ตอนที่ 13-31 ชีพจรโลก
กฎธรรมชาติกำลังชะลอลงมา
แม้แต่บีบีและบุรุษชุดขาวที่กำลังฝึกฝีมือก็พลอยให้ความสนใจไปด้วย บีบีเคลื่อนไหวเหมือนสายฟ้าพุ่งผ่านป่าเขาและมาถึงภายในหุบเขา เขาเห็นลินลี่ย์ลอยอยู่ที่นั่นและตาของเขาเต็มไปด้วยความดีใจ “พี่ใหญ่,ในที่สุดท่านก็เชี่ยวชาญชีพจรโลกได้ใช่ไหม?”
“พี่ใหญ่! เกิดอะไรขึ้น? เขา..เขาบรรลุระดับใหม่ในลักษณะนั้นหรือ?” บุรุษชุดขาวบินเข้ามาสมทบ และประหลาดใจมาก
เบอร์เกสกล่าวอย่างค่อนข้างสับสน “ตอนนั้นข้าเพิ่งซัดเขาลงไป ข้าไม่รู้ว่าอะไรทำให้เขาเกิดความรู้แจ้งกะทันหันแต่เขาเข้าถึงระดับใหม่จริงๆ ดูสิ...แบบนี้.. มันทำให้ข้าท้อใจมากไม่ใช่หรือ?”
“มิน่าเล่าน้องสามถึงได้ชื่นชมเขานัก” บุรุษชุดขาวมองดูลินลี่ย์เช่นกัน
ราวกับการใช้เทเลพอร์ต มีบุคคลอีกคนหนึ่งปรากฏตัวในพื้นที่หุบเขา เป็นบุรุษคิ้วแดงลีย์ลิน บีบีมองเห็นลีย์ลินก็ค่อนข้างประหลาดใจ “จ้าวภูเขาฆ้องทองแดงนี้ทรงพลังยิ่งนัก อย่างไรก็ตาม,ปู่ได้บอกไว้ก่อนว่าไม่มียอดฝีมือ ไม่ว่าจะทรงพลังเพียงไหนจะสามารถเทเลพอร์ตได้ไม่รู้ว่าลีย์ลินผู้นี้ใช้วิชาอะไร”
ลีย์ลินยิ้มบินลงมาจากอากาศขณะที่เขามองดูลินลี่ย์ เขาพยักหน้าเหมือนกับว่าพอใจ
มิติพร่าเลือนและบิดเบี้ยว
“ครืนนน...” ปริมาณแก่นธาตุดินนับไม่ถ้วนทะลักเข้ามาในอากาศเหนือลินลี่ย์และพลังที่มีลักษณะเฉพาะแบบรายล้อมวิญญาณลินลี่ย์ ดูเหมือนว่าสามารถเห็นผ่านวิญญาณเขาและเข้าใจทุกอย่างภายในนั้นได้ ในอากาศเหนือศีรษะลินลี่ย์แก่นธาตุดินยังคงเข้ามารวมตัวในระดับที่รวดเร็ว
ทันใดนั้น....
“บึ้ม!” แก่นธาตุดินแตกกระจายและในพื้นที่ซึ่งเคยมีก่อนนั้น มีวัตถุเหมือนอัญมณีดำเรืองแสงจางสีเหลือง
เป็นธรรมดาประกายศักดิ์สิทธิ์จะเชื่อมโยงกับวิญญาณของลินลี่ย์
“ประกายศักดิ์สิทธิ์ธาตุดิน” ลินลี่ย์รู้สึกมีความดีใจท่วมท้นเต็มหัวใจ ลินลี่ย์เคยมีประสบการณ์มาแล้ว และเตรียมการมานานแล้ว
“ในที่สุด,ข้าก็กลายเป็นเทพทั้งในสายธาตุดินและสายธาตุลม” ลินลี่ย์อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ แต่ขณะเดียวกันภายในใจของลินลี่ย์ เขาอดคิดถึงลีย์ลินไม่ได้ “ข้าต้องขอบคุณจ้าวภูเขาฆ้องทองแดงจริงๆ เพราะช่วยให้ข้าสามารถบรรลุผ่านคอขวดของการฝึกฝนในครั้งนี้ได้”
“ข้าควรจะสร้างร่างแยกศักดิ์สิทธิ์อีกร่างไหม?” ลินลี่ย์รับรู้ได้ถึงข้อมูลที่กฎธรรมชาติส่งผ่านเข้ามาในตัวเขา
ลินลี่ย์ไม่ลังเลแม้แต่น้อยควบคุมประกายศักดิ์สิทธิ์ธาตุดินออกมาอยู่ข้างตัวเขารอยยิ้มปรากฏอยู่ที่ริมฝีปากของลินลี่ย์ “อีกครั้งหนึ่งที่ข้าจะต้องแบ่งวิญญาณออกเป็นสอง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้ายังจะมีอีกร่างหนึ่งได้ ขณะเดียวกันข้าสามารถฝึกเพิ่มในกฎอย่างอื่นเพียงแต่, ความเจ็บปวดของการฉีกแบ่งวิญญาณนี้...”
“อ๊าคคค!”กล้ามเนื้อของลินลี่ย์เริ่มสั่นกระตุกความเจ็บปวดของการฉีกแบ่งวิญญาณครึ่งหนึ่งทำให้หน้าของลินลี่ย์ซีดและไร้สีเลือด
“ดูเหมือนว่าลินลี่ย์นี้ต้องการจะฝึกฝนในกฎธรรมชาติอื่นด้วย” ลีย์ลินถอนหายใจประเมิน “เขาเลือกจะแบ่งครึ่งวิญญาณอีกครั้ง” ลีย์ลินรู้ดีว่ามันทรมานเพียงไหนเมื่อวิญญาณถูกแบ่งครึ่ง เมื่อวิญญาณของใครบางคนถูกฉีกแบ่งครึ่งแม้แต่ยอดฝีมือที่ทรงพลังที่สุดก็ไม่สามารถอดกลั้นไม่ให้กรีดร้องโหยหวนได้
โชคดีที่ในช่วงที่กลายเป็นเทพ วิญญาณของผู้นั้นจะได้รับการปกป้องโดยกฎธรรมชาติ
ตอนนี้, การฉีกแบ่งวิญญาณจะไม่มีปัญหาอะไร อย่างไรก็ตามภายใต้สถานการณ์ปกติแรงสั่นสะเทือนง่ายๆที่ทรงพลังก็เพียงพอทำให้วิญญาณพังทลายและสูญสลายไปได้ และพูดอะไรไม่ได้เมื่อวิญญาณแตกสลายไปครึ่งหนึ่ง
วิญญาณรูปกระบี่บินออกมาจากร่างลินลี่ย์หลอมรวมเข้ากับประกายศักดิ์สิทธิ์สายธาตุดินลอยอยู่ในอากาศ
“วิญญาณรูปกระบี่?” ลินลี่ย์ตาเป็นประกาย “เขามีศักยภาพในการฝึกกฎพลังทำลายล้าง”
สำหรับตอนนี้, ลินลี่ย์พบตนเองอยู่ภายในทะเลธาตุดินแดนกว้างใหญ่ไพศาลไม่มีที่สิ้นสุด
ในพื้นที่คลุมเครือไม่ชัดเจนนั้นเต็มไปด้วยทะเลธาตุไร้ขอบเขต คลื่นพุ่งขึ้นและร่วงลงและคลื่นสีเหลืองน้ำตาลเต็มไปด้วยแก่นธาตุดินเหลว ลึกลงไปภายในนั้นมีพลังเทพธาตุดินที่บริสุทธิ์ ลินลี่ย์พยายามอย่างหนักเพื่อเจาะลึกลงไปค้นหาพลังเทพนั้น
พลังธาตุดินศักดิ์สิทธิ์รายล้อมประกายศักดิ์สิทธิ์สายธาตุดินของเขา เกิดเป็นร่างแยกศักดิ์สิทธิ์สายธาตุดินซึ่งดูคล้ายกับลินลี่ย์
“ร่างที่สร้างจากกฎธรรมชาติมักจะเปลือยกายเสมอ” ลินลี่ย์ใช้พลังธาตุดินศักดิ์สิทธิ์ของเขาสร้างชุดยาวสีเหลืองน้ำตาลให้กับร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ แค่เพียงคิดเท่านั้น ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ก็ปรากฏออกมาจากภายในร่างเดิมของเขา
ร่างแยกดินศักดิ์สิทธิ์, ร่างแยกลมศักดิ์สิทธิ์ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังทั้งสองของเขารายล้อมร่างหลักของเขา
และจากนั้นร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองผสานเข้ากับร่างหลักของเขา
ภายในทะเลจิตสำนึกของลินลี่ย์ ลินลี่ย์ในชุดเหลืองและลินลี่ย์ในชุดเขียวนั่งในท่าขัดสมาธิอยู่ในทะเลจิตสำนึก ขณะที่ในอากาศเหนือร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองจะมีวิญญาณรูปกระบี่สีรุ้งร่างหนึ่งลอยอยู่ เพียงแต่ขนาดจะเล็กลงมากกว่าแต่ก่อน
ภายในภูเขาฆ้องทองแดง เมื่อลินลี่ย์ลงมายืนที่พื้นเขาลืมตาขึ้นและเห็นลีย์ลิน, สหายของเขาและบีบี
“พี่ใหญ่” ตาของบีบีเต็มไปด้วยความดีใจและเขายิ้มกว้าง ขณะเดียวกันเขายกนิ้วหัวแม่มือให้ลินลี่ย์ “ใช้เวลาในภูเขาฆ้องทองแดงที่นี่เพียงครึ่งปีท่านก็กลายเป็นเทพผ่านกฎธรรมชาติธาตุดินได้ จริงสิพี่ใหญ่,ใช่เป็นเพราะบรรลุผ่านเคล็ดความรู้ลึกลับแก่นธาตุดินหรือเคล็ดความรู้ชีพจรโลก?”
“เป็นชีพจรโลก!” ลินลี่ย์กล่าวพลางหัวเราะ
“ลินลี่ย์! ขอแสดงความยินดีด้วย” จ้าวภูเขาฆ้องทองแดงลีย์ลินพูดพร้อมกับยิ้มอย่างสงบ
ลินลี่ย์มมองดูลีย์ลิน เขาเพิ่มความสำรวมทันทีจากนั้นเขาคำนับด้วยมารยาทอย่างเป็นพิธีรีตอง พูดด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง “ท่านลีย์ลินข้าขอขอบคุณที่ท่านทั้งสามช่วยเหลือ ถ้าไม่ใช่เพราะท่านข้าไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกนานเท่าใดจึงจะบรรลุผ่านสภาพคอขวดนี้ไปได้”
“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า ถ้าจะต้องขอบคุณ เราสามพี่น้องต่างหากที่ต้องขอบคุณเจ้า” ลีย์ลินกล่าว
“หือ?” ลินลี่ย์ตกใจ
ลีย์ลินขอบคุณเขา? ทำไมต้องขอบคุณเขา?
เบอร์เกสหัวเราะลั่น “ฮ่าฮ่า, ลินลี่ย์! ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าและนักสู้ระดับเทียมเทพอีกสองคนเราสามพี่น้องอาจจะยังอยู่ในพิภพเกบาโดส”
ลินลี่ย์และบีบีเข้าใจทันที
“อย่างนั้นลีย์ลินผู้นี้ดูเหมือนจะหนีมาจากพิภพจองจำเกบาโดสด้วยเช่นกัน” ลินลี่ย์ลอบกล่าวกับตัวเอง
“พี่ใหญ่,ดูเหมือนกระบี่ของโอลิเวอร์ก็สร้างผลตามมาที่ดีได้เหมือนกัน” บีบีหัวเราะ
ลีย์ลินมองดูลินลี่ย์ เขายิ้มอย่างสงบและกล่าว “ลินลี่ย์,ในเวลานี้เจ้าเพิ่งถึงระดับเทียมเทพของกฎธาตุดิน แม้ว่าเจ้าจะเชี่ยวชาญชีพจรโลก แต่สำหรับยอดฝีมือการรู้แจ้งเป็นแค่ปัจจัยหนึ่ง การรู้จักวิธีประยุกต์ใช้ความรู้นั้นเป็นเรื่องสำคัญที่สุด”
ลินลี่ย์เองก็รู้สึกอย่างนี้ เขาพยักหน้า
แน่นอนว่าหลังจากกลายเป็นเทียมเทพผ่านกฎธาตุลม เขาจะต้องค้นคว้าเป็นช่วงเวลาหนึ่งก่อนจะพัฒนา ‘ลำนำแห่งสายลม’ ขึ้นมาได้
“บีบี! จะดีที่สุดถ้าเจ้ายังไม่รบกวนลินลี่ย์ในช่วงเวลานี้และปล่อยให้เขาได้เพ่งสมาธิรับรู้ชีพจรโลกอย่างเงียบๆ เมื่อเขาสามารถใช้ชีพจรโลกได้ดีขึ้นเขาจะสร้างไม้ตายโจมตีที่ทรงพลังได้” ลีย์ลินมองดูบีบีขณะกล่าว
“ทราบแล้ว”บีบีพยักหน้าซ้ำๆ
หลังจากที่มีคนได้รับการรู้แจ้งกฎธรรมชาติ เขาจำเป็นต้องคิดหาวิธีประยุกต์ความรู้เหล่านั้นให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้
“ลินลี่ย์, จงฝึกต่อไป ,ในอีกไม่นานเจ้าน่าจะอยู่ในระดับเดียวกับพี่ใหญ่ข้าได้” ลีย์ลินกล่าว
“เป็นแบบนั้นไปได้ยังไง?” ลินลี่ย์หัวเราะเยาะตนเอง “ที่สำคัญข้ายังเป็นแค่เทียมเทพ”
“แต่เจ้ามีสองร่างแยกศักดิ์สิทธิ์แล้ว” ลีย์ลินพูดพลางหัวเราะ
“นี่.. ถ้ามีสองร่างแยกแล้วจะเป็นยังไง?” ลินลี่ย์ค่อนข้างงง“พลังจำกัดของสนามพลังเทพแท้นั้นทรงพลังมาก ข้าแทบจะยังแก้ปัญหานี้ไม่ตกด้วยซ้ำ”
ลีย์ลินพูดพลางหัวเราะ “เจ้ายังไม่รู้แม้กระทั่งเรื่องนี้หรือนี่?”
“หือ?” ลินลี่ย์ไม่เข้าใจ
“ลินลี่ย์! ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองของเจ้าปัจจุบันนี้ผสานรวมอยู่กับร่างหลักของเจ้า ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์แต่ละร่างสามารถสร้างสนามพลังเทพได้ ประกายศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองของเจ้าสามารถสร้างสนามพลังเทพได้ มีสนามพลังเทพสองชั้นซ้อนกันพลังที่จำกัดเจ้าก็จะอ่อนแอลงมาก” ลีย์ลินอธิบาย
ลินลี่ย์ตกใจ
เดิมทีเมื่อเบรุตกล่าวถึงนักสู้ระดับเทียมเทพว่าด้อยกว่าเทพแท้นั่นก็เป็นการสู้กันตัวต่อตัว
ความจริงสำหรับคนอย่างลินลี่ย์ก็เหมือนกับว่าเขามีร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองผนึกกำลังกันอยู่แล้ว
“สนามพลังเทพของร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองซ้อนกันและกันพลังอาจไม่สามารถตอบโต้เทพแท้ได้เต็มที่ แต่ก็ทอนพลังอีกฝ่ายลงได้มาก ตรงจุดนั้นเจ้าสามารถพึ่งพาอาศัยวิทยายุทธของเจ้าและเคล็ดความรู้ลึกลับที่เจ้าบรรลุถึง ระดับของเจ้าก็จะพอๆ กับพี่ใหญ่ของข้า” ลีย์ลินกล่าว
ตอนนี้ลินลี่ย์รู้สึกตื่นเต้นในใจ
ดังนั้นเขามีร่างแยกศักดิ์สิทธิ์เพิ่มขึ้นก็ได้รับประโยชน์นี้เช่นกัน
เนื่องจากว่าลินลี่ย์ต้องฝึกใช้‘ชีพจรโลก’ สร้างพลังโจมตีอย่างเงียบๆเบอร์เกสจึงไม่ต้องซ้อมฝีมือต่อเป็นธรรมดา บีบีไม่รบกวนสมาธิของลินลี่ย์ ปกติเขาจะซ้อมมือกับบุรุษชุดขาวในที่ค่อนข้างห่างออกไป
ภายในหุบเขา ลินลี่ย์อยู่เพียงลำพัง
“เวทต้องห้าม ‘ชีพจรคุ้มกัน’ ควบคุม จังหวะเต้นของหัวใจซึ่งแฝงด้วยพลังธาตุดิน” ทันทีที่เวทต้องห้ามถูกร่ายดูเหมือนจะสร้างม่านพลังโปร่งแสง นี่เป็นสิ่งที่ถูกสร้างจากพลังชีพจรซึ่งแฝงอยู่ในธาตุดินเป็นปกติ
ในอดีตลินลี่ย์ไม่เข้าใจว่าพลังชีพจรนี้ถูกสร้างขึ้นมาได้ยังไง
“ในอดีต,ข้าเชื่อว่าพลังชีพจรนี้ไม่ใช่อย่างเดียวเหมือนกับแก่นธาตุเดิม และเป็นพลังงานรูปแบบใหม่ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า...จำเป็นต้องเปลี่ยนความเชื่อ” หลังจากเข้าใจ ‘การเต้นของชีพจรโลก’ ลินลี่ย์เห็นหลายสิ่งหลายอย่างชัดเจนขึ้น “ในการใช้จังหวะเต้นของชีพจรโลกนอกจากใช้พลังสั่นสะเทือนโจมตีแล้ว ข้ายังสามารถใช้พลังชีพจรโจมตีได้”
ลินลี่ย์ยืนบนแผ่นดินและพลังเทพในร่างของเขาทะลักออก
พลังชีพจรแปลกประหลาดผ่านไปตามใต้เท้าของลินลี่ย์เข้าไปในดินจากนั้นถ่ายตรงไปที่สระน้ำลึกข้างหน้าเขา
“บึ้ม!!” น้ำพุ่งกระจายจากสระน้ำ
“พลังโจมตีแบบนี้เงียบและไม่มีสัญญาณเตือน” ลินลี่ย์ยิ้มมุมปาก “ถ้าข้าฝึกเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย ก็น่าจะทำให้แข็งแกร่งทรงพลังมากขึ้น
ภายในคฤหาสน์ที่สันโดษ จักรวรรดิโรฮอลท์
“ลินลี่ย์กำลังฝึกด้วยตนเองอยู่หรือนี่?” ซาดิสต์แผ่สำนึกเทพไปที่ภูเขาฆ้องทองแดงอีกครั้ง เขาย่อมพบว่าลินลี่ย์กำลังฝึกอยู่ตามลำพังเป็นธรรมดา “ลินลี่ย์ผู้นี้ช่างน่ากลัวจริงๆ เขาเข้าถึงระดับเทียมเทพในกฎธาตุดินอีกด้วย”
ตาของซาดิสต์เป็นประกายเยือกเย็น
ศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ของลินลี่ย์ยิ่งทำให้ซาดิสต์ต้องการฆ่าเขามากขึ้น
“ข้าไม่ยอมให้ลินลี่ย์ไปพิภพนรกและกลับไปที่มณฑลฟ้าครามแน่” ซาดิสต์มั่นใจตรงจุดนี้ “มีเทพแท้เพียงสองคนที่ภูเขาฆ้องทองแดง ถ้าแอนราสเคลื่อนไหวได้รวดเร็วพอ เขาน่าจะฆ่าลินลี่ย์ได้ในช่วงเวลาสั้นๆ”
ซาดิสต์ยังค่อนข้างมั่นใจในแอนราส
ทั้งนี้เป็นเพราะแอนราสฝึกมาทางกฎธาตุไฟ เปลวไฟที่ใช้โจมตีมีพลังรุนแรง
“แอนราส...” ซาดิสต์ส่งสัมผัสเทพไปที่แอนราสทันที
คืนนี้ยามราตรีเมฆมืดครึ้ม และสายลมพัดรุนแรง
ร่างมนุษย์คนหนึ่งกำลังบินอยู่ในกลางอากาศด้วยความเร็วสูง เป็นบุรุษชุดแดงแอนราส แอนราสจ้องมองไปทางทิศใต้ “หลังจากรอมาเป็นเวลานาน ในที่สุดโอกาสก็มาถึง” ตอนนี้ซาดิสต์กำหนดตำแหน่งของลินลี่ย์และใช้สำนึกเทพจับทิศทางแผนที่ไว้แล้ว
แอนราสรู้ว่าลินลี่ย์อยู่ที่ใด
แสงสีแดงเลือนรางเริ่มเรื่อเรืองในดวงตาของแอนราส
ในไม่ช้าภูเขาฆ้องทองแดงก็ปรากฏภายในสายตาของแอนราส หน้าของแอนราสเย็นชามากขึ้น เขาคุ้นเคยกับชั้นภูเขาฆ้องทองแดงมาก เขาเร่งความเร็วขึ้นอย่างง่ายดายพุ่งผ่านภูเขาป่าและมาลงใกล้ตำแหน่งที่ลินลี่ย์กำลังฝึกในหุบเขา
ภายในคฤหาสน์ที่สร้างจากแก่นธาตุดิน
“เจ้าคนโอหังกำลังแผ่สำนึกเทพเข้ามาตรวจสอบครั้งแล้วครั้งเล่าอีกแล้ว อย่างนั้นเขาคงมีเจตนาร้ายแน่” ลีย์ลินหัวเราะอย่างใจเย็น ซาดิสต์คิดว่าไม่มีใครสังเกตสัมผัสเทพของเขาที่ใช้ตรวจสอบพื้นที่ แต่สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือลีย์ลินรู้ตัวเป็นอย่างดี
“คนที่มาครั้งนี้น่าจะเป็นบริวาร” ลีย์ลินไม่กังวลแม้แต่น้อย
“เทพแท้นี่เป็นโอกาสดูว่าพลังของลินลี่ย์จะก้าวหน้าได้ยังไง ข้าสงสัยว่าเขาจะสามารถต้านทานได้ไหม” ในที่สุดลีย์ลินก็ยังหายไปจากภายในลานว่างบ้านของเขา ความจริงแอนราสเข้ามาใกล้หุบเขาของลินลีย์กว่าที่เขาอยู่มาก
แต่ว่า...
ลีย์ลินมาถึงก่อน
ในหุบเขาที่ลินลี่ย์กำลังฝึก ลินลี่ย์กำลังดิ่งอยู่ในสมาธิของเขา แต่ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าพื้นสั่นสะเทือนเล็กน้อยได้ทันที
“หือ?” ลินลี่ย์สงสัย จึงหยุดฝึก
“เกิดอะไรขึ้น?” ลินลี่ย์ไม่เข้าใจจะมีปัญหาอะไรปรากฏขึ้น
เพียงแต่ลินลี่ย์ไม่รู้ว่าในมุมหนึ่งของหุบเขา หินก้อนหนึ่งปรากฏขึ้นทันที หินนี้ก็คือรัศมีธาตุดินเลือนรางที่ถูกปล่อยออกมา “ดูจากตรงนี้เป็นดีที่สุด มิฉะนั้นถ้าลินลี่ย์ตายหลายอย่างจะยุ่งเหยิง โอว..เทพผู้นั้นมาถึงแล้ว”