ตอนที่ 13-28 ภูเขาฆ้องทองแดง
ภายในร้านอาหารในเมืองเฮส ทุกคนตกอยู่ในอาการตะลึง
ท่านเลเกอร์ผู้ยิ่งใหญ่เมื่ออยู่ต่อหน้าเด็กหนุ่มหมวกฟางดูเหมือนจะกลายเป็นทารกไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่น้อย เขาถูกฆ่าโดยตรง และจากที่เห็นเด็กหนุ่มหมวกฟางจะเชื่อฟังคำสั่งชายหนุ่มที่นั่งอยู่ ก็หมายความว่าพลังของบุรุษหนุ่มที่นั่งอยู่นั้นยิ่งใหญ่กว่า!
“พวกเขา?” เบลิตาเข้ามาใกล้บิดาของนางจ้องมองลินลี่ย์และบีบีอย่างประหลาดใจ
ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว
“ใต้เท้า! ท่านเรียกหาหรือขอรับ?” ในตอนนี้บุรุษผมหงอกอยู่ในอาการกระวนกระวาย
เขาเข้าใจว่าถ้าลินลี่ย์และบีบีต้องการฆ่าเขา เขาคงตายแน่นอน
“พี่ใหญ่ข้าบอกให้เจ้าเข้ามาที่นี่ไงเล่า” บีบีถลึงตาใส่เขาขณะตะคอกใส่ บุรุษผมหงอกมีร่างสั่นสะท้านเล็ก้อย จากนั้นเดินเข้ามาที่โต๊ะทันทีและรอคำถามของลินลี่ย์ด้วยความเคารพ
“ข้าชื่อแซ็ต!” บุรุษผมหงอกแจ้งชื่อตนเองโดยตรง
“เจ้ามาจากพิภพจองจำเกบาโดสใช่ไหม?” ลินลี่ย์ถามอย่างสงบ ขณะที่ถามลินลี่ย์ใช้สนามพลังเทพทำให้คนธรรมดาในร้านอาหารไม่ได้ยินพวกเขาพูด
“ขอรับ, ใต้เท้า” แซ็ตตอบอย่างเชื่อฟัง
ที่สำคัญร่างของเลเกอร์นอนนิ่งอยู่กับพื้น แซ็ตเข้าใจว่าถ้าอสูรทั้งสองที่อยู่ต่อหน้าเขาไม่พอใจ พวกเขาสามารถฆ่าเขาได้ทุกเมื่อ ตอนนี้ทั้งหมดที่เขาทำได้ก็คือยอมร่วมมือให้สิ่งที่พวกเขาต้องการและทำให้พวกเขาพอใจ มีแค่ทำเช่นนี้เท่านั้นเขาจึงจะรักษาชีวิตได้
ลินลี่ย์ตาเป็นประกายคมกล้า เขาจ้องแซ็ต “ข้าขอถามเจ้า จ้าวภูเขาฆ้องทองแดงเป็นใคร?”
จ้าวภูเขาฆ้องทองแดง!
นี่คือคนที่ทำให้ลินลี่ย์รู้สึกกังวลและก่อนเลเกอร์ตาย เขาได้พูดว่าอาจารย์ของเขาก็คือจ้าวภูเขาฆ้องทองแดง คนที่สามารถเป็นอาจารย์ของเซียนชั้นสุดยอดได้คงไม่ใช่คนธรรมดา เมื่อพวกเขาฆ่าเลเกอร์ไปแล้ว ลินลี่ย์ต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนว่าจ้าวภูเขาฆ้องทองแดงเป็นใคร
“อาจารย์?” แซ็ตประหลาดใจเล็กน้อย
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
“เราไม่รู้จักชื่อของอาจารย์ เพราะเขาอาศัยอยู่ที่ภูเขาฆ้องทองแดง พวกเราก็เลยเรียกท่านว่าจ้าวภูเขาฆ้องทองแดง” เมื่อพูดถึงจ้าวภูเขาฆ้องทองแดง ตาของเขาจะเป็นประกายเทิดทูน “อาจารย์คือยอดฝีมือที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เราเคยเห็น”
“เหรอ?” ตาของลินลี่ย์หรี่แคบ
แซ็ตยังคงพูดต่อไป “แม้ว่าจะเป็นเวลาเพียงยี่สิบปีหลังจากที่เราหนีออกมาจากเกบาโดสกลับมายังทวีปยูลาน ในช่วงเวลานี้มีสุดยอดเซียนสองคนที่อาจารย์ให้คำแนะนำและสามารถก้าวหน้าบรรลุความเป็นเทพด้วยตัวพวกเขาเอง” ตาของแซ็ตเต็มไปด้วยความเคารพ “คนที่สามารถช่วยให้เราก้าวผ่านสภาพคอขวดไปได้.. เราจะไม่เคารพสักการะยอดฝีมืออย่างเขาได้ยังไง?”
“อะไรนะ?”
ไม่ว่าลินลี่ย์จะมีสีหน้าสงบเพียงไหนแต่เขาก็อดเปลี่ยนสีหน้าไม่ได้
แม้แต่บีบีที่อยู่ใกล้ก็ยังไม่อยากเชื่อ“เจ้าบอกว่าคนสองคนที่กลายเป็นเทพเมื่อเร็วๆ นี้ได้รับคำแนะนำจากอาจารย์ของเจ้า?”
อาการคอขวดของการฝึกฝนเป็นสภาพที่ยากจะบรรลุผ่านไปได้
แม้ว่าคนที่ทรงพลังอย่างลอร์ดเบรุตรู้ว่าเดลี่และคนอื่นๆติดอยู่ในสภาพคอขวด ได้แต่บอกพวกเขาให้เชื่อมั่นในตัวเอง เขาไม่พูดอะไรอื่น...คนที่สามารถแนะนำเซียนชั้นสูงถึงวิธีบรรลุผ่านคอขวดย่อมเป็นยอดฝีมือที่มีความเชี่ยวชาญในกฎธรรมชาติ
“จ้าวภูเขาฆ้องทองแดงเป็นยอดฝีมือระดับใด?” ลินลี่ย์ถามทันที
“ข้าไม่รู้” แซ็ตส่ายศีรษะ “อย่างไรก็ตามอาจารย์มีพี่ชายอยู่สองคนน่าจะเป็นระดับเทพแท้”
ลินลี่ย์กับบีบีมองหน้ากันเอง
พี่ชายของเขาเป็นเทพแท้?อย่างนั้นจ้าวภูเขาฆ้องทองแดงอย่างน้อยก็ต้องเป็นเทพแท้เช่นกัน
“ข้าก่อเรื่องเสียแล้ว” บีบีคอตกขณะมองลินลี่ย์
เขาฆ่าลูกศิษย์ของยอดฝีมือที่ทรงพลัง ไม่สำคัญว่าบีบีจะวู่วามขนาดไหน แต่เขาเข้าใจถึงระดับปัญหาที่เขาสร้างขึ้น
ลินลี่ย์หัวเราะปลอบโยน “บีบี, ดูเหมือนการเดินทางของเราจะต้องสั้นลงเสียแล้ว” หลังจากล่วงเกินศัตรูที่มีอำนาจอย่างนั้นพวกเขามีแต่ต้องรีบกลับปราสาทเลือดมังกร
“ก็ได้” บีบีพยักหน้า
“ใต้เท้า, ไม่จำเป็นต้องกังวลไปเลย” เมื่อได้ยินคำพูดของลินลี่ย์กับบีบี แซ็ตเข้าใจว่าบีบีคิดอะไร เขารีบกล่าว “ใต้เท้าไม่จำเป็นต้องกังวลเกินไป ท่านฆ่าเลเกอร์ แต่จะไม่มีใครตามสร้างความยุ่งยากให้กับท่าน”
ลินลี่ย์และบีบีค่อนข้างตกใจ
“โอว?” ลินลี่ย์มองดูเขารอคำอธิบาย
บีบียังคงกล่าว “แซ็ต เป็นไปได้หรือว่าอาจารย์ของเจ้าจะไม่เห็นแก่หน้าศิษย์ของเขา?”
แซ็ตรีบกล่าว “ใต้เท้า! ผู้ยิ่งใหญ่ของภูเขาฆ้องทองแดงมีฐานะระดับใดแล้ว? เลเกอร์กับข้าเป็นเพียงเซียนชั้นสูง เราจะกลายเป็นศิษย์ของเขาได้ยังไง?”
“แต่เจ้าเรียกเขาเป็นอาจารย์?” บีบีงง
แซ็ตหัวเราะเยาะตัวเอง “ใต้เท้า, แม้ว่าเราจะเรียกจ้าวภูเขาฆ้องทองแดงว่าอาจารย์ แต่นั่นคือวิธีที่เรากำหนดสถานะเรียกเขาเท่านั้นจ้าวภูเขาฆ้องทองแดงไม่เคยยอมรับเราเป็นศิษย์”
ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว “อธิบายรายละเอียดซิ”
แซ็ตอธิบาย “ใต้เท้า! เราทุกคนหนีมาจากพิภพจองจำ และจากนั้นเรามาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ เพียงแต่หลังจากนั้นเราได้ยินว่ามีสุดยอดฝีมืออาศัยอยู่ที่ภูเขาฆ้องทองแดงท่านสามารถให้คำแนะนำให้กับพวกฝึกฝนที่มาขอคำแนะนำจากเขา มียอดฝีมือหลายคนให้ความเคารพต่อจ้าวภูเขาฆ้องทองแดง เลเกอร์และข้าทั้งสองก็อยู่ในกลุ่มนั้นด้วย เพราะเราได้รับการสั่งสอนจากท่านเจ้าภูเขาฆ้องทองแดง เราจึงนับถือท่านเหมือนครูบาอาจารย์ เพียงแต่ท่านเจ้าภูเขาฆ้องทองแดงไม่เคยยอมรับว่าเราเป็นลูกศิษย์”
“ถ้าเราได้คนอย่างเขาเป็นอาจารย์ ในพิภพจองจำ เราคงไม่อยู่ในสภาพแย่อย่างนั้น”
ลินลี่ย์กับบีบีเข้าใจทันที
“เจ้านี่ช่างหน้าหนาจริงๆ” บีบีแค่นเสียง
แซ็ตหัวเราะอย่างขัดเขิน
“จ้าวภูเขาฆ้องทองแดงนี้เป็นคนที่น่าอัศจรรย์จริงๆ” ลินลี่ย์ถอนหายใจชมเชย ยอดฝีมืออย่างนี้คงจะให้คำสอนสั่งกับคนที่มาขอคำแนะนำได้ อย่างน้อยที่สุดเขาไม่ใช่คนเห็นแก่ตัว ไม่ใช่คนถือตัวเองเป็นใหญ่”
“เจ้าเพิ่งบอกว่าสองคนที่กลายเป็นเทพด้วยตัวเองเมื่อเร็วๆนี้ต้องขอบคุณคำแนะจำของจ้าวภูเขาฆ้องทองแดงใช่ไหม?” ลินลี่ย์ยังคงรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ
“ถูกแล้ว” แซ็ตถอนหายใจ “นี่เป็นเรื่องแน่นอน ข้ารู้จักคนหนึ่งในนั้น”
“เป็นไปได้ยังไงที่เราจะไม่สนใจไปเยี่ยมเยียนคนที่น่าทึ่งอย่างนี้? บีบี, เจ้าคิดว่ายังไง?” ลินลี่ย์มองบีบีซึ่งพยักหน้าเห็นด้วย ขณะเดียวกันเขาหันไปมองแซ็ต “นี่, แล้วจ้าวภูเขาฆ้องทองแดงอยู่ที่ไหน?”
“ภูเขาฆ้องทองแดงอยู่ในภูมิภาคใต้ของสหภาพศักดิ์สิทธิ์ เป็นพื้นที่ซึ่งมีอสูรเวทมากมายครอบครอง อาจารย์อยู่ภายในภูเขาใหญ่ที่นั่น ใต้เท้า, ถ้าท่านต้องการข้าจะนำทางท่านไปที่นั่น ไม่ใช่แค่เซียนชั้นสูงเท่านั้นที่ไปขอคำแนะนำของอาจารย์ ยังมีพวกระดับเทพเหมือนกัน”
ลินลี่ย์รู้สึกยิ่งทึ่งในใจ
จ้าวภูเขาฆ้องทองแดงต้องเป็นคนที่ไม่ธรรมดาแน่นอน ตอนนี้ลินลี่ย์ต้องการพบกับเขามาก
“เพียงแต่ถ้าใต้เท้าไป ใต้เท้าก็ต้องทำใจสักเล็กน้อย อาจารย์จะให้คำแนะนำถ้าเขารู้สึกว่าอยากจะทำ” แซ็ตอธิบาย “ในการเดินทางไปภูเขาฆ้องทองแดงของเรา เราอาจต้องรอกันนาน ถ้าโชคดีพอก็จะได้พบอาจารย์”
“ถ้าเราได้พบเขา เราก็จะพบ ถ้าเราไม่สามารถพบได้ อย่างนั้นก็แค่ไปเที่ยวกัน” ลินลี่ย์หัวเราะอย่างใจเย็น
“ไปเถอะ ไปกันเดี๋ยวนี้เลย” บีบีค่อนข้างใจร้อน
แซ็ตพูดอย่างอ่อนโยน “ข้ารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้นำทางใต้เท้าทั้งสอง” ทันใดนั้นแซ็ตนำทางออกไปจากร้านอาหารทันที ขณะที่ลินลี่ย์และบีบีเดินตาม ลินลี่ย์ปล่อยสนามพลังเทพซึ่งป้องกันไม่ให้คนอื่นในร้านอาหารได้ยินคำสนทนาของพวกเขา
“พวกท่านทั้งสอง...” เบลิตารีบไล่ตาม ต้องการแสดงออก แต่นางถูกสนามพลังของลินลี่ย์กันเอาไว้
“ควั่บ!”
เงาทั้งสามวูบหายไปในอากาศและพุ่งหายลับฟ้าไปในขอบฟ้าทิศใต้
“ยอดฝีมือทั้งสามนี้เป็นใครกัน? แม้แต่สุดยอดเซียนอย่างท่านเลเกอร์ยังถูกสังหารในครั้งเดียว” ตอนนี้ผู้คนในร้านอาหารเริ่มจะกล้าพูด ขณะเดียวกันหลายคนแหงนหน้ามองท้องฟ้าพยายามอย่างว่างเปล่าที่จะได้เห็นลินลี่ย์และคนอื่นๆ”
“เด็กหนุ่มคนนั้นแข็งแกร่งทรงพลังมาก เขาสามารถใช้นิ้วทั้งสองคีบรับพลังโจมตีจากดาบได้”
“ข้าคิดว่าบุรุษหนุ่มคนนั้นยังแข็งแกร่งมากกว่า..”
ทุกคนในร้านอาหารเริ่มพูดคุยกันอย่างตื่นเต้น ขณะที่เบลิตาจ้องมองขอบฟ้ามองดูจุดที่กลุ่มของลินลี่ย์หายลับตาไปเบลิตาทำอะไรไม่ได้นอกจากจดจำความเมตตาครั้งนี้ไว้ในใจนาง
ภูเขาฆ้องทองแดงอยู่ไม่ไกลจากบ้านเกิดเมืองอู่ซันของลินลี่ย์ ทั้งยังนับได้ว่าอยู่ในอาณาเขตของพวกอสูรเวท
เพียงแต่พอมียอดฝีมือปรากฏอยู่ในพื้นที่นี้พวกอสูรเวทจึงไม่กล้าเข้ามาใกล้
“นี่คือภูเขาฆ้องทองแดง!” ในกลางอากาศแซ็ตยืนอยู่พร้อมกับชุดยาวที่โบกสะบัด แซ็ตชี้ไปที่ภูเขา
ข้างๆเขาคือลินลี่ย์กับบีบี
“ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีคนมากเลยนะ?” ลินลี่ย์ค่อนข้างประหลาดใจ ว่ากันตามเหตุผลแล้วสิ่งที่เขาเข้าใจก็คือ ถ้ายอดฝีมือมีหลายคนมาเยี่ยมเยียนจ้าวภูเขาฆ้องทองแดง ที่นี่คงจะมีคนอยู่หลายคน อย่างไรก็ตาม ลินลี่ย์จ้องมองคฤหาสน์ข้างล่าง ก็เห็นคนไม่มากเหมือนกัน
แซ็ตอธิบาย “พี่ชายทั้งสองของอาจารย์จะเป็นคนแจ้งบอกเราหลังจากได้รับคำแนะนำจากอาจารย์ เราไม่อาจมารบกวนอาจารย์ได้อีกเป็นเวลาสิบปี”
“โอว” ลินลี่ย์เข้าใจ
ที่สำคัญมียอดฝีมือมากมายในทวีปยูลาน มีไม่มากนักที่รู้ถึงความคงอยู่ของจ้าวภูเขาฆ้องทองแดง เนื่องจากพวกเขาไม่มารบกวนเขาอีกเป็นเวลาสิบปีหลังจากได้รับคำแนะนำแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจซึ่งที่นี่มีคนไม่มาก
“ลงไปกันเถอะ” ลินลี่ย์บินลงไปเป็นคนแรก
ที่พักของจ้าวภูเขาฆ้องทองแดงเป็นคฤหาสน์ที่เงียบสงบ ลินลี่ย์และคนอื่นๆ เมื่อมาถึงหน้าคฤหาสน์อดถอนหายใจอย่างทึ่งมิได้
“ที่พักแห่งนี้....” ลินลี่ย์รู้สึกได้ว่าที่พักนี้มีแก่นพลังธาตุที่ทรงพลังเล็ดลอดออกมา
แซ็ตมีท่าทีเทิดทูนบูชาอยู่ในสายตาเช่นกัน “ที่อยู่แห่งนี้ถูกสร้างจากแก่นธาตุ สร้างเข้าไปในช่อง ถ้าท่านมองดูผนัง ท่านจะไม่เห็นรอยแตกแยกหรือรอยต่อแม้แต่รอยเดียว สามารถควบคุมแก่นธาตุดินได้ง่ายๆแล้วสร้างเป็นคฤหาสน์แบบนั้นนับว่าเหลือเชื่อจริงๆ”
“เจ้าไม่เข้าใจ” หน้าของลินลี่ย์เคร่งขรึมมาก
“โอว?” แซ็ตจ้องมองลินลี่ย์ด้วยความประหลาดใจ
ลินลี่ย์จ้องมองที่พักที่อยู่ข้างหน้าเขาอย่างเคร่งขรึม แซ็ตเป็นเพียงสุดยอดเซียนและเขาไม่ได้ฝึกมาทางกฎธาตุดิน เป็นธรรมดาที่เขาไม่สามารถเข้าใจได้ว่าที่พักซึ่งสร้างจากแก่นธาตุดินนั้นน่าอัศจรรย์เพียงไหน อย่างไรก็ตามลินลี่ย์เข้าใจ
“นี่คือเกราะผู้พิทักษ์ดินศักดิ์สิทธิ์ หรือเวทระดับเวทต้องห้ามซึ่งใช้แก่นธาตุดินเพื่อสร้างผู้พิทักษ์โลกมีขีดจำกัดว่าการสร้างขึ้นมาได้นั้นจะคงอยู่ได้นานเท่าใด” ลินลี่ย์ยากจะเชื่อได้จริงๆ
เขาเชื่อว่าตั้งแต่มีบางคนสร้างคฤหาสน์นี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะต้องลำบากแก้ปัญหานี้ทุกชั่วโมง
“นอกจากนี้สีของวัสดุของแก่นธาตุดินที่สร้าง...” ลินลี่ย์จ้องมองวัสดุสีดำเก่าแก่ของที่อยู่ “มันคือสีของอดาแมนเทียม!” ลินลี่ย์รู้ว่าเมื่อเข้าถึงระดับเทพเมื่อผู้ใช้สามารถใช้เกราะผู้พิทักษ์ศักดิ์สิทธิ์นั่นจะมีความแข็งระดับอดาแมนเทียม
เกราะผู้พิทักษ์ดินศักดิ์สิทธิ์ระดับอดาแมนเทียมไม่อาจคงอยู่ได้นาน
แต่คนผู้นี้เอามาใช้สร้างคฤหาสน์ทั้งหลัง?
“มีคนมาอีกแล้วหรือ?” ประตูคฤหาสน์เปิดออกและบุรุษร่างกายกำยำศีรษะโล้นจ้องมองมา
แซ็ตรีบคำนับด้วยความเคารพทันที “คารวะท่านเบอร์เกส”
“เจ้าอีกแล้ว?” บุรุษศีรษะโล้นขมวดคิ้ว “โอว,ใช่แล้ว ครั้งสุดท้ายเมื่อสิบปีที่แล้ว” หลังพูดจบ บุรุษหัวโล้นมองดูลินลี่ย์กับบีบีดวงตาของเขามีแววสงสัยขณะประเมินลินลี่ย์กับบีบีอยู่ขณะหนึ่ง
ลินลี่ย์และบีบีคำนับอย่างนอบน้อมทั้งคู่เช่นกัน
“น้องสามของข้าเชิญให้พวกเจ้าทั้งสองเข้ามา สำหรับเจ้าไปหาที่พักก่อน” บุรุษศีรษะโล้นกล่าว
“ขอแสดงความยินดีกับท่านทั้งสองด้วย” แซ็ตไม่โกรธแม้แต่น้อย กลับแสดงความยินดีกับลินลี่ย์และบีบีแทน
ไม่ใช่ว่าคนที่มายืนจ้างภูเขาฆ้องทองแดงจะได้รับการยอมรับ แซ็ตคำนับจากนั้นออกไปเองทันที
“ท่านเบอร์เกส?” ลินลี่ย์กล่าว
“ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ แต่น้องสามของข้าต้องการพบกับเจ้าทั้งสอง โชคของเจ้ายอดเยี่ยมจริงๆ” บุรุษศีรษะโล้นเม้มริมฝีปากขณะนำลินลี่ย์กับบีบีเข้าไปในคฤหาสน์ “ฟังนะ เมื่อเจ้าพบกับน้องสามของข้า เจ้าต้องแสดงความนับถือให้มากขึ้นอีกนิด”
ลินลี่ย์กับบีบีมองหน้ากันเองจากนั้นหัวเราะมองดูรอบๆ ตัว
คฤหาสน์นี้สร้างขึ้นจากแก่นธาตุดินทำให้มีความรู้สึกที่สะดวกสบาย นอกจากนี้ภายในลานภายในคฤหาสน์นี้มีบุรุษวัยกลางคนสองคนดูเหมือนจะนั่งสนทนากันหัวเราะกัน
“ข้าสงสัยจริงๆว่าคนไหนคือจ้าวภูเขาฆ้องทองแดง?” ลินลี่ย์มองดูคนทั้งสอง