ตอนที่ 438 ตัวตลก
หลงจู้และกองทัพสะท้านภูผาหยุดอยู่กับที่ทันที ขณะที่มีนักสู้สี่คนวิ่งออกไปจากกองทัพตรงไปที่วัง
แต่ไปได้เพียงครึ่งทางพวกเขาก็ถูกอีกกลุ่มขัดขวาง
“อย่างน้อยเราก็ไม่สายเกินไป” เหลียงชิวถอนหายใจโล่งอก เขามีร่องรอยบาดเจ็บปรากฏอยู่บนแก้ม สีหน้าของเขาเคร่งเครียด
ทั้งสี่คนพบกับองครักษ์พญาหมีสองคนและใช้พลังไปมากdกว่าจะเอาชนะได้พวกเขาทุกคนได้รับบาดเจ็บในระดับต่างๆ กัน
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! มาถึงเร็วก็ไม่สามารถเอาชนะมาถึงทันเวลาได้! การต่อสู้มาถึงนั่นแหละ นั่นถือว่ายอดเยี่ยม!” อาโมรี่หักข้อนิ้ว ปากของเขาหัวเราะเสื้อผ้าบนตัวของเขาฉีกขาดรุ่งริ่ง
หานปิงหนิงถือกระบี่ของนางไม่พูดอะไรสักคำ นางหันหน้าไปมองที่ลำแสงที่อยู่ไกลๆ จากนั้นรั้งสายตากลับ
ซือหม่าเซียงซานไขว้แขนลอยตัวอยู่ในอากาศเหมือนหมอกควันให้ความรู้สึกลี้ลับชั่วร้าย
หลงจู้พอเห็นพวกเขาก็หัวเราะให้หวังเย่ที่อยู่ข้างๆ เขา “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าคนของพวกเขาก็มาถึงเช่นกัน”
ทันใดนั้นเขาหันมาหานักสู้ข้างตัวเขา “หยุดเดินทัพ สร้างสนามรบที่นี่ให้ทุกคนสนุกกับการต่อสู้ที่ดุดันระหว่างยักษ์ที่นี่เถอะ”
หวังเย่หัวเราะลั่น “พี่หลงต้องการให้มันใหญ่และดูเหมือนว่าท่านวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว อย่างนั้นผู้น้องขอคล้อยตามท่าน”
“ดี!” หลงจู้ประสานมือและหัวเราะ “ข้าจะคอยดูอยู่ด้านข้างและสนุกกับสนามรบและทำให้สิ่งต่างๆ มีชีวิตชีวาขึ้น หลี่กู่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้นักรบผู้กล้าเหล่านี้ด้วย”
นักสู้คนหนึ่งที่อยู่ข้างหวังเย่มีสีหน้าดุร้ายรับคำ“ขอรับ”
เขาบินขึ้นไปบนเก๋งจีนรวบรวมพลังปราณแท้และตะโกนลั่น“ท่านแม่ทัพมีบัญชา ทหารต้องช่วยกันเสริมความยิ่งใหญ่”
ตะกวดสะท้านภูผาทั้งห้าร้อยตบพื้นเป็นจังหวะทำให้เกิดเสียงหนักเหมือนกลองทุ้ม
บึ้ม บึ้ม บึ้ม!
หวังเย่รู้สึกว่าพื้นใต้เท้าเขาสั่นสะเทือนทั่วทั้งสถานที่เริ่มเปลี่ยนทำให้เขาหน้าซีดด้วยความกลัว เขาเกือบจะบินออกไป เมื่อเสียงตะโกนสนั่นหวั่นไหวดังเข้าหู
“สู้! สู้! สู้!”
เสียงตะโกนลั่นและพื้นที่สั่นสะเทือนเลือนลั่นดังผสานกันทำให้หวังเย่รู้สึกโกรธภายในใจ และตะลึงงัน เขากวาดสายตาดูคนของหลงจู้ แต่ละคนมีสีหน้าตื่นเต้นดุร้าย
มีคำพูดผุดขึ้นมาในใจของหวังเย่โดยอัตโนมัติ “ทหารย่ามใจ แม่ทัพองอาจ”
หลงจู้มีฝีมืออยู่บ้างและกองกำลังสะท้านภูผาแข็งแกร่งมากกว่าที่เขาคาดไว้
หลงจู้สังเกตความเปลี่ยนแปลงสีหน้าของหวังเย่จากหางตาและเย้ยหยันในใจ แต่เมื่อเขาตระหนักว่านักสู้แปดคนไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เขาผงะเล็กน้อย นักสู้ธรรมดาเมื่อเผชิญหน้ากับเสียงโห่ร้องจากกองทัพจะไม่สามารถอดกลั้นอยู่ได้
นักสู้สี่คนข้างตัวหวังเย่ดูไม่ค่อยเหมือนกันมากนัก แต่พวกเขายังคงสงบ
ดูเหมือนว่าพลังของสมาคมรวมตระกูลจะแข็งแกร่งมากกว่าที่เขาคิด...
และคนทั้งสี่ที่เพิ่งวิ่งออกไปก็มีท่าทางเฉยชา
น่าสนใจใครจะรู้ว่าแท้จริงเป็นศึกใหญ่ระหว่างยักษ์...
หลงจู้ไตร่ตรองเรื่องนี้แต่ทันใดนั้นเองพื้นเริ่มสั่นสะเทือน
หลงจู้มีอาการสนองตอบได้เร็วและตะโกนลั่น “ทหาร..ขวาหัน ตั้งแนวป้องกันมีกองทัพกำลังใกล้เข้า!”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ แนวเส้นราบทางด้านขวามีกลุ่มสีบรอนซ์โผล่ออกมา พื้นสั่นสะเทือนรุนแรง เสียงสั่นสะเทือนดังกระหึ่มเหมือนฟ้าคำราม หลงจู้หน้าเปลี่ยน เขาคุ้นเคยกับเสียงนั้นมาก เป็นเสียงของทหารหนักที่เดินทัพอย่างรวดเร็ว
กองทัพอาวุธหนักนั่นมาจากไหนกัน?
บริวารของถังเทียนมีแค่เพียงกองทัพหมาป่าไม่ใช่หรือ? ทำไมพวกเขาถึงมีกองทัพอาวุธหนัก
หลงจู้และหวังเย่มองหน้ากันเอง
**********
อาหลุนพยายามอย่างหนักเพื่อควบคุมปราณแท้ในร่างของเขาเพราะเมื่อสองสามวันก่อน พวกเขาเดินทัพกันอย่างรวดเร็วทั้งวันและทั้งคืน สิ้นเปลืองปราณแท้ไปอย่างรวดเร็วตั้งแต่ต้น แต่ทุกคนฝึกฝนทุกวันมิได้เจอเรื่องง่ายอยู่แล้วและในเวลารวดเร็ว พวกเขาก็พบจุดสมดุลในการเคลื่อนไปข้างหน้าจนเกิดเป็นฝีมือที่ชำนาญ
จนถึงตอนนี้อาหลุนไม่รู้จุดหมายของพวกเขา แค่ว่าภายใต้คำสั่งของท่านปิง พวกเขาเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง เดินหน้าและเดินหน้า พวกเขายังไม่พบศัตรูตามรายทางต่างไปจากที่ทุกคนคาดหวังอย่างสิ้นเชิง
หรือบางทีนี่เป็นการฝึกระยะไกล?
ทุกคนคิดอยู่ในใจ
อาหลุนไม่คิดมากสำหรับเขาแล้วการเชื่อฟังคำสั่งสำคัญที่สุด
ทันใดนั้น หน่วยสังเกตการณ์ข้างหน้าตะโกน “เตรียมตัวพร้อมรบ! ศัตรูปรากฏข้างหน้า!”
อาหลุนตื่นเต้นทันที โลหิตสูบฉีดเข้าหัวใจเขา เรากำลังจะรบ?
รอบๆ ด้านกลายเป็นยุ่งเหยิงทันที เสียงฮือฮาของเพื่อนร่วมชั้นของเขาทุกคนเปล่งออกมาพร้อมกัน ทั่วขบวนพวกเขา
“ปลุกปลอบใจพวกเราไว้ ชั้นเรียนเราจะไม่ยอมแพ้ ใครก็ตามที่ทำเสียเมื่อเรากลับไป ทุกคนจะต้องไปพบเขา”
“รักษาตำแหน่งของพวกเจ้าให้ดี!”
“หนักแน่นไว้หนักแน่นไว้!”
“ผ่อนคลาย,ผ่อนคลาย, อย่ากังวล ทำเหมือนปกติ...”
สำหรับทหารใหม่ผู้โกลาหล ถ้าพวกเขาพบกับศัตรูจริงๆ พวกเขาไม่เคยหวังว่าพวกเขาจะบรรลุผลสำเร็จในสิ่งที่พวกเขาได้สอนไว้
ปิงไม่ส่งเสียง เหมือนกับว่าเขาไม่เห็นความวุ่นวายของกองทัพเขา เขายังคงเดินหน้าต่อไป
ความประหลาดใจตอนแรกของหลงจู้ลดลงอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นความวุ่นวายในกองทัพศัตรู เขายิ้ม “งั้นนั่นก็เป็นแค่กลุ่มมือสมัครเล่น เสียงดังสนั่นน่ากลัวจริงๆ”
นักสู้รอบตัวเขายังคงผ่อนคลายและเริ่มหัวเราะกันทุกคน
พวกเขาเห็นฉากภาพกองทัพจักรกลที่ดูสับสนวุ่นวาย ในสนามรบความแตกต่างระหว่างทหารใหม่กับทหารเก่าก็คือความแตกต่างระหว่างความเป็นและความตาย แม้ว่าทหารใหม่จะฝึกฝนมาเป็นอย่างดี แต่เมื่อมาถึงสนามรบแล้วแสดงความสามารถออกมาได้ครึ่งหนึ่งก็นับว่าดีแล้ว
กองกำลังสะท้านภูผาก็คือกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดของกลุ่มดาวมังกร ทหารทุกคนมีประสบการณ์การต่อสู้มากมายเมื่อเห็นทหารมือสมัครเล่น ก็เหมือนกับตัวตลกใหญ่สำหรับพวกเขา และพวกเขาทุกคนเริ่มหัวเราะเยาะ
“เอ่,พวกเขาเริ่มบุกประจัญบานใส่เราแล้ว!” นายกองคนหนึ่งตะโกนอย่างตื่นเต้น เหมือนกับว่าพวกเขาพบแผ่นดินใหม่
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าเริ่มประจัญบานตั้งแต่ระยะไกล พวกมันโง่ขนานแท้ว่ะ”
“พวกมันต้องการเอาชีวิตมาทิ้งอย่างมิต้องสงสัย!!”
……
หลงจู้อดยิ้มไม่ได้ การบุกประจัญบานของฝ่ายตรงข้ามไม่ถือว่าเป็นมืออาชีพอย่างมาก สำหรับกองทัพใดก็ตามจะบุกจู่โจม การประจัญบานเป็นวิธีการรบที่สำคัญที่สุดและการฝึกฝนประจัญบานนั้น มีการฝึกฝนเจาะจงกว้างขวาง
มีคุณสมบัติหลายอย่างในการเริ่มต้นบุกประจัญบานตัวอย่างเช่น ขวัญกำลังใจในการก้าวไปข้างหน้าหรือความเร็วสูงในการโจมตีที่สามารถฉีกขบวนทัพของศัตรูได้ และจุดสำคัญในบรรดาองค์ประกอบเหล่านี้ก็คือระยะยิ่งระยะห่าง พวกเขาก็จำเป็นต้องบุกมากขึ้น และสิ้นเปลืองปราณแท้มากขึ้น และนั่นคือสาเหตุให้กองทัพเหน็ดเหนื่อยเร็วขึ้นกำลังใจจะตกและการเข้าประจัญบานก็จะมีพลังอ่อนโทรมลง
ดังนั้นเมื่อหลงจู้และพวกที่เหลือเห็นวิธีที่พวกเขาเริ่มบุกประจัญบานจากระยะไกล พวกเขาหัวเราะ
เมื่อเวลามาถึง คู่ต่อสู้จะเหนื่อยและพลังน้อยและถูกย่ำยีในที่สุด
ผู้นำทหารของศัตรูก็ยังเป็นมือสมัครเล่นเหมือนกัน
ในช่วงที่ข้อสงสัยที่คุกคามจิตใจทุกคนหายไป พวกเขาทุกคนกระตือรือร้นจะลงมือและรอจนกระทั่งคู่ต่อสู้วิ่งมาหาพวกเขา พวกเขาจะเผชิญหน้าโดยตรง
ปิงไม่พูดอะไรสักคำ เขาควบคุมพยัคฆ์ฟ้า วิ่งขึ้นหน้า
กองทัพด้านหลังเขาที่ตอนแรกวุ่นวายก็เริ่มกลายเป็นระเบียบ ที่สำคัญพวกเขาฝึกฝนมาทุกวันในสภาวะที่รุนแรงมาก และพวกเขาเป็นสุดยอดนักเรียนร้อยคนแรกที่มีคุณสมบัติที่โดดเด่น
แต่ในสายตาของหลงจู้และคนของเขา ทำให้พวกเขาหัวเราะและยิ้ม
“ผู้นำทหารของกองทัพฝ่ายตรงข้าทรงพลังมาก! ดูนั่น นำบุกประจัญบาน พวกเขายังคงวุ่นวายมากหรือนั่น ทำอะไรนั่นพวกเขาสามารถทำได้เพียงเพิ่มระยะ เอาละ บุกตะลุยเข้ามาระยะสองลี้ อาจจะสี่ลี้ เอ๊ะ มันสั้นเกินไป ทำไมไม่ทำที่หก หลังจากสี่ลี้พวกเขานับว่ายอด..”
นายกองคนหนึ่งภายใต้บัญชาของหลงจู้เริ่มทำท่าเลียนแบบ ทำให้ทุกคนหัวเราะลั่น
หลงจู้ยังคงหัวเราะ เขาปรบมือ “เอาล่ะ มาดูพวกเขาบุกประจัญบานกันข้าคิดว่าอาจจะใช้เวลาสองนาทีกว่าจะมาถึงหน้าเรา
ทุกคนหัวเราะหนักกว่าเดิมจนน้ำตาเล็ดออกมา
“แต่ข้ารู้สึกว่าเราจำเป็นต้องสั่งสอนพวกมันสักครั้งและค่อยให้พวกมันได้ทราบถึงการประจัญบานที่แท้จริง
ทุกคนเลิกยิ้มทันที
สีหน้าของหลงจู้เคร่งขรึม “เตรียมตัวประจัญบาน!”