ตอนที่ 13-26 บ้านเกิด
“ครืนน...” ฝุ่นปลิวกระเด็นออกมาจากร่างของบีบีด้วยเหมือนกัน ทั้งฝุ่นทั้งสิ่งสกปรกถูกควบคุมได้ด้วยพลังที่มองไม่เห็นจากนั้นถูกบีบอัดเข้าไปในหิน
บีบีกดปีกหมวกฟางของเขามองดูลินลี่ย์อย่างตื่นเต้น “พี่ใหญ่!ตอนนั้นท่านพูดถึงเรื่องเคล็ดลึกลับของดนตรี และเกี่ยวกับเคล็ดลึกลับของคลื่นเสียงและวิธีผสานเข้าด้วยกันเป็นสัจธรรมแห่งเสียงใช่ไหม? แล้วนี่คืออะไร?” บีบีสับสนมาก
ลินลี่ย์ยิ้มเล็กน้อย
แม้ว่าเขาจะฝึกมาเพียงสองปีแต่การมองเห็นทางจิตและความสามารถในการหยั่งรู้ของลินลี่ย์ก็ไวกว่าตอนก่อนที่เขาจะเป็นเทพหลายร้อยเท่า ระหว่างช่วงเวลานี้ เขามีวิญญาณสองดวงที่ปรับตัวและส่งเสริมกันและกันต่อเนื่อง การฝึกเพียงสองปีที่เขาทำนั้นเทียบได้กับการฝึกถึงสองร้อยหรือสามร้อยปีในช่วงก่อนเป็นเทพ
เกี่ยวกับเคล็ดความรู้ลึกลับแห่งดนตรีและคลื่นเสียง ลินลี่ย์บรรลุถึงระดับหนึ่งแล้ว
แต่แน่นอนว่าเขายังห่างไกลจากระดับเชี่ยวชาญที่แท้จริงอยู่มาก
“บีบี, เมื่อเสียงถูกสร้างขึ้น,ก็แค่สร้างขึ้นมาจากคลื่นเสียงจริงๆ” ลินลี่ย์อธิบาย “เนื่องจากเสียงคือสิ่งที่เกิดจากคลื่น จึงมีการสั่นสะเทือนเป็นของตนเอง ทุกวินาทีมันสั่นสะเทือนหลายครั้งกำหนดให้หูได้ยินมัน”
นี่คือความรู้บางอย่างซึ่งลินลี่ย์ได้มาจากความเข้าใจเกี่ยวกับเสียงขณะที่กลับไปปราสาทเลือดมังกร
บีบีพยักหน้า
“แต่เสียงที่เราไม่สามารถได้ยินก็สร้างผลกระทบที่น่าสนใจ ”ลินลี่ย์ควบคุมแก่นธาตุลมจากนั้นเริ่มปั่น แก่นธาตุต่างๆเริ่มปะทะกันเองเกิดเป็นคลื่นเสียง ทันใดนั้นเสียงเริ่มดังออกมา
เสียงไพเราะเหมือนกับเสียงรำพันของคนรักทำให้ผู้คนหลงใหลขาดสติ
บีบีเริ่มรู้สึกถึงผลของมันอย่างเลือนรางเช่นกัน
“นี่คือเคล็ดความลึกลับของดนตรี!” ลินลี่ย์หัวเราะ “ข้าแค่ควบคุมแก่นธาตุเพื่อกระตุ้นให้ทำงาน ถ้าข้าใช้พลังเทพไปด้วยพลังจะมากขึ้นแม้แต่เทพจะต้องได้รับผลไปด้วย ตัวอย่างเช่น ‘ลำนำแห่งสายลม’ของข้าจะปล่อยเสียงที่ไพเราะล่อลวงวิญญาณของศัตรู ทำให้พวกเขาสูญเสียการป้องกันไปชั่วคราว และข้ามีโอกาสฆ่าพวกเขา”
บีบีพยักหน้าหงึกๆ “ว้าววว, ทรงพลังมาก,อย่างนั้นเคล็ดความลึกลับแห่งคลื่นเสียงเล่า?”
“ข้าแค่บอกได้ว่าคลื่นเสียง ก็เป็นคลื่นเป็นความสั่นสะเทือนอยู่ในธรรมชาติ ถ้าพวกมันสั่นสะเทือนเป็นจำนวนครั้งที่แน่นอนภายในช่วงแต่ละวินาที เราจะได้ยินมัน แต่..เมื่อการสั่นสะเทือนเกินไปกว่าระดับนั้น ก็จะแตกต่างออกไป” ลินลี่ย์ถอนหายใจ “ในอดีต ข้าไม่เข้าใจเรื่องนี้ แต่เมื่อเห็นคลื่นเสียงที่ถูกสร้างโดยหุบเขา ข้าจึงได้เข้าใจ”
“เหรอ?” บีบีค่อนข้างประหลาดใจ
“ดูนะ” พลังจิตที่ทรงพลังของลินลี่ย์ควบคุมแก่นธาตุลมในพื้นที่อีกครั้งหนึ่ง
คลื่นเสียงพิเศษปรากฏขึ้นมากกว่าครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ถูกส่งตรงไปที่ผนังภูเขารอบด้าน ทันใดนั้น...ผนังของภูเขาในหุบเขาดูเหมือนจะเริ่มสั่นสะเทือนเหมือนสัตว์มีชีวิตด้วยเสียงสั่นสะเทือนนั้น หินเริ่มแตกและร่วงลงมาจากผนัง
“เอ๋?” บีบีประหลาดใจมาก
ลินลี่ย์เสริมพลังจิตเข้าไปอีกและคลื่นสั่นสะเทือนของแก่นธาตุลมเพิ่มความรุนแรงขึ้นทันที
“ปัง!” “ปัง!” ทั่วทั้งหุบเขาเริ่มสั่นสะเทือนเสียงหินกระแทกกันดังชัดเจนจากนั้นตามมาด้วยเสียงระเบิดบึ้มหินนับไม่ถ้วนในแต่ละด้านของหุบเขาระเบิดออกกลายเป็นก้อนกรวดนับไม่ถ้วน
“ว้าว” ตาของบีบีเบิกกว้าง
เดิมทีเพราะลักษณะโครงสร้างที่พิเศษของหุบเขานี้เมื่อสายลมพัดผ่านจึงสร้างคลื่นเสียงเช่นนั้นได้
แต่ตอนนี้ด้วยการแสดงพลังของลินลี่ย์ โครงสร้างของหุบเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก มันไม่สามารถสร้างคลื่นเสียงเช่นนั้นได้อีกต่อไปทันใดนั้นเสียงลมโหยหวนสามารถฟังได้ยินชัด และซัดใส่หินนับไม่ถ้วนกระเด็นกระจายไปทุกที่อากาศเต็มไปด้วยฝุ่นทันที ในเวลาต่อมาอากาศจึงกลับเข้าสู่สภาพปกติ
เพียงแต่หุบเขานี้ในตอนนี้เต็มไปด้วยเสียงลมโหยหวน
“เทือกเขามรณะจะไม่มีทางเป็นเทือกเขามรณะเหมือนเดิมได้อีกแล้ว” ลินลี่ย์ถอนหายใจสะท้อนใจ
“พี่ใหญ่, พลังโจมตีแบบนี้ ทรงพลังมาก” บีบีถอนหายใจทึ่ง
ลินลี่ย์หัวเราะอย่างสงบ “เป็นเรื่องค่อนข้างธรรมดา ข้าเพียงแต่ได้รับทักษะเพียงเล็กน้อยจากเคล็ดความลึกลับแห่งคลื่นเสียง ตอนนี้เมื่อว่าถึงในสิ่งที่ข้าเรียน เคล็ดความลึกลับแห่งคลื่นเสียงก็ยังแค่โจมตีในส่วนธาตุหยาบ ขณะที่เคล็ดความลึกลับแห่งดนตรีสามารถส่งผลถึงวิญญาณ อย่างไรก็ตามถ้าศัตรูไม่เข้าใจ อย่างนั้นต่อให้เป็นยอดฝีมือระดับเทพก็อาจจะต้องประสบปัญหาเจ็บตัวกันบ้าง”
คลื่นเสียง,สำเนียงเพลง นี่คือสองด้านของเสียงที่แตกต่างกัน
อย่างหนึ่งใช้โจมตีกาย อีกอย่างหนึ่งส่งผลถึงวิญญาณ
“ข้าไม่แน่ใจถึงพลังที่แท้จริง ที่สำคัญข้าได้รับทักษะมาเพียงเล็กน้อย” ลินลี่ย์คงยิ้มเต็มหน้า
นี่คือเหตุผลที่ทำให้เขารักการฝึก
ลินลี่ย์รู้สึกเหมือนกับว่าความรู้แจ้งแต่ละอย่างก็คือความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับจักรวาลสำหรับเขาเมื่อได้รับการรู้แจ้งและการทำสมาธิ แสดงให้เห็นวันหนึ่งโดยไม่ต้องมีการเคลื่อนไหวเลยเขาจะสามารถทำให้ฟ้าถล่มได้ เพียงแต่ ใครก็รู้กว่าจะถึงวันนั้นต้องใช้เวลานานเท่าใด
“บีบี,เคล็ดความลึกลับอะไรที่เจ้าได้รู้แจ้งในการกลายเป็นเทพ?” ลินลี่ย์ถามด้วยสงสัย
บีบีเม้มปาก เขาถอนหายใจกล่าว“ก็ไม่ถึงกับทรงพลังเท่าท่านหรอก พี่ใหญ่ ก็แค่เอาไว้รักษาชีวิต ก็คล้ายๆกับราชันย์มือสังหารซีซาร์ถ้าข้าสู้กับใครข้ายังต้องอาศัยความสามารถตามธรรมชาติของข้า”
ลินลี่ย์ค่อนข้างเข้าใจ
ทันใดนั้น...
“ครืนนน!” โลกสั่นสะเทือนเบาๆ คลื่นสั่นสะเทือนนี้ส่งผ่านเข้ามาในทวีปยูลาน และตาของเทพนับไม่ถ้วนหันไปทางทิศตะวันตก บีบีกับลินลี่ย์จ้องไปทางทิศเหนือเป็นธรรมดา
“มีคนกลายเป็นเทพงั้นหรือ?” บีบีกล่าวอย่างประหลาดใจ
การชะลอลงมาของกฎธรรมชาติคือข้อพิสูจน์ว่ามีบางคนกลายเป็นเทพด้วยความสามารถของตัวเอง ที่สำคัญการผสานกับประกายศักดิ์สิทธิ์ไม่ทำให้กฎธรรมชาติชะลอลงมา
“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกเลย เหมือนกับว่าช่วงสองสามปีมานี้มีบางคนในทิศตะวันตกกลายเป็นเทพด้วยกำลังของตนเอง” ลินลี่ย์จ้องมองด้านล่างด้วยความสับสนและขยายสัมผัสเทพออกไป “น่าจะอยู่ในพื้นที่สหภาพศักดิ์สิทธิ์ เกิดอะไรขึ้นนี่? ในช่วงไม่กี่ปีมานี้มีสองคนที่กลายเป็นเทพด้วยตนเอง?”
การกลายเป็นเทพด้วยความสามารถของตนเองนั้นยากมาก
เพราะเป็นเรื่องยากนี่เองจึงมีค่ามาก ช่วงไม่กี่ปีมานี้ มีคนหนึ่งที่กลายเป็นเทพด้วยตนเองทำให้ลินลี่ย์คนอื่นถอนหายใจด้วยความทึ่ง แต่ตอนนี้ยังมีอีกคนหนึ่งกลายเป็นเทพได้เอง เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเรื่องประจวบเหมาะเกินไป
“พี่ใหญ่, เราไปดูกันเถอะ” บีบีรีบกล่าว
“สหภาพศักดิ์สิทธิ์น่ะหรือ?” ลินลี่ย์ตกใจเล็กน้อย เนื่องจากเขาคิดบางอย่างได้ “อาจจะดีก็ได้ ได้เวลากลับไปดูกัน ข้าไม่ได้กลับไปเยี่ยมบ้านเกิดข้ามานานแล้ว”
ลินลี่ย์และบีบีบินเคียงคู่กันเป็นแนวเส้นยาวตรงไปทางตะวันตก
การชะลอลงมาของกฎธรรมชาติเมื่อมีคนกลายเป็นเทพเป็นเรื่องดึงดูดความสนใจของซาดิสต์เป็นธรรมดา ขณะที่เขาขยายสัมผัสเทพออกไปค้นหาลินลี่ย์ด้วย“เอ่.. ลินลี่ย์นี้ตื่นขึ้นแล้ว โอว.. เขากำลังบินไปที่แห่งหนึ่ง?”
ลินลี่ย์กับบีบีกำลังบินด้วยความเร็วสูง ในเวลาต่อมาหลังจากซาดิสต์ค้นหาอีกครั้งก็พบลินลี่ย์กับบีบี พวกเขาไปถึงจุดหมายปลายทางของพวกเขาแล้ว”
“พวกเขาไปสหภาพศักดิ์สิทธิ์จริงๆ..แอนราส!” ซาดิสต์ส่งสัมผัสเทพออกไปหาแอนราสที่ยังรอโอกาสอยู่ในทุ่งราบใหญ่ตะวันออก
แอนราสนั่งสมาธิเงียบอยู่ในหุบเขาร่างของเขาเต็มไปด้วยฝุ่น แค่เห็นวูบแรก ใครอาจคิดว่าเป็นรูปปั้นมนุษย์ก็ได้
สำหรับเขาการรอเพียงสองปีไม่มีอะไรแม้แต่น้อย เมื่อได้ยินจากสัมผัสเทพของซาดิสต์เรียกหาเขา แอนราสลืมตาทันทีและฝุ่นบนร่างของเขาหายไปเหมือนไม่มีอะไร คำสั่งของซาดิสต์มาถึง “แอนราส! ลินลี่ย์กับหนูกินเทพไปที่สหภาพศักดิ์สิทธิ์ จงไปที่นั่นเดี๋ยวนี้”
“ขอรับ, ลอร์ดซาดิสต์” แอนราสกล่าวด้วยความเคารพ
และจากนั้นเสียงบึ้ม ดังขึ้น ทั่วทั้งหุบเขามีไฟกระจายพุ่งขึ้นท้องฟ้า ร่างของแอนราสรายล้อมไปด้วยเพลิงและเหมือนกับเทพอัคคีเขาพุ่งตัดผ่านท้องฟ้าอย่างรวดเร็วบินตรงไปทิศตะวันตกและหายลับไปในขอบฟ้า
เมืองน้อยอู่ซันบ้านเกิดของลินลี่ย์
“เมืองอู่ซัน...”ลินลี่ย์ยืนอยู่ใจกลางเมืองอู่ซันจ้องมองพื้นที่โดยรอบ เขาอดทอดถอนใจไม่ได้
ภูเขาอู่ซันอยู่ถัดจากเมืองน้อยอู่ซันเปลี่นไปไม่มากนักเมื่อเทียบกับตอนที่เขายังเด็ก แต่เมืองอู่ซันเปลี่ยนไปมากมาย เมืองอู่ซันส่วนใหญ่กลายเป็นรกร้าง นี่ไม่ใช่ที่ให้คนอาศัยอีกต่อไปมันคือรังที่อาศัยของอสูรเวท ตัวอย่างเช่นหอบรรพบุรุษของตระกูลลินลี่ย์กลายเป็นรังของหมาป่าวายุ
“เพื่อนวัยเด็กและลุงๆ ป้าๆ ในอดีตเหล่านั้น...”ใจของลินลี่ย์หวนกลับไปตอนงานเทศกาลที่ยุ่งเหยิงของเมืองอู่ซัน ทุกๆ เช้าตรู่เด็กๆในเมืองอู่ซันจะยืนเข้าแถวในสนามพื้นที่ว่างใกล้เมืองอู่ซันแล้วเริ่มฝึกฝน ขณะที่ผู้ใหญ่จะเริ่มทำงานกัน
แต่ตอนนี้....
จะไม่มีภาพแบบนี้เกิดขึ้นอีก ผู้คนส่วนใหญ่ตายไปแล้ว
“เมืองน้อยอู่ซันไม่มีอะไรมากไปกว่าประวัติศาสตร์” ลินลี่ย์ถอนหายใจ หลังจากเหตุการณ์วันล้างโลก อดีตอาณาจักรเฟนไลล่มสลายหมดกลายเป็นพื้นที่ของอสูรเวท
ลินลี่ย์ขมวดคิ้วและควบคุมสัมผัสเทพในร่างปลดปล่อยพลังเทพที่ทรงพลังออกไปทันที
แม้ว่าลินลี่ย์จะใช้ร่างเดิมของเขา แต่ประกายศักดิ์สิทธิ์ของเขายังอยู่ในทะเลจิตวิญญาณของเขา ลินลี่ย์สามารถกระตุ้นประกายศักดิ์สิทธิ์ภายในร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ พลังศักดิ์สิทธิ์ที่รุนแรงกวาดไปทั่วเมืองอู่ซันเหมือนกับคลื่นทะเล
ทันใดนั้นอสูรเวทที่อาศัยอยู่ในภายเมืองอู่ซันหลายร้อยทั้งหมดคุกเข่าลงตัวสั่นสะท้าน
“พวกเจ้า..ไสหัวไปให้หมด” สัมผัสเทพของลินลี่ย์ดังขึ้นในใจของอสูรเวทแต่ละตัว
ไม่มีอสูรเวทแม้แต่ตัวเดียวที่กล้าต่อต้าน อสูรเวทหลายร้อยส่งเสียงครางและรีบออกไปจากเมืองอู่ซันที่อันตรายที่สุดนี้ไปอย่างสุดฝีเท้า
“บีบี, ไปเยี่ยมบ้านบรรพบุรุษข้ากันเถอะ” ลินลี่ย์กล่าว
“นี่เป็นบ้านเกิดข้าด้วย” บีบีกล่าว
ในอดีตบีบีเองก็เกิดที่นั่นและได้พบกับลินลี่ย์ในบ้านบรรพบุรุษหลังจากนั้นมา ทั้งสอง หนึ่งมนุษย์หนึ่งอสูรเวทกลายเป็นคู่หูผูกพันชีวิตร่วมกัน ลินลี่ย์กับบีบีก้าวเข้าไปข้างในที่มีฝุ่นปกคลุม บ้านบรรพบุรุษดูผุพัง
เมืองเฮส
เดลินโคเวิร์ทตายที่นี่ หลายปีมาแล้ว อย่างไรก็ตามเมืองนี้ไม่ถูกอสูรเวทพิชิตตรงกันข้ามเมืองเฮสในบัดนี้พัฒนามากขึ้นและอึกทึกยิ่งกว่าที่เป็นมาในอดีต
ภายในร้านอาหารที่ค่อนข้างดูดีในเมืองเฮส ลินลี่ย์และบีบีพบมุมเงียบเล็กๆ พวกเขานั่งหันหน้าเข้าหากันสั่งเหล้าและอาหารบางอย่าง
“รสชาติไม่เลย” บีบีชม
ลินลี่ย์หัวเราะและพยักหน้า “นั่นคือเหตุผลที่พวกเขามีลูกค้ามากมายที่นี่” มีคนสองสามคนอยู่ในร้านอาหารนี้แล้ว
“หือ?”ลินลี่ย์หันหน้าไปมองที่ประตูอย่างประหลาดใจทันที เด็กสาวผมยาวสีม่วงกำลังเดินเข้ามา หน้าของเด็กสาวมีรอยกระเล็กน้อย แต่นั่นกลับทำให้นางดูน่ารักขึ้น
“เบลิตา”
“เบลิตา, เจ้ากลับมาแล้ว บิดาของเจ้ากำลังดื่มกับเรา แต่เขาเอาแต่จ้องอยู่ที่ประตูหลายครั้งครา”
ขณะที่เด็กสาวเดินเข้ามาในร้านอาหาร มีเสียงทักทายดังขึ้น เห็นได้ชัดว่าเด็กสาวผู้งดงามมีสหายอยู่ด้วยสองสามคน
“เด็กสาวคนนี้เป็นใคร?” มีบุรุษอีกสองคนนั่งอยู่ด้านหลังลินลี่ย์ หนึ่งในนั้นเป็นเด็กหนุ่มถามขึ้นด้วยความสงสัย บุรุษที่อยู่ข้างหน้าเขาหัวเราะ “นี่คือลูกสาวของเถ้าแก่ร้านอาหาร พูดให้ถูกยิ่งกว่าก็คือร้านอาหารนี้ถูกสร้างขึ้นมาตามที่แม่นางเบลิตาออกแบบ”
“โอว?” บุรุษหนุ่มค่อนข้างประหลาดใจ
“ตระกูลของเบลิตาเดิมที่เป็นตระกูลขุนนางแต่ต่อมาล้มละลาย บิดาของเบลิตาก็คือเจ้านายจมูกโตที่อยู่ตรงนั้น เขาค่อนข้างมั่นในหน้าตาแม้ว่าตระกูลของเขาจะล่มสลาย แต่เขายังต้องการใช้ชีวิตอยู่ในคฤหาสน์สวยๆ เขาจัดการให้คนรับใช้ทำความสะอาดที่ดินทุกส่วนคฤหาสน์ประจำตระกูลของเบลิตาใหญ่โตมาก สำหรับที่อยู่อาศัยที่ใหญ่โตอย่างนั้นก็มีค่าใช้จ่ายก็มหาศาลบิดาของเบลิตาเอาแต่ใช้เงินแต่ไม่ทำอะไร เป็นธรรมดาเงินย่อมหมดไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็เป็นเบลิตาที่ตั้งใจพัฒนาพื้นที่ส่วนหน้าบ้านเป็นร้านอาหาร บ้านของเบลิตาใหญ่โตอยู่แล้วเบลิตาจึงจัดการดูแลที่ทั้งหมด
“นอกจากนี้, เบลิตาเป็นจอมเวทที่ทรงพลัง คาดว่านางคงเป็นจอมเวทระดับห้าแล้ว”
เมื่อได้ยินคำอธิบายนี้ลินลี่ย์เหลือบมองเด็กสาวผมม่วงด้วยความรู้สึกค่อนข้างประหลาดใจ
“พี่ใหญ่! เบลิตาผู้นี้น่าประทับใจมากนะ”
ลินลี่ย์ยังคงรู้สึกว่าการออกแบบและการตกแต่งร้านอาหารทำได้ไม่เลวเลย ทั้งภายนอกและภายในร้านดูยอดเยี่ยมซึ่งเป็นเหตุผลให้ลินลี่ย์และบีบีเลือกร้านนี้ เขาไม่คาดเลยว่าการออกแบบทั้งหมดจะทำโดยเด็กสาว และจากที่ดู แม้ว่าเด็กสาวอายุยังน้อย แต่นางสามารถจัดการตระกูลได้ทั้งหมด
“ท่านพ่อ, ข้ารู้สึกไม่สบาย ข้าจะกลับไปพักสักหน่อย” เบลิตาพูดกับบิดาของนางที่กำลังนั่งดื่มเหล้า
“ถ้าเจ้าไม่สบายอย่างนั้นก็รีบกลับไปพักเสียบ้าง” บุรุษวัยกลางคนจมูกโตรีบกล่าว
เบลิตาหลังจากพูดเสร็จก็เดินเข้าไปในประตูหลังทางเข้าบ้านพักของครอบครัว
“หืม?” ขณะนั้นเองลินลี่ย์ขมวดคิ้วเล็กน้อย