ตอนที่ 13-35 แสดงความเคารพ
“เจ้าคนหยิ่งยโสไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!”
ลีย์ลินก้มหน้าดูศพของซาดิสต์ทั้งสองศพ แค่เพียงเขาพลิกมือเปลวไฟก็ลามเลียเหมือนกลีบดอกไม้ลอยลงมาอย่างนุ่มนวล เมื่อเปลวไฟสัมผัสกับศพทั้งสองซากศพก็ซึมซับเปลวไฟเหมือนกับฟองน้ำดูดซับน้ำ
“แครก...”ในเวลาไม่กี่วินาทีศพทั้งสองกลายเป็นธุลีขณะที่แหวนมิติเก็บสมบัติลอยเข้ามาอยู่ในมือของลีย์ลิน
“เจ้าผู้นี้มาจากแดนนรก น่าจะมีอะไรดีๆ ในนี้ให้ข้าได้ประหลาดใจบ้าง” ลีย์ลินเอาของที่อยู่ในแหวนออกมา
ลีย์ลินรู้ดีว่าแดนนรกเป็นหนึ่งในสี่พิภพชั้นสูง
เทพนับไม่ถ้วนรวมตัวกันอยู่ในแดนนรก นี่เป็นหนึ่งในสี่พิภพชั้นสูง ที่เฟื่องฟูที่สุดมีชื่อที่สุดในบรรดาพิภพนับไม่ถ้วนในจักรวาล พิภพจองจำเกบาโดสเมื่อเอามาเทียบแล้วก็เหมือนกับดินแดนรกร้างว่างเปล่า
แม้ว่าเขาลีย์ลินจะมีพลังมากกว่าซาดิสต์แต่ในแง่สมบัติความมั่งคั่ง เขาไม่มีทางเทียบได้กับซาสดิสต์ผู้มาจากแดนนรกได้เลย
สมบัติของสุสานเทพเจ้าก็เพียงพอทำให้ยอดฝีมือนับไม่ถ้วนตาแดงด้วยความละโมบ และพอจะทำให้ตระกูลที่ทรงพลังแข็งแกร่งบางตระกูลในพิภพชั้นสูงอย่างแดนนรกถึงกับวางแผน
ซาดิสต์ถูกตระกูลส่งมาที่ทวีปยูลานเพื่อต่อสู้หาสมบัติ จากตรงนี้ทุกคนสามารถคาดเดาได้ว่าซาดิสต์เป็นบุคคลที่น่าเคารพของตระกูล และแม้แต่ในบรรดเทพชั้นสูงก็ยังเป็นผู้มีพลังมาก
เขามีร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ระดับเทพชั้นสูงที่ทรงพลังถึงสองร่างคือธาตุมืดและธาตุลม! นอกจากนี้ในด้านธาตุมืดยังหลอมรวมเคล็ดความรู้ลึกลับไว้ถึงสามเคล็ด
พลังขนาดนั้นต้องบอกว่าทรงพลัง
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเจ้าภูเขาฆ้องทองแดงลีย์ลิน ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองร่างของซาดิสต์กลับถูกฆ่าในการปะทะกันเพียงครั้งเดียว ดังนั้นเขาจึงพ่ายแพ้และสูญหายไปจากโลกตลอดกาล
เพียงแต่เมื่อซาดิสต์เปิดเผยพลังโจมตีสูงสุดของเขาจนทำให้พื้นที่ซึ่งอยู่ใกล้บิดเบี้ยวและพังทลาย เขาทำเช่นนั้นเพราะเขารู้สึกว่าลีย์ลินผู้นี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ธรรมดา ดังนั้นเขาจึงใช้พลังเต็มที่โดยไม่มีการปิดบังซ่อนเร้นแต่อย่างใด และโดยการทำเช่นนั้นยิ่งดึงดูดความสนใจและความกลัวจากยอดฝีมือจากทั่วทวีปยูลาน
“ทรงพลังรุนแรงเหลือเกิน!”
เทพมากมายที่ซ่อนอยู่ในทวีปยูลานรู้สึกว่าหัวใจของพวกเขาสั่นสะท้านขณะที่พวกเขารู้สึกได้ถึงคลื่นพลังงานจากทางด้านตะวันตก
“ใครกัน?” ภายในวังหลวงของจักรวรรดิยูลานบุรุษหนุ่มใบหน้าสง่างาม ผมสีน้ำตาลมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยขณะที่เขามองไปทางทิศตะวันตก “รัศมีทรงพลังขนาดนั้นและพลังสั่นสะเทือนในมิติ พลังงานเหล่านี้ทรงพลังเกินไป น่าจะเป็นยอดฝีมือระดับเทพชั้นสูง”
บุรุษหนุ่มผมสีน้ำตาลนี้ก็คือเทพแท้ที่ยึดครองจักรวรรดิยูลานเอิร์ฟ
เอิร์ฟเป็นผู้แข็งแกร่งทรงพลังในหมู่เทพแท้แห่งพิภพจองจำเกบาโดส
“หรือว่าจะเป็นเทพชั้นสูงกำลังสู้รบกัน?” เอิร์ฟค่อนข้างงง “แต่ในพิภพยูลาน นอกจากลอร์ดเบรุต เทพชั้นสูงคนเดียวที่ปรากฏตัวก็คือลอร์ดแอดกินส์ ลอร์ดแอดกินส์ไม่โง่พอจะเข้าร่วมสู้รบครั้งใหญ่กับลอร์ดเบรุตไม่ใช่หรือ?”
จนถึงตอนนี้เอิร์ฟไม่รู้การปรากฏตัวของซาดิสต์และลีย์ลิน
ตาของเอิร์ฟหรี่แคบและหัวใจของเขาเพิ่มความกังวล “ดูเหมือนว่าเทพชั้นสูงภายในทวีปยูลานจะไม่ได้มีแค่ลอร์ดเบรุตและลอร์ดแอดกินส์ ยังจะมีคนอื่นอีกด้วยเหมือนกัน” เอิร์ฟในตอนนี้ค่อนข้างลังเลและไม่แน่ใจ
ตอนนี้มีเทพชั้นสูงหลายคนในทวีปยูลาน
ต่อให้เขาเอิร์ฟสามารถเข้าสุสานเทพเจ้าได้แต่เขาจะเอาสมบัติมาได้สักเท่าใดเชียว?
ภายในจักรวรรดิโอเบรียน แอดกินส์กำลังเพลิดเพลินกับการดูนางรำร่ายรำอยู่ในวัง หน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยขณะมองไปทางทิศตะวันตก
“หืม?”
“เทพชั้นสูง!”
แอดกินส์ไม่ลังเลแม้แต่น้อยส่งสัมผัสเทพทะลักออกไปทางทิศตะวันตกเหมือนกับคลื่นครอบคลุมพื้นที่เทือกเขาอสูรเวทด้านตะวันตกทั้งหมดรวมทั้งภูเขาฆ้องทองแดง การตรวจสอบของแอดกินส์ทำให้เขาสะดุ้งเฮือกตกใจ “เป็นไปได้ยังไงไม่ได้มีเทพชั้นสูงปรากฏตัวแค่คนเดียว?”
แต่แอดกินส์พบว่ายอดเขาและต้นไม้ใบหญ้าพังยับเยิน
“พลังกลืนกิน? เทพชั้นสูงผู้ฝึกมาทางกฎธรรมชาติธาตุมืด!” แค่พิจารณาจากรัศมีกลิ่นอายของสนามรบนั้น แอดกินส์ก็ได้บทสรุป
“คลื่นพลังงานเพิ่งมาจากเทพสองตนที่ทำการสู้รบ มิฉะนั้นเป็นไปได้ยังไงที่เทพชั้นสูงถึงกับเบื่อหน่ายระเบิดพลังของพวกเขาออกมาได้ยังไง?หรือว่า นี่จะเป็นการกระทำกับเทพชั้นสูงที่อยู่ในจักรวรรดิโรฮอลท์” แอดกินส์รู้สึกงง
นี่ยังทำให้เขาคิดถึงซาดิสต์ไม่ได้
หลังจากซาดิสต์มาถึงทวีปยูลาน แอดกินส์ก็ค้นพบความคงอยู่ของเขาได้ในวันหนึ่งเมื่อแผ่สัมผัสเทพของเขาออกไปตรวจสอบ จากวันนั้นเป็นต้นมาเขาให้ความสำคัญกับซาดิสต์มาก
ในแง่พลังแอดกินส์ไม่ได้อ่อนกว่าซาดิสต์
แอดกินส์แผ่สัมผัสเทพของเขาออกไปอีกทันที และยังคงครอบคลุมถึงจักรวรรดิโรฮอลท์ “รัศมีของเทพชั้นสูงในจักรวรรดิโรฮอลท์นั้นหายไปแล้วหรือ?” แอดกินส์แผ่สัมผัสเทพของเขาไปทั่วทวีปยูลานทั้งหมด แต่นอกจากปราสาทโลหะของเบรุตแล้ว“ไม่มีอะไร เขาไม่อยู่ในทวีปยูลานแล้ว”
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่” แอดกินส์ขมวดคิ้ว
“เป็นไปได้ไหมว่าเทพชั้นสูงแห่งจักรวรรดิโรฮอลท์จะตายไปแล้ว?” แอดกินส์ใจสั่นสะท้าน แม้ว่าแอดกินส์จะไม่กลัวซาดิสต์แต่แอดกินส์ก็ยังรู้สึกว่าซาดิสต์ไม่ใช่คนที่จะมองผ่านได้ ยอดฝีมืออย่างเขาหายสาบสูญไปจริงๆ
“ภูเขาฆ้องทองแดงมีคนปรากฏอยู่เพียงสี่คนคนหนึ่งคือลินลี่ย์และหนูกินเทพ ขณะที่อีกสองคนเป็นเทพแท้ เทพแท้ทั้งสอง..น่าจะเป็นคนที่เคยอยู่อาศัยในเมืองบลูไฟร์ ข้าจำพวกเขาได้” แอดกินส์เริ่มไตร่ตรองข้อสงสัย
แอดกินส์ไม่ประหลาดใจเมื่อค้นพบสองพี่น้องของลีย์ลิน
ที่สำคัญคือแทบจะทันทีที่อุโมงค์เปิดออก ทุกคนจะแตกตื่นดีใจเป็นธรรมดาที่แม้แต่คนที่เป็นคนของผู้ปกครองพิภพก็พากันหนีไปทวีปยูลานด้วย
“ข้ายังคงมีความรู้สึกว่า นี่มีบางอย่างไม่ถูกต้อง” แอดกินส์ขมวดคิ้ว
“ลอร์ดแอดกินส์” บาร์นาสที่อยู่ใกล้ๆ พูดเบาๆ
แอดกินส์หันไปมองบาร์นาส เขาตัดสินใจและกล่าว “บาร์นาส! มากับข้า, เดินทางไปตะวันตกกัน”
“ไปตะวันตก?” บาร์นาสค่อนข้างประหลาดใจ
“ตามมาเถอะน่า” แอดกินส์ลุกจากที่นั่ง จากนั้นกล่าวกับกลุ่มสตรีนักฟ้อนในที่อยู่ต่อหน้าเขา “พวกเจ้าทุกคนไปพักกันได้” แอดกินส์กล่าวอย่างใจเย็น และจากนั้นเขากับบาร์นาสกลายเป็นภาพเลือนรางพุ่งไปทางขอบฟ้าตะวันตก
ภูเขาฆ้องทองแดง ทุกคนกำลังบินตรงไปที่คฤหาสน์แก่นธาตุ
“ท่านลีย์ลิน คนผู้นั้นเป็นยอดฝีมือระดับเทพแท้หรือ?” บีบีมองดูลีย์ลินอย่างประหลาดใจ
ลีย์ลินอยู่ในชุดทองเข้มผมยาวสะบัดพลิ้วดวงตาใต้คิ้วแดงแสดงถึงอารมณ์ดี “ไม่, นั่นเป็นเทพชั้นสูงคนหนึ่ง” ลีย์ลินมองดูบีบีอย่างประหลาดใจ “บีบี,ข้าเพิ่งบอกไปไม่ใช่หรือว่าประกายเทพสองดวงนี้เป็นประกายเทพชั้นสูง?”
“ใช่,ท่านบอกอย่างนั้น แต่ถ้าคนผู้นั้นมีร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงถึงสองร่างทำไมเขาถึงตายได้ในพริบตา?” บีบีไม่อยากจะเชื่อ
“ฮ่าฮ่า,แม้ว่าอาจจะดูเหลือเชื่อที่คนอื่นจะทำอย่างนี้ได้ แต่การทำเรื่องนี้ให้สำเร็จไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับน้องสาม” เบอร์เกสพูดพลางหัวเราะเสียงลั่น
บุรุษชุดขาวพูดเช่นกัน “ไม่เพียงแต่บุรุษผู้นั้นเป็นเทพชั้นสูงเท่านั้น แต่เป็นเทพชั้นสูงที่ทรงพลังเพียงแต่โชคร้ายที่เขาต้องมาสู้กับน้องสาม”
“พอเถอะน่า” เมื่อได้ยินพี่ทั้งสองโอ้อวดลีย์ลินอดห้ามพวกเขาไม่ได้
ลินลี่ย์ชำเลืองมองลีย์ลินอย่างจริงจัง เมื่อตอนที่ซาดิสต์สร้างมิติบิดเบือนและกลืนสรรพสิ่งรอบตัวเขา ลินลี่ย์รู้สึกได้ว่าซาดิสต์ไร้เทียมทานอย่างมาก เขามั่นใจว่า...ถ้าซาดิสต์นี้ต้องการโจมตีเขาเขาอาจจะลากลินลี่ย์เข้าไปในมิติบิดเบือนนั้นได้แน่
เขาทรงพลังเกินไป
เขาแข็งแกร่งกว่าเทพแท้อย่างแอนราสเป็นสิบ ไม่สิน่าจะเป็นร้อยเท่า! แต่ยอดฝีมือผู้ทรงพลังอย่างซาดิสต์ก็ยังตายได้ทันที
“พลังของลีย์ลินผู้นี้นับว่าเป็นพลังสุดยอดในหมู่เทพชั้นสูงแน่นอน ลินลี่ย์รำพึงกับตนเอง ”บางทีเขาอาจเป็นยอดฝีมือระดับเดียวกับเบรุตก็ได้” ในใจของเขาลินลี่ย์ยกให้ลีย์ลินอยู่ในระดับเดียวกับเบรุตโดยไม่รู้ตัว
“ลินลี่ย์” จู่ๆลีย์ลินก็มองเขาทันที
“ท่านลีย์ลิน” ลินลี่ย์ฟังอย่างระมัดระวัง
ลีย์ลินหัวเราะ “ความจริง, เทพชั้นสูงนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าอยู่บ้างนะ ลินลี่ย์”
“อะไรนะ?” ลินลี่ย์ค่อนข้างประหลาดใจ “เกี่ยวข้องกับข้า?แต่ข้าไม่รู้จักเขาแม้แต่น้อย”
ลีย์ลินส่ายศีรษะกล่าว “ลินลี่ย์,ครั้งก่อนนี้มีเทพแท้ตนหนึ่งมาที่ภูเขาฆ้องทองแดงไม่ใช่หรือและโจมตีใส่เจ้าใช่ไหม? เท่าที่ข้ารู้ เทพแท้นั้นคือบริวารของคนผู้นี้” ลีย์ลินรู้เรื่องหลายอย่างของซาดิสต์
“เขาเป็นคนที่ต้องการฆ่าพี่ใหญ่ของข้าหรือ?” บีบีทั้งโกรธและประหลาดใจ
เขายังคงจำได้ว่าซาดิสต์ทักทายกับเขาอย่างเป็นมิตร
“ข้าแน่ใจ”ลีย์ลินพยักหน้าจริงจัง “และคนผู้นี้ไม่ได้มาจากพิภพเกบาโดส เขามาจากแดนนรก หนึ่งในพิภพชั้นสูง”
“เขามาจากแดนนรก? อย่างนั้นทำไมเขาถึงต้องการฆ่าข้าด้วย?” ลินลี่ย์ไม่เข้าใจ “ข้าไม่มีความเป็นปฏิปักษ์กับเขา”
ลีย์ลินหัวเราะลั่น “ข้าไม่แน่ใจเรื่องว่าทำไมเขาต้องการฆ่าเจ้า ถ้าเจ้ามีเวลา ก็ควรไปถามเบรุตดู บางทีเบรุตอาจจะรู้ก็ได้ แต่แน่นอน ถ้าเขาไม่รู้เจ้าก็ต้องไปสืบเอาด้วยตัวเอง”
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
“มาจากแดนนรก? ต้องการฆ่าข้า? แต่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับข้าในแดนนรกก็มีแต่บรรพบุรุษของข้า” ทันใดนั้นลินลี่ย์ได้เค้าความคิด “หรือว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับบรรพบุรุษของตระกูลนักรบเลือดมังกรของข้า?” แม้ว่าเขาจะมีความคิดเช่นนี้ ลินลี่ย์ไม่คุ้นเคยกับแดนนรกซึ่งเป็นพิภพชั้นสูงแม้แต่น้อย
“โอว มีอาคันตุกะมาถึง”ลีย์ลินเงยหน้าและมองไปทางท้องฟ้าตะวันออกเฉียงเหนือ
บุรุษหนุ่มรูปงามชุดทองฉูดฉาดลงมาเยือนที่ภูเขาฆ้องทองแดง ชายชราผมหงอกอยู่ข้างตัวเขา
แอดกินส์ยืนอยู่เหนือสนามรบต่อหน้านั้นพื้นที่โดยรอบขนาดใหญ่หายไป บาร์นาสที่อยู่ใกล้ๆ กล่าว “ลอร์ดแอดกินส์ ข้ารู้สึกได้ถึงรังสีความมืดที่ทรงพลังที่นี่”
“ไม่ใช่แค่รัศมีความมืดเท่านั้น แต่ยังมีรังสีธาตุไฟที่เลือนรางมาก” หน้าของแอดกินส์เคร่งเครียด “ถ้าข้าคาดไม่ผิดเทพชั้นสูงแห่งจักรวรรดิโรฮอลท์คงตายไปแล้ว และคนที่ฆ่าเขาได้ต้องฝึกฝนมาทางกฎธรรมชาติธาตุไฟ!”
“ธาตุไฟ?” บาร์นาสตะลึง
“ถูกแล้ว, ธาตุไฟ!”หน้าของแอดกินส์จริงจังมาก
ทั้งสองคนชำเลืองมองกันเอง รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร แอดกินส์ส่ายศีรษะกล่าว “ไปเยี่ยมดูกันเถอะ ไม่ว่าจะเป็นใครอย่างน้อยเราต้องรู้สถานะของเขาให้ชัดแจ้ง” ขณะที่แอดกินส์พูด เขาบินตรงไปที่คฤหาสน์แก่นธาตุ
แอดกินส์และบาร์นาสไม่ได้บินตรงไปที่คฤหาสน์แก่นธาตุ พวกเขาลงที่ด้านนอกและจากนั้นเคาะประตูอย่างมีมารยาท
“ข้าหวังว่าจะไม่ใช่เขา” แอดกินส์พึมพำในใจ
“แอ๊ดดดด” ประตูเปิดออก ปรากฏร่างของบุรุษศีรษะโล้นคนหนึ่ง
เบอร์เกสเห็นแอดกินส์ เขายิ้มเต็มใบหน้าทันที “โอว ท่านแอดกินส์นั่นเอง ไม่ได้พบกันนานเชิญเข้ามาก่อน” แอดกินส์ยิ้มเล็กน้อยจากนั้นพาบาร์นาสเข้าไปในคฤหาสน์แก่นธาตุ
ภายในคฤหาสน์แก่นธาตุ
ลินลี่ย์และคนอื่นๆ นั่งอยู่ก่อนแล้ว เมื่อแอดกินส์และบาร์นาสเข้ามาในลานบ้าน ลินลี่ย์และบีบีตกใจทันที
“ทำไมเขามาที่นี่?” ลินลี่ย์เห็นบาร์นาสก็ตกใจทันที
เมื่อโอจวินและคนอื่นบุกโจมตีปราสาทเลือดมังกร พวกเขามีบาร์นาสเป็นผู้นำ หลังจากนั้นฮาร์ทกับฮาร์วี่ย์สองพี่น้องร่วมมือกันทำลายหนึ่งในร่างศักดิ์สิทธิ์ของบาร์นาสและบังคับให้เขาหนีไป
“เมื่ออยู่ต่อหน้าบาร์นาส แม้แต่โอจวินและคนอื่นก็ยังให้ความเคารพ แต่เขาในตอนนี้ยืนอยู่หลังบุรุษหนุ่มนี้ด้วยความเคารพ หรือว่าบุรุษหนุ่มรูปงามผู้นี้จะเป็นแอดกินส์เทพชั้นสูงในตำนาน?” ลินลี่ย์ลอบเดา
ทันทีที่บุรุษหนุ่มก้าวเข้ามาในลานว่างสายตาของเขากวาดผ่านลินลี่ย์และบีบีจากนั้นไปหยุดที่จ้าวภูเขาฆ้องทองแดงลีย์ลิน ทันใดนั้นเองบุรุษหนุ่มรูปงามมีสายตาเต็มไปด้วยอาการตกใจ เขาคุกเข่าข้างหนึ่งคำนับด้วยมารยาทที่สุภาพ“แอดกินส์ขอน้อมคารวะท่านเจ้าเมือง!”