Chapter 43 : ไฟ
“ใช่แล้ว คนอื่นๆเองก็คงเจอสถานการณ์เดียวกัน ตอนนี้กระทั่งยืนยันตำแหน่งที่แน่นอนก็ยังยากเลยด้วยซ้ำ”
หลังจากรู้ตัวกันแล้วว่าต้นไม้ในป่าไม่เพียงสามารถโจมตีได้เท่านั้นแต่ยังสามารถขยับได้อย่างเงียบเชียบอีกด้วย สาวน้อยที่รู้ดังนั้นจึงทรายดีว่าการจะไปรวมตัวกับคนอื่นๆนั้นเป็นเรื่องยากเพียงใด
“ออกหาน้ำต่อเถอะ”
โจวเฉินเบนเข็มกลับมายังเป้าหมายเดิม ในเมื่อยังต้องใช้เวลาอยู่ที่นี่อีกตั้งเจ็ดวันการหาแหล่งน้ำจึงเป็นสิ่งจำเป็น
“ในป่าแบบนี้มันจะมีแหล่งน้ำอยู่จริงๆหรอ?”
หญิงสาวถามออกมาด้วยความสงสัย
“ต้องมีสิ”
โจวเฉินตอบกลับอย่างมั่นใจ
“ก็ระบบไม่ได้บอกนี่ว่าการฆ่ามอนสเตอร์พวกมันจะดร็อปน้ำให้เราแถมพวกเรายังต้องใช้เวลาอยู่ที่ป่านี่ตั้งเจ็ดวัน ถ้างั้นมันก็ควรจะต้องมีแหล่งน้ำอยู่แล้ว ระบบไม่มีทางปล่อยให้เราหิวน้ำตายโดยไม่ให้ทางรอดหรอก”
จากประสบการณ์การเอาชีวิตรอดและข้อมูลจากในฟอรั่มโจวเฉินจึงรู้สึกว่าแม้ว่าระบบจะชอบเตะเซอร์ไวเวอร์เข้าไปหาอันตรายอยู่บ่อยครั้งแต่ก็ไม่เคยมอบสถานการณ์สิ้นหวังไร้ทางออกให้กับพวกเขา ระบบมักจะเตรียมทางรอดเอาไว้ให้เซอร์ไวเวอร์เสมอๆอยู่ที่ว่าพวกคุณจะคว้ามันเอาไว้ได้รึเปล่าก็เท่านั้น
คนทั้งสองเลือกออกสำรวจไปยังทิศทางที่ยังไม่เคยไป
หลังจากเดินมาได้ซักพักพวกเขาก็พบว่าแสงสว่างเริ่มน้อยลงเรื่อยๆ
“อีกไม่นานก็คงกลางคืนแล้ว...”
หญิงสาวมองผ่านแมกไม้ขึ้นไปยังท้องฟ้ามืดครึ้มด้านบนและกล่าวออกมา
“นอกจากนี้ดูจากสภาพอากาศแล้วในคืนนี้น่าจะมีฝนไม่ก็หิมะตกลงมา”
โจวเฉินบีบนวดมืดตัวเองที่แดงเล็กน้อยจากความหนาวและเอ่ยเพิ่มเติม
“ก็ดีเหมือนกัน...ถ้าฝนตกก็มีน้ำกินแล้ว”
ดวงตาของหญิงสาวเปล่งประกาย ตอนนี้เธอเองก็เริ่มหิวน้ำขึ้นมาหน่อยๆแล้วเหมือนกัน
“แต่อุณหภูมิในร่างกายของเราอาจจะตกลงอย่างรวดเร็วถ้าเกิดว่ามีฝนหรือหิมะตกลงมาจริงๆ”
โจวเฉินเริ่มคิดแล้วว่าควรจะสร้างที่หลบภัยแบบเรียบง่ายเพื่อหลบลมหลบฝนเสียก่อน เรื่องนี้เองก็สำคัญไม่ต่างจากการหาแหล่งน้ำเลย
“ใบไม้บนต้นไม้ในป่านี้ค่อนข้างมีใบหนาทีเดียวดังนั้นเรื่องนี้น่าจะไม่ใช่ปัญหา”
หญิงสาวย้อนกลับทันควัน
“พวกเราต้องจุดไฟ ตอนนี้เริ่มหนาวขึ้นเรื่อยๆแล้ว”
กระทั่งด้วยสภาพร่างกายในปัจจุบันโจวเฉินก็ยังรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวนักจากสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ เขาจำเป็นต้องจุดไฟเพื่ออบอุ่นร่างกายจริงๆนั่นแหละ
“ฉันจะไปตัดกิ่งไม้มาให้ นายก็ไปหาพวกหญ้าแห้งมาแล้วกัน”
หญิงสาวผมหางม้าสวมใส่ชุดหนังซึ่งให้ความอบอุ่นดีกว่าชุดพรางกายในทะเลทรายของโจวเฉินมากนัก ยังไงก็ตามถ้าลากยาวจนถึงกลางคืนเธอก็คงทนไม่ไหวเหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงกระชับง้าวในมือแน่นและออกตามหาฟืนมาก่อไฟ
โจวเฉินไม่ปฏิเสธข้อเสนอของอีกฝ่าย ยังไงซะงานที่อีกฝ่ายเลือกให้ตัวเองก็ค่อนข้างหนักกว่า โจวเฉินรู้สึกว่าที่อีกฝ่ายมอบงานง่ายๆให้กับเขาเพราะเขามีของสำคัญอย่างไฟแช็กอยู่ในมือนั่นเอง
หลังจากออกสำรวจในป่าที่ค่อยๆมืดลงและมืดลงเรื่อยๆแต่ด้วยสกิลมองเห็นในที่มืดโจวเฉินจึงพบเข้ากับหญ้าที่เหมาะสำหรับการจุดไฟในท้ายที่สุด หรือถ้าจะให้ชัดเจนกว่านั้นก็คือเขาได้รากไม้มาจากพวกพืชหญ้าซึ่งเขาก็ลองใช้ไฟแช็กจุดดูแล้วและพบว่ามันค่อนข้างติดไฟง่ายทีเดียว
หลังจากหญิงสาวผมหางม้ากลับมาในเวลาไล่เลี่ยกันพร้อมกับกองไม้และกิ่งไม้จำนวนมาก โจวเฉินก็หยิบเอากิ่งไม้แห้งที่มีขนาดใหญ่เหมาะมือมากองสุมๆและนำหญ้าแห้งที่เขาพบยัดลงไปใต้ฟืนก่อนจะจุดไฟ ไม่นานนักเปลวเพลิงก็ลุกโหมขึ้นมา
ในป่าอันมืดมิดตอนนี้พวกเขาทั้งสองคนนั่งอยู่รอบกองไฟขนาดเล็กในพื้นที่เล็กๆที่ไร้ซึ่งสิ่งใด
“ภารกิจเซอร์ไววัลครั้งนี้ค่อนข้างเงียบดีนะ จนถึงตอนนี้พวกเรายังไม่เจอกับมอนสเตอร์เลยซักตัว”
หญิงสาวที่นั่งอยู่บนกองหญ้าแห้งและกำลังผิงไฟเพื่ออบอุ่นร่างกายกล่าวขึ้นมา
โจวเฉินที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของอีกฝ่ายเมื่อได้ยินคำกล่าวเขาก็หันหัวไปสำรวจบริเวณรอบๆก่อนจะมองขึ้นไปด้านบน
“ตอนนี้ยังไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรจริงๆนั่นแหละแต่ถ้าอิงจากรูปแบบของระบบแล้วมอนสเตอร์ควรจะปรากฏตัวในคืนนี้นี่แหละ”
ในป่าอันมืดมิดทำให้โจวเฉินรู้อย่างชัดเจนว่าสกิลมองเห็นในที่มืดของเขาทำงานอยู่รึเปล่า เขาสามารถมองเห็นออกไปได้ไกลกว่าจุดที่แสงไฟส่องถึง หลังจากตรวจสอบบริเวณรอบๆอยู่ซักพักเขากลับยังไม่เห็นสิ่งใดผิดปกติ
“ถ้างั้นก็ให้พวกมันมาเถอะ ง้าวของฉันยังไม่ได้ดื่มเลือดเลย”
หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่แยแส เจ้าหล่อนปาดนิ้วเรียวยาวของตนไปบนปลายง้าวจนใบง้าวนั้นสะท้อนแสงแวววาวละเล่นแสงไฟ
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า คนทั้งสองที่นั่งผิงไฟอยู่ตลอดก็คอยเติมฟืนเข้าไปเรื่อยๆเพื่อไม่ให้ไฟมอดลง บรรยากาศตอนนี้ค่อนข้างเงียบสงัดทีเดียว
แต่ทันใดนั้นเสียงย่างเท้าแผ่วเบาก็ดังขึ้นทำลายความเงียบลง
“มีการเคลื่อนไหว”
หญิงสาวยืนขึ้นกระชับง้าวในมือแน่นและมองไปยังทิศทางที่มาของเสียง
โจวเฉินเองก็มองไปยังทิศทางนั้นในเวลาเดียวกัน แต่เขาไม่เหมือนกับหญิงสาวที่ขมวดคิ้วเพราะมองไม่เห็น ด้วยสกิลมองเห็นในที่มืดของเขาเขาจึงรู้ว่าผู้มาใหม่นั้นคือมนุษย์ที่ร่างกายถูกปกคลุมไปด้วยใบไม้ ดูจากลักษณะแล้วน่าจะเป็นชายหนุ่มกางเกงใน
ใช้เวลาไม่นานนักชายหนุ่มกางเกงในที่ตอนนี้ร่างกายถูกปกคลุมไปด้วยใบไม้ในที่สุดก็เดินมาจนถึงพวกเขา เมื่อมาถึงเขาก็ยกขวานในมือขึ้นมาป้องกันการโจมตีจากง้าวของหญิงสาวผมหางม้าเอาไว้
“หยุดก่อน! พวกเดียวกัน!”
หลังจากป้องกันการโจมตีของหญิงสาวได้แล้วเขาก็รีบเผยตัวออกมาทันที จากนั้นเมื่อเห็นว่าสถานการณ์สงบดีแล้วชายหนุ่มก็รีบย่อตัวลงหน้ากองไฟและเหยียดมือออกไปเพื่อคลายความหนาว
“เกือบจะแข็งตายอยู่แล้ว ดีนะที่เจอพวกนาย”
“เป็นนายนี่เอง...โชคของนายนี่ดีไม่เบาเหมือนกันนะ”
หญิงสาวลดง้าวลงเมื่อจดจำคนผู้นี้ได้
“ฝั่งเราน่าจะเป็นฝั่งเดียวที่มีไฟใช้”
หญิงสาวกล่าวออกมาอย่างภูมิใจ
ในเวลานี้โจวเฉินกำลังนั่งตรวจสอบชายหนุ่มกางเกงในอยู่อย่างเงียบๆ
‘หมอนี่ต้องเปลือยกายหนาวอยู่กลางป่าหนาวๆตั้งนานแต่กลับไม่มีบาดแผลจากการโดนความหนาวกัดเลยมีเพียงแค่รอยจ้ำแดงๆเท่านั้น ค่าสถานะร่างกายของเขาน่าจะสูงไม่เบา’
“ช่วยเอาของที่เจอวันนี้ออกมาแชร์หน่อยได้ไหม? ยกตัวอย่างเช่นพวกน้ำหรืออะไรทำนองนั้น”
โจวเฉินรู้สึกว่าอีกฝ่ายจำเป็นต้องมีอะไรมาแลกกับการได้ผิงไฟบ้างดังนั้นเขาจึงเอ่ยถามขึ้นมา
“น้ำหรอ? ยังไม่เจอเลยนี่สิ”
ชายหนุ่มส่ายหัวทันทีหลังจากได้ยินคำถามของโจวเฉิน
“อย่างเดียวที่ฉันเจอก็มีแค่ผลไม้นี่แหละ รสชาติมันโคตรจะแย่เลยแต่ก็พอจะฟื้นฟูระดับน้ำในร่างกายกับพลังงานได้อยู่บ้าง”
“ไหนขอดูหน่อยซิ”
หญิงสาวเกิดความสนใจขึ้นมาทันที
“ฉันกินไปหมดแล้ว...”
ชายหนุ่มกางแขนสื่อความหมายประมาณว่า ‘ช่วยไม่ได้นี่น่า’
“กินไปหมดแล้ว? นายไม่กลัวว่าพวกมันจะมีพิษบ้างหรือไง?”
โจวเฉินถามออกมาด้วยความสงสัย
“คงบอกได้แค่ว่าด้วยพรสวรรค์ของฉัน โอกาสที่ฉันจะโดนพิษจากอาหารเลยค่อนข้างต่ำมาก”
ชายหนุ่มยิ้มตอบ
“เข้าใจละ”
โจวเฉินพยักหน้ารับเบาๆแต่ก็คิดกับตัวเองว่า ‘ฟังจากคำพูดของหมอนี่แล้วอาจจะบอกว่าสิ่งที่หมอนี่กินได้คนอื่นอาจจะกินไม่ได้ก็ได้’
ในระหว่างที่กำลังคิดสะระตะอยู่นั้นสัมผัสอันเฉียบคมก็เขาก็พลันจับสัมผัสถึงอะไรบางอย่างได้จากทางด้านหลัง เขารีบกลิ้งหลบไปด้านข้างทันทีโดยไม่ลังเล
“มีอะไรหรอ?”
หญิงสาวผมหางม้ามองมาที่โจวเฉินด้วยแววตาประหลาดใจเมื่อเห็นว่าจู่ๆอีกฝ่ายก็กลิ้งไปบนพื้นเสียอย่างนั้น
“มีอะไรบางอย่างคิดจะโจมตีฉัน”
โจวเฉินยืนขึ้นและมองไปด้านหลัง
“ไม่จริงมั้ง?”
ชายหนุ่มกางเกงในเองก็มองตรวจสอบรอบๆเช่นเดียวกัน
“ฉันมองไม่เห็นว่าจะมีตัวอะไรเข้ามาเลยนะ”