลิวว่อนเหมือนสายฝนครอบคลุมท่วมร่างของถังอี้
รังสีทวนขนาดมหึมาถูกปลดปล่อยออกมาจากมือของถังอี้เหมือนกับเหล็กแท่งที่ถูกเผาจนร้อนแดงละลายเป็นชั้นๆ ขบวนที่หนาแน่นของตะกวดสะท้านภูผาถูกผ่าเป็นสองส่วนได้อย่างง่ายดาย
ทวนหนักตะลุยศึก!
ที่ตามติดมาด้านหลังเป็นรังสีหอกขนาดเล็กอีกสามสิบสายเรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆและพุ่งเข้าไปในกองทัพสะท้านภูผา รังสีหอกทั้งหมดนี้คมเจาะทะลวงเข้าร่างตะกวดสะท้านภูผาไปอย่างง่ายดายหลังจากทะลวงร่างตะกวดสะท้านภูผาไปห้าหรือหกตัวมันจึงสั่นสะท้านและหายไปง
มือของหลงจู้เย็นเฉียบ
เขาเพียงคิดว่าฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่ง แต่คาดไม่ถึงเลยว่าการบุกประจัญบานของฝ่ายตรงข้ามจะทรงพลังมากมายขนาดนั้น
หน่วยกองกำลังอาวุธเบาสามารถทำกองกำลังอาวุธหนักได้อย่างไม่ยากเย็น!
บางอย่างที่ขัดกับสามัญสำนึกเกิดขึ้นอยู่ต่อหน้าเขาจริงๆ
แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจใส่ใจกับเรื่องนั้นได้ ตอนนี้กองกำลังหมาป่าทะลวงผ่านกองทัพสะท้านภูผาไปแล้ว พวกเขาจำเป็นต้องกลับตัวเพื่อเพิ่มความเร็วในการเริ่มบุกตะลุยโจมตีครั้งต่อไป
สำหรับหลงจู้นั่นคือโอกาส
หลงจู้ตะโกนทันที “วิ่ง วิ่งตะลุยไปที่กองทัพจักรกล!”
ในที่สุดบริวารของเขาก็รู้สึกตัว ถ้าพวกเขาตะลุยเข้าไปในกองทัพจักรกล ทุกคนก็จะผสมผสานเข้าด้วยกัน พวกเขาจะต้องกังวลถึงพันธมิตรของพวกเขา และไม่สามารถใช้พลังโจมตีที่น่ากลัวนั้นได้อีกครั้ง
ปังปัง ปัง!
เกิดความวุ่นวายข้างหน้า หลงจู้ยืดคอมองดู ทันใดนั้นเขาถึงกับสะดุ้งตกใจ พวกเขาเริ่มเพิ่มความเร็วตั้งแต่เมื่อใด!
ในท่ามกลางการถูกกองทัพหมาป่าโจมตีและที่ซึ่งความสนใจของพวกเขาถูกแบ่งออกไป ปิงสั่งพวกเขาให้เร่งความเร็วเพิ่มขึ้นทันที และนั่นเป็นคำสั่งแรกที่เขาออกคำสั่งตั้งแต่เริ่มการรบ
และทหารใหม่ผู้มีประสบการณ์ในการโจมตีระยะไกลใจของพวกเขาคุ้นเคยกับความเร็วและการเร่งความเร็วครั้งนี้เกิดขึ้นแทบจะพร้อมกัน
ตั้งแต่แรกเริ่มปิงไม่ได้ให้สมบัติอะไรกับนักเรียนสถาบันหมาป่าฟ้า สำหรับเขาแล้วเป็นโอกาสที่สมบูรณ์แบบที่จะได้มีประสบการณ์สงคราม และนอกจากนี้เขายังเตรียมไม้ตายเด็ดขาดที่ต้องใช้กับทหารกองทัพหมาป่าและชุดรบอันโดรเมดา ดังนั้นเขามีความมั่นใจ
ปิงเป็นครูฝึกมานานหลายปีและความเข้าใจทหารใหม่ของเขายังมีมากกว่าหัวหน้าผู้นำทหาร เขาเข้าใจอย่างชัดเจนการจับทหารใหม่โยนเข้าในสงครามที่เหี้ยมโหดเท่ากับหาเรื่องตาย ถ้าพวกเขาไปปะทะกับกองทัพสะท้านภูผาต่อให้ปิงเป็นแม่ทัพ พวกเขามีแต่จะถูกขยี้ราบเรียบกับพื้น
ปิงเป็นคนที่ละเอียดและชอบวางแผนมากมายแค่คอยดูจากผลที่ออกมานั้น
กองทัพหมาป่าทะลวงผ่านกองทัพสะท้านภูผาและทำลายรูปขบวนของศัตรูได้ภายในขบวนมีพื้นที่ว่างห้าสิบเมตร นั่นยังคงหมายความว่าส่วนหลังของศัตรูล่มสลายไปส่วนหนึ่งแล้ว ทางเลือกแรกของการโจมตีข้อขอร้องของปิงก็คือโจมตีส่วนหลังหนึ่งในสี่ของกองกำลังศัตรู
นั่นหมายความว่าในช่วงเวลาสั้นๆ ทหารจักรกลทั้งหมดจำเป็นต้องเผชิญหน้ากับคนร้อยคน
ปิงไม่ลังเลใจนำกองทัพจักรกลเร่งความเร็วยิ่งขึ้น
ทันใดนั้นทหารนักสู้จักรกลระเบิดพลังเข้าไปในแถวฝ่ายตรงข้ามทันที
จำนวนของอาวุธจักรกลวิญญาณมีมากเมื่อเทียบตะกวดสะท้านภูผา ดังนั้นเมื่อพวกเขาบุกตะลุยเข้ามาพลังของพวกเขาช่างน่าทึ่งแม้ว่าเป็นครั้งแรกที่นักเรียนบุกโจมตีด้วยกระบวนศึก แต่พวกเขาทุกคนปลดปล่อยพลังสายเลือดและปราณระเบิดพลังออมาอย่างเต็มที่
เสียงปะทะสะท้านสะเทือนจิตใจดังสนั่นเหมือนกับยักษ์ใหญ่ที่มีกำลังพอๆกันปะทะกัน ทั้งสองฝ่ายเหมือนกับกระแสน้ำที่ทรงพลังปะทะกันเองอย่างรุนแรง
แต่ระดับกำลังใจของทั้งสองฝ่ายนั้นไม่เท่ากัน
กองทัพสะท้านภูผายังไม่ฟื้นจากการถูกซุ่มโจมตี และประมาททหารมือใหม่ที่อยู่ข้างหน้าพวกเขาขณะที่กองทัพจักรกลที่นำโดยปิง พวกเขาไม่คิดอะไรมาก หรือบางทีเด็กๆวัยรุ่นเหล่านี้ยังไม่ใจเย็นเพียงพอ แต่พวกเขาก็มีแรงผลักดันที่พอเพียง สิ่งที่สำคัญที่สุด พวกเขาได้เปรียบเรื่องจำนวน
นักสู้อาวุธจักรกลหลายคนตะลุยใส่ตะกวดสะท้านภูผาตัวเดียวพร้อมๆกัน พวกวัยรุ่นเลือดร้อนทุกคนดูเหมือนจะลืมวิทยายุทธที่พวกเขาได้ฝึกฝนกันมา และใช้แรงป่าเถื่อนต่อสู้
แต่พวกเขามีจำนวนที่นับไม่ถ้วน
ในช่วงเวลาสั้นๆตะกวดสะท้านภูผาทุกตัวก็เริ่มต่างตัวต่างบินหนี ด้วยขนาดพอๆ กับเนินเขา สิ่งมีชีวิตจะบินขึ้นท้องฟ้าจะต้องใช้พลังงานมากมาย
ตะกวดสะท้านภูผาทุกตัวที่กระพือปีกและบินขึ้นไปในท้องฟ้ากระแทกใส่กองทหารด้านหลัง ทำให้เกิดความปั่นป่วนมากขึ้น
ภาพเช่นนั้นไม่ได้คาดหวังไว้เลยมือของหลงจู้เย็นเฉียบ ความเย็นยะเยือกแผ่เข้าไปในใจของเขา ถ้าทุกอย่างถูกวางแผนไว้ ผู้บัญชาการของฝ่ายตรงข้ามก็น่ากลัวมากอย่างแท้จริง
กองทัพตกอยู่ในความวุ่นวายสับสน กองทัพสะท้านภูผามีขบวนรบอยู่หลายรูปแบบ แต่พวกเขาไม่เคยพบประสบการณ์ที่สิ้นหวังและประหลาดเช่นนั้น
แต่ในช่วงเวลานั้นหลงจู้ไม่มีทางถอยอื่น ถ้าเขารอให้กองทัพหมาป่ากลับลำตั้งขบวนได้สำเร็จ อย่างนั้นทุกคนเป็นอันจบ
หลงจู้กระโจนขึ้นไปอยู่บนหัวของตะกวดสะท้านภูผาอสูรระดับแปดของเขาและตบมันด้วยพลังปราณแท้ เขาตะโกนลั่น “วิ่ง! วิ่งไปข้างหน้า! ผ่อนเมื่อไหร่ตายเมื่อนั้น!”
ทหารนายกองที่อยู่รอบๆ เห็นผู้บัญชาการของพวกเขามีผมกระเซิงเหมือนคนบ้า นัยน์ตาของพวกเขาแดงทันที
“วิ่ง!”
“วิ่งสุดชีวิต!”
……
ทุกคนกระตุ้นพาหนะของพวกเขาให้วิ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนใจสหายและตะกวดสะท้านภูผาที่ยังไม่ตายต่างวิ่งตะลุยขึ้นหน้าและเหยียบย่ำทุกอย่างทำให้พื้นที่เต็มไปด้วยเนื้อแหลกเหลว
ปิงรู้ว่าการทดสอบที่แท้จริงเพิ่งเริ่มขึ้น
การตอบโต้ของศัตรูผู้อยู่หน้าประตูความตายจะดุดันรุนแรงมากขึ้น
“เสี่ยวอู่! ป้องกันไว้!”
เสียงเย็นชาของปิงดังก้อง เขาพุ่งวาบไปคว้านักสู้จักรกลสองสามคนที่กำลังหัวหมุนโยนกลับไปที่ด้านหลัง
ชื่อเสียงของปิงในหมู่นักเรียนเป็นที่น่าเกรงขามมาก แม้ว่าชัยชนะก่อนนั้นจะทำให้พวกเขาตื่นเต้น แต่พวกเขาก็รีบสงบจิตใจได้อย่างรวดเร็ว
เสี่ยวอู่เตรียมตัวอยู่นานแล้วนำกลุ่มนักเรียนจักรกลวิญญาณ เขาวิ่งขึ้นหน้าและประจำตำแหน่งนักสู้จักรกลวิญญาณชุดนี้แตกต่างจากนักเรียนคนอื่น เกราะของพวกเขาสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษเป็นอาวุธจักรกลวิญญาณประเภทตั้งรับป้องกันบุคลิกของเสี่ยวอู่ใจเย็นและมั่นคงมากแม้แต่ข้างหน้าเป็นพื้นที่ถล่มเขาก็คงไม่ตื่นเต้น ด้วยบุคลิกเช่นนั้น ปิงจึงให้เขานำกองกำลังหน่วยป้องกันพิเศษ
โล่บรอนซ์ขนาดใหญ่สูงเกินสิบเมตรปรากฏออกมาพื้นผิวของมันเป็นงาที่สลับกัน มันดูน่ากลัวเหมือนกับกำแพงบรอนซ์หนามด้านข้างเพื่อนร่วมหน่วยรบรอประจำอยู่เตรียมพร้อมช่วยเหลือทุกเมื่อ ด้านหลังพวกเขาเป็นพื้นที่ว่างราวสิบห้าเมตรยังมีกลุ่มหน่วยป้องกันโล่และงานของเขาก็คือรับมือศัตรูทุกคนที่ลุยเข้ามาในขบวนจากอากาศ
มีการป้องกันรูปขบวนไว้อย่างแน่นหนา
เมื่อเห็นการป้องกันด้านหน้าเขาหลงจู้จึงค่อยเข้าใจ ทุกอย่างฝ่ายตรงข้ามจัดการไว้อย่างระมัดระวังและพิถีพิถัน
ช่างเป็นศัตรูที่น่ากลัว!
แต่ในทันใดนั้นเขาไม่มีทางออกอื่นแล้ว นอกจากเดินหน้าโจมตี เขาไม่มีทางเลือกอื่น
“ฆ่า!”
หลงจู้คำรามและวิ่งนำหน้าก่อนใครอื่น นักสู้ด้านหลังเขาปลดปล่อยรังสีดาบกันทุกคนระดมถ่ายเทรังสีดาบเข้าไปในตัวของหลงจู้อย่างต่อเนื่องเหมือนสายฝน
หลงจู้และตะกวดสะท้านภูผาเปล่งแสงเจิดจ้าเป็นพื้นที่ทรงกรวยแสงทรงกรวยชี้ไปข้างหน้าคล้ายกับเครื่องทะลวง
ที่คือพลังประจัญบานของพวกเขาประจัญบานสะท้านภูผา
ปัง!
ทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างรุนแรง
นักเรียนเผชิญหน้ากับหลงจู้รู้ว่าโล่ในมือพวกเขาไม่สามารถต้านทานพลังของหลงจู้ ทันทีที่พวกเขาปะทะ เขากระโดดออกมาอย่างหมดท่า
นั่นคือสิ่งที่อาจารย์ผู้สอนได้พร่ำสอนเตือนพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่าทหารตั้งรับที่โดดเด่นไม่ได้หมายความว่าจะรับสลายพลังโจมตีได้ทั้งหมดแต่สามารถตัดสินใจได้ถูกต้อง
อาวุธจักรกลวิญญาณของเขาแฉลบขึ้นทันที เขาผ่อนคลาย นั่นดีจริง ข้าไม่ได้รบกวนการป้องกันที่เบื้องหลัง
หลงจู้ใช้พลังปะทะผ่านแนวรับมาห้าแถวก่อนที่จะสะดุดหยุดลง
เขาสูญเสียความได้เปรียบเรื่องความเร็วและเข้าไปในขบวนพยุหะ เขาตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง ช่องที่เขาตะลุยเปิดทางถูกเสี่ยวอู่ปิดกั้นอย่างรวดเร็ว
“นักเรียนห้อง 31 ลุย!”
ปิงไม่ได้เคลื่อนไหว แต่สั่งให้นักเรียนชั้นใกล้ๆ ลุย ผู้บัญชาการที่ติดอยู่ในขบวนศึกเป็นเหมือนสัตว์ร้ายที่ติดอยู่ในแหไม่ว่าจะดิ้นรนมากเพียงไหน ก็ดิ้นไม่หลุด
และนั่นคือโอกาสที่แน่นอน
สามารถหาขุนพลทหารที่แข็งแกร่งอย่างนั้นมาฝึกซ้อมมือนับว่าไม่ง่ายนัก
เมื่อเห็นหลงจู้ถูกนักเรียนชั้น31 โอบล้อมไว้ สีหน้าปิงสงบ
เขาเริ่มแนะนำนักเรียนและเริ่มฟันทหารฝ่ายตรงข้าม
การใช้หน่วยนักเรียนและมีปิงคอยแนะนำ พวกเขายังคงเปลี่ยนจากรับเป็นรุกเหมือนกับมีดที่แทงใส่กองกำลังสะท้านภูผาอย่างต่อเนื่อง พวกเขาสูญเสียผู้บัญชาการใหญ่เริ่มถูกตัดรูปกระบวนศึกจนขาดจากกัน
ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบดูเหมือนปิงยังคงสงบ
ในเวลาอันรวดเร็วกองกำลังสะท้านภูผาถูกตัดรูปกระบวนออกเป็นสิบส่วน พวกเขาทุกคนโต้ตอบอย่างบ้าคลั่งเพื่อฝ่าวงล้อมออกไป แต่จำนวนของคู่ต่อสู้มีมากเกินไป และการประสานงานร่วมมือของพวกเขาเริ่มแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆทำให้กองกำลังสะท้านภูผารู้สึกว่าติดอยู่ในกับดักที่แคบลงทุกที
กองกำลังหมาป่าไม่มีความตั้งใจจะเร่งลงมือสังหาร เนื่องจากปล่อยให้เป็นงานเฉพาะของถังอี้อย่างเดียว
เขาชื่นชมวิธีการของนายท่านมาก
เป็นไปได้ว่าตั้งแต่แรกนายท่านตั้งใจใช้กองกำลังนี้เพื่อให้เด็กๆ ของสถาบันหมาป่าฟ้าได้ฝึกฝนหรือ?
นั่นช่างน่ากลัวเหลือเกิน