ตอนที่ 423 กระดูกทอง
“เจ้ารู้ไหมทำไมเราถึงปล่อยให้เจ้ามีชีวิตต่อไป?” เซรีนกระพริบตาปริบๆ มองตวนมู่ ดวงตาที่สดใสของนางกลมขณะที่นางยิ้มหวาน
ตวนมู่พยักหน้าตามตรง “ข้ารู้ในฐานะเป็นผู้สอนใช้อาวุธและเป็นผู้ฝึกซ้อมให้ด้วย”
“ถูกต้อง”เซรีนเสยผมพร้อมกับทำท่าทางยั่วยวน “วางใจได้ ด้วยงานควบคู่ของเจ้า แล้วข้าจะเพิ่มเงินเดือนให้เจ้าน่าเสียดายชี่กวงใช้งานได้จำกัด และดูเหมือนไม่มีใครชอบใช้ดาบแบบเขา เอ่..เราก็ปล่อยให้เขาเสียเปล่าไม่ได้เสียด้วย เขาเป็นคู่หูฝึกซ้อมที่ดี บางทีข้าอาจสร้างอาวุธจักรกลวิญญาณที่ใช้ดาบแบบนั้นบางจะดีหรือเปล่านะ? โอว, ข้าควรจะไปปรึกษาเรื่องนั้นกับถังโฉ่วดู”
เมื่อมาถึงท้ายการสนทนา นางมักพูดกับตัวเองเสมอ
ตวนมู่มักทำตัวเงียบ คำพูดของนางปกติไม่ชอบถูกขัดคอ แต่น้ำเสียงของเซรีนทำให้เขารู้สึกเสียใจต่อชี่กวงเพราะชี่กวงอาจไม่รู้ว่าเขาถูกตรวจสอบอยู่แล้ว ถ้าเซรีนไม่เค้นเอาคุณค่าและประโยชน์จากเขา พวกเขาคงไม่ยอมปล่อยเขาไปแน่
เซรีนจัดท่าทางและยิ้ม“นั่นสินะ เจ๊ผู้นี้ชอบเจ้าอยู่นะดังนั้นข้าจะส่งเจ้าไปอยู่หน่วยที่หนึ่งเป็นพิเศษ ชี่กวงจะอยู่หน่วยที่สอง อีกหนึ่งเดือนทั้งสองหน่วยจะต้องมาแข่งกัน ใครแพ้ต้องปรับโทษ เจ๊ขอเตือนไว้ก่อนนะ เจ้าจะไม่ชอบถูกลงโทษแน่นอน”
เมื่อเห็นเซรีนยิ้มที่ดูเหมือนไม่ยิ้มตวนมู่สั่นโดยไม่รู้ตัว สตรีนางนี้ดูเหมือนจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น
ตวนมู่จัดการแก้ปัญหาในใจ ไม่ว่ายังไงก็ต้องให้หน่วยที่หนึ่งชนะเลิศให้ได้
เขาได้เห็นความแข็งแกร่งทั้งสองหน่วยแล้ว ความเคลื่อนไหวทั่วทั้งร่างกายของพวกเขาสร้างความประทับใจลึกๆให้เขา เขารู้สึกว่าแผนที่เซรีนใช้เขากับชี่กวงนั้นเหมาะสมจริงๆ
แต่ศัตรูกี่คนถึงจะมีนักสู้ระดับทองมาฝึกให้พวกเขาเล่า?มันดูฟุ่มเฟือยเกินไปหรือเปล่า...
ในไม่กี่วันเขามักคิดเรื่องกองทัพจักรกล และตัดสินคาดเดา แต่เมื่อเขาโต้ตอบกับพวกเขาจริงๆ เขาพบว่าพวกเขามีระดับที่ต่ำมากอย่างน่าประหลาดใจ
ระดับหกนั่นคือระดับที่มาตรฐานสำหรับกองทัพ ซึ่งก็ยังต่ำมาก แต่สำหรับกลุ่มนักสู้ระดับต่ำที่ผสานพลังกันปลดปล่อยพลังที่น่าทึ่งเช่นนั้นได้มาตรฐานของหัวหน้าทหารของพวกเขาสร้างความประหลาดใจให้กับเขา
แต่ถ้านักสู้อาวุธจักรเพิ่มระดับได้หนึ่งถึงสองระดับอะไรจะเกิดขึ้น?
กองทัพจะกลายสภาพไปเป็นอะไร?
ความคิดเช่นนี้ผุดขึ้นมาเองและค้างอยู่ในใจของตวนมู่ เมื่อรู้จักพวกเขาดีขึ้นเขาจึงตระหนักว่าระดับของพวกเขายังต่ำอยู่ และมาตรฐานการเสริมและการฝึกระดับต่ำพวกเขายอมรับว่าเกี่ยวข้องกันโดยตรง
ไม่มีคำแนะนำที่ถูกต้อง ทรัพยากรจำกัด..
ถ้าเงื่อนไขเหล่านี้ถูกจัดการอย่างเหมาะสมแล้ว อย่างนั้นพลังของนักสู้จักรกลอาจจะเพิ่มขึ้นไปอีกระดับก็ได้ แม้ว่าพวกเขาจะยังอายุเยาว์และพวกเขาไม่ใช่อัจฉริยะ แต่ก็สามารถสำเร็จที่ระดับเจ็ดหรือแปดได้อย่างไม่มีปัญหา
นั่นคือความแตกต่างกันระหว่างตระกูลชนชั้นสูงที่ร่ำรวยและตระกูลคนธรรมดา สำหรับตระกูลชนชั้นสูงที่ร่ำรวย พวกเขาได้ค้นคว้าหาระบบการฝึกอบรมที่ดีที่สุดมานาน พวกเขาไม่ต้องรอให้อัจฉริยะปรากฏตัว แต่เพ่งไปที่วิธีการฝึกที่ได้ผลก็สามารถสร้างนักสู้ที่โดดเด่นออกมาได้
ครอบครัวชนชั้นสูงที่ร่ำรวยมีความมั่นคงมากกว่าซึ่งมีชีวิตชีวาและความเหนียวแน่นมากกว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญวิธีฝึกฝนของตระกูลชนชั้นสูงทุกตระกูลเป็นความลับทั้งหมดและไม่เปิดเผยกันง่ายๆ
อีกกลุ่มหนึ่งซึ่งใช้วิธีการดังกล่าวเป็นพวกนักสู้ที่แข็งแกร่ง พวกเขาแข็งแกร่งทรงพลังเข้าใจวิชาการต่อสู้อย่างลึกซึ้งมากกว่า การค้นคว้าวิจัยการฝึกฝนใดๆจะมีความลึกซึ้งมากกว่านักสู้ธรรมดา พวกเขาไม่อาจเทียบได้กับคนรุ่นแล้วรุ่นเล่าที่ผ่านการพัฒนาโดยตระกูลชั้นสูง แต่มักจะมีอัจฉริยะโดดเด่นผู้สร้างสำนักของตนและสร้างตระกูลเป็นของตนเองได้
ตวนมู่เป็นนักสู้ประเภทที่เชี่ยวชาญในการใช้สมองของตนและนั่นคือเหตุผลที่เขาสามารถฆ่านักสู้ที่แข็งแกร่งมากกว่าเขาได้
เหตุผลที่เขาตอบตกลงนางจากเพื่อรักษาชีวิตของตัวเขาเองแล้วยังเป็นเพราะเขาสงสัยเรื่องนักสู้สายอาวุธจักรกล เพราะมาตรฐานโดยทั่วไปของนักสู้จักรกลระดับหกก็สามารถเอาชนะกลุ่มโจรสายลมได้นั่นคือสิ่งที่เขาไม่เคยคิดว่าเป็นไปได้
เขาตระหนักถึงคุณค่าพวกเขา
เขาเริ่มคิดวิธีอะไรจะสามารถช่วยเพิ่มมาตรฐานของนักสู้จักรกล สถานะของนักสู้จักรกลต่ำกว่าถังไม้ ถ้าเขาสามารถเพิ่มขึ้นมาได้ อย่างนั้น..
“ทางด้านฮั่วฝู่หมัน เจ้าจะคิดว่ายังไง?” เซรีนยังคงยิ้มต่อ
หัวใจของตวนมู่เย็นเย็นสงบเขาไม่หลบสายตาของเซรีน และตอบตามตรง “สิ่งที่ข้าสัญญาจะทำให้เขาข้าได้ทำไปทั้งหมดแล้ว ข้าไม่เป็นหนี้เขาอีกต่อไป และข้าทำสัญญาจิตวิญญาณยุทธกับเจ้านายไปแล้ว”
เซรีนยิ้มหวาน“อย่างนั้นตอนนี้ทุกคนก็คือครอบครัวเดียวกัน เจ้าทำให้ดีเลยนะอย่าให้ย่อหย่อนกว่าชี่กวง โอว..”
“ข้ารู้”
ตวนมู่ผงกศีรษะและหมุนตัวเดินออกไปข้างนอก
พอเดินออกมาจากห้องใต้ดินก็เป็นพื้นที่สว่างจ้ากึกก้องไปด้วยเสียงตะโกน ร่างขนาดใหญ่หลายร่างกำลังวิ่งอยู่ใต้แสง ที่อยู่ต่อหน้าเขาเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ทันใดนั้นตวนมู่ตื่นเต้นมากสำหรับสิ่งที่จะมาถึง
******
หน้าของอูเซี่ยเคร่งเครียด ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในเงื้อมมือของเขา
แม้ว่าทาร์ตันได้เกณฑ์กองกำลังป้องกันวังเทพธิดาใหม่ แต่เขาไม่คิดว่าถ้าจะมีคนบุกโจมตี ก็จะไม่ใช่ระดับใหญ่ ด้วยการก่อสร้างวังเทพธิดาใหม่ การป้องกันต่างๆยังไม่หนาแน่นเพียงพอ
อูเซี่ยไม่ท้อถอยเขาผลักดันบริวารของเขาสุดกำลังจนเป็นกำลังที่ต่อต้านไม่ได้ กองพลทหารราบคาดไม่ถึงว่าจะเผชิญกับนักสู้ที่แข็งแกร่งขนาดนั้นจึงไม่สามารถจัดการป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ็ดมือสังหารที่อยู่ใต้บังคับบัญชาอูเซี่ยพวกเขาสนิทกันเหมือนพี่น้องเข้ากันได้ดีและแข็งแกร่งมาก เมื่อพวกเขาวางกำลังก็ไม่มีใครสามารถป้องกันพวกเขาได้ หลังจากปะทะกันสองสามระลอก พวกเขาก็ถูกทลายแนวป้องกันฉีกขาดกระเจิง
แอนเดรียนาหน้าซีดเผือด นางคาดไม่ถึงเลยว่าอูเซี่ยจะกล้าเสี่ยงจากการถูกประณามทั่วไปและต่อต้านนางทุกอย่าง
ห่วงนางฟ้าในมือของนางยังคงเงียบและเมื่อล่าสุดพลังของกลุ่มดาวอันโดรเมดาถูกใช้สร้างสมบัติมากขึ้น ดังนั้นห่วงนางฟ้าจึงค่อนข้างเหนื่อยล้า แอนเดรียนารู้ตัวเอง แม้ว่าห่วงนางฟ้าไม่ได้รับความเสียหาย นางก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักสู้ที่ดีที่สุดของอูเซี่ย เป็นคนที่มีชื่อเสียงความสามารถมีประสบการณ์และเหี้ยมหาญ วิชาดาบของเขาแข็งแกร่งทรงพลังมาก เขาคนเดียวก็สามารถรับมือพลังป้องกันได้มากกว่าครึ่งทำให้คนที่เหลือทำงานได้ง่ายขึ้น
แนวป้องกันกำลังตกอยู่ในอันตราย
ทันใดนั้นระลอกคลื่นพลังระเบิดขึ้นแต่ไกล
นั่นคือ....
ทุกคนหยุดด้วยความสงสัย พลังงานที่แผ่ระลอกออกมาทำให้พวกเขาใจเต้นแรง ทุกคนรู้สึกเลือดลมพลุกพล่าน
หน้าของอูเซี่ยเปลี่ยน สมบัติที่ฝ่าบาทถือครองไว้...
ขณะเมื่อเขาสงสัยระลอกคลื่นพลังงานที่น่ากลัวหยุดลงทันที มันหายไปไม่เหลือร่องรอย ราวกับว่าเป็นเพียงภาพลวงตา
อูเซี่ยวรู้สึกลมหายใจขาดห้วง ความคิดน่ากลัวครอบงำตัวเขาทันที
ไม่...เป็นไปไม่ได้...
เวลาผ่านไปช้าๆ แต่ระลอกพลังงานที่น่ากลัวไม่ปรากฏอีกต่อไป
หน้าของอูเซี่ยซีดเผือดราวกับกระดาษ เสียงของเขาสั่นของตะโกน “ถอนกำลัง! เราจะถอนกำลัง!”
เหล่าบริวารของเขาตกตะลึง
“นายท่าน...”
อูเซี่ยมีสีหน้าบิดเบี้ยวแล้วตะโกนลั่น “ถอนกำลัง! เราจะถอนกำลังกันเดี๋ยวนี้! ไปหาถังเทียน!”
นักสู้สองสามคนที่รู้สึกตัวสะดุ้งเฮือกทุกคนสีหน้าเปลี่ยน
เมื่อเห็นศัตรูถอนกำลังไปเหมือนคลื่น แอนเดรียนาซึ่งแทบไม่อาจทนได้ตลอด รู้สึกเหมือนกับว่านางอยู่ในความฝันและความกลัวเริ่มผุดขึ้นมาทำให้นางถึงกับเข่าอ่อน
ทำไมพวกเขาถอนกำลัง...
แอนเดรียนาคิดถึงสิ่งที่อูเซี่ยพูดก่อนจากไปและนางตระหนักได้ทันที “ถังเทียนตกอยู่ในอันตราย! รีบแจ้งแม่ทัพเร็วเข้า ให้ไปสนับสนุนถังเทียน!”
เสร็จสิ้นการสั่งงานทุกอย่างจากนั้นนางทิ้งตัวลงนั่งกับพื้น
หลังจากนั่งมึนงงอยู่นาน นางค่อยๆ สงบจิตใจจากอาการตกใจ นางนั่งอยู่กับพื้นลูบผมนางในยามคิดอะไรไม่ออก
อูเซี่ยและพวกบ้าไปแล้วหรือ? พวกเขาพยายามจะทำอะไรกันแน่?
กลุ่มดาวหมีใหญ่!
นางกัดฟันมือของนางกำกระโปรงแน่นจนกระทั่งมือซีดขาว
*******
เจี่ยนฟงหยวนจ้องมองสิ่งที่เหลือของดาบหัวปีศาจในมือของเขา ความตายที่คุกคามทำให้ความตั้งใจสู้ของเขาหายไปไม่เหลืออยู่เลยพลังในร่างหายไปหมด เขาขาอ่อนและทิ้งตัวนั่งลงกับพื้น
หรงโหรวอยู่ในอาการมึนงงหน้าของเขาขาวซีด แววตาสิ้นหวัง เขารู้ว่าผู้เฒ่าเจี่ยนมักจะเจนโลกและเจ้าเล่ห์เสมอ แต่เขาคาดไม่ถึงเลยว่าพลังใจของเขาบอบบางเหมือนกระดาษ
เขาคาดไม่ถึงอย่างมากก็คือพลังของทั้งสามคนแข็งแกร่งมากนัก
โดยเฉพาะถังเทียน...
สายตาของหรงโหรวมองดูถังเทียน แม้จนถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่เข้าใจถังเทียนเอาชนะฝ่าบาทได้อย่างไร
การต่อสู้ส่งผลอย่างมากมาย
คฤหาสน์ที่ถังเทียนพักอาศัยพังทลาย แม้รอบๆคฤหาสน์ก็ยังถูกทำลายได้รับความเสียหายหนัก
อาเฮ่อเดินเข้าหาเจี่ยนฟงหยวนและหรงโหรวแทงสกัดเส้นชีพจรพวกเขาไว้
พอเสร็จงานของเขาอาเฮ่อแบกหลิงซิ่วที่หมดสติและถือกระบี่ของเขาเดินเข้ามาหาถังเทียน และพูดอย่างสงบ“ถังเทียน ที่เหลือเจ้าจัดการเอาเอง”
พูดจบเพียงแค่นั้นก็นิ่งเหมือนท่อนไม้เขาล้มกับพื้นหมดสติทันที
หลังจากใช้เจ็ดกระบี่หมุนระบำกระเรียนต่อเนื่อง อาเฮ่อทำลายดาบหัวปีศาจของเจี่ยนฟงหยวนได้สำเร็จและยังทำลายพลังใจและความคิดต่อสู้ของเขา แต่พลังภายในและพลังภายนอกของอาเฮ่อก็หมดไปเช่นกัน
เขาอดทนมาตลอดจนกระทั่งงานเสร็จสิ้นสมบูรณ์ แต่ตอนนี้พอสภาพจิตใจผ่อนคลาย เขาจึงล้มลงหมดสติ
ถังเทียนตกใจกับอาการของอาเฮ่อเขารีบตรวจสอบดูทันทีก็รู้ได้ว่าอาเฮ่อใช้พลังมากเกินไปจึงค่อยรู้สึกเบาใจ หลิงซิ่วก็เช่นกัน ถังเทียนถอนหายใจโล่งอกและนั่งลงกับพื้น
การนั่งครั้งนี้กระทบกระเทือนบาดแผลบนร่างกายเขาทำให้เขาร้องครางด้วยความเจ็บปวด
ทันใดนั้นเขาสังเกตเห็นของที่เป็นทองสิ่งหนึ่งอยู่ใกล้ขาเขาจึงหยิบขึ้นมาดูเดิมทีเป็นมือของเยี่ยนถูก่อนนั้น หลังจากนึกถึงตอนต่อสู้ ถังเทียนก็ยังคงได้รับบาดเจ็บจากสิ่งนี้
มันน่าตื่นเต้นมาก ถ้าเขาช้าไปหนึ่งก้าว พลังก็จะถูกปล่อยออกมาและเขาเองต่างหากที่จะต้องตาย
หลังจากระลึกถึงระลอกพลังงานที่น่ากลัวแล้วหัวใจถังเทียนรู้สึกกลัว
หลังจากแขนขวาของเยี่ยนถูขาดกระเด็น ก็มีไฟปะทุขึ้นมา และเผาผลาญจนเหลือแต่เถ้าถ่านทิ้งไว้แต่เพียงวัตถุนี้ ไม่ต้องบอกถังเทียนก็รู้ว่ามันคือสมบัติ
ถังเทียนมองดูวัตถุที่น่าสงสัยมันเหมือนกับกระดูกทอง รูปร่างของมันผิดปกติแต่เรียบเนียนมาก
คงจะเป็นสมบัติระดับทองกระมัง? จากที่มองเห็น เหมือนกับว่ามันจะไม่มีพลังมากมันมีสัมผัสที่ร้อนและหนัก นอกจากนั้นไม่มีอะไรพิเศษ
ฝ่ามือของถังเทียนยังคงมีแผลสองสามแห่ง แม้ว่าจะไม่ลึก แต่ก็ยังมีเลือดไหลออกมา
ถังเทียนละเลงเลือดบนกระดูกทองจากมือที่เปื้อนเลือดอยู่แล้วรอยเปื้อนเลือดหายเข้าไปในกระดูกทองอย่างรวดเร็วเหมือนเป็นหยดน้ำในทราย มันหายไปไม่เหลือร่องรอย
ขณะนั้นเองเริ่มเกิดเหตุเปลี่ยนแปลง