บทที่ 31: เซียนยืนอยู่ต่อหน้าท่าน แต่ท่านไม่เห็นเขา
บทที่ 31: เซียนยืนอยู่ต่อหน้าท่าน แต่ท่านไม่เห็นเขา
ฮุ่ยฉีเดินตามหลังซุยเฮ็งไปในขณะที่เขามองดูเศษซากปรักหักพังรอบข้างไปด้วย มันไม่มีอะไรน่าตกใจไปมากกว่านี้อีกแล้ว
ปรมาจารย์เซียนเทียน!
นี่คือปรมาจารย์เซียนเทียนอย่างแน่นอน!
แม้ว่าขอบเขตประตูลึกล้ำจะอยู่สูงพอจะทำให้คนๆ หนึ่งกลายเป็นปรมาจารย์ได้แล้ว แต่มันก็ยังมีขอบเขตเซียนเทียนที่อยู่เหนือกว่าอีกทีหนึ่ง!
หลังจากเปิดประตูอันลึกล้ำและรับรู้ทั้งภายในและภายนอกสำเร็จ พวกเขาก็จะสามารถดูดซับพลังปราณสวรรค์และปฐพีเข้าสู่ร่างกายและสามารถปรับแต่งมันเป็นปราณแท้เซียนเทียนได้ และเมื่อถึงเวลานั้น พวกเขาก็จะสามารถควบคุมพลังแห่งธรรมชาติได้
พวกเขาสามารถควบคุมเมฆลมและสายฟ้าและแสดงศาสตร์วรยุทธ์ที่น่าเหลือเชื่อทุกประเภทออกมาได้ นอกจากนี้ พวกเขาก็ยังสามารถควบคุมพลังที่มองไม่เห็นและควบคุมสภาพแวดล้อมโดยรอบได้
ในตอนแรก ฮุ่ยฉีก็ยังคงสงสัยว่าซุยเฮ็งได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทียนแล้วหรือยัง
ท้ายที่สุดแล้ว แม้ว่าอีกฝ่ายจะสามารถควบคุมพลังปราณที่มองไม่เห็นและสามารถสร้างพายุลูกเล็กขึ้นได้ แต่กระนั้นขอบเขตเซียนเทียนก็ยังไม่ใช่ขอบเขตที่คนเราจะสามารถเข้าถึงได้โดยง่าย!
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเห็นสิ่งนี้ ใบหน้าของเขาก็ซีดเซียวลงมาก
มันคือขอบเขตเซียนเทียนจริงๆ!
และมันก็ยังเป็นจอมยุทธ์ขอบเขตเซียนเทียนรุ่นเยาว์!
นี่มันสัตว์ประหลาดอะไรกันเนี่ย?!
เขาสูญเสียความคิดและสามัญสำนักไปชั่วขณะหนึ่ง!
เขาได้ไปหาเรื่องคนที่ไม่ควรเข้าให้แล้ว!!!
…
เมื่อซุยเฮ็งเดินออกมาจากคุกใต้ดิน มันก็เป็นเวลากลางคืนแล้ว
พระจันทร์ส่องแสงลงมายังผืนดินและทำให้มองเห็นทางเดินในตอนกลางคืน
อย่างไรก็ตาม ต้าจินก็มีกฎเรื่องเวลา ดังนั้นในเวลานี้ มันจึงไม่มีคนเดินเท้าบนถนน ยกเว้นก็แต่ทหารยามที่เดินลาดตระเวนในเวลากลางคืน
นักโทษประหารคนอื่นๆ พยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะซ่อนตัวในมุมมืดและแอบหลบหนีไปอย่างลับๆ
อย่างไรก็ตาม ซุยเฮ็งนั้นก็แตกต่างออกไป เขาพาฮุ่ยฉีกับชายชราเดินตรงไปตามท้องถนนอย่างเปิดเผย
เขาไม่ได้กลัวที่จะถูกค้นพบเลย
ในขณะเดียวกัน ฮุ่ยฉีกับชายชราที่กำลังเดินติดตามซุยเฮ็งไปก็ไม่สามารถทำความเข้าใจในการกระทำของเขาได้
แม้ว่าความแข็งแกร่งของปรมาจารย์เซียนเทียนจะไร้เทียมทานและมีคู่ต่อสู้ไม่กี่คนบนโลก แต่เขาไม่กลัวว่าผู้ว่าการมณฑลจะหลบหนีออกไปก่อนบ้างหรอ?
อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าพวกเขาก็ค้นพบคำตอบของคำถาม
คุกใต้ดินที่พวกเขาอยู่นั้นไม่ได้อยู่ใกล้กับสำนักงานเทศมณฑล พวกเขาต้องข้ามถนนยาวอีกสองเส้นเพื่อไปให้ถึงที่นั่น
แน่นอนว่าด้วยระยะทางดังกล่าว มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะสามารถหลบซ่อนตัวจากทหารยามที่เดินลาดตระเวนได้
และเป็นไปตามคาด ไม่นาน ซุยเฮ็งก็ได้พบเข้ากับกลุ่มของทหารยามสามคน
อย่างไรก็ตาม ทหารยามทั้งสามคนก็กลับทำราวกับว่าพวกเขามองไม่เห็นอะไรเลย พวกเขาไม่แม้แต่จะชายตามองมาที่พวกเขาด้วยซ้ำ
การปรากฏตัวของพวกเขาถูกเพิกเฉยราวกับว่าพวกเขาไม่มีตัวตน!
ไม่มีทหารยามแม้แต่เพียงคนเดียวที่หยุดมองดูพวกเขาจนกระทั่งพวกเขามาถึงสำนักงานเทศมณฑล
ฮุ่ยฉีและชายชรารู้สึกเสียวซ่านไปทั่วตัว จิตใจของพวกเขายุ่งเหยิง สถานการณ์นี้อยู่เหนือจินตนาการของพวกเขาไปอย่างสิ้นเชิง
“ชายคนนี้จะทำให้ข้ากลายเป็นบ้าอยู่แล้ว!” ฮุ่ยฉีมองไปที่ซุยเฮ็งด้วยความหวาดกลัว เขารู้สึกราวกับว่าเขากำลังมองเห็นผี
‘ แต่เขาทำแบบนั้นได้ยังไงกัน?’
แม้แต่ปรมาจารย์เซียนเทียนก็ยังไม่อาจทำสิ่งแปลกประหลาดเช่นนี้ได้
“นี่มันน่าทึ่งเกินไปแล้ว! เขาเป็นใครกันแน่? แล้วทักษะเหล่านี้มันคืออะไร?” ดวงตาของชายชราเป็นประกายในขณะที่เขามองไปทางซุยเฮ็ง
“มันคือที่นี่สินะ” ซุยเฮ็งกล่าวพลางชี้ไปที่ประตูสำนักงานเทศมณฑล
“ใช่แล้ว” ฮุ่ยฉีบังคับตัวเองให้สงบลงและพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น
“งั้นพาข้าไปหาเขาได้แล้ว” ซุยเฮ็งพูดด้วยรอยยิ้ม
“ตะ.. แต่เราล่องหนอยู่ไม่ใช่หรอ?” เสียงของฮุ่ยฉีสั่นเทา
ผู้คนมักเกิดความกลัวเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่อยู่เหนือความเข้าใจของพวกเขา และตอนนี้เขาเองก็กำลังอยู่ในสถานการณ์นั้น
“ตอนนี้เรากลับมาเป็นปกติแล้ว” ซุยเฮ็งกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
อันที่จริง ทักษะการล่องหนนี้ก็เป็นเรื่องที่ง่ายมากสำหรับเขา มันไม่ใช่คาถาเวทย์ด้วยซ้ำ
แก่นแท้ทองคำถูกสร้างขึ้นจากเปลวเพลิงที่แท้จริงที่ถูกจุดขึ้นมาจากพลังแห่งสวรรค์และปฐพี มันแผดเผารากฐานแห่งเต๋าและหลอมรวมกันจนกลายเป็นแก่นแท้ทองคำ
และด้วยเหตุนี้เอง พลังของแก่นแท้ทองคำจึงมีพลังแห่งกฎแฝงอยู่ในตัวโดยธรรมชาติ
ประสาทสัมผัสทั้งห้าของคนทั่วไปคือการรับรู้โลกภายนอก ซุยเฮ็งก็แค่ต้องปลดปล่อยพลังของเขาออกมาเพื่อบิดเบือนกฎของโลกภายนอก และด้วยวิธีนี้ เขาก็จะสามารถป้องกันไม่ให้คนอื่นเห็นเขาได้
มันง่ายมาก
…
ในขณะนี้ ในสวนด้านหลังของสำนักงานเทศมณฑล
หยานเฉิงผู้ว่าการมณฑลก็กำลังนั่งตกปลาอยู่ภายใต้แสงจันทร์ นี่เป็นวิธีการพักผ่อนและปรับสภาพจิตใจของเขา
เมื่อ 20 ปีก่อน เขาก็ได้กลายเป็นปรมาจารย์ขอบเขตเปลี่ยนปราณแล้ว
สิ่งที่เขาต้องทำต่อไปก็คือการหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณของเขา เปิดประตูอันลึกล้ำ บรรลุการเชื่อมต่อระหว่างโลกภายในและภายนอก และก้าวเข้าสู่ขอบเขตประตูลึกล้ำ
จอมยุทธ์ขอบเขตประตูลึกล้ำนั้นหายากมากในมณฑลลู่ทั้งหมด
ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงไม่เคยสนใจเกี่ยวกับปัญหาภายในมณฑลขนาดเล็กแห่งนี้เลย เขาทิ้งปัญหาต่างๆ เหล่านั้นไว้ให้กับฮุ่ยฉีเป็นคนจัดการ
สิ่งเดียวที่สามารถกระตุ้นความสนใจของหยานเฉิงได้นั้นมีเพียง “เคล็ดวิชาลับกระบี่โผนอรุณ” ของตระกูลหลี่ในเมืองเซียงซี
นั่นคือมรดกสูงสุดที่ถูกทิ้งไว้ในโลกยุทธ์เมื่อกว่าร้อยปีก่อนก่อนที่สำนักเซียนอรุณจะปิดผนึกภูเขาของตน มันบันทึกความลับของขอบเขตสัมผัสโลกาที่อยู่เหนือขอบเขตเซียนเทียนเอาไว้
มันเป็นเคล็ดวิชาลับที่จะสามารถช่วยให้ผู้คนก้าวไปสู่จุดสูงสุดของโลกยุทธ์ได้!
“ท่านผู้ว่า มีบางอย่างเกิดขึ้นแล้ว!”
ในขณะนี้ ผู้หญิงร่างผอมเพรียวในชุดดำก็เดินออกมาจากเงามืด
เธอโค้งคำนับด้วยความเคารพและพูดเสียงเบาว่า “คุกใต้ดินได้พังทลายลงไปแล้ว ยอดฝีมือขั้นหนึ่งจากตระกูลหลี่และลู่เจิงหมิงได้หายตัวไปแล้ว”
“แล้วฮุ่ยฉีล่ะ?” ดวงตาของหยานเฉิงหดแคบลง
“เขาเองก็หายตัวไปเช่นกัน” หญิงในชุดดำส่ายหัวเล็กน้อยและพูดต่อว่า “ข้าพบร่องรอยการต่อสู้มากมายในคุกใต้ดิน ข้าเกรงว่ายอดฝีมือผู้นั้นจะได้ทำการต่อสู้กับฮุ่ยฉี”
“ลู่เจิงหมิงเองก็หายตัวไปเช่นกัน เป็นไปได้ไหมว่าตาเฒ่านั่นจะได้ฟื้นพลังของเขาขึ้นมาแล้ว?” หยานเฉิงขมวดคิ้วและพูดต่อว่า “ออกคำสั่งลงไป ค้นหาพวกมันให้ทั่วเมือง มันจะต้องไม่มีใครหนีออกไปได้!”
“รับทราบ!” หญิงในชุดดำพยักหน้าและพูดอย่างเป็นกังวลว่า “อย่างไรก็ตาม ยอดฝีมือจากตระกูลหลี่ก็อาจจะเป็นสามารถเป็นจอมยุทธ์ขอบเขตควบรวมปราณก็ได้ เพราะไม่อย่างนั้น ฮุ่ยฉีก็คงจะจัดการเขาได้ไปแล้ว”
“นั่นไม่สำคัญหรอก ไม่ว่าเขาจะเป็นหรือไม่ แต่มันก็ยังไม่สำคัญอะไรอยู่ดี” หยานเฉิงวางคันเบ็ดในมือของเขาลงและยืนขึ้น เขาตะคอกและพูดว่า “แม้ว่าเขาจะเป็นจอมยุทธ์ขอบเขตเปลี่ยนปราณและมีวรยุทธ์เหนือกว่าท้องนภา แต่เขาก็ยังไม่คู่ควรจะสู้กับผู้ว่าการคนนี้!”
หลังจากอยู่ในขอบเขตเปลี่ยนปราณมาเป็นเวลา 20 ปี เขาก็อยู่ห่างจากขอบเขตประตูลึกล้ำเพียงอีกแค่ก้าวเดียวเท่านั้น และด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงมั่นใจในความแข็งแกร่งของเขาเป็นอย่างมาก
“แน่นอน ท่านผู้ว่าการต้องแข็งแกร่งที่สุดอยู่แล้ว” หญิงในชุดดำกล่าวชื่นชม เธอกำลังจะพูดต่อไป แต่แล้วเธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น ดังนั้นเธอจึงหันหลังและพยายามจะหลบออกไป
เธอเป็นสายลับ ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้
“ไม่จำเป็นต้องหลบ นั่นคือฮุ่ยฉี”
หยานเฉิงหยุดเธอ จากนั้นเขาก็มองไปที่ฮุ่ยฉีที่มาคนเดียว รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “ดูจากรูปลักษณ์ของเจ้าแล้ว มันก็ดูเหมือนว่าเจ้าจะประสบเข้ากับเคราะห์หนักมาเลยสิท่า เอาเถอะ แล้วเจ้าได้รับเคล็ดวิชาลับมาไหม?”
ฮุ่ยฉียังคงได้รับบาดเจ็บสาหัส เขามองไปทางด้านข้างที่ไม่มีใครอยู่ราวกับว่าเขากำลังรอการอนุมัติจากใครบางคน จากนั้นเขาก็ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “ท่านผู้ว่าการ มีสุภาพบุรุษท่านหนึ่งขอให้ข้านำข้อความมาส่งถึงท่าน…”