ตอนที่ 13-20 เทพชั้นสูงไร้เทียมทาน
“อาจจะเอาชนะได้น่ะหรือ?” ลินลี่ย์ปั่นป่วนใจ
หลังจากพูดแล้วเบรุตนั่งอยู่กับที่มองดูลินลี่ย์พร้อมกับมีรอยยิ้ม เมื่อลินลี่ย์สังเกตถึงสีหน้าอารมณ์ของเบรุต ลินลี่ย์ก็เข้าใจได้ทันที เขาหัวเราะเยาะตนเอง “ท่านลอร์ดเบรุตท่านพยายามจะบอกข้าว่าข้าควรจะหลีกเลี่ยงการสู้กับเทพที่มีระดับที่สูงกว่าข้าใช่ไหม?”
เบรุตลูบเคราเริ่มหัวเราะ“ถูกแล้ว”
ลินลี่ย์ค่อยรู้สึกโล่งใจ
เขาคือระดับเทียมเทพผู้โดดเด่นหรือ? ลินลี่ย์ไม่รู้สึกมั่นใจที่จะพูดอย่างนั้น
คู่ต่อสู้ของเขาคือเทพแท้ที่อ่อนแอ? นั่นก็ยากจะระบุได้
ดังนั้นแม้ว่าในทฤษฎีระดับเทียมเทพจะสามารถฆ่าเทพแท้ได้ แต่ในความเป็นจริงโอกาสสำเร็จต่ำมาก เว้นแต่ว่าเทพแท้จะบาดเจ็บหนักและในช่วงพริบตาที่จะตาย เทพแท้ที่อยู่ในสถานการณ์ปกติจะไม่มีทางพ่ายแพ้เทียมเทพ
เบรุตลุกขึ้นยืนและเดินไปที่ประตูห้องหนังสือ
“แอ๊ดดด!” ประตูห้องหนังสือเปิดออกเอง ทำให้ลมราตรีพัดเข้ามาชุดยาวดำของเบรุตโบกสะบัด
เบรุตลังเลเล็กน้อยจากนั้นหันมามองลินลี่ย์ “ลินลี่ย์,มีบางเรื่องที่เดิมทีข้าตั้งใจจะบอกเจ้าหลังจากที่เจ้าแข็งแกร่งมากขึ้นกว่านี้ อย่างไรก็ตามเป็นการยากจะบอกได้ว่าเจ้ากับบีบียังจะรั้งอยู่ในทวีปยูลานในอนาคตหรือไม่ ดังนั้นข้าจะบอกเจ้าในวันนี้ไปเลย แม้ว่านี่อาจจะทำให้เจ้าท้อแท้อยู่บ้าง แต่อย่างน้อย เจ้าได้ไม่เดินผิดเส้นทาง”
ลินลี่ย์ยืนขึ้นทันที
ท้อใจ?ดำเนินผิดทาง? เขาไม่เคยกลัวความยากในการฝึกฝน ตั้งแต่เขายังเป็นเด็กหนุ่มธรรมดาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้เขาเคยกลัวความท้อแท้เมื่อใดกัน?
“ท่านเบรุต! เชิญกล่าว” ลินลี่ย์พูดด้วยความเคารพ
เบรุตยิ้มและพยักหน้า “เจ้าควรจะรู้ข้อกำหนดในการได้เป็นเทพชั้นสูง”
“ขอรับ, รู้แจ้งกฎความรู้ลึกล้ำทั้งหมด” ลินลี่ย์พยักหน้าขณะตอบรับ
เบรุตถอนหายใจ “ถูกแล้ว! เมื่อเจ้ารู้แจ้งความรู้ลึกลับทั้งหมดเจ้าจะกลายเป็นเทพชั้นสูง ในแต่ละกฎธาตุเป็นกฎธาตุที่สมบูรณ์แบบอย่างเช่นความรู้วิชาลึกลับเรื่องความเร็วและความช้าที่ผสานกันเป็นหนึ่ง ถ้าหนึ่งในกฎธาตุมีอยู่เก้าประเภท,อย่างนั้น...”
ตาของเบรุตเริ่มฉายเป็นประกายขณะจ้องมองลินลี่ย์ “และสองของเก้าความรู้วิชาลึกลับสามารถผสานกันเป็นหนึ่งได้สามความรู้ลึกลับผสานกันเป็นหนึ่งได้ และในความจริงเก้าวิชาความรู้ลึกลับทั้งหมดก็สามารถผสานกันเป็นหนึ่งได้!”
ลินลี่ย์ตกใจอย่างหนัก
ทั้งหมดนี้สามารถหลอมรวมได้หรือ?
“มันเป็นการยากมากที่จะมีผู้ได้รับความรู้แจ้งสายความรู้ลึกลับทั้งเก้าอย่าง การหลอมรวมแค่สองหรือสามให้เป็นหนึ่งยิ่งเป็นเรื่องยากกว่า”
เบรุตถอนหายใจ “ลินลี่ย์เส้นทางการฝึกที่แท้จริงไม่จำเป็นจะต้องยิ่งมากก็ยิ่งดี เมื่อได้รับการรู้แจ้งใจกฎธรรมชาติ มันจะหลอมรวมกับวิชาลึกลับได้ดีขึ้น ตัวอย่างเช่น ความรู้ลึกลับด้าน ‘เร็ว’และ ‘ช้า’ ยังเป็นความรู้ลึกลับในระดับต่ำแต่เมื่อทั้งสองหลอมรวมเป็น ‘สัจธรรมแห่งความเร็ว’ มันเปรียบได้กับความรู้ระดับสูง ถ้าเจ้าสามารถหลอมรวมความรู้ลึกลับระดับต่ำให้เป็นหนึ่งได้ พลังก็จะเหนือกว่าความรู้ลึกลับระดับสูงมากมาย”
ลินลี่ย์ตาเป็นประกาย
“ถ้าเจ้าสามารถหลอมรวมความรู้ลึกลับทั้งเก้าให้เป็นหนึ่งเดียวได้ นั่นเจ้าจะต้องมีความเข้าใจในกฎธาตุอย่างแท้จริง! นั่นคือระดับสูงสุดในการบรรลุเป้าหมายของเทพชั้นสูง” เมื่อพูดอย่างนี้แล้วทัศนคติของเบรุตก็แตกต่างออกไป
ลินลี่ย์ลอบถอนหายใจไม่หยุดหย่อน
ได้รับการรู้แจ้งในความรู้ลึกลับเก้าอย่างและกลายเป็นเทพชั้นสูง?ความสำเร็จนั้นเหนือจากจุดสูงสุดที่แท้จริง หลอมรวมความรู้ลึกลับทั้งเก้าแบบเข้าด้วยกันหมด นั่นจึงคือสุดยอดที่แท้จริง
“ความรู้ลึกลับทั้งเก้าอย่างทำให้เป็นหนึ่งเดียว?” ลินลี่ย์อดเปล่งเสียงแผ่วเบาไม่ได้ “ท่านลอร์ดเบรุตมียอดฝีมือระดับนี้กี่คนในพิภพจักรวาล?”
“กี่คน?”
เบรุตหัวเราะขณะมองดูลินลี่ย์
“ในบรรดาเทพสิบล้านล้านจะมีเพียงหนึ่งเดียวที่กลายเป็นเทพชั้นสูง! แต่เทพชั้นสูงผู้เทียมทานสามารถหลอมรวมความรู้ลึกลับในกฎธาตุธรรมชาติให้เป็นหนึ่ง...แม้แต่ข้าก็ไม่รู้ว่ามีเทพชั้นสูงเท่าใดเกิดขึ้นมาในแต่ละพิภพเช่นนั้น” เป็นเรื่องยากที่เบรุตจะพูดออกมา “ทั้งหมดที่ข้าสามารถบอกเจ้าได้ก็คือในอนันตจักรวาลจำนวนยอดฝีมือที่มาถึงระดับนี้ได้สามารถนับได้ด้วยมือข้างเดียว!”
“นับด้วยมือข้างเดียว?”
ลินลี่ย์ใจสั่นสะท้าน
จักรวาลคงอยู่มาเป็นเวลายาวนานมากส่งผลให้จำนวนเทพในแต่ละพิภพสร้างเทพขึ้นมาเป็นจำนวนที่น่าทึ่ง ในพิภพใหญ่น้อยนับไม่ถ้วนและโดยเฉพาะพิภพระดับสูงเป็นเรื่องยากจะคำนวณได้ว่ามีเทพอยู่เท่าใด แต่แม้ในพิภพระดับสูง จำนวนของเทพชั้นสูงสุดยอดก็ยังสามารถนับได้ด้วยมือข้างเดียว
“ลอร์ดเบรุตภายในพิภพจองจำเกบาโดสมียอดฝีมือที่หลอมรวมกฎวิชาลึกลับได้ทั้งหมดบ้างไหม?” ลินลี่ย์พูดด้วยความสงสัย “ข้าได้ยินมาว่ามีราชันย์ผู้ทรงพลังถึงห้าคน”
เบรุตแค่นเสียง“ไม่มี, ไม่มีอย่างแน่นอน! อย่าว่าแต่ห้าราชันย์แห่งพิภพจองจำเกบาโดสแค่หลอมรวมกฎความรู้ลึกลับได้เพียงไม่กี่แบบเท่านั้น จะหลอมรวมกฎธาตุและกลายเป็นสุดยอดเทพได้น่ะหรือ? ใครๆก็ประเมินได้ว่าโอกาสที่พิภพนั้นจะสร้างเทพชั้นสูงขึ้นมาได้นั้นยากเย็นเพียงไหน?”
“ลอร์ดเบรุต,ท่านมั่นใจขนาดนั้นเชียวหรือ?” ลินลี่ย์ค่อนข้างประหลาดใจ
ห้าราชันย์ยังไม่ถึงแม้แต่ระดับที่สมบูรณ์ ลินลี่ย์ไม่ประหลาดใจเรื่องนั้นสิ่งที่เขาประหลาดใจก็คือเบรุตมั่นใจถึงขนาดนั้น หรือว่าเบรุตสามารถตรวจสอบความแข็งแกร่งของผู้อื่นได้?
“แน่นอน ข้ามั่นใจ” เบรุตพยักหน้าและหัวเราะ “ทั้งนี้เป็นเพราะ เมื่อเทพชั้นสูงสามารถหลอมรวมความรู้ลึกลับในกฎธาตุธรรมชาติปรากฏตัวขึ้นแม้แต่มหาเทพ..ก็ยังทะเลาะกันเพื่อให้ได้โอกาสคว้าตัวอัจฉริยะนั้นไปทำงานให้พวกเขา” เบรุตถอนหายใจชื่นชม
“ที่สำคัญ มีแต่คนอย่างนั้นจึงจะคุมเทพอยู่ได้...เพราะพวกเขาเป็นเทพชั้นสูงสุดยอดที่แท้จริง! ยอดฝีมืออย่างพวกเขาต่อให้มีเทพชั้นสูงเป็นร้อยหรือเป็นพันมาสู้กับเขาพวกเทพชั้นสูงเหล่านั้นมีแต่จะตายกันหมด”
หัวใจลินลี่ย์สั่นสะท้าน
ยืนอยู่ในจุดสูงสุดของเทพชั้นสูง นับว่าเป็นเทพไร้เทียมทาน
“มหาเทพถึงกับเชิญตัวเชียวหรือ?” ลินลี่ย์พูดด้วยความประหลาดใจ “ทำไมมหาเทพต้องเชิญตัวพวกเขาด้วยเล่า? เป็นไปได้ไหมว่าพลังของพวกเขาอาจคุกคามแม้แต่มหาเทพได้?”
เบรุตหัวเราะ “ลินลี่ย์! เจ้าไม่เข้าใจ มหาเทพทรงพลังจริงแท้แน่นอน เหนือกว่าเทพชั้นสูงในแง่พลัง อย่างไรก็ตาม...ลินลี่ย์, เจ้าต้องเข้าใจไว้ ในอนันตจักรวาล พิภพดินแดนที่กว้างขวางมากมายส่วนใหญ่เป็นพิภพหยาบจับต้องได้ ตัวอย่างเช่นทวีปยูลานของเรา ก็ถือว่าเป็นพิภพธาตุหยาบ
ลินลี่ย์พยักหน้า
พิภพธาตุหยาบเป็นรากฐานของจักรวาล
“กล่าวอีกอย่างหนึ่งคือมหาเทพไม่สามารถเข้าไปในพิภพธาตุหยาบได้ มหาเทพมีพลังเทพมากมายมหาศาล เพียงพอจะทำให้พิภพธาตุหยาบล่มสลายได้!” เบรุตพูดจริงจัง
ลินลี่ย์ใจสั่นสะท้าน มหาเทพทรงพลังอำนาจมากมายเกินไปแน่นอน
“ลินลี่ย์,พิภพธาตุหยาบถูกสร้างขึ้นโดยกฎธรรมชาติของจักรวาล พิภพเหล่านี้ไม่ได้รับอนุญาตให้มีการทำลาย” เบรุตพูดเคร่งขรึม “สี่จอมเทพออกคำสั่งอย่างเข้มงวด ถ้าอะไรก็ตามเป็นเหตุให้พิภพธาตุหยาบต้องล่มสลาย อย่างนั้นผู้นั้นต้องมีความผิดต่อให้เป็นมหาเทพก็ตามจะต้องโทษเหลือแต่เถ้าถ่าน!”
ลินลี่ย์ลอบประหลาดใจ
“ดังนั้นมหาเทพไม่กล้าเข้าพิภพธาตุหยาบและพวกเขาไม่สามารถเข้าพิภพธาตุหยาบด้วยเช่นกัน!” เบรุตกล่าว
ลินลี่ย์พยักหน้า
“ดังนั้น...เทพชั้นสูงผู้ผสานความรู้ลึกลับในกฎธาตุได้ทั้งหมดก็ต้องบอกว่าไร้เทียมทานกว่าเทพทั้งหมดรองลงมาจากระดับมหาเทพ! ถ้าพวกเขาหนีมายังพิภพธาตุหยาบแม้แต่มหาเทพก็ไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้ ถ้ามหาเทพรับพวกเขาให้ทำงานให้ก็จะทำให้เกิดความสำเร็จในเรื่องต่างๆกับมหาเทพ สิ่งที่มหาเทพไม่สามารถทำได้”
ลินลี่ย์พยักหน้าและเริ่มจะเข้าใจ
เทพชั้นสูงสามารถเข้าพิภพธาตุหยาบ แต่มหาเทพทำไม่ได้!
“แต่แน่นอนว่า นั่นเกินระดับของเจ้าไปมาก” เบรุตหัวเราะ
ลินลี่ย์ก็หัวเราะด้วยเช่นกัน
“ข้าบอกเจ้าเพราะข้าหวังกับตัวเจ้ามาก ลินลี่ย์,เมื่อจะฝึกควรจะเริ่มทำความรู้สึกคล้ายคลึงและหลอมรวมความรู้ซึ้งลึกลับทั้งสองให้ได้ หลังจากหลอมรวมความรู้สองอย่างได้ก็จงหลอมรวมความรู้ที่สาม แค่เพียงฝึกไปตามทำนองนั้นเจ้าจึงจะมีความหวัง นอกจากนี้ ถ้าเจ้าสำเร็จได้รับการรู้แจ้งสัจธรรมลึกลับในธาตุหมดแล้ว อย่างนั้นเจ้าลองผสานสัจธรรมความรู้ลึกลับทั้งเก้าแบบให้เป็นหนึ่งพร้อมกัน ตอนนั้นจะยากมากเกินไป” เบรุตพูดจริงจัง
จะต้มกบทั้งเป็นทั้งหมดที่เจ้าต้องทำก็คือค่อยๆ เพิ่มอุณหภูมิ
ลินลี่ย์พยักหน้า ถอนหายใจชื่นชม “แค่ความรู้ด้าน ‘เร็ว’ และ ‘ช้า’ หลอมรวมกันก็กลายเป็นสัจธรรมแห่งความเร็วไปได้ จำเป็นต้องให้เราสามารถรู้สึกได้ว่ามีความคุ้นเคยอยู่ก่อน เป็นเรื่องยากมากที่จะหลอมรวมความรู้ลึกลับทั้งสองรูปแบบ การหลอมรวมความรู้ลึกลับสามหรือสี่ชนิด...” ใจของลินลี่ย์เพียงคิดอยู่เท่านั้น
หลอมรวมความรู้ลึกลับทั้งหมดในกฎธาตุ?
แน่นอนว่านี่ยากเย็นกว่าขึ้นสวรรค์เสียอีก
“พวกอัจฉริยะอย่างนี้ก็เป็นที่ต้องการของมหาเทพ” เบรุตถอนหายใจ “เพียงแต่อัจฉริยะแบบนี้หาได้ยากมาก ขณะที่มหาเทพมีอยู่ถึงเจ็ดในทุกสายธาตุ ก็คือมีถึง 49 ในเจ็ดกฎสายธาตุ เพื่อจะได้สุดยอดเทพชั้นสูงมารับใช้พวกเขาถึงกับต่อสู้กันเองด้วยซ้ำ”
เบรุตเองก็อยู่ในฐานะทูตของมหาเทพย่อมรู้ความลับหลายอย่างเป็นธรรมดา
ลินลี่ย์จ้องมองพูดไม่ออก
แม้แต่มหาเทพก็ยังต่อสู้กันเองเพื่อให้ได้อัจฉริยะอย่างนั้น
“ถ้ามีเทพสามารถบรรลุถึงระดับนั้น พวกเขาก็คงรู้สึกภูมิใจในตัวเองอย่างแท้จริง” ลินลี่ย์รู้สึกอิจฉายอดฝีมือเหล่านั้นขอเพียงพวกเขาเป็นสุดยอดในสุดยอดฝีมือ
“การเริ่มต้นด้วยการรู้สึกถึงการหลอมรวมตั้งแต่แรก เพียงแค่นั้นอนาคตของเจ้าก็มีความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่แล้ว” เบรุตหัวเราะปลงตัวเอง “ตัวอย่างเช่นข้าเองในอดีต ข้าไม่รู้เรื่องเหล่านี้เมื่อเวลาผ่านไปจนข้าถึงชั้นเทพระดับสูงและต้องการจะหลอมรวมความรู้เหล่านั้นก็สายเกินไปเสียแล้ว การหลอมรวมความรู้แจ้งลึกลับของกฎธรรมชาติให้เป็นหนึ่งพร้อมกัน? เป็นเรื่องที่ยากเกินไป”
ลินลี่ย์อดรู้สึกขอบคุณเบรุตไม่ได้
แม้ว่าเบรุตจะเพียงแต่ให้คำแนะนำเขาเพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่สำหรับเขานี่คือเป้าหมายใหม่ในเส้นทางใหม่สำหรับเขา
ทางสองแพร่งถ้าใครหลงเดินผิดทางตั้งแต่แรก ในที่สุดความแตกต่างระหว่างทางทั้งสองจะมากมายยิ่งขึ้น
มีแนวโน้มว่าหลังจากถึงระดับเทพชั้นสูง เขาอาจกลายเป็นเหมือนเบรุต ไม่สามารถหลอมรวมอะไรได้เลย
“พอเท่านี้แหละ ข้าจะกลับเดี๋ยวนี้แล้ว เส้นทางในอนาคตของเจ้าเจ้าจะต้องเดินด้วยตัวเอง” เบรุตหัวเราะ
“ขอบคุณ, ลอร์ดเบรุต” ลินลี่ย์คำนับอย่างซาบซึ้ง
เมื่อเห็นเบรุตจากไปใจของลินลี่ย์เริ่มมีไฟลุกโชน ก็เหมือนวิธีที่เมื่อตอนเขาอายุยังน้อยเทพสงครามเป็นบุรุษสุดยอดไร้เทียมทานในใจของลินลี่ย์ แต่ตอนนี้... ความสุดยอดในใจของลินลี่ย์กลายเป็นเทพชั้นสูงสุดยอดที่ไร้เทียมทานผู้สามารถหลอมรวมความรู้แจ้งลึกลับในกฎธาตุให้เป็นหนึ่งได้!
นี่คือเป้าหมายใหม่ของลินลี่ย์!
เวลาผ่านไปอย่างสงบและรวดเร็ว ในพริบตาก็ถึงปียูลานที่ 10046
ปีนี้เป็นปีที่เติมเต็มความหวังสำหรับลินลี่ย์ การมีเป้าหมายใหม่ เขาเริ่มฝึกฝนจริงจัง ทั่วทั้งปราสาทเลือดมังกรอยู่ในสภาพมีพลังงานคงที่ เต็มไปด้วยเทพต่างๆมารวมตัวอยู่ด้วยกัน ลอร์ดเบรุตกลับไปที่ไพรทมิฬนานแล้ว
แฮรี่พี่คนโตของสามพี่น้องจ้าวมุสิกม่วงทองกลับไปไพรทมิฬเช่นกัน สำหรับฮาร์ทกับฮาร์วีย์รั้งอยู่ในปราสาทเลือดมังกร
ตามสิ่งที่ฮาร์ทและฮาร์วี่ย์พูด พวกเขาชอบสถานที่ครึกครื้นมีชีวิตชีวาดังนั้นลินลี่ย์ต้อนรับสองพี่น้องอย่างอบอุ่น
ท้ายฤดูใบไม้ร่วงศักราชยูลานที่ 10046
วังหลวงของจักรวรรดิโอเบรียนมีพื้นที่กว้างขวาง นอกจากวังของแอดกินส์แล้ว สี่เทพบริวารของเขาก็มีพื้นที่อยู่ในวังหลวงด้วย แต่แน่นอนว่าโอจวินและเทพคนอื่นก็มีพื้นที่อยู่ของตนเองด้วยเช่นกัน
เทพแท้หมายเลขหนึ่งที่รับคำสั่งของแอดกินส์ก็คือบาร์นาสมีพลังแข็งแกร่งที่สุดและได้รับความไว้วางใจมากที่สุด
ภายในวังหลวงที่พักของบาร์นาส บาร์นาสในตอนนี้กำลังวาดภาพบนแผ่นกระดาษยาว ขณะที่โอจวินฮันบริทและบุรุษหนุ่มผมทองยืนอยู่ข้างเขามีสีหน้าอ่อนโยน
ที่สำคัญบาร์นาสแข็งแกร่งทรงพลังมาก และบาร์นาสมีสมบัติเทพระดับสูง! แอดกินส์มอบให้บาร์นาสเป็นการส่วนตัวมีแนวโน้มว่าแม้เมื่อรวมพลังกันโอจวินและเทพแท้อีกสองคนก็ยังไม่สามารถเอาชนะบาร์นาสได้
“พูดไปสิ, มีอะไร?” บาร์นาสยังคงวาดต่อไปโดยไม่เหลือบมองทั้งสองคนแม้แต่น้อย
ฮันบริทและโอจวินไม่กล้าส่งเสียง แต่เป็นบุรุษผมทองกล่าวขึ้นแทน “ท่านบาร์นาส,โอจวินรักลูกชายของเขาที่ถูกฆ่าตายไปมาก นอกจากนี้ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ของโอจวินยังถูกศัตรูทำลายเช่นกัน มันเป็นเรื่องยากที่โอจวินจะยอมรับความอัปยศเช่นนั้นได้ เพียงแต่เขาไม่ต้องการรบกวนลอร์ดแอดกินส์ ซึ่งเป็นเหตุผลที่เขาไม่เคยพูดกับลอร์ดแอดกินส์ ในช่วงเวลาที่ผ่านมาข้าตัดสินใจแล้วว่าจะไปเป็นเพื่อนกับพี่โอจวิน วันพรุ่งนี้ข้าจะเดินทางไปกับเขาช่วยให้เขาได้ล้างแค้น”
“เกเทนบี...” บาร์นาสวางพู่กันของเขาลง และชำเลืองมองดูบุรุษหนุ่มผมทองและถอนหายใจ
ความจริงบาร์นาสให้ความสำคัญกับเกเทนบี สำหรับฮันบริท เขาจะดูถูก เนื่องจากโอจวิน...บาร์นาสรู้สึกว่าโอจวินเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการ ดังนั้นจึงไม่ชอบเขา
“โอจวิน” บาร์นาสมองโอจวิน
“ท่านบาร์นาส” ท่าทีของโอจวินนอบน้อมเพื่อให้เกเทนบีช่วย ระหว่างสองปีมานี้ เขาใช้ความพยายามไปมากในที่สุดเกเทนบีตอบตกลงจะช่วย
บาร์นาสหัวเราะอย่างใจเย็น “ข้ารู้ดีถึงความตั้งใจของเจ้า ถ้าพวกเจ้าทั้งสามคนยังจะแพ้เจ้าคงจะทำให้ลอร์ดแอดกินส์เสียหน้า เอาอย่างนี้ ข้าจะไปพร้อมกับพวกเจ้า เราจะขุดรากถอนโคนปราสาทเลือดมังกร”
โอจวินดีใจแทบคลั่งทันที
พลังของบาร์นาสยิ่งใหญ่ไม่มีใครเทียบได้ต่อให้โอจวินลิ้มรสพลังของทารอสมาแล้วเขาก็ยังรู้สึกแน่ใจว่าบาร์นาสไม่อ่อนแอกว่าทารอส ที่สำคัญบาร์นาสมีสมบัติเทพชั้นสูง
บาร์นาสพูดอย่างใจเย็น “ข้าก็เหมือนกัน อยากจะทดสอบว่าเทพแท้ทารอสจะมีพลังมากมายเพียงไหน”