Chapter 49 : ฆ่า
“รอดจากดันเจี้ยนนี้ไปด้วยกัน?”
สีหน้าดุดันของชายหนุ่มกางเกงในพลันเกิดท่าทีเย้ยหยันออกมาให้เห็น
“มีพวกแกกี่คนละที่มองฉันยืนหนาวอยู่กลางป่าโดยที่ไม่ยอมให้ฉันยืมเสื้อผ้าเลยซักชิ้น! แล้วยังมีหน้ากล้ามาพูดว่าให้ร่วมมือกันอีกนะ! อย่ามาแสร้งทำทีเป็นคนดีไปหน่อยเลย! ฉันขอเตือนแกเลยนะว่าถ้าแกกล้าเข้ามายุ่งฉันก็จะฆ่าแกด้วย!”
ชายหนุ่มกางเกงในจ้องมาที่โจวเฉินและเอ่ยขู่ จากนั้นเขาก็หันไปอีกทางและจามขวานเข้าใส่ลำคอของชายหนุ่มชุดทหาร
ยังไงก็ตามในวินาทีถัดมาเขากลับต้องล่าถอยและกระโดดออกไปข้างหลังพร้อมกับยกขวานขึ้นมาขวางเอาไว้ด้านหน้าลำตัว
เพราะว่าโจวเฉินที่นั่งอยู่จู่ๆก็ลุกขึ้นมาและแทงหอกเข้าใส่เขา
“งี่เง่า! ใช่ว่าฉันจะไม่แบ่งอะไรให้แกเลยหลังจากฆ่าทั้งสองคนเสร็จซักหน่อย!”
สีหน้าของชายหนุ่มแปรเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์เหลือคณาเมื่อเห็นว่าอาวุธของโจวเฉินคือหอกที่ยาวมาก เขาก่นด่าใส่โจวเฉินด้วยความโมโหและสับสนไม่เข้าใจ
ยังไงก็ตามโจวเฉินกลับไม่ได้ตอบกลับ ตอนนี้เขาเข้าสู่สภาวะพร้อมรบแล้ว หอกของเขาถูกยกขึ้นชี้ปลายไปที่ชายหนุ่มกางเกงในพร้อมกับเท้าที่ค่อยๆเดินวนรอบกองไฟเพื่อย่นระยะเข้าหาอีกฝ่าย
“โชคร้ายชิบหายดันมาเจอพวกปัญญาอ่อนซะได้!”
เมื่อชายหนุ่มกางเกงในเห็นสีหน้าของโจวเฉินก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยอยากสู้เท่าไหร่นัก เขาขยับถอยหลังและหมุนกายวิ่งหนีเข้าไปในป่าทันที
โจวเฉินเองก็ไม่ลังเลและเพิ่มความเร็วไล่ล่าอีกฝ่ายไปติดๆ
ชายหนุ่มเกางเกงในวิ่งเร็วเป็นอย่างยิ่ง ในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีเขาก็วิ่งมาได้เกือบร้อยเมตรแล้วแต่โจวเฉินเองก็รวดเร็วไม่แพ้กัน อีกฝ่ายจึงไม่อาจทิ้งระยะห่างได้เลย
ทันใดนั้นเองชายหนุ่มกางเกงในก็วิ่งหลบเข้าไปอยู่ด้านหลังของต้นไม้ข้างทาง เมื่อโจวเฉินมาถึงอีกฝ่ายก็โผล่ออกมาจากด้านหลังต้นไม้และจามขวานเข้าใส่หัวของโจวเฉิน
ปฏิกิริยาตอบสนองของโจวเฉินรวดเร็วเป็นอย่างมาก เขาโน้มตัวลงเล็กน้อยทำให้ขวานปาดผ่านศรีษะไป
เมื่อเห็นว่าขวานของตนพลาดเป้าสีหน้าของชายหนุ่มกางเกงในกลับยังคงสงบนิ่ง ในมืออีกข้างของเขาพลันปรากฏดาบเล่มหนึ่งออกมาและจากนั้นเขาก็พุ่งเข้าใส่โจวเฉินที่เพิ่งจะหลบขวานไปได้เมื่อครู่
โจวเฉินเองก็ยังคงสงบไม่ต่างกัน เขารีบกระโดดถอยหลังออกไปและหมุนหอกในมือแทงเข้าใส่ช่วงต้นขาของอีกฝ่าย
เนื่องจากเห็นได้ชัดว่าอาวุธของโจวเฉินได้เปรียบด้านระยะ ชายหนุ่มกางเกงในจึงไม่กล้าสู้แบบซึ่งๆหน้า เขาทำได้เพียงกระโดดหลบไปหลบมาและในเวลาเดียวกันก็พยายามใช้ดาบในมือฟันไปที่กลางหอกโดยหมายให้ด้ามหอกถูกฟันจนแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ
ยังไงก็ตามมีหรือที่โจวเฉินจะปล่อยให้เป็นไปตามที่อีกฝ่ายต้องการ? เขาถอนหอกออกมาทันทีทำให้ดาบของชายหนุ่มกางเกงในฟันได้เพียงอากาศเปล่า จากนั้นเขาก็แทงหอกสวนกลับไปอีกครั้งโดยที่คราวนี้เขาเล็งไปที่ลำคอของอีกฝ่าย
ปฏิกิริยาตอบสนองของชายหนุ่มกางเกงในเองก็โดดเด่นไม่แพ้กัน ในช่วงเวลาเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเขาเอนตัวลงและหดหัวเล็กน้อยเพื่อหลบเลี่ยงการโจมตี จากนั้นก็ยกดาบในมือขึ้นมาป้องกันเอาไว้อีกสำรับและรีบถอยไปอยู่ด้านหลังต้นไม้
ยังไงก็ตามหอกในมือของโจวเฉินกลับเร็วยิ่งกว่า ในตอนที่ชายหนุ่มกางเกงในกำลังจะถึงต้นไม้ เพียงเสี้ยวพริบตานั้นหอกของเขาก็แทงเข้าใส่ขาข้างหนึ่งของอีกฝ่ายเสียก่อนทำให้อีกฝ่ายกรีดร้องออกมาและล้มกลิ้งไปบนพื้น
“อ๊า! อย่าฆ่าฉันนะ! อย่าฆ่าฉัน! ฉันยังไม่ได้ฆ่าใครเลยนะ!”
ชายหนุ่มกางเกงในกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ร่างที่นอนกองอยู่บนพื้นกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวพร้อมกระเถิบหนีออกไป ดูแล้วจิตใจเองก็ใกล้จะพังทลายเต็มที
ยังไงก็ตามโจวเฉินกลับไม่ได้ตอบกลับ หอกในมือของเขาแทงทะลุลำคอของชายหนุ่มกางเกงในที่สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวในพริบตาและในเวลาไม่นานต่อมาพื้นดินแทบนั้นก็ถูกย้อมไปด้วยเลือดจำนวนมากมาย
ไม่กี่วินาทีให้หลังโจวเฉินก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากระบบดังขึ้นมา
[พรสวรรค์ช่วงชิงสกิลติดตัวทำงาน : ท่านได้ทำการช่วงชิงสกิลติดตัวของมนุษย์ ‘เสริมแกร่งกายา (ระดับ1)’ ซึ่งระบบตรวจพบว่าความสามารถของมันดีกว่าสกิลเดิมที่ท่านครอบครองอยู่จึงทำการแทนที่สกิลให้โดยอัตโนมัติ]
พริบตาต่อมาโจวเฉินก็รู้สึกได้ว่าร่างกายของเขาร้อนขึ้นและทรงพลังขึ้น
“เจ้าหมอนี่เองก็มีสกิลนี้เหมือนกันสนะ เปิดหน้าต่างค่าสถานะ”
เขาเอ่ยเปิดหน้าต่างตัวละครขึ้นมาดูในทันที
[ชื่อ : โจวเฉิน]
[ร่างกาย : 1.8]
[ความเร็ว : 1.6]
[จิตวิญญาณ : 1.8]
[พรสวรรค์ : ช่วงชิงสกิลติดตัว]
[สกิลติดตัว : พิษซากศพ (ระดับ1) , พิษงู (ระดับ1) , เสริมแกร่งความเร็ว (ระดับ1) , เสริมแกร่งจิตวิญญาณ (ระดับ1) , เสริมแกร่งกายา (ระดับ1) , พลังช้างสาร (ระดับ1) , ศาสตร์การต่อสู้ (ระดับ1) , ศาสตร์การใช้หอก (ระดับ1) , มองเห็นในที่มืด (ระดับ1) , ฟื้นฟูพลังชีวิต (ระดับ1) , หายใจใต้น้ำ (ระดับ1) , กลั้นลมหายใจ (ระดับ1) , ฟื้นฟูร่างกาย (ระดับ1) , แปลงพลังงานแสง (ระดับ1)]
[พลังรบโดยรวม : ทองแดงขั้นต่ำ]
“ค่าสถานะร่างกายของเราเพิ่มขึ้นมาอีก0.1แต้ม สกิลเสริมแกร่งกายาของเจ้าหมอนี่ดูเหมือนจะเพิ่มค่าสถานะร่างกายให้0.5แต้มสินะ เหตุผลที่หมอนี่มีสกิลนี้น่าจะเพราะพรสวรรค์ติดตัวเหมือนกัน”
โจวเฉินรู้มานานแล้วว่าด้านร่างกายของชายหนุ่มนั้นดูจะทรงพลังกว่าคนอื่นๆอยู่มาก แม้จะไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่แต่ก็เสียดายอยู่เล็กน้อยที่ไม่รู้ว่าพรสวรรค์ของเจ้าหมอนี่แท้จริงแล้วคืออะไรกันแน่
เขาย่อตัวลงและใช้หอกในมือกวาดพวกต้นไม้ใบหญ้ารอบๆดูจนพบเข้ากับขวดแก้วขนาดเล็กที่เต็มไปด้วยของเหลวสีแดงอยู่ครึ่งขวด
“โพชั่นฟื้นฟูพลังชีวิตดร็อปแฮะ โชคดีไม่เลว”
เจ้าขวดเล็กนี่ก็คือโพชั่นฟื้นฟูพลังชีวิตนั่นเอง แม้ว่าจะถูกใช้ไปครึ่งนึงแล้วแต่ก็ยังถือว่ามีค่ามาก
จากนั้นโจวเฉินก็หยิบดาบและขวานของชายหนุ่มกางเกงในที่ตกอยู่ไม่ไกลเก็บเข้าใส่ช่องเก็บของไป
ท้ายที่สุดเขาก็มองไปที่ศพของชายหนุ่มกางเกงในที่ทอดร่างแน่นิ่งอยู่บนพื้น หลังจากคิดอยู่ซักพักเขาจึงตัดสินใจลากขาของหมอนี่เข้าไปทิ้งเอาไว้ในส่วนลึกของป่า
หลังจากจัดการรอยเลือดบนพื้นดินแล้วโจวเฉินก็เดินกลับไปยังกองไฟ
กองไฟยังคงรุกโชน หญิงสาวผมหางม้ายังคงนอนหลับสนิทไม่รู้เรื่องราวและชายหนุ่มชุดทหารเองก็ยังคงกรนอยู่เช่นเดิม
โจวเฉินหักกิ่งไม้ที่เก็บได้จากข้างๆและโยนใส่เข้าไปในกองไฟ จากนั้นเขาก็กลับไปอยู่ในท่าเดิมคือเอนกายกับต้นไม้
“เริ่มมืดแล้วหวังว่าเจ้าพวกนี้จะตื่นขึ้นมาทันเวลานะ”
โจวเฉินมั่นใจว่าที่คนทั้งสองหลับไปน่าจะเป็นเพราะต้องพิษจากยานอนหลับบางชนิด ซึ่งที่มาของมันก็น่าจะเป็นเพราะการกินผลไม้พวกนั้นไม่อย่างนั้นก็คงตื่นกันขึ้นมานานแล้ว
“โชคดีที่เราไม่ได้กิน”
โจวเฉินเริ่มรู้ตัวว่ามีบางอย่างผิดปกติก็ตอนที่เขาสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันทางสีหน้าของอีกฝ่ายนั่นเอง ในความเป็นจริงแล้วตอนที่อีกฝ่ายเสนอตัวเป็นคนเฝ้าระวังเพื่อให้คนอื่นๆหลับนั้นเขายังไม่ได้ติดใจอะไร เขายังมองว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นสหายที่เชื่อถือได้ด้วยซ้ำ ไม่คิดเลยว่าชายคนนั้นแท้จริงแล้วกลับมีแผนการชั่วร้ายในใจ
แน่นอนว่าถ้ามองในมุมของผลประโยชน์แล้วโจวเฉินจะเลือกร่วมมือกับอีกฝ่ายและฆ่าคนทั้งสองก่อนจะแบ่งสินสงครามกันก็ย่อมได้ ยังไงก็ตามทางหนึ่งนั้นคือเขาไม่เชื่อใจชายหนุ่มกางเกงในแล้วและในอีกทางก็เพราะเขายังไม่คิดว่าตนเองตกต่ำถึงขั้นนั้น
โจวเฉินไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนดีแต่ก็ไม่ยินดีจะทำเรื่องเลวๆเช่นเดียวกัน มโนธรรมของเขายังไม่ตกต่ำถึงขั้นนั้น
ส่วนที่ตามไล่ล่าชายหนุ่มกางเกงในไปเมื่อครู่นับได้ว่าเป็นด้านไม่ดีของเขา ถ้าเป็นคนดีก็คงเลือกที่จะปล่อยอีกฝ่ายไปเพื่อให้จบด้วยดีทุกฝ่าย ยังไงก็ตามโจวเฉินไม่ได้ใจดีถึงขั้นนั้น...เขารู้สึกว่าถ้าปล่อยอีกฝ่ายไปอีกฝ่ายก็จะกลายเป็นอันตรายและการสังหารฝ่ายย่อมได้ผลประโยชน์ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจลงมือ