ตอนมี่ 13-25 ความตายแฝงลึกลับ?
ลินลี่ย์หัวเราะและกล่าว “ลูกของเจ้าตอนนี้อยู่ห่างเราออกไปทางใต้ราวๆ สามกิโลเมตร”
“ราวสามกิโลเมตรไปทางใต้?”ชาวทุ่งราบผู้นั้นสีหน้าเปลี่ยนไปมาก “นั่นคือยอดเขาเขาคู่ไม่ใช่หรือ?”
“ยอดเขาเขาคู่?” ลินลี่ย์งงเล็กน้อยแต่สัมผัสเทพของเขาพบว่าในสถานที่นั้นอยู่ใกล้กับเด็ก มีภูเขาซึ่งมียอดดูแปลกประหลาดมาก บนยอดเขาแยกเป็นสองส่วนบางอาจถูกลมกัดกร่อนมาหลายปีและมีรัศมีอยู่เพียงลำพังที่นั่นเท่านั้น มียอดเขาสองยอดมองดูเหมือนกับเขาของแพะ
บีบีกล่าว “ใช่แล้วไม่ไกลจากเด็กมีภูเขาที่มียอดเหมือนกับเขาแพะสองลูก”
ชาวทุ่งราบคุกเข่าทันทีและโขกหัวกับพื้น “ใต้เท้า, ได้โปรดช่วยลูกข้าด้วยยอดเขาเขาคู่คือพื้นที่อันตรายของเทือกเขามรณะ” บิดาผู้นี้กังวลเรื่องลูกชายของเขาอย่างเห็นได้ชัด เขาโขกศีรษะจนกระทั่งหน้าผากของเขาเป็นแผลพื้นดินเปรอะไปด้วยเลือดของเขา
พลังเทพรอบตัวลินลี่ย์แผ่ออกไปทำให้ชายชาวทุ่งราบนั้นไม่สามารถโขกศีรษะได้อีกต่อไป
“เราจะช่วยลูกเจ้า” ลินลี่ย์เอามือแตะไหล่บุรุษชาวทุ่งราบและแผ่พลังงานมุกชีวิตไปที่บุรุษชาวทุ่งราบรักษาบาดแผลเล็กๆที่หน้าผากของเขาทันที
ชาวทุ่งราบผูนั้นตระหนักว่าแผลบนหน้าผากของเขาได้รับการรักษาก็ยิ่งมั่นใจว่าสองคนนี้ที่อยู่ต่อหน้าเขาเป็นยอดฝีมือทีเหลือเชื่อ พวกเขาอาจเป็นเซียนในตำนานก็ได้ ชายชาวทุ่งราบมองดูลินลี่ย์และบีบีตาของเขาเปี่ยมไปด้วยควาหวัง
“รอสักเดี๋ยว” ลินลี่ย์กล่าวและจากนั้นเขากับบีบีก็เคลื่อนไหวและหายวับไปต่อหน้าต่อตาบุรุษชาวทุ่งราบ
บุรุษชาวทุ่งราบกอดแขนแนบอก ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตา “ลูกข้าจะได้รับการช่วยเหลือแล้ว”
ยอดเขาเขาคู่ เทือกเขามรณะ
“ลมที่ยอดเขาเขาคู่รุนแรงและแปลกประหลาดมาก” บีบีระบายลมหายใจ
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องแปลกที่ลมภูเขาจะพัดรุนแรง แต่ลมภูเขาที่นี่ดูไม่ธรรมดาอย่างมาก ลมพัดแรงส่งเสียงโหยหวนเต็มยอดเขาเขาแพะแต่หลังจากเข้ามาในพื้นที่ มันไม่เกิดเสียงอีกต่อไป เหมือนกับว่ายอดเขาเขาแพะสามารถกลืนซับลมได้
โชคดีที่เด็กยังคงอยู่ในระยะห่างจากยอดเขาเขาแพะ
“บิดาของเขากำลังแตกตื่นห่วงใยตามหาเขา แต่เจ้าหนูนี่กลับแอบเข้ามาที่นี่” บีบีและลินลี่ย์ยืนอยู่ใกล้เด็กสวมชุดแดง หน้าของเด็กชาวทุ่งราบนี้แดงและเขาสวมหมวกอ่อน เด็กน้อยร้องไห้น้ำตานอง
ดูเหมือนว่าหลังจากหลงทางเด็กน้อยหวาดกลัวและเตลิดวิ่งหาบิดาของเขา
แต่ในพื้นที่ภูเขา ยากจะระบุตำแหน่งได้ แม้แต่ผู้ใหญ่ผู้ไม่คุ้นเคยกับที่นี้ก็ยังหลงได้ง่ายอย่าว่าแต่เด็ก
“เฮ้” บีบีบีบจมูกเขาแผ่วเบา
“อืมมม...” เด็กที่กำลังหลับย่นจมูกของตน เพราะเขาหายใจไม่ออกจึงตื่นขึ้น ตอนนี้ บีบีจึงปล่อยเขา เมื่อเห็นลินลี่ย์กับบีบีดวงตาของเด็กเปี่ยมแววดีใจทันที
“พี่ชาย, ช่วยข้าตามหาพ่อที ข้าหาพ่อไม่เจอ” เด็กเริ่มร้องไห้ทันที
“เจ้าเด็กร้ายกาจ ต่อไปอย่าได้เที่ยววิ่งซนวุ่นวายอีก เข้าใจไหม?” บีบียิ้ม
“ข้าแค่วิ่งไล่กระต่ายป่า ข้าจำถนนได้ เพียงแต่หลังจากนั้นเพราะอะไรไม่รู้ข้าหาพ่อไม่เจอเลยไม่ว่าจะพยายามยังไงก็ตาม ข้าวิ่งหาทุกที่แต่จากนั้นก็มืดค่ำ ข้าหามานานและตอนกลางคืนมันมืดจริงๆ และข้าก็เริ่มหิว ก็เลยเผลอหลับ” เด็กน้อยจ้องมองบีบีด้วยตากลมโตพลางสะอื้น
“มาเถอะ, เดี๋ยวพี่จะเจ้าไปพบกับพ่อ” บีบีกอดเขาไว้ในอ้อมแขน
ลินลี่ย์และบีบีเหาะขึ้นไปในอากาศ แม้ว่าระยะสามกิโลเมตรจะมีระยะห่างจากจุดที่บิดาของเด็กอยู่ ถ้าพวกเขาเดินจริงๆ ไปตามเส้นทางในภูเขา พวกเขาจะต้องเดินอย่างน้อยสิบกิโลเมตรจึงจะไปถึงจุดที่บิดาของเด็กอยู่
“ข้าสงสัยจริงๆ ว่าเด็กคนนี้ต้องอดทนมากเพียงไหน” ลินลี่ย์ลอบถอนหายใจ
“โหว...” เด็กน้อยตาโตทันที
เด็กอยู่ในอ้อมแขนของบีบีและบินอยู่ในอากาศ เห็นได้ชัดว่าเจ้าเด็กน้อยนี่ไม่เคยบินในอากาศมาก่อน ตอนนี้เขาตื่นเต้นจนควบคุมตัวเองไม่ได้และลืมไปว่าเขาน่าสงสารเพียงไหน “ข้ากำลังบิน โอว.. พี่ชาย, ท่านสุดยอดจริงๆ”
บีบียิ้มกว้าง ตาของเขามีแววอ่อนโยนเล็กน้อย
“พ่อ, ข้าเห็นพ่อแล้ว” เด็กชี้ไปที่ร่างหนึ่งข้างล่างทันที เห็นได้ชัดว่าชายชาวทุ่งราบก็เห็นลินลี่ย์ บีบีและลูกของเขาเช่นกัน ชาวทุ่งราบนั้นโบกมือให้พวกเขาด้วยความซาบซึ้งขอบคุณทันที
ลินลี่ย์และบีบีลงมายืนบนพื้น
“ไปหาพ่อเจ้าซะ” บีบีปล่อยเด็กลงกับพื้น
“พ่อ” เด็กน้อยวิ่งไปหาบิดาทันที
ชาวทุ่งราบเริ่มร้องไห้ด้วยความโล่งอกและดีใจ เขากอดลูกชายพลางพูดขึ้น “เจ้าหนู,เจ้าทำให้พ่อกลัวแทบตาย ข้าบอกเจ้าแล้วว่าอย่าวิ่งซุกซน แต่เจ้าก็ยังวิ่งพล่านไปทั่ว” ขณะที่เขาพูดชายชาวทุ่งราบก็ยังร้องไห้ต่อ เพราะลูกคนเดียวเขาต้องตามหาลูกตั้งแต่เมื่อวานจนกระทั่งวันนี้ใช้เวลาทั้งคืนกับอีกครึ่งวัน
“ข้าจะไม่วิ่งซุกซนอีกแล้ว” เด็กกล่าวทันที
“เร็วเข้า ไปที่นั่นและขอบคุณใต้เท้าทั้งสอง” ชายชาวทุ่งราบได้ยินมาว่าเซียนสามารถเหาะได้ ทั้งสองคนที่อยู่ต่อหน้าเขาสามารถบินได้ เป็นไปได้มากว่าพวกเขาจะต้องเป็นเซียนชายชาวทุ่งราบฉุดดึงลูกชายมาด้วยทันที คุกเข่าและพูดขอบคุณ
“ขอบคุณพี่ชายทั้งสอง” เด็กน้อยพูดขึ้นทันที
ลินลี่ย์และบีบีหัวเราะทั้งคู่ ความจริงการเดินทางครั้งนี้พวกเขาช่วยคนไม่กี่คน
“ต่อไปต้องเชื่อฟังพ่อเจ้านะ แล้วทุกอย่างจะดีเอง” ลินลี่ย์หัวเราะ “เอาเถอะ เราจะเดินทางต่อเหมือนกัน”
เด็กคนนั้นรีบกล่าว “พี่ชายทั้งสอง ข้าชื่อวอล์ช ต่อไปในอนาคต ข้าจะต้องตามหาท่านทั้งสองข้าจะต้องเหาะเพื่อตามหาท่านทั้งให้ได้” ลินลี่ย์และบีบีหัวเราะทั้งคู่ และจากนั้นทั้งสองฝ่ายล่ำลากันลินลี่ย์และบีบีจึงแยกจากมา
ลินลี่ย์กับบีบีมุ่งหน้าไปที่ภูเขาเขาแพะคู่นั้น ภูเขาเขาแพะคู่มองเห็นได้ชัดว่ามีความลับอยู่ในนั้น ลินลี่ย์กับบีบีจะต้องไปสืบดูเป็นธรรมดา
“เด็กคนนั้นตอนนี้ยังน่ารักมาก” บีบีกล่าวและลินลี่ย์ถอนหายใจ “เมื่อเห็นบิดาและลูกชายเขาทำให้ข้าคิดถึงซีน่า”
“ซีน่า?” บีบีค่อนข้างประหลาดใจ
ลินลี่ย์พยักหน้าและกล่าว “เมื่อตอนที่ผนึกของเขื่อนเกรทโบธาเปิดออก โอจวินมาถึงทวีปยูลานและทำลายวังหลวงของจักรวรรดิบาลุคเรา เวลานั้นมีคนในวังหลวงรอดชีวิตอยู่สองคนคือซีน่าและอังเก้ คนอื่นตายหมด คาสลูกของซีน่าก็ตายเช่นกันแม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานซีน่าก็ยังรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างหนักกับเรื่องนี้”
นักรบเลือดมังกรมีผู้สืบเชื้อสายน้อยอยู่แล้ว แม้ว่าจะผ่านไปยี่สิบปีแล้ว ซีน่ามีภรรยาใหม่แต่เขายังไม่มีลูก
ในใจของเขา ซีน่ายังคงมีความเกลียดต่อโอจวิน
เดิมทีเมื่อโอจวินโจมตีและสองพี่น้องจ้าวมุสิกม่วงทองตอบโต้ทั้งสองคนมีโอกาสฆ่าโอจวิน อย่างไรก็ตามเวลานั้นลินลี่ย์กับซีน่ายังตกตะลึงกับการปรากฏตัวของยอดฝืมือลึกลับทั้งคู่
พวกเขาจะกล้าขอร้องให้ยอดฝีมือนั้นฆ่าโอจวินได้ยังไง?
หลังจากกลุ่มของโอจวินจากไปแล้วโอจวินยังคงหลบซ่อนอยู่ภายในเมืองหลวงของจักรวรรดิโอเบรียนทำให้ฝ่ายของลินลี่ย์ไม่มีโอกาสล้างแค้น
“ความแค้นนั้นจะต้องชำระ” บีบีพยักหน้า “ในอนาคตเมื่อเรามีโอกาส, เราจะไม่ยอมปล่อยให้โอจวินหลบลี้แน่”
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
เพียงแต่ตอนนี้ เขายังไม่มีพลังพอฆ่าโอจวิน
“เรามาถึงแล้ว ยอดเขาเขาแพะคู่” บีบีกล่าว
มีหุบเขาอยู่ใต้ยอดเขาเขาแพะคู่ สายลมพัดเหมือนกับเสียงคำรามของสัตว์ร้าย แต่เมื่อเข้าไปในหุบเขา กลับแปลกประหลาดมาก ไม่มีเสียงที่สามารถได้ยินได้จากลมภูเขาที่ทรงพลังเลย
ลินลี่ย์กับบีบีเป็นยอดฝีมือ ไม่มีอะไรต้องกลัว พวกเขามุ่งหน้าตรงไปที่หุบเขา สายลมไม่พัดใส่เขาเลยสักนิด
“มีโครงกระดูกอยู่ไม่กี่กองอยู่ในหุบเขานี้” บีบีพูดพลางขมวดคิ้ว
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย ผนังหุบเขาของที่นี้ไม่ค่อยเรียบนัก บางส่วนยื่นออก บางส่วนมีรอยแยก...ทั่วทั้งหุบเขาแปลกประหลาดไปหมดและเสียงโหยหวนของสายลมได้ยินมาจากทางเข้า อย่างไรก็ตาม เมื่อลินลี่ย์และบีบีเดินลึกเข้าไปในหุบเขา พวกเขาไม่สามารถได้ยินเสียงอะไรแม้แต่น้อย
“แปลก แปลกจริงๆ” บีบีเม้มปาก
ลินลี่ย์ขมวดหน้าผาก และเขาเดินตรงเข้าไปอย่างระมัดระวัง
“มีศพอยู่มากมาย ใครจะรู้กันว่าที่นี่มีคนตายอยู่เท่าใด” ลินลี่ย์จ้องมองซากกระดูกที่อยู่ห่างออกไปสิบกว่าเมตร เห็นได้ชัดว่ามีอยู่ตรงนั้นมาเป็นเวลานานแล้ว
“หือ?” ทันใดนั้นลินลี่ย์รู้สึกว่าใจของเขาสั่นและเกิดอาการวิงเวียนศีรษะ
“ใครบางคนกำลังลอบทำร้ายเรา?” ลินลี่ย์ฟื้นคืนสติทันที เขาตกใจอย่างหนักและแผ่พลังเทพไปในร่างของเขาทันที
“บีบี, ระวังให้ดี” ลินลี่ย์เตือนทันที
ตอนนี้เขาเดินทางด้วยร่างหลักของเขา แม้ว่าตั้งแต่ร่างหลักของเขาจะดูดซับมุกวิญญาณทอง พลังของร่างหลักของเขาเพิ่มขึ้นมากกว่าร่างแยกศักดิ์สิทธิ์มากมาย ขนาดที่ร่างหลักลินลี่ย์ทรงพลังมากขนาดนั้นแต่ลินลี่ย์ในตอนนี้รู้สึกว่าหัวใจของเขาบีบ ศีรษะมึนงง นี่เป็นพลังโจมตีจากภายนอกแน่นอน
บีบีมองดูรอบๆ ด้วยความระมัดระวังเช่นกัน “พี่ใหญ่, ไม่มีใครอยู่ที่นี่” บีบีพูดทางใจทันที
“ข้าเพิ่งถูกลอบโจมตี” ลินลี่ย์มั่นใจมาก “เป็นพลังโจมตีที่มองไม่เห็น”
“แล้วข้าไม่ถูกโจมตีได้ยังไง?” บีบีค่อนข้างกังวลเช่นกัน นี่เป็นรูปแบบพลังโจมตีที่มองไม่เห็นและแปลกประหลาดมาก
ลินลี่ย์กับบีบีตื่นตัวสูงอยู่เป็นเวลานาน แต่ค้นไม่พบอะไร
“หืม? นั่นไม่ถูกต้อง” ลินลี่ย์ทดลองรั้งพลังเทพของเขาออกมาจากอวัยวะภายในของเขา ความจริงความรู้สึกนั้นปรากฏขึ้นอีกครั้งทำให้หัวใจของเขาบีบตัว และศีรษะของเขาเพิ่มอาการมึนงง อย่างไรก็ตามลินลี่ย์สามารถทำให้สมองของเขาปลอดโปร่งโล่ง ลินลี่ย์ขยายพลังจิตออกไป และค้นหาอย่างระมัดระวัง
ลินลี่ย์ในตอนนี้รู้สึกได้ชัดเจน...
หลังจากเสียงลมพัดหวีดหวิวเข้ามาในหุบเขา เพราะรูปลักษณ์ที่แปลกประหลาดไม่เหมือนใครของหุบเขาลมจึงมีการเปลี่ยนแปลง แก่นธาตุลมในพื้นที่นี้ปะทะกันเองสร้างเป็นคลื่นเสียงสั่นสะเทือนที่แปลกประหลาดมาก พลังคลื่นสั่นสะเทือนนี้แผ่กระจายไปทุกทิศ
ลินลี่ย์สามารถรู้สึกได้ว่าหัวใจของเขาบีบรัดและร่างกายของเขาอึดอัด แม้แต่ศีรษะของเขาก็เริ่มวิงเวียน ทั้งหมดนี้เนื่องมาจากเสียงเข้ามาในร่างกายของเขา
เมื่อลินลี่ย์ฝึกวิชาสัจธรรมแห่งความเร็วตามปกติ เขาวิเคราะห์ความรู้ลึกลับแห่งเสียงเป็นครั้งคราว หลังจากผ่านไปยี่สิบปี แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับแนวคิดเรื่องความรู้ลึกลับเหล่านี้ แต่ลินลี่ย์ก็มั่นใจว่า.. เสียงนั่นไม่มีอะไรมากไปกว่าคลื่นเสียนเสียงที่เข้ามาในหูของผู้คนซึ่งพวกเขาได้ยินเป็นธรรมดา
แต่คลื่นเสียงแปลกแห่งหุบเขานี้ไม่สามารถได้ยินได้ แต่ทำอันตรายร่างกายได้
แม้แต่คนที่ทรงพลังอย่างลินลี่ย์ก็ยังได้รับผลกระทบ ถ้าเป็นคนธรรมดาเข้ามาในที่นี้ ปกติพวกเขาจะตายไปแล้ว
“หืม? นี่คือ...”
ทันใดนั้นมีแสงผุดขึ้นในใจของลินลี่ย์
“อย่างนั้นคลื่นเสียงนั่นก็มีความรู้ลึกลับแฝงอยู่ด้วย...” ลินลี่ย์ลอบยินดีในใจ
“บีบี, ข้าตั้งใจจะเริ่มฝึกฝนสักระยะหนึ่งในทันที” ลินลี่ย์พูดทางใจกับบีบีจากนั้นไม่สนใจทำอะไรอย่างอื่น ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์บินออกมาจากร่างหลักเขาโดยตรงและนั่งสมาธิอยู่ภายในหุบเขา เริ่มต้นปรับตัวให้เข้ากับคลื่นเสียงประหลาด
ไม่ใช่แค่ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่ร่างหลักของลินลี่ย์ก็นั่งพร้อมกันวิเคราะห์ถึงความรู้ลึกลับที่บรรจุอยู่ในคลื่นเสียง
บีบีค่อนข้างประหลาดใจ “พี่ใหญ่ได้รับความรู้แจ้งอะไรหรือนี่?”
“ยิ่งพี่ใหญ่ได้รับการรู้แจ้งก็ยิ่งดี” บีบีค่อนข้างมีความสุข จากนั้นเขานั่งลงด้วยเช่นกัน ขณะที่ลินลี่ย์ฝึกบีบีตัดสินใจอยู่ที่นี่และปกป้องลินลี่ย์
ประกายความรู้แจ้งฉับพลันของลินลี่ย์และการตัดสินใจฝึกเป็นเรื่องที่ซาดิสต์คาดไว้ ซาดิสต์มองหาโอกาสให้ลินลี่ย์กับบีบีแยกกันก็จะทำให้เขามีโอกาสสั่งให้บริวารของเขาฆ่าลินลี่ย์ แต่กลับกลายเป็นว่าเขาไม่มีโอกาสแม้แต่น้อย
ในขณะที่เขาฝึก ลินลี่ย์สูญเสียร่องรอยให้ติดตาม
ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ของเขาและร่างหลักของเขาปรับตัวให้เข้ากับคลื่นเสียง ทั้งสองเริ่มฝึกและวิเคราะห์ สำหรับร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ จะจดจ่ออยู่กับเรื่องเสียง ขณะที่ร่างหลักจดจ่อกับการปรับตัวเข้ากับเสียง จากนั้นร่างทั้งสองก็เทียบกันไปมา ความรู้แจ้งของลินลี่ย์ในเรื่องเสียงเริ่มเพิ่มระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว
เวลาภายในหุบเขาผ่านไปสองปีในเวลาอันรวดเร็วร่างทั้งสองของลินลี่ย์ปกคลุมไปด้วยชั้นฝุ่นและสิ่งสกปรก
บีบีก็ฝึกอยู่เงียบๆ เช่นกัน
ในพริบตาเดียวผ่านไปอีกสองปี
ไม่มีใครกล้ามาที่ยอดเขาเขาคู่ ร่างทั้งสองของลินลี่ย์และร่างของบีบียังคงนั่งขัดสมาธิอยู่ภายในยอดเขาคู่ มีคลื่นเสียงที่ไม่ปรากฏชัดแผ่ออกมาตลอด
“ฮ่าฮ่า...” ฝุ่นที่ปกคลุมตัวเขาปลิวกระจายหายไป
ร่างทั้งสองของลินลี่ย์รวมกันเป็นหนึ่ง รอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าเขา “ฮ่าฮ่า, ข้าเข้าใจผิดไปแล้ว ข้าเข้าใจผิดไป ในกฎธาตุของสายลมเสียงสามารถแบ่งแยกออกเป็นสองด้านอย่างแรกคือความรู้ลึกลับแห่งคลื่นเสียงขณะที่อีกสายหนึ่งเป็นความรู้ลึกลับแห่งดนตรี มีแต่เมื่อความรู้ลึกลับแห่งดนตรีและความรู้สึกลับแห่งคลื่นเสียงผสานกันเป็นหนึ่งก็สามารถยกระดับเป็นสัจธรรมแห่งเสียง!”