ตอนที่ 427 พยายามฝืนสามัญสำนึก
ฐานทัพหมาป่าเกือบเสร็จสมบูรณ์แล้วเนื่องจากเป็นป้อมใช้งานทางทหารล้วนๆ ขอบเขตจึงไม่ใหญ่เกินไปโครงสร้างเป็นแบบง่ายมาก ส่วนที่เหลือเป็นเรื่องของรายละเอียดทั้งหมด
อาเดรียนและคนอีกสองสามคนถังเทียนส่งมอบให้เสี่ยวเฮ่อจัดการ ถังเทียนแอบคิดร้ายอยู่ในใจ เขาไม่รู้ว่าอาเฮ่อจะทรมานพวกเขาอย่างไรและอยากจะเห็นนัก
แต่เขาไม่มีเวลา
เขาเป็นเหมือนลูกโป่งที่มีพลังดวงดาวอัดแน่นเต็มอยู่ในตัวจนเขารู้สึกว่าตัวเองอาจระเบิดได้ทุกเมื่อ
ปิงรอเขาอยู่แล้วในค่ายหมายเลขเจ็ด เมื่อเห็นถังเทียน เขาเริ่มกระดกลิ้น “น่าสนใจ,น่าสนใจจริงๆ! ข้าเป็นผู้ฝึกสอนมาหลายปีแล้วแต่ข้าไม่เคยเห็นเรื่องแปลกๆ อย่างนี้มาก่อน เสี่ยวถังถัง ข้ายอมรับจริงๆเจ้าคือสิ่งมหัศจรรย์ของโลกแท้ๆ”
“สิ่งมหัศจรรย์?มันหมายความว่ายังไง?” ถังเทียนทำหน้าสงสัย ลุงปิงยากจะมีคำพูดดีๆ เสียด้วย
“โอว, หมายความว่าเจ้าไม่ได้เดินตามเส้นทางปกติ” ปิงกล่าวจริงจัง
“จริงเหรอ?” ความสงสัยเต็มอยู่ในดวงตาถังเทียน
“ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้า เจ้าไปถามอาเฮ่อได้” ปิงตอบอย่างใจเย็น
จากนั้นถังเทียนหัวเราะและตอบอย่างภูมิใจ “ฮ่าฮ่า! ลุง, ในที่สุดลุงก็ได้เห็นคุณสมบัติที่ดีของหนุ่มน้อยชาวฟ้าแล้ว! ข้าไม่เดินตามเส้นทางปกติที่ชาวบ้านเขาเดิน! ถูกแล้ว! ข้าชอบแบบนั้น หนุ่มชาวฟ้าคือคนมหัศจรรย์! มหัศจรรย์ของแท้!”
มันทำให้ข้าอยากทดสอบจริงๆ .. ข้าต้องกลั้นหัวเราะไว้ก่อน..ปิงคิดขณะที่เขาพยายามควบคุมตนเองอย่างดี “ขอดูระดับความแข็งแรงในปัจจุบันของเจ้าหน่อยซิ”
“ตรงนี้เหรอ?” ถังเทียนมองดูรอบๆ เมื่อไม่เห็นมีอะไร เขาตะโกน “อย่างนั้นข้าจะลองที่นี่เลย”
ถังเทียนก้าวตบเท้าไปข้างหน้าฝ่าเท้าของเขาจมลึกลงไปในพื้นบรอนซ์ พลังไหลเวียนที่ประหลาดของปราณที่กระจายออกมาทำให้พื้นที่รัศมีสามเมตรรอบตัวเขากลายเป็นพื้นที่ตะปุ่มตะป่ำไม่สม่ำเสมอจากนั้นยุบเป็นหลุมวงกลมสมบูรณ์แบบ
สีหน้าของปิงแข็งค้าง ดวงตาเบิกกว้าง เขาจ้องมองดูหลุมตื้นใต้เท้าของถังเทียนอย่างไม่อยากจะเชื่อ
พื้นของค่ายหมายเลขเจ็ดเป็นพื้นบรอนซ์สำหรับใช้ฝึกฝน หนาเกือบครึ่งเมตรแข็งแรงและทนทานขนาดที่กระบี่ที่ฟันใส่พื้นผิวของมันได้แต่สร้างประกายไฟเท่านั้น อาวุธจักรกลหนักสามารถวิ่ง กระแทกโจมตีได้ ทุกการเคลื่อนไหวไม่สามารถทำอะไรพื้นได้ขณะที่ถังเทียนเพียงแค่ก้าวเดิน....
เจ้าเด็กนี่... ประหลาดผิดมนุษย์มนาเสียจริง
ถังเทียนค่อยๆ เดินไปอย่างระมัดระวัง กลัวว่าเขาอาจจมลงไปในพื้น ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่าเขาสามารถเคลื่อนไปข้างหน้าได้และรู้สึกตื่นเต้นมาก
เขาก้าวไปข้างหน้าและปล่อยหมัดออก
หมัดของเขาถูกปล่อยออกมาก็มีเสียงระเบิดปังชักเจนสร้างความตกใจกับปิง
ตำแหน่งที่ถังเทียนต่อยปรากฏเป็นริ้วกระเพื่อมเหมือนน้ำเป็นผลมาจากแรงอัดอากาศระดับสูง ปิงเห็นระลอกพลังแบบนั้นมาก่อน มีนักสู้ไม่กี่คนที่สามารถสร้างระลอกพลังอย่างนั้นได้ แต่หมัดของถังเทียนความจริงแล้วไม่ได้แฝงพลังปราณแท้อยู่เลย
ปิงลอบประหลาดใจ หลังจากดูดซับพลังสายเลือดมนุษย์หมาป่าฟ้า ถังเทียนสร้างสิ่งมหัศจรรย์ขึ้นมาได้อีกหลายอย่าง แต่ความแข็งแกร่งของร่างกายเขาไม่ปรากฏว่ามีความก้าวหน้าแต่อย่างใด
สามารถได้รับชำระร่างจากจากพลังดวงดาวหมีใหญ่ถึงหนึ่งในสามของพลังดวงดาวทั้งหมดเจ้าเด็กนี่โชคดีอย่างแท้จริง...
ถังเทียนตื่นเต้น เขาปล่อยพลังพลังหมัดเหมือนกับสายลมและในมือของเขามีแต่เพลงหมัดพื้นฐานที่สร้างพลังน่าประหลาดแบบนั้นได้ ปิงแทบจะคาดการณ์ผิดดูเหมือนพื้นที่ฝึกจะมีพายุหมุนอยู่ภายใน เขายืนอยู่ห่างออกไป แต่กระแสอากาศที่รุนแรงก็กวาดมาถึงเขาได้ทำให้เขาไม่อาจลืมตา
น่าเสียดาย ร่างกายที่แข็งแรงขนาดนั้น ถ้าเขากลายเป็นนักสู้สายจักรกล เขาจะแข็งแกร่งมากมายขนาดไหน?
ความคิดนั้นแว่บผ่านในใจของปิง เขาลอบส่ายศีรษะ ตั้งแต่เขาตื่นขึ้นมาเป็นเวลานานแล้วและหลายปีแล้ว ตั้งแต่เริ่มต้น เขาดูดซับความรู้ทุกอย่างที่เป็นปัจจุบันหลายความคิดที่คลุมเครือและผิดพลาดในอดีตมีความชัดเจนขึ้นในขณะนี้
ถ้าพลังส่วนตัวของถังเทียนอ่อนแอ เขาคงทำให้ถังเทียนเดินตามเส้นทางนักสู้สายจักรกลแน่นอนด้วยการปรากฏตัวขึ้นของอาวุธจักรกลวิญญาณ จะเกิดนิยามของอาชีพใหม่จุดสูงสุดของมันจะเพิ่มขึ้นอีกมาก และอนาคตของมันจะไม่มีขีดจำกัด แต่ก็เช่นเดียวกับสิ่งใหม่ๆการเจริญเติบโตจำเป็นต้องใช้เวลายาวนาน ในสภาวะปัจจุบัน แม้ว่าจะเป็นนักสู้จักรกลระดับสูงที่สุดความสามารถในการต่อสู้ก็ยังไม่อาจเทียบกับเขาได้
ข้อได้เปรียบของนักสู้จักรกลในปัจจุบันนี้ก็คือการอยู่ในกองทัพ
กระแสอากาศในสนามฝึกฝนแตกระเบิดกระจัดกระจายและปะทะไปทั่วทุกที่กลายเป็นกระแสอากาศปั่นป่วนกระแสอากาศที่แหลมคมตัดเข้าไปในบรอนซ์ได้ ทิ้งรอยแผลเอาไว้ แต่ร่างกายของถังเทียนไม่ได้รับผลกระทบเลยแม้แต่น้อย เขาเป็นเหมือนค้อนมหึมาไม่ว่าเขาทุบอะไรก็จะแตกออกหมดทุกอย่าง
ถังเทียนกลายเป็นตื่นเต้นมากและยิ่งสู้มากขึ้นเขาไม่กังวลถึงสิ่งที่อยู่ใต้เท้าเขา เขาไม่จำเป็นต้องห่วงการควบคุมพลังของเขา วิทยายุทธทั้งหมดหลั่งไหลออกมาเหมือนกับสายน้ำมือของเขามีความเปลี่ยนแปลง
กรงเล็บเพลิงภูตพราย, มือปีศาจพันแปลง, พลังงานเกลียว...
โดยไม่รู้ตัว เขาฝึกวิทยายุทธมามากมายวิทยายุทธทุกอย่างเมื่อใช้จะรู้สึกแตกต่างจากปกติ ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังงาน วิทยายุทธที่เขาใช้ออกมาทั้งหมดทรงพลังทั้งนั้น เมื่อเขากระตุ้นพลังงานเกลียว แม้แต่อากาศรอบตัวเขาก็หมุนปั่นด้วยความเร็วสูง
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขายังคงมีความรู้สึกติดขัด วิทยายุทธที่แสดงออกทั้งหมดตอนที่เขาไม่รู้สึกติดขัดก็เฉพาะเวลาเขาใช้วิทยายุทธพื้นฐานเท่านั้น
วิทยายุทธพื้นฐาน...
ถังเทียนหยุดโดยไม่รู้ตัว
หลังจากนั้นชั่วขณะ เขาปล่อยหมัดอีกครั้ง เป็นหมัดพื้นฐานและเป็นไปตามคาดความรู้สึกติดขัดหายไป ทุกท่วงท่ารูปแบบออกมาอย่างราบรื่นง่ายดาย
ปิงมองดูด้วยความสับสน วิทยายุทธพื้นฐาน? หลังจากนั้นชั่วขณะ เขาก็ค่อยๆ เห็นพัฒนาการบางอย่าง
ถังเทียนใช้วิทยายุทธพื้นฐานซ้ำแล้วซ้ำเล่าและมันเริ่มแสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลง เป็นความเปลี่ยนแปลงที่ปิงคุ้นเคยเหมือนกับว่าเขาเคยเห็นมาก่อน แต่ยังนึกไม่ออกว่าเคยเห็นมาจากไหน
เขาขมวดคิ้ว และยังคงดูอย่างระมัดระวังและในที่สุดเขาก็จำได้
เขาตกตะลึงมองดูประกายในดวงตาของถังเทียน เหมือนกับว่าเขากำลังเห็นผี!
ความเปลี่ยนแปลงที่คุ้นเคยนั้น ปรากฏในกรงเล็บเพลิงภูตพราย,พลังงานเกลียว, มือปีศาจพันแปลงและวิทยายุทธอื่นๆเด็กหนุ่มผู้ประหลาดพยายามดูดซับความเปลี่ยนแปลงวิทยายุทธระดับสูงให้กลายเป็นวิทยายุทธระดับพื้นฐาน
เจ้าเด็กนี่... สมองกลวงไปแล้ว บ้าไปแล้ว..
ปิงไม่สามารถนึกภาพออก ถ้าทุกคนทำตามท่าพื้นฐานเมื่อรวมเคล็ดวิชาต่อสู้ ซึ่งเคล็ดต่อสู้ระดับสูงจะเป็นเคล็ดหลักและเคล็ดระดับต่ำคอยเป็นตัวหนุนเสริม ไม่เคยมีผู้ใดสามารถดูดซับเคล็ดต่อสู้ระดับสูงมาสรุปเป็นเคล็ดต่อสู้ระดับต่ำได้
นั่นเป็นการฝืนหลักสามัญสำนึกโดยสิ้นเชิง
วิทยายุทธระดับต่ำก็คือระดับต่ำ ดังนั้นนอกจากกำลังของมันอาจเล็กกว่าหรือง่ายกว่า หลักการของมันก็คือเข้าใจปราณแท้และวิธีใช้แทบจะไม่กระทบผิวเผิน
นั่นคือเหตุผลเช่นกันนั่นเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับวิทยายุทธระดับสูงที่จะดูดซับจุดดี และเพราะวิทยายุทธระดับต่ำจะซึมซับแก่นวิทยายุทธระดับสูงนั่นเป็นไปไม่ได้แน่นอน!
แต่ถังเทียนกำลังทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้!
ตอนแรกปิงเตรียมจะเตือนถังเทียน แต่เขาสงบจิตใจโดยเร็ว เขาเป็นอาจารย์ผู้สอนมานานมากและเขามีประสบการณ์มากมายในการฝึกฝนคนใหม่ ตัวอย่างเช่น การฝึกในอดีต ปิงไม่เคยบอกถังเทียนโดยตรงว่าเขาจะทำอะไร เพราะเขารู้ว่ามันไม่เหมาะกับเขา ดังนั้นเขาให้ถังเทียนอยู่ในสภาพแวดล้อมยากๆและให้ถังเทียนฝึกฝนขัดเกลาเรียนรู้ด้วยตนเอง
และประสบการณ์บอกเขา เมื่ออัจฉริยะทำบางอย่างที่ดูเหมือนโง่มาก อย่าเพิ่งไปรบกวนพวกเขา
ถังเทียนคืออัจฉริยะคนหนึ่ง ... เอ่.. ทำไมข้าเกิดความคิดที่น่ากลัวอย่างนั้น...
ปิงรู้สึกว่าสมองของเขากำลังถูกกดดัน
เขาหมุนตัวและจากไป เนื่องจากเขายังไม่สามารถจะสร้างสรรค์อะไรได้ อย่างนั้นปล่อยให้บุรุษหนุ่มผู้น่าทึ่งสร้างหนทางของตัวเองก่อน ใครจะรู้ เขาอาจคิดเรื่องมหัศจรรย์ขึ้นก็เป็นได้?
เหตุมหัศจรรย์ไม่มีทางหยุดแน่...
ปิงกลับไปที่เมืองสามวิญญาณ พบกับผี่ผาถังโฉ่วและติงตังบอกพวกเขาเรื่องสถานการณ์ในกลุ่มดาวอันโดรเมดา
“เราจำเป็นต้องบุกกลุ่มดาวหมีใหญ่!” ทัศนคติของถังโฉ่วมั่นคงที่สุด “กลุ่มดาวหมีใหญ่เหมือนกับอยู่ที่ขอบเหว ถ้าเราไม่ฉวยโอกาสเตะพวกเขาลงเหว เราจะลำบากในเวลาต่อมา”
“นั่นก็ถูกแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มดาวหมีใหญ่และเราไม่มีทางแก้ไขได้และเราไม่มีทางเลือกอื่น” ผี่ผาก็เห็นด้วยกับการตัดสินใจของถังโฉ่ว
ปิงมองดูติงตัง
ติงตังเข้าใจความหมายของปิง แต่นางใช้ความพยายามมากมายสืบเรื่องกลุ่มดาวหมีใหญ่และเข้าใจชัดเจนเรื่องการเตรียมการของพวกเขา “จุดแข็งที่สุดของกลุ่มดาวหมีใหญ่ก็คือกองทัพพญาหมีของพวกเขา แต่ตอนนี้พวกเขากลับไปที่กลุ่มดาวของตนเองไม่มีประตูดวงดาวหรือทางน้ำระหว่างกลุ่มดาวหมีใหญ่และกลุ่มดาวนายพราน เยี่ยนหย่งเลี่ยได้ส่งราชโองการออกไปให้นักสู้กลุ่มดาวหมีใหญ่ทั้งหมดบุกเข้ากลุ่มดาวนายพราน ดังนั้นความจริงก็เป็นโอกาสดี”
นางลุกขึ้นยืนและเดินไปที่ถ้วยชาบนโต๊ะ และจากดื่มแล้วนางเดินกลับมา“เยี่ยนหย่งเลี่ยได้เผาผลาญพลังชีวิตตนเองและใช้ศีรษะพญาหมีเพื่อรักษาพลังดวงดาวของกลุ่มดาวหมีใหญ่ ดังนั้นเขาจึงอ่อนแอ คนเดียวที่สามารถคุกคามเราในกลุ่มดาวหมีใหญ่ก็คือบุรุษคนหนึ่ง”
นางชูนิ้วเดียว สีหน้านางเคร่งเครียด
“เซียนดาบเส้าเต๋อ”
สี่คำที่นางพูดออกมา ทำให้พวกเขาเหมือนกับถูกฟ้าผ่าทุกคนกลั้นลมหายใจ
ระดับเซียน!
พลังที่ได้ยินแล้วพวกเขาพูดไม่ออก
“เส้าเต๋าและเยี่ยนหย่งเลี่ยมีสัมพันธ์ที่ไม่แน่นแฟ้น พวกเขาเป็นสหายกันในวัยเด็ก แต่หลังจากเติบโตบุคลิกของพวกเขาขัดแย้งกัน เยี่ยนหย่งเลี่ยเป็นคนทะเยอทะยาน ขณะที่เส้าเต๋อไม่ใส่ใจกับรางวัลทางโลก เขามักอาศัยอยู่ในเทือกเขาหมีฟ้าและเมื่อเยี่ยนหย่งเลี่ยกลายเป็นเจ้าปกครองกลุ่มดาว เขาพยายามเชิญเส้าเต๋ออยู่สองสามคราแต่ถูกปฏิเสธอย่างต่อเนื่องเยี่ยนหย่งเลี่ยโกรธอย่างเห็นได้ชัดและผลักดันกองทัพของเขาไปที่ชายแดน แต่เขาคาดไม่ถึงว่าเส้าเต๋าจะบินมาถึงและใช้ดาบเดียวฟันใส่เทือกเขาหมีฟ้าทำให้สายน้ำหลากท่วมทางอื่นตัดเส้นทางทหารไม่มีใครสามารถก้าวเดินได้และจากนั้นแม่น้ำนั้นจึงถูกขนานนามว่าแม่น้ำดาบประทานแห่งกลุ่มดาวหมีใหญ่”
ทุกคนตกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น พวกเขารู้มานานแล้วว่านักสู้ระดับเซียนนั้นมีความสามารถ แต่เมื่อได้ยินเรื่องราวจากติงตั พวกเขาก็ตระหนักว่านักสู้ระดับเซียนแข็งแกร่งมากกว่าที่พวกเขาคิด!
“แม้ว่าเส้าเต๋อและเยี่ยนหย่งเลี่ยจะไม่มีมุมมองในเรื่องการเมืองที่เหมือนกัน แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ได้แย่อย่างที่คนภายนอกคิด เยี่ยนหย่งเลี่ยเคยส่งเยี่ยนถูไปเรียนวิชาดาบและในที่สุดเป็นเพราะเยี่ยนถูไม่สนใจและชอบใจวิชาดาบ ดังนั้นเขาจึงเลิกในช่วงวิกฤติอย่างนั้นเส้าเต๋อคงเคลื่อนไหวเป็นแน่”
ติงตังมีสีหน้าหนักใจมาก
บรรยากาศในการประชุมกลายเป็นอึดอัด
แต่นอกจากทุกคนแล้ว มีอยู่คนเดียวที่ยังสงบอยู่ ก็คือปิง
เขาผ่านศึกมาเป็นร้อยศึกและทั้งสงครามใหญ่และการต่อสู้ย่อยคือสิ่งที่นักสู้ในยุคปัจจุบันไม่มีทางนึกออก นักสู้ระดับเซียนคนเดียวไม่สามารถทำให้ปณิธานของเขาหวั่นไหว
ปิงมองดูติงตังและพูดอย่างจริงจัง “มีนักสู้ระดับเซียนเพียงคนเดียวใช่ไหม?”
หัวใจติงตังมีความรู้สึกแปลกทันที ลุงปิงคิดว่าพวกเขาสามารถชนะได้หรือ? นางต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่จริงจังของปิง นางจึงผงกศีรษะ“มีนักสู้ระดับเซียนเพียงคนเดียว! เส้าเต๋อไม่มีสหายอื่นและสงครามเกิดขึ้นกะทันหัน กลุ่มดาวหมีใหญ่ไม่สามารถเตรียมตัวไว้ก่อน”
“ข้าเข้าใจแล้วเลิกประชุมได้”
สีหน้าของปิงสงบขณะที่เขายืนขึ้น