ตอนที่ 13-32 ดินและลม
ลินลี่ย์ไม่ได้ค้นพบว่าแอนราสมา เขากลับเพ่งไตร่ตรองถึงชีพจรโลก
“คำพูดของท่านลีย์ลินถูกต้อง แก่นธาตุดินคือเคล็ดความรู้ลึกลับของกฎธรรมชาติธาตุดินมีพลังป้องกันต่อการโจมตีด้วยวัตถุแน่นหนา ขณะที่ชีพจรโลกป้องกันการโจมตีทางวิญญาณ ขณะเดียวกัน..ไม่เพียงแต่จะป้องกันการโจมตีพลังวิญญาณเท่านั้น แต่ยังมีส่วนร่วมในการโจมตีด้วยพลังจิต”
ลินลี่ย์ไตร่ตรองอยู่ว่าจะอาศัยการเต้นของชีพจรโลกเพื่อดำเนินการโจมตีทางจิตวิญญาณยังไง
ภายในหุบเขาที่เงียบสงบบนยอดต้นไม้ที่อยู่ห่างออกไป มีร่างมนุษย์คนหนึ่ง เป็นแอนราส
แอนราสกำลังมองดูลินลี่ย์ฝึกอยู่ในหุบเขา “จะฆ่าเขาจะต้องทำให้ได้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว!” แม้ว่าแอนราสจะรู้ว่าลินลี่ย์เป็นเทียมเทพ แต่แอนราสก็ยังตัดสินใจใช้วิธีลอบทำร้าย ดังนั้นการฆ่าลินลี่ย์ต้องใช้เวลาให้สั้น นี่คือคำสั่งของซาดิสต์
ภายในหุบเขาเงียบสงัดมาก
“ควั่บ!”ฉับพลันนั้นเองเส้นสายสีแดงพุ่งผ่านอากาศตรงเข้าหาลินลี่ย์
ลินลี่ย์ตกใจ
“แย่แล้ว” ลินลี่ย์รู้สึกได้ว่าเขาถูกจำกัดด้วยสนามพลังเทพแล้ว
ระดับเทียมเทพอื่นๆ ถ้าจู่ๆถูกสนามพลังเทพของเทพแท้ลอบทำร้ายและโจมตีเต็มกำลังคงไม่สามารถตั้งตัวได้ทัน
แต่ลินลี่ย์ซ้อมฝีมือกับเบอร์เกสที่เป็นเทพแท้อยู่บ่อยๆ ตอนนี้ เมื่ออยู่ต่อหน้าการลอบโจมตีของแอนราสลินลี่ย์ตอบสนองอย่างเป็นธรรมชาติ....
ก่อนอื่นเลยเขาอาศัยร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองภายในตัวสร้างสนามพลังเทพของตนเองทันที
ขณะเดียวกันกระบี่เลือดม่วงปรากฏภายในมือของลินลี่ย์ทันที และด้วยความมีประสบการณ์มาก กระบี่ถูกสะบัดออกไป เงากระบี่นับไม่ถ้วนเปลี่ยนเป็นโซ่กระบี่ม่วงยาวซึ่งขัดขวางแสงสีแดงเพลิงนั้นไว้ ลินลี่ย์เองอาศัยการถอยหลังจากแรงปะทะโจมตีถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว
“ปัง!” ลินลี่ย์กระเด็นไปกระแทกกับผนังด้านหลังน้ำตกที่อยู่ห่างออกไป ผนังภูเขาแตกร้าวทันทีและหินถล่มลงมา
“หืม?” หน้าของแอนราสเปลี่ยน “ลินลี่ย์สามารถป้องกันการลอบโจมตีของข้าได้อย่างนั้นหรือ?”
แอนราสประหลาดใจมาก
“ควั่บ!” แอนราสฟันลงเป็นแนวเส้นเคลื่อนไหวเหมือนนกล่าเหยื่อขณะที่เขาพุ่งตรงไปที่รูโหว่ในผนังภูเขาซึ่งเกิดจากแรงกระแทกของลินลี่ย์ แต่มีเสียง ‘บึ้ม’ อีกส่วนหนึ่งของผนังภูเขา ลินลี่ย์ระเบิดออกมาเหมือนกับสายฟ้าลงยืนในที่ว่างของหุบเขาทันที
เกล็ดมังกรฟ้าทองคลุมไปทั้งร่างของลินลี่ย์ และหางมังกรมีประกายแสงที่เยือกเย็นขณะโบกส่ายไปมาอย่างนุ่มนวล ดวงตาสีทองเข้มเย็นชาของลินลี่ย์จ้องมองในผนังภูเขาอย่างเย็นชา
“เจ้าเป็นใคร?” ลินลี่ย์ตะคอก
หลังจากแปลงเป็นนักรบเลือดมังกรความเร็วของลินลี่ย์เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย แม้ว่าเขาจะใช้สนามพลังเทพทั้งสองของเขาด้วยกันแต่สนามพลังเทพระดับเทพแท้ของฝ่ายตรงข้ามก็ยังทำให้เขาเสียเปรียบ อย่างไรก็ตามอาศัยพลังสัจธรรมแห่งความเร็วและร่างนักรบเลือดมังกรของเขา เขายังรักษาความเร็วไว้จนเท่าเทียมฝ่ายตรงข้ามได้
เสียงตวาดดังของลินลี่ย์ไม่ได้ทำให้แอนราสตกใจ
ขณะเดียวกัน...
ในอีกด้านหนึ่งของภูเขาฆ้องทองแดงที่ซึ่งบีบีและบุรุษชุดขาวกำลังซ้อมมือ ทั้งสองและเบอร์เกสที่ชมดูอยู่ตกใจกันหมด
“พี่ใหญ่” บีบีสีหน้าเปลี่ยน เขาพุ่งไปตามหุบเขาพร้อมกับเทพแท้ทั้งสอง
“แย่แล้ว” แอนราสรู้ว่าสถานการณ์กำลังแย่ “ถ้าข้ารอจนกระทั่งเทพแท้ทั้งสองมาถึงที่นี่ ข้าจะไม่มีโอกาสแม้แต่น้อย!” ร่างของแอนราสคลุมไปด้วยเปลวเพลิงและพุ่งผ่านฟ้าเหมือนกับธนูบุกเข้าหาลินลี่ย์
หอกเพลิงที่มีเปลวเพลิงเยียบเย็นคลุมในมือของเขาแทงใส่ลินลี่ย์โดยตรง
“การโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของข้า!” ตาของแอนราสเป็นประกายเย็นชาขณะที่เขาจ้องลินลี่ย์
ลินลี่ย์ยืนนิ่ง ใช้ตาสีทองเข้มจ้องมองดูเขาไม่หลบแต่อย่างใด
“เขากำลังวอนถูกฆ่า” แอนราสเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามไม่หลบ อดแค่นเสียงเย้ยหยันในใจไม่ได้
ความจริงเมื่อลินลี่ย์ออกมาจากผนังภูเขาและตวาดเสียงดังเขาควบคุมพลังเทพในร่างเปลี่ยนการเต้นของชีพจรโลกส่งผ่านพลังชีพจรกระจายออกไปจากเท้าของลินลี่ย์โดยมีลินลี่ย์เป็นศูนย์กลางพื้นที่หลายร้อยเมตรกลายเป็นสนามพลังชีพจร
“ตอนนี้แหละ!” ตาของลินลี่ย์ทอประกายทันที!
ขณะเดียวกันนั้นคลื่นพลังชีพจรทะลักออกมาจากภายในพื้นพุ่งจากด้านล่างล้อมรอบตัวแอนราสด้วยความเร็วสูง เหมือนกับว่ามีมือที่ปรากฏออกมาจากพื้นและจับขาแอนราสและคลุมไปตลอดทั้งตัวเขา
แอนราสถึงกับถอดสีหน้าทันที
“ตาย!” ขณะนี้เองลินลี่ย์ร่างมังกรสะบัดกระบี่เลือดม่วงและดาบหนักอดาแมนเทียมในมือฟันใส่แอนราส
“บึ้ม!” พลังเทพในร่างของเขาระเบิดออกทันที แอนราสหลุดพ้นเป็นอิสระจากพลังชีพจรมหาศาลนั้นได้ อย่างไรก็ตามขณะเดียวกับที่เขาหลุดพ้นจากพลังนั้นออกมาได้ ระยะระหว่างเขากับลินลี่ย์ลดลงไม่ถึงสิบเมตร ระยะที่น้อยกว่าสิบเมตรสำหรับแอนราสและลินลี่ย์นับว่าใกล้มาก
เพราะความเร็วของพวกเขารวดเร็วมาก!
แอนราสจะถอนตัวได้ยังไง? ที่สำคัญบีบีและเทพแท้อีกสองคนกำลังบินเข้ามาด้วยความเร็วสูง
แสงแพรวพราวเย็นยะเยียบฉายออกมาจากหอกขณะที่เขาแทงใส่ลินลี่ย์ ปลายหอกแฝงด้วยคลื่นแสงสีแดงเลือนราง
นี่คือพลังโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของแอนราส ‘ทำลายวิญญาณ’!
แสงสีม่วงที่ชั่วร้ายกระพริบวาบในขณะเดียวกันเสียงขลุ่ยที่ไพเราะดังขึ้น เมื่อได้ยินเสียงเพลง แม้แม้แต่แอนราสก็ได้รับผลบ้างเล็กน้อยหลังจากฝึกมาเป็นเวลายี่สิบปีวิชาลำนำแห่งสายลมของลินลี่ย์ในตอนนี้ทรงพลังยิ่งกว่าในอดีต
ที่สำคัญยิ่งกว่า ลำนำแห่งสายลมนี้ไม่ใช่แค่เพลงขลุ่ย แต่ยังแฝงไว้ด้วยคลื่นเสียงโจมตีที่มองไม่เห็น
กระบี่เลือดม่วงกระแทกใส่หัวหอก
“แคล้ง!”
เงากระบี่ลวงตาและเงาหอกสีแดงเลือนรางปะทะพร้อมกัน
“บึ้ม!” เงากระบี่ลวงตาต้านทานได้เล็กน้อยก่อนจะแตกกระจายทันที เงาหอกสีแดงเลือนรางหมองลงเล็กน้อยและยังคงแทงใส่ลินลี่ย์
“แย่แล้ว” ลินลี่ย์สีหน้าเปลี่ยนไปมาก
แต่การโจมตีพลังวิญญาณนี้รวดเร็วมาก ไม่มีเวลาตั้งตัว
“แย่จริง!”ลีย์ลินที่ซ่อนตัวอยู่ในหินใกล้หุบเขาอยู่ในระยะไกลตกใจอย่างหนัก แม้ว่าเขารวดเร็วเขาก็ไม่เร็วเท่าพลังโจมตีวิญญาณ
“ตาย!” ลินลี่ย์ตวาดขณะที่ใช้ดาบหนักอดาแมนเทียมหวดใส่ร่างของแอนราส
แม้ว่าจะต้องใช้เวลาอธิบายกันยืดยาว แต่ความจริงลินลี่ย์ใช้ดาบหนักอดาแมนเทียมโจมตีพร้อมกันกับกระบี่เลือดม่วง แอนราสตั้งใจจะไม่หลบ แต่เขามีเพียงอาวุธอย่างเดียว ระหว่างกระบี่เลือดม่วงและดาบหนักอดาแมนเทียม แอนราสรู้สึกได้ชัดเจนว่ากระบี่เลือดม่วงมีการคุกคามที่เหนือกว่า
เข้าป้องกันกระบี่เลือดม่วง และดาบหนักอดาแมนเทียมหวดใส่ร่างเขาโดยตรงเป็นธรรมดา
ขณะเดียวกันเงาหอกสีแดงสลัวก็แทงเข้าร่างของลินลี่ย์...
พลังวิญญาณที่น่าสั่นสะท้านเปลี่ยนเป็นคลื่นส่งผ่านไปตามดาบหนักอดาแมนเทียมเข้าไปในร่างของแอนราส
“บึ้ม!”
ม่านพลังกึ่งโปร่งใสเหมือนมีเกล็ดคลุมไปทั่วทะเลจิตสำนึกของลินลี่ย์มีเพียงรอยแยกช่องเดียวอยู่ตรงนั้น เงาหอกแดงสลัวกระแทกใส่ม่านพลังเกล็ดโปร่งใส่จากนั้นแตกสลายไปทันที มีเพียงพลังงานสีแดงส่วนน้อยที่กระทบกับจุดบกพร่องของม่านพลังพยายามที่จะทำลายผ่านไปให้ได้
อย่างไรก็ตามพลังจิตของลินลี่ย์ได้สร้างพลังชีพจรป้องกันไว้ได้
ถ้าเป็นเงาหอกแดงสลัวบางทีพลังชีพจรป้องกันของลินลี่ย์อาจไม่สามารถทนอยู่ได้ อย่างไรก็ตามนี่ไม่มีอะไรมากไปกว่าเศษเสี้ยวของพลังโจมตีที่ยังเหลือ
พลังกระบี่โปร่งแสงแทงเข้าไปในทะเลจิตสำนึกของแอนราสโดยตรง
ถ้ามีคนขยายเงาดาบลวงตานี้สักหมื่นเท่าอาจจะพบได้ว่านี่มีคลื่นวิญญาณนับไม่ถ้วนก่อตัวเป็นร่างดาบ พลังจิตเดิมของลินลี่ย์ก่อนนั้น หลังจากเปลี่ยนไปเพราะพลังเต้นชีพจรโลก ก็กลายเป็นน่ากลัวมาก
เงาดาบลวงตาแทงเข้าไปในทะเลจิตสำนึกของแอนราส พลังจิตของแอนราสเพิ่มขึ้นทันทีสร้างกำแพงป้องกันขัดขวาง เพียงแต่กำแพงป้องกันนี้นับว่าธรรมดา เมื่ออยู่ต่อหน้าเงาดาบลวงตาที่สร้างจากระลอกคลื่นพลังจิตนับไม่ถ้วนก็พังทลายอย่างรวดเร็ว
เงาดาบลวงตากระแทกกับประกายศักดิ์สิทธิ์อย่างรุนแรง
“ปัง!” ประกายศักดิ์สิทธิ์สั่นสะเทือน และในที่สุดวิญญาณที่อยู่ในนั้นก็สลายไป
คลื่นสลายของพลังเต้นของชีพจรโลก – ดาบสลายชีพจร!
“สำเร็จหรือ?” ลินลี่ย์ดีใจ
เดิมทีลินลี่ย์เพียงแต่ใช้งานการเต้นของชีพจรโลกสร้างแรงสั่นสะเทือนเพื่อโจมตีอวัยวะภายในของศัตรู เกี่ยวกับสิ่งที่เขาได้เรียนรู้จาก ‘ลำนำแห่งสายลม’ และผลของการเรียนรู้หลายเดือนลินลี่ย์เริ่มเข้าใจว่าพลังเต้นของชีพจรโลกใช้โจมตีวิญญาณได้อย่างไร ความจริงดาบสลายชีพจรของลินลี่ย์ยังไม่นับว่าสมบูรณ์ บางครั้งก็ใช้งานได้สำเร็จ บางครั้งก็ล้มเหลว
คาดไม่ถึงว่าครั้งนี้จะใช้งานได้ประสบผล
“ควั่บ!” ทันใดนั้นร่างอีกร่างหนึ่งปรากฏออกมาจากศพแอนราสร่างนี้คว้าประกายศักดิ์สิทธิ์และจากนั้นพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
“แอนราสผู้นี้ยังมีอีกหนึ่งร่าง!” ลินลี่ย์สีหน้าเปลี่ยน
“ควั่บ!”
ลินลี่ย์ไล่ตามทันที
“ร่างเทพข้าถูกทำลายจริงๆข้าคือเทพแท้ยังพ่ายแพ้ระดับเทียมเทพจริงๆ หรือนี่?” ใจของแอนราสเต็มไปด้วยความโกรธ เขามีสองร่างร่างหนึ่งเป็นร่างแยกไฟศักดิ์สิทธิ์ระดับเทพแท้ ขณะที่อีกร่างหนึ่งเป็นร่างแยกธาตุลมระดับเทียมเทพ ปกติแอนราสจะต้องใส่ใจร่างระดับเทพแท้ของเขาเป็นที่สุด
“ข้าจะต้องล้างแค้น ล้างแค้นให้ได้!” แอนราสคำรามโหยหวนในใจ แต่ขณะเดียวกันแอนราสพยายามจะหนี
“วูบบบ”สัมผัสเทพของเขาถูกส่งไปที่จักรวรรดิโรฮอลท์อย่างแตกตื่น
“ลอร์ดซาดิสต์!”
ซาดิสต์กำลังรอรับข่าวดีจากแอนราส “โอว, แอนราส, เจ้าทำสำเร็จแล้วหรือ?”
“ลอร์ดซาดิสต์, ช่วยข้าด้วย, ช่วยข้าด้วย!” แอนราสตะกุกตะกัก เหตุกะทันหันนี้ทำให้ซาดิสต์ตะลึง ซาดิสต์ขยายสัมผัสเทพออกไปทันทีครอบคลุมพื้นที่ภูเขาฆ้องทองแดงทำให้เขาได้รู้สถานการณ์ภายใน
“อะไรกัน?” หน้าของซาดิสต์เปลี่ยนไปอย่างมาก
แม้ว่าจะต้องใช้เวลาอธิบาย แต่ความจริงตั้งแต่เมื่อลินลี่ย์กับแอนราสเริ่มสู้กันจนถึงตอนนี้มีเหตุเปลี่ยนแปลงสองครั้ง ครั้งแรกคือการลอบโจมตี ขณะที่ครั้งที่สองคือทั้งสองฝ่ายสู้กันอย่างสุดกำลัง ทั้งสองฝ่ายปะทะฝีมือกันรวดเร็วมาก บีบีและอีกสองเทพมาถึงที่หุบเขาพอดี
แอนราสโชคไม่ดีเมื่อพบกับลินลี่ย์ที่ครอบครองสมบัติมหาเทพชำรุดที่ใช้ปกป้องวิญญาณ
ไม่ว่าสมบัติมหาเทพจะชำรุดยังไงแต่ก็ยังเป็นสมบัติมหาเทพอยู่ดี! โชคร้ายสำหรับแอนราสที่กระบี่เลือดม่วงและดาบหนักอดาแมนเทียมทั้งสองมีพลังโจมตีวิญญาณที่น่ากลัว
“หนี, ต้องหนี!” แอนราสพยายามดิ้นรนหนี ร่างที่ยังเหลืออยู่ของเขาเป็นเพียงเทียมเทพธาตุลมจึงมีความรวดเร็วมาก
“ชรีคคคคค!”
เสียงกรีดร้องดังขึ้นในอากาศร่างเลือนรางของหนูกินเทพขนาดใหญ่ปรากฏอยู่กลางอากาศทันที หนูกินเทพอ้าปากและพลังที่แปลกประหลาดคลุมรอบตัวแอนราสทันทีแช่แข็งเขาไว้ในกลางอากาศป้องกันเขาไม่ให้หนีไปได้
“บีบี?” ลินลี่ย์มาถึงก็ชะงักเช่นกัน และจ้องมองบีบีด้วยความประหลาดใจ
บีบีเปลี่ยนไปอยู่ในรูปของหนูกินเทพและมีความยาวครึ่งเมตร เพียงแต่ด้านหลังร่างบีบี มีเงาร่างหนูกินเทพขนาดมหึมาสูงเกินเมตร
“อ๊า... ไม่...!” แอนราสรู้สึกถึงความสิ้นหวัง
ประกายศักดิ์สิทธิ์สายธาตุลมหลุดออกมาจากภายในร่างของแอนราสเปลี่ยนเป็นรัศมีแสงตรงเข้ามาในปากของบีบีเหมือนกับกินถั่วบีบีกลืนประกายศักดิ์สิทธิ์ธาตุลมลงท้อง
ร่างของแอนราสทรุดลงไปกับพื้นอย่างไร้พลัง
บีบีลงมาคว้าแหวนมิติเก็บสมบัติและประกายศักดิ์สิทธิ์ธาตุไฟ “ฮึ่ม, เจ้าบังอาจลงมือกับพี่ใหญ่ข้าแล้วยังต้องการจะหนีอีกหรือ? ฝันไปเถอะ!” บีบีเตะศพของแอนราสระบายอารมณ์โกรธอยู่สองสามครา
บุรุษหัวโล้นเบอร์เกสบุรุษชุดขาวและลินลี่ย์จ้องมองปากอ้าค้าง
“นี่...นี่คือพลังเทพของหนูกินเทพหรือนี่?” ลินลี่ย์สะท้านใจ
กลืนกินประกายศักดิ์สิทธิ์ของคน?
มิน่าเล่าพวกเขาถึงได้ฉายาว่า ‘หนูกินเทพ’นี่ช่างน่ากลัวเหลือเกิน
“พี่ใหญ่”บีบีบินเข้ามาหาและส่งประกายศักดิ์สิทธิ์ธาตุไฟให้กับมือลินลี่ย์ “ข้าไม่สามารถย่อยประกายศักดิ์สิทธิ์ของเทพแท้นี้ได้ ทั้งหมดเป็นของท่าน”
“โอว” ลินลี่ย์รับประกายเทพแท้เอาไว้
“เดี๋ยวก่อน เจ้าพูดว่าไงนะ?” ลินลี่ย์มองดูบีบี “เจ้าบอกว่าย่อยน่ะหรือ?”
ประกายศักดิ์สิทธิ์นั้นยากที่จะทำลายได้ แม้แต่สมบัติเทพก็ไม่สามารถสร้างร่องรอยไว้บนประกายนั้น นี่เป็นเหตุให้เมื่อพวกเทพตายพวกเขาจึงทิ้งประกายศักดิ์สิทธิ์ไว้ แม้แต่พลังโจมตีเต็มที่ของเทพชั้นสูงก็ไม่สามารถทำลายประกายศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่บีบี...
“ถูกแล้ว, ข้าเป็นเพียงเทียมเทพ ดังนั้นข้าได้แต่ย่อยประกายศักดิ์สิทธิ์ของพวกเทียมเทพเท่านั้น” นี่คือคำอธิบายของบีบี
ลินลี่ย์มองดูบีบีไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี