ตอนที่แล้วตอนที่ 437 เป้าหมายไขว่คว้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 439 นักเรียนฝึกหัด

ตอนที่ 438 ตัวตลก


หลงจู้และกองทัพสะท้านภูผาหยุดอยู่กับที่ทันที ขณะที่มีนักสู้สี่คนวิ่งออกไปจากกองทัพตรงไปที่วัง

แต่ไปได้เพียงครึ่งทางพวกเขาก็ถูกอีกกลุ่มขัดขวาง

“อย่างน้อยเราก็ไม่สายเกินไป”  เหลียงชิวถอนหายใจโล่งอก  เขามีร่องรอยบาดเจ็บปรากฏอยู่บนแก้ม  สีหน้าของเขาเคร่งเครียด

ทั้งสี่คนพบกับองครักษ์พญาหมีสองคนและใช้พลังไปมากdกว่าจะเอาชนะได้พวกเขาทุกคนได้รับบาดเจ็บในระดับต่างๆ กัน

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! มาถึงเร็วก็ไม่สามารถเอาชนะมาถึงทันเวลาได้!  การต่อสู้มาถึงนั่นแหละ นั่นถือว่ายอดเยี่ยม!”  อาโมรี่หักข้อนิ้ว  ปากของเขาหัวเราะเสื้อผ้าบนตัวของเขาฉีกขาดรุ่งริ่ง

หานปิงหนิงถือกระบี่ของนางไม่พูดอะไรสักคำ  นางหันหน้าไปมองที่ลำแสงที่อยู่ไกลๆ  จากนั้นรั้งสายตากลับ

ซือหม่าเซียงซานไขว้แขนลอยตัวอยู่ในอากาศเหมือนหมอกควันให้ความรู้สึกลี้ลับชั่วร้าย

หลงจู้พอเห็นพวกเขาก็หัวเราะให้หวังเย่ที่อยู่ข้างๆ เขา “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าคนของพวกเขาก็มาถึงเช่นกัน”

ทันใดนั้นเขาหันมาหานักสู้ข้างตัวเขา  “หยุดเดินทัพ สร้างสนามรบที่นี่ให้ทุกคนสนุกกับการต่อสู้ที่ดุดันระหว่างยักษ์ที่นี่เถอะ”

หวังเย่หัวเราะลั่น  “พี่หลงต้องการให้มันใหญ่และดูเหมือนว่าท่านวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว อย่างนั้นผู้น้องขอคล้อยตามท่าน”

“ดี!”  หลงจู้ประสานมือและหัวเราะ “ข้าจะคอยดูอยู่ด้านข้างและสนุกกับสนามรบและทำให้สิ่งต่างๆ มีชีวิตชีวาขึ้น  หลี่กู่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้นักรบผู้กล้าเหล่านี้ด้วย”

นักสู้คนหนึ่งที่อยู่ข้างหวังเย่มีสีหน้าดุร้ายรับคำ“ขอรับ”

เขาบินขึ้นไปบนเก๋งจีนรวบรวมพลังปราณแท้และตะโกนลั่น“ท่านแม่ทัพมีบัญชา ทหารต้องช่วยกันเสริมความยิ่งใหญ่”

ตะกวดสะท้านภูผาทั้งห้าร้อยตบพื้นเป็นจังหวะทำให้เกิดเสียงหนักเหมือนกลองทุ้ม

บึ้ม บึ้ม บึ้ม!

หวังเย่รู้สึกว่าพื้นใต้เท้าเขาสั่นสะเทือนทั่วทั้งสถานที่เริ่มเปลี่ยนทำให้เขาหน้าซีดด้วยความกลัว เขาเกือบจะบินออกไป  เมื่อเสียงตะโกนสนั่นหวั่นไหวดังเข้าหู

“สู้!  สู้!  สู้!”

เสียงตะโกนลั่นและพื้นที่สั่นสะเทือนเลือนลั่นดังผสานกันทำให้หวังเย่รู้สึกโกรธภายในใจ  และตะลึงงัน เขากวาดสายตาดูคนของหลงจู้ แต่ละคนมีสีหน้าตื่นเต้นดุร้าย

มีคำพูดผุดขึ้นมาในใจของหวังเย่โดยอัตโนมัติ  “ทหารย่ามใจ แม่ทัพองอาจ”

หลงจู้มีฝีมืออยู่บ้างและกองกำลังสะท้านภูผาแข็งแกร่งมากกว่าที่เขาคาดไว้

หลงจู้สังเกตความเปลี่ยนแปลงสีหน้าของหวังเย่จากหางตาและเย้ยหยันในใจ แต่เมื่อเขาตระหนักว่านักสู้แปดคนไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เขาผงะเล็กน้อย นักสู้ธรรมดาเมื่อเผชิญหน้ากับเสียงโห่ร้องจากกองทัพจะไม่สามารถอดกลั้นอยู่ได้

นักสู้สี่คนข้างตัวหวังเย่ดูไม่ค่อยเหมือนกันมากนัก  แต่พวกเขายังคงสงบ

ดูเหมือนว่าพลังของสมาคมรวมตระกูลจะแข็งแกร่งมากกว่าที่เขาคิด...

และคนทั้งสี่ที่เพิ่งวิ่งออกไปก็มีท่าทางเฉยชา

น่าสนใจใครจะรู้ว่าแท้จริงเป็นศึกใหญ่ระหว่างยักษ์...

หลงจู้ไตร่ตรองเรื่องนี้แต่ทันใดนั้นเองพื้นเริ่มสั่นสะเทือน

หลงจู้มีอาการสนองตอบได้เร็วและตะโกนลั่น  “ทหาร..ขวาหัน ตั้งแนวป้องกันมีกองทัพกำลังใกล้เข้า!”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ แนวเส้นราบทางด้านขวามีกลุ่มสีบรอนซ์โผล่ออกมา พื้นสั่นสะเทือนรุนแรง เสียงสั่นสะเทือนดังกระหึ่มเหมือนฟ้าคำราม หลงจู้หน้าเปลี่ยน เขาคุ้นเคยกับเสียงนั้นมาก เป็นเสียงของทหารหนักที่เดินทัพอย่างรวดเร็ว

กองทัพอาวุธหนักนั่นมาจากไหนกัน?

บริวารของถังเทียนมีแค่เพียงกองทัพหมาป่าไม่ใช่หรือ?  ทำไมพวกเขาถึงมีกองทัพอาวุธหนัก

หลงจู้และหวังเย่มองหน้ากันเอง

**********

อาหลุนพยายามอย่างหนักเพื่อควบคุมปราณแท้ในร่างของเขาเพราะเมื่อสองสามวันก่อน พวกเขาเดินทัพกันอย่างรวดเร็วทั้งวันและทั้งคืน สิ้นเปลืองปราณแท้ไปอย่างรวดเร็วตั้งแต่ต้น  แต่ทุกคนฝึกฝนทุกวันมิได้เจอเรื่องง่ายอยู่แล้วและในเวลารวดเร็ว พวกเขาก็พบจุดสมดุลในการเคลื่อนไปข้างหน้าจนเกิดเป็นฝีมือที่ชำนาญ

จนถึงตอนนี้อาหลุนไม่รู้จุดหมายของพวกเขา แค่ว่าภายใต้คำสั่งของท่านปิง พวกเขาเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง เดินหน้าและเดินหน้า  พวกเขายังไม่พบศัตรูตามรายทางต่างไปจากที่ทุกคนคาดหวังอย่างสิ้นเชิง

หรือบางทีนี่เป็นการฝึกระยะไกล?

ทุกคนคิดอยู่ในใจ

อาหลุนไม่คิดมากสำหรับเขาแล้วการเชื่อฟังคำสั่งสำคัญที่สุด

ทันใดนั้น หน่วยสังเกตการณ์ข้างหน้าตะโกน  “เตรียมตัวพร้อมรบ!  ศัตรูปรากฏข้างหน้า!”

อาหลุนตื่นเต้นทันที  โลหิตสูบฉีดเข้าหัวใจเขา เรากำลังจะรบ?

รอบๆ ด้านกลายเป็นยุ่งเหยิงทันที เสียงฮือฮาของเพื่อนร่วมชั้นของเขาทุกคนเปล่งออกมาพร้อมกัน ทั่วขบวนพวกเขา

“ปลุกปลอบใจพวกเราไว้  ชั้นเรียนเราจะไม่ยอมแพ้  ใครก็ตามที่ทำเสียเมื่อเรากลับไป ทุกคนจะต้องไปพบเขา”

“รักษาตำแหน่งของพวกเจ้าให้ดี!”

“หนักแน่นไว้หนักแน่นไว้!”

“ผ่อนคลาย,ผ่อนคลาย, อย่ากังวล ทำเหมือนปกติ...”

สำหรับทหารใหม่ผู้โกลาหล  ถ้าพวกเขาพบกับศัตรูจริงๆ พวกเขาไม่เคยหวังว่าพวกเขาจะบรรลุผลสำเร็จในสิ่งที่พวกเขาได้สอนไว้

ปิงไม่ส่งเสียง เหมือนกับว่าเขาไม่เห็นความวุ่นวายของกองทัพเขา  เขายังคงเดินหน้าต่อไป

ความประหลาดใจตอนแรกของหลงจู้ลดลงอย่างรวดเร็ว  เมื่อเห็นความวุ่นวายในกองทัพศัตรู  เขายิ้ม “งั้นนั่นก็เป็นแค่กลุ่มมือสมัครเล่น เสียงดังสนั่นน่ากลัวจริงๆ”

นักสู้รอบตัวเขายังคงผ่อนคลายและเริ่มหัวเราะกันทุกคน

พวกเขาเห็นฉากภาพกองทัพจักรกลที่ดูสับสนวุ่นวาย  ในสนามรบความแตกต่างระหว่างทหารใหม่กับทหารเก่าก็คือความแตกต่างระหว่างความเป็นและความตาย  แม้ว่าทหารใหม่จะฝึกฝนมาเป็นอย่างดี  แต่เมื่อมาถึงสนามรบแล้วแสดงความสามารถออกมาได้ครึ่งหนึ่งก็นับว่าดีแล้ว

กองกำลังสะท้านภูผาก็คือกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดของกลุ่มดาวมังกร  ทหารทุกคนมีประสบการณ์การต่อสู้มากมายเมื่อเห็นทหารมือสมัครเล่น ก็เหมือนกับตัวตลกใหญ่สำหรับพวกเขา  และพวกเขาทุกคนเริ่มหัวเราะเยาะ

“เอ่,พวกเขาเริ่มบุกประจัญบานใส่เราแล้ว!”  นายกองคนหนึ่งตะโกนอย่างตื่นเต้น เหมือนกับว่าพวกเขาพบแผ่นดินใหม่

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าเริ่มประจัญบานตั้งแต่ระยะไกล พวกมันโง่ขนานแท้ว่ะ”

“พวกมันต้องการเอาชีวิตมาทิ้งอย่างมิต้องสงสัย!!”

……

หลงจู้อดยิ้มไม่ได้ การบุกประจัญบานของฝ่ายตรงข้ามไม่ถือว่าเป็นมืออาชีพอย่างมาก  สำหรับกองทัพใดก็ตามจะบุกจู่โจม การประจัญบานเป็นวิธีการรบที่สำคัญที่สุดและการฝึกฝนประจัญบานนั้น มีการฝึกฝนเจาะจงกว้างขวาง

มีคุณสมบัติหลายอย่างในการเริ่มต้นบุกประจัญบานตัวอย่างเช่น ขวัญกำลังใจในการก้าวไปข้างหน้าหรือความเร็วสูงในการโจมตีที่สามารถฉีกขบวนทัพของศัตรูได้  และจุดสำคัญในบรรดาองค์ประกอบเหล่านี้ก็คือระยะยิ่งระยะห่าง  พวกเขาก็จำเป็นต้องบุกมากขึ้น  และสิ้นเปลืองปราณแท้มากขึ้น  และนั่นคือสาเหตุให้กองทัพเหน็ดเหนื่อยเร็วขึ้นกำลังใจจะตกและการเข้าประจัญบานก็จะมีพลังอ่อนโทรมลง

ดังนั้นเมื่อหลงจู้และพวกที่เหลือเห็นวิธีที่พวกเขาเริ่มบุกประจัญบานจากระยะไกล  พวกเขาหัวเราะ

เมื่อเวลามาถึง คู่ต่อสู้จะเหนื่อยและพลังน้อยและถูกย่ำยีในที่สุด

ผู้นำทหารของศัตรูก็ยังเป็นมือสมัครเล่นเหมือนกัน

ในช่วงที่ข้อสงสัยที่คุกคามจิตใจทุกคนหายไป  พวกเขาทุกคนกระตือรือร้นจะลงมือและรอจนกระทั่งคู่ต่อสู้วิ่งมาหาพวกเขา พวกเขาจะเผชิญหน้าโดยตรง

ปิงไม่พูดอะไรสักคำ  เขาควบคุมพยัคฆ์ฟ้า วิ่งขึ้นหน้า

กองทัพด้านหลังเขาที่ตอนแรกวุ่นวายก็เริ่มกลายเป็นระเบียบ ที่สำคัญพวกเขาฝึกฝนมาทุกวันในสภาวะที่รุนแรงมาก และพวกเขาเป็นสุดยอดนักเรียนร้อยคนแรกที่มีคุณสมบัติที่โดดเด่น

แต่ในสายตาของหลงจู้และคนของเขา   ทำให้พวกเขาหัวเราะและยิ้ม

“ผู้นำทหารของกองทัพฝ่ายตรงข้าทรงพลังมาก!  ดูนั่น นำบุกประจัญบาน  พวกเขายังคงวุ่นวายมากหรือนั่น ทำอะไรนั่นพวกเขาสามารถทำได้เพียงเพิ่มระยะ  เอาละ บุกตะลุยเข้ามาระยะสองลี้ อาจจะสี่ลี้  เอ๊ะ มันสั้นเกินไป  ทำไมไม่ทำที่หก หลังจากสี่ลี้พวกเขานับว่ายอด..”

นายกองคนหนึ่งภายใต้บัญชาของหลงจู้เริ่มทำท่าเลียนแบบ  ทำให้ทุกคนหัวเราะลั่น

หลงจู้ยังคงหัวเราะ  เขาปรบมือ “เอาล่ะ มาดูพวกเขาบุกประจัญบานกันข้าคิดว่าอาจจะใช้เวลาสองนาทีกว่าจะมาถึงหน้าเรา

ทุกคนหัวเราะหนักกว่าเดิมจนน้ำตาเล็ดออกมา

“แต่ข้ารู้สึกว่าเราจำเป็นต้องสั่งสอนพวกมันสักครั้งและค่อยให้พวกมันได้ทราบถึงการประจัญบานที่แท้จริง

ทุกคนเลิกยิ้มทันที

สีหน้าของหลงจู้เคร่งขรึม  “เตรียมตัวประจัญบาน!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด