ตอนที่แล้วตอนที่ 426 ถังเทียนไขว่คว้าหาชัยชนะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 428 ระดมพล

ตอนที่ 427 พยายามฝืนสามัญสำนึก


ฐานทัพหมาป่าเกือบเสร็จสมบูรณ์แล้วเนื่องจากเป็นป้อมใช้งานทางทหารล้วนๆ ขอบเขตจึงไม่ใหญ่เกินไปโครงสร้างเป็นแบบง่ายมาก ส่วนที่เหลือเป็นเรื่องของรายละเอียดทั้งหมด

อาเดรียนและคนอีกสองสามคนถังเทียนส่งมอบให้เสี่ยวเฮ่อจัดการ ถังเทียนแอบคิดร้ายอยู่ในใจ เขาไม่รู้ว่าอาเฮ่อจะทรมานพวกเขาอย่างไรและอยากจะเห็นนัก

แต่เขาไม่มีเวลา

เขาเป็นเหมือนลูกโป่งที่มีพลังดวงดาวอัดแน่นเต็มอยู่ในตัวจนเขารู้สึกว่าตัวเองอาจระเบิดได้ทุกเมื่อ

ปิงรอเขาอยู่แล้วในค่ายหมายเลขเจ็ด  เมื่อเห็นถังเทียน เขาเริ่มกระดกลิ้น “น่าสนใจ,น่าสนใจจริงๆ! ข้าเป็นผู้ฝึกสอนมาหลายปีแล้วแต่ข้าไม่เคยเห็นเรื่องแปลกๆ อย่างนี้มาก่อน เสี่ยวถังถัง  ข้ายอมรับจริงๆเจ้าคือสิ่งมหัศจรรย์ของโลกแท้ๆ”

“สิ่งมหัศจรรย์?มันหมายความว่ายังไง?” ถังเทียนทำหน้าสงสัย ลุงปิงยากจะมีคำพูดดีๆ เสียด้วย

“โอว, หมายความว่าเจ้าไม่ได้เดินตามเส้นทางปกติ”  ปิงกล่าวจริงจัง

“จริงเหรอ?” ความสงสัยเต็มอยู่ในดวงตาถังเทียน

“ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้า เจ้าไปถามอาเฮ่อได้” ปิงตอบอย่างใจเย็น

จากนั้นถังเทียนหัวเราะและตอบอย่างภูมิใจ  “ฮ่าฮ่า! ลุง, ในที่สุดลุงก็ได้เห็นคุณสมบัติที่ดีของหนุ่มน้อยชาวฟ้าแล้ว! ข้าไม่เดินตามเส้นทางปกติที่ชาวบ้านเขาเดิน!  ถูกแล้ว!  ข้าชอบแบบนั้น หนุ่มชาวฟ้าคือคนมหัศจรรย์!  มหัศจรรย์ของแท้!”

มันทำให้ข้าอยากทดสอบจริงๆ .. ข้าต้องกลั้นหัวเราะไว้ก่อน..ปิงคิดขณะที่เขาพยายามควบคุมตนเองอย่างดี “ขอดูระดับความแข็งแรงในปัจจุบันของเจ้าหน่อยซิ”

“ตรงนี้เหรอ?” ถังเทียนมองดูรอบๆ เมื่อไม่เห็นมีอะไร  เขาตะโกน  “อย่างนั้นข้าจะลองที่นี่เลย”

ถังเทียนก้าวตบเท้าไปข้างหน้าฝ่าเท้าของเขาจมลึกลงไปในพื้นบรอนซ์ พลังไหลเวียนที่ประหลาดของปราณที่กระจายออกมาทำให้พื้นที่รัศมีสามเมตรรอบตัวเขากลายเป็นพื้นที่ตะปุ่มตะป่ำไม่สม่ำเสมอจากนั้นยุบเป็นหลุมวงกลมสมบูรณ์แบบ

สีหน้าของปิงแข็งค้าง ดวงตาเบิกกว้าง เขาจ้องมองดูหลุมตื้นใต้เท้าของถังเทียนอย่างไม่อยากจะเชื่อ

พื้นของค่ายหมายเลขเจ็ดเป็นพื้นบรอนซ์สำหรับใช้ฝึกฝน  หนาเกือบครึ่งเมตรแข็งแรงและทนทานขนาดที่กระบี่ที่ฟันใส่พื้นผิวของมันได้แต่สร้างประกายไฟเท่านั้น  อาวุธจักรกลหนักสามารถวิ่ง กระแทกโจมตีได้ ทุกการเคลื่อนไหวไม่สามารถทำอะไรพื้นได้ขณะที่ถังเทียนเพียงแค่ก้าวเดิน....

เจ้าเด็กนี่... ประหลาดผิดมนุษย์มนาเสียจริง

ถังเทียนค่อยๆ เดินไปอย่างระมัดระวัง  กลัวว่าเขาอาจจมลงไปในพื้น  ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่าเขาสามารถเคลื่อนไปข้างหน้าได้และรู้สึกตื่นเต้นมาก

เขาก้าวไปข้างหน้าและปล่อยหมัดออก

หมัดของเขาถูกปล่อยออกมาก็มีเสียงระเบิดปังชักเจนสร้างความตกใจกับปิง

ตำแหน่งที่ถังเทียนต่อยปรากฏเป็นริ้วกระเพื่อมเหมือนน้ำเป็นผลมาจากแรงอัดอากาศระดับสูง ปิงเห็นระลอกพลังแบบนั้นมาก่อน มีนักสู้ไม่กี่คนที่สามารถสร้างระลอกพลังอย่างนั้นได้ แต่หมัดของถังเทียนความจริงแล้วไม่ได้แฝงพลังปราณแท้อยู่เลย

ปิงลอบประหลาดใจ หลังจากดูดซับพลังสายเลือดมนุษย์หมาป่าฟ้า ถังเทียนสร้างสิ่งมหัศจรรย์ขึ้นมาได้อีกหลายอย่าง แต่ความแข็งแกร่งของร่างกายเขาไม่ปรากฏว่ามีความก้าวหน้าแต่อย่างใด

สามารถได้รับชำระร่างจากจากพลังดวงดาวหมีใหญ่ถึงหนึ่งในสามของพลังดวงดาวทั้งหมดเจ้าเด็กนี่โชคดีอย่างแท้จริง...

ถังเทียนตื่นเต้น เขาปล่อยพลังพลังหมัดเหมือนกับสายลมและในมือของเขามีแต่เพลงหมัดพื้นฐานที่สร้างพลังน่าประหลาดแบบนั้นได้  ปิงแทบจะคาดการณ์ผิดดูเหมือนพื้นที่ฝึกจะมีพายุหมุนอยู่ภายใน เขายืนอยู่ห่างออกไป แต่กระแสอากาศที่รุนแรงก็กวาดมาถึงเขาได้ทำให้เขาไม่อาจลืมตา

น่าเสียดาย ร่างกายที่แข็งแรงขนาดนั้น  ถ้าเขากลายเป็นนักสู้สายจักรกล  เขาจะแข็งแกร่งมากมายขนาดไหน?

ความคิดนั้นแว่บผ่านในใจของปิง  เขาลอบส่ายศีรษะ ตั้งแต่เขาตื่นขึ้นมาเป็นเวลานานแล้วและหลายปีแล้ว ตั้งแต่เริ่มต้น เขาดูดซับความรู้ทุกอย่างที่เป็นปัจจุบันหลายความคิดที่คลุมเครือและผิดพลาดในอดีตมีความชัดเจนขึ้นในขณะนี้

ถ้าพลังส่วนตัวของถังเทียนอ่อนแอ เขาคงทำให้ถังเทียนเดินตามเส้นทางนักสู้สายจักรกลแน่นอนด้วยการปรากฏตัวขึ้นของอาวุธจักรกลวิญญาณ จะเกิดนิยามของอาชีพใหม่จุดสูงสุดของมันจะเพิ่มขึ้นอีกมาก และอนาคตของมันจะไม่มีขีดจำกัด  แต่ก็เช่นเดียวกับสิ่งใหม่ๆการเจริญเติบโตจำเป็นต้องใช้เวลายาวนาน ในสภาวะปัจจุบัน  แม้ว่าจะเป็นนักสู้จักรกลระดับสูงที่สุดความสามารถในการต่อสู้ก็ยังไม่อาจเทียบกับเขาได้

ข้อได้เปรียบของนักสู้จักรกลในปัจจุบันนี้ก็คือการอยู่ในกองทัพ

กระแสอากาศในสนามฝึกฝนแตกระเบิดกระจัดกระจายและปะทะไปทั่วทุกที่กลายเป็นกระแสอากาศปั่นป่วนกระแสอากาศที่แหลมคมตัดเข้าไปในบรอนซ์ได้ ทิ้งรอยแผลเอาไว้  แต่ร่างกายของถังเทียนไม่ได้รับผลกระทบเลยแม้แต่น้อย  เขาเป็นเหมือนค้อนมหึมาไม่ว่าเขาทุบอะไรก็จะแตกออกหมดทุกอย่าง

ถังเทียนกลายเป็นตื่นเต้นมากและยิ่งสู้มากขึ้นเขาไม่กังวลถึงสิ่งที่อยู่ใต้เท้าเขา  เขาไม่จำเป็นต้องห่วงการควบคุมพลังของเขา  วิทยายุทธทั้งหมดหลั่งไหลออกมาเหมือนกับสายน้ำมือของเขามีความเปลี่ยนแปลง

กรงเล็บเพลิงภูตพราย, มือปีศาจพันแปลง, พลังงานเกลียว...

โดยไม่รู้ตัว เขาฝึกวิทยายุทธมามากมายวิทยายุทธทุกอย่างเมื่อใช้จะรู้สึกแตกต่างจากปกติ ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังงาน วิทยายุทธที่เขาใช้ออกมาทั้งหมดทรงพลังทั้งนั้น  เมื่อเขากระตุ้นพลังงานเกลียว  แม้แต่อากาศรอบตัวเขาก็หมุนปั่นด้วยความเร็วสูง

ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขายังคงมีความรู้สึกติดขัด วิทยายุทธที่แสดงออกทั้งหมดตอนที่เขาไม่รู้สึกติดขัดก็เฉพาะเวลาเขาใช้วิทยายุทธพื้นฐานเท่านั้น

วิทยายุทธพื้นฐาน...

ถังเทียนหยุดโดยไม่รู้ตัว

หลังจากนั้นชั่วขณะ เขาปล่อยหมัดอีกครั้ง เป็นหมัดพื้นฐานและเป็นไปตามคาดความรู้สึกติดขัดหายไป ทุกท่วงท่ารูปแบบออกมาอย่างราบรื่นง่ายดาย

ปิงมองดูด้วยความสับสน วิทยายุทธพื้นฐาน? หลังจากนั้นชั่วขณะ เขาก็ค่อยๆ เห็นพัฒนาการบางอย่าง

ถังเทียนใช้วิทยายุทธพื้นฐานซ้ำแล้วซ้ำเล่าและมันเริ่มแสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลง   เป็นความเปลี่ยนแปลงที่ปิงคุ้นเคยเหมือนกับว่าเขาเคยเห็นมาก่อน  แต่ยังนึกไม่ออกว่าเคยเห็นมาจากไหน

เขาขมวดคิ้ว และยังคงดูอย่างระมัดระวังและในที่สุดเขาก็จำได้

เขาตกตะลึงมองดูประกายในดวงตาของถังเทียน  เหมือนกับว่าเขากำลังเห็นผี!

ความเปลี่ยนแปลงที่คุ้นเคยนั้น ปรากฏในกรงเล็บเพลิงภูตพราย,พลังงานเกลียว, มือปีศาจพันแปลงและวิทยายุทธอื่นๆเด็กหนุ่มผู้ประหลาดพยายามดูดซับความเปลี่ยนแปลงวิทยายุทธระดับสูงให้กลายเป็นวิทยายุทธระดับพื้นฐาน

เจ้าเด็กนี่... สมองกลวงไปแล้ว บ้าไปแล้ว..

ปิงไม่สามารถนึกภาพออก ถ้าทุกคนทำตามท่าพื้นฐานเมื่อรวมเคล็ดวิชาต่อสู้ ซึ่งเคล็ดต่อสู้ระดับสูงจะเป็นเคล็ดหลักและเคล็ดระดับต่ำคอยเป็นตัวหนุนเสริม ไม่เคยมีผู้ใดสามารถดูดซับเคล็ดต่อสู้ระดับสูงมาสรุปเป็นเคล็ดต่อสู้ระดับต่ำได้

นั่นเป็นการฝืนหลักสามัญสำนึกโดยสิ้นเชิง

วิทยายุทธระดับต่ำก็คือระดับต่ำ  ดังนั้นนอกจากกำลังของมันอาจเล็กกว่าหรือง่ายกว่า หลักการของมันก็คือเข้าใจปราณแท้และวิธีใช้แทบจะไม่กระทบผิวเผิน

นั่นคือเหตุผลเช่นกันนั่นเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับวิทยายุทธระดับสูงที่จะดูดซับจุดดี  และเพราะวิทยายุทธระดับต่ำจะซึมซับแก่นวิทยายุทธระดับสูงนั่นเป็นไปไม่ได้แน่นอน!

แต่ถังเทียนกำลังทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้!

ตอนแรกปิงเตรียมจะเตือนถังเทียน แต่เขาสงบจิตใจโดยเร็ว  เขาเป็นอาจารย์ผู้สอนมานานมากและเขามีประสบการณ์มากมายในการฝึกฝนคนใหม่ ตัวอย่างเช่น การฝึกในอดีต ปิงไม่เคยบอกถังเทียนโดยตรงว่าเขาจะทำอะไร  เพราะเขารู้ว่ามันไม่เหมาะกับเขา  ดังนั้นเขาให้ถังเทียนอยู่ในสภาพแวดล้อมยากๆและให้ถังเทียนฝึกฝนขัดเกลาเรียนรู้ด้วยตนเอง

และประสบการณ์บอกเขา เมื่ออัจฉริยะทำบางอย่างที่ดูเหมือนโง่มาก อย่าเพิ่งไปรบกวนพวกเขา

ถังเทียนคืออัจฉริยะคนหนึ่ง ... เอ่.. ทำไมข้าเกิดความคิดที่น่ากลัวอย่างนั้น...

ปิงรู้สึกว่าสมองของเขากำลังถูกกดดัน

เขาหมุนตัวและจากไป เนื่องจากเขายังไม่สามารถจะสร้างสรรค์อะไรได้ อย่างนั้นปล่อยให้บุรุษหนุ่มผู้น่าทึ่งสร้างหนทางของตัวเองก่อน  ใครจะรู้ เขาอาจคิดเรื่องมหัศจรรย์ขึ้นก็เป็นได้?

เหตุมหัศจรรย์ไม่มีทางหยุดแน่...

ปิงกลับไปที่เมืองสามวิญญาณ  พบกับผี่ผาถังโฉ่วและติงตังบอกพวกเขาเรื่องสถานการณ์ในกลุ่มดาวอันโดรเมดา

“เราจำเป็นต้องบุกกลุ่มดาวหมีใหญ่!” ทัศนคติของถังโฉ่วมั่นคงที่สุด “กลุ่มดาวหมีใหญ่เหมือนกับอยู่ที่ขอบเหว ถ้าเราไม่ฉวยโอกาสเตะพวกเขาลงเหว  เราจะลำบากในเวลาต่อมา”

“นั่นก็ถูกแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มดาวหมีใหญ่และเราไม่มีทางแก้ไขได้และเราไม่มีทางเลือกอื่น” ผี่ผาก็เห็นด้วยกับการตัดสินใจของถังโฉ่ว

ปิงมองดูติงตัง

ติงตังเข้าใจความหมายของปิง แต่นางใช้ความพยายามมากมายสืบเรื่องกลุ่มดาวหมีใหญ่และเข้าใจชัดเจนเรื่องการเตรียมการของพวกเขา “จุดแข็งที่สุดของกลุ่มดาวหมีใหญ่ก็คือกองทัพพญาหมีของพวกเขา  แต่ตอนนี้พวกเขากลับไปที่กลุ่มดาวของตนเองไม่มีประตูดวงดาวหรือทางน้ำระหว่างกลุ่มดาวหมีใหญ่และกลุ่มดาวนายพราน เยี่ยนหย่งเลี่ยได้ส่งราชโองการออกไปให้นักสู้กลุ่มดาวหมีใหญ่ทั้งหมดบุกเข้ากลุ่มดาวนายพราน  ดังนั้นความจริงก็เป็นโอกาสดี”

นางลุกขึ้นยืนและเดินไปที่ถ้วยชาบนโต๊ะ และจากดื่มแล้วนางเดินกลับมา“เยี่ยนหย่งเลี่ยได้เผาผลาญพลังชีวิตตนเองและใช้ศีรษะพญาหมีเพื่อรักษาพลังดวงดาวของกลุ่มดาวหมีใหญ่  ดังนั้นเขาจึงอ่อนแอ  คนเดียวที่สามารถคุกคามเราในกลุ่มดาวหมีใหญ่ก็คือบุรุษคนหนึ่ง”

นางชูนิ้วเดียว สีหน้านางเคร่งเครียด

“เซียนดาบเส้าเต๋อ”

สี่คำที่นางพูดออกมา ทำให้พวกเขาเหมือนกับถูกฟ้าผ่าทุกคนกลั้นลมหายใจ

ระดับเซียน!

พลังที่ได้ยินแล้วพวกเขาพูดไม่ออก

“เส้าเต๋าและเยี่ยนหย่งเลี่ยมีสัมพันธ์ที่ไม่แน่นแฟ้น  พวกเขาเป็นสหายกันในวัยเด็ก  แต่หลังจากเติบโตบุคลิกของพวกเขาขัดแย้งกัน เยี่ยนหย่งเลี่ยเป็นคนทะเยอทะยาน ขณะที่เส้าเต๋อไม่ใส่ใจกับรางวัลทางโลก  เขามักอาศัยอยู่ในเทือกเขาหมีฟ้าและเมื่อเยี่ยนหย่งเลี่ยกลายเป็นเจ้าปกครองกลุ่มดาว  เขาพยายามเชิญเส้าเต๋ออยู่สองสามคราแต่ถูกปฏิเสธอย่างต่อเนื่องเยี่ยนหย่งเลี่ยโกรธอย่างเห็นได้ชัดและผลักดันกองทัพของเขาไปที่ชายแดน แต่เขาคาดไม่ถึงว่าเส้าเต๋าจะบินมาถึงและใช้ดาบเดียวฟันใส่เทือกเขาหมีฟ้าทำให้สายน้ำหลากท่วมทางอื่นตัดเส้นทางทหารไม่มีใครสามารถก้าวเดินได้และจากนั้นแม่น้ำนั้นจึงถูกขนานนามว่าแม่น้ำดาบประทานแห่งกลุ่มดาวหมีใหญ่”

ทุกคนตกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น พวกเขารู้มานานแล้วว่านักสู้ระดับเซียนนั้นมีความสามารถ  แต่เมื่อได้ยินเรื่องราวจากติงตั พวกเขาก็ตระหนักว่านักสู้ระดับเซียนแข็งแกร่งมากกว่าที่พวกเขาคิด!

“แม้ว่าเส้าเต๋อและเยี่ยนหย่งเลี่ยจะไม่มีมุมมองในเรื่องการเมืองที่เหมือนกัน  แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ได้แย่อย่างที่คนภายนอกคิด  เยี่ยนหย่งเลี่ยเคยส่งเยี่ยนถูไปเรียนวิชาดาบและในที่สุดเป็นเพราะเยี่ยนถูไม่สนใจและชอบใจวิชาดาบ ดังนั้นเขาจึงเลิกในช่วงวิกฤติอย่างนั้นเส้าเต๋อคงเคลื่อนไหวเป็นแน่”

ติงตังมีสีหน้าหนักใจมาก

บรรยากาศในการประชุมกลายเป็นอึดอัด

แต่นอกจากทุกคนแล้ว มีอยู่คนเดียวที่ยังสงบอยู่ ก็คือปิง

เขาผ่านศึกมาเป็นร้อยศึกและทั้งสงครามใหญ่และการต่อสู้ย่อยคือสิ่งที่นักสู้ในยุคปัจจุบันไม่มีทางนึกออก นักสู้ระดับเซียนคนเดียวไม่สามารถทำให้ปณิธานของเขาหวั่นไหว

ปิงมองดูติงตังและพูดอย่างจริงจัง  “มีนักสู้ระดับเซียนเพียงคนเดียวใช่ไหม?”

หัวใจติงตังมีความรู้สึกแปลกทันที  ลุงปิงคิดว่าพวกเขาสามารถชนะได้หรือ?  นางต้องการพูดอะไรบางอย่าง  แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่จริงจังของปิง  นางจึงผงกศีรษะ“มีนักสู้ระดับเซียนเพียงคนเดียว!  เส้าเต๋อไม่มีสหายอื่นและสงครามเกิดขึ้นกะทันหัน กลุ่มดาวหมีใหญ่ไม่สามารถเตรียมตัวไว้ก่อน”

“ข้าเข้าใจแล้วเลิกประชุมได้”

สีหน้าของปิงสงบขณะที่เขายืนขึ้น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด