ตอนที่ 13-19 วิชาเร้นลับขั้นสูงและต่ำ
“โอ๊ะ...” บีบีชะงักทันทีจ้องมองไหล่ของลินลี่ย์ด้วยความสับสน
ลินลี่ย์เริ่มหัวเราะเช่นกัน “เจ้ายังต้องการขึ้นมายืนบนไหล่ข้าอีกหรือ?” ในอดีตบีบีมักจะชอบขึ้นไปยืนบนไหล่ของลินลี่ย์เสมอ แต่ตอนนี้บีบีอยู่ในร่างของมนุษย์ สูง1.7 เมตร เขายังไม่ถือว่าสูงนัก
แม้ว่าจะค่อนข้างต่ำแต่เขาก็ไม่สามารถขึ้นไปยืนอยู่บนไหล่ลินลี่ย์เหมือนเมื่อก่อนได้
ลินลี่ย์จ้องมองบีบีร่างมนุษย์อย่างระมัดระวัง บีบีมีดูหุ่นเพรียวบางละเอียด เพียงแต่ตาของเขามีชีวิตชีวาและซุกซนเหมือนเคย บีบีหัวเราะและจากนั้นลูบผมเกรียนของเขาและเงยหน้าพูด “พี่ใหญ่,ทรงผมข้าเป็นไงบ้าง? ข้าใช้เวลาคิดอยู่นานก่อนจะกลายเป็นเทพ”
ลินลี่ย์ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
“ขณะบินออกมาจากไพรทมิฬความจริงข้าทำอะไรบางอย่างไว้แล้ว” บีบีตั้งใจกล่าวเป็นนัย
“โอว?” ลินลี่ย์มองดูบีบี พอพลิกมือบีบีดึงหมวกฟางออกมาและจากนั้นด้วยท่าทางที่ฝึกมาอย่างดีเขาหันหน้ากลับมายิ้มกว้าง “พี่ใหญ่, หมวกฟางนี้เหมาะกับข้าไหม?”
เมื่อเห็นสภาพบีบีในปัจจุบันแล้วลินลี่ย์เริ่มหัวเราะ “เหมาะแล้ว นี่เหมาะกับเจ้าแล้ว!”
บีบีมองดูลินลี่ย์อย่างจริงจัง “พี่ใหญ่! ไปคุยกันที่อื่นเถอะ เราอย่ารบกวนพวกเขาเลย”
“อย่ารบกวนพวกเขา?” ลินลี่ย์ค่อนข้างตกใจ แต่จากนั้นก็เข้าใจและหันไปมองเทพสงครามและมหาพรตที่อยู่ใกล้ๆทั้งสองคนทำตัวไม่ถูกไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี พวกเขาต้องการดุด่าบีบีแต่เมื่อเห็นเขาทำท่าอย่างนั้น พวกเขาไม่รู้จะพูดอะไร
“ขออภัย” ลินลี่ย์รีบโบกมือให้พวกเขา
“รีบพาเจ้าตัวเล็กนี่ไปเลย”มหาพรตกึ่งจะหัวเราะและดุว่ากล่าว
“ได้เลย, ไปเดี๋ยวนี้แหละ”ลินลี่ย์รีบกล่าว “อย่างนั้น..เชิญพวกท่านสนทนากันต่อ” ขณะกล่าวลินลี่ย์พาบีบีไปที่สวนด้านหลัง แต่ขณะตามหลังลินลี่ย์ไป บีบีหันกลับมาจ้องมหาพรตกับเทพสงครามแล้วส่งเสียงโวยวาย“พี่ใหญ่บอกให้พวกท่านคุยกันต่อไปไงเล่า!”
ลินลี่ย์ได้แต่มองบีบีอย่างอ่อนใจ
ทั้งสองเดินเข้าไปในปราสาทเลือดมังกรพร้อมกัน”
“พี่ใหญ่, ตอนนี้ข้าเป็นเทพแล้ว ท่านไม่จำเป็นต้องแข่งกับข้าอีกต่อไปแล้ว” บีบีพูดด้วยความดีใจ
ลินลี่ย์หัวเราะ “บีบี เจ้ายิ่งแข็งแกร่งขึ้นมากก็ยิ่งดีถ้าเจ้าแข็งแกร่งทรงพลังยิ่งกว่าข้า นั่นยิ่งดีใหญ่” ทันใดนั้นลินลี่ย์คิดเกี่ยวกับเรื่องความสามารถแรกเริ่มของเทพอสูร เขาถาม “บีบี เจ้าเป็นเพียงหนูกินเทพตนที่สองในพิภพนับไม่ถ้วนในจักรวาล อย่างนั้น... เจ้ามีความสามารถแรกเริ่มยังไงบ้าง?”
“ถ้าคนอื่นถามข้า ข้าจะไม่บอกพวกเขาแน่นอน” บีบีกล่าว “แต่เมื่อเป็นพี่ใหญ่ถามข้าจะใบ้ให้ก็ได้ เน้นที่คำว่า ‘กินเทพ’”
หลังจากพูดคำเหล่านี้ออกมาบีบีก็ไม่พูดต่อไป
“กินเทพ?” ลินลี่ย์งง หรือว่าเขาสามารถกลืนกินพวกเทพได้? ไม่น่าจะง่ายอย่างนั้น
“โอว, จริงสิ..พี่ใหญ่, ปู่เบรุต,แฮรี่และพี่น้องกำลังจะมาถึงในไม่ช้า ข้าใจร้อนกว่าเล็กน้อยก็เลยรีบมาก่อน” บีบีกล่าว ลินลี่ย์ค่อนข้างจะแปลกใจ “ลอร์ดเบรุตและพี่น้องแฮรี่กำลังมาด้วยหรือนี่?”
แน่นอนในคืนนั้นเบรุตพาลูกๆทั้งสามมาที่ปราสาทเลือดมังกร
ในห้องหนังสือ
“บีบี! เจ้า แฮรี่และน้องๆ อีกสอง ตอนนี้ออกไปได้แล้ว” เบรุตกล่าวพลางยิ้มอย่างใจเย็น บีบีและคนอื่นออกไปอย่างว่าง่ายปล่อยให้เบรุตและลินลี่ย์อยู่ตามลำพังในห้องหนังสือ ลินลี่ย์มองดูเบรุตด้วยความรู้สึกค่อนข้างงุนงง “เบรุตมีเรื่องอะไรที่ต้องคุยกับข้าเป็นการส่วนตัว?”
แม้ว่าจะค่อนข้างสับสนแต่ท่าทางมารยาทของลินลี่ย์ยังคงอ่อนน้อม
“นั่งก่อน” เบรุตนั่งลงและชี้ไปที่เก้าอี้ที่อยู่ใกล้ๆ ลินลี่ย์ลงแต่โดยดี
เบรุตลูบเคราหัวเราะขณะถอนหายใจ “ในที่สุดบีบีก็กลายเป็นเทพข้ารู้สึกเบาใจขึ้นมาบ้าง ลินลี่ย์! บีบีติดเจ้ารักเจ้าจริงๆข้าขอให้เขาพักอยู่กับข้า แต่เขาปฏิเสธ ในอนาคตข้าหวังว่าเจ้าจะดูแลเขาเป็นอย่างดี”
“แน่นอนอยู่แล้ว” ลินลี่ย์พยักหน้า
แม้ว่าเบรุตจะไม่เตือนแต่ลินลี่ย์ก็ดูแลบีบีเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ลินลี่ย์จะไม่มีวันลืมตอนที่บีบีเข้ามาขัดขวางท่าไม้ตายของมังกรเกราะหนามในหุบเขาหมอก บีบีช่วยเขาไว้หลายครั้ง ลินลี่ย์ไม่เคยลืมเหตุการณ์เหล่านี้เลย
“ลินลี่ย์! เจ้าเองก็ถึงระดับเทพแล้ว แต่เจ้าคงมีข้อสงสัยหลายอย่างเกี่ยวกับโลกของเทพสินะ” เบรุตหัวเราะ “แม้แต่โอเบรียนกับแคทเธอรีน... จะมีเทพสักกี่ตนที่พวกเขาสู้ได้?”
ลินลี่ย์ยินดีในใจ
เขามีความรู้น้อยมากเกี่ยวกับโลกของเทพ เขาไม่รู้มากนักเกี่ยวกับการสู้รบและวิธีการฝึก เขารู้สึกเหมือนคนตาบอดไม่มีคนนำทางที่ช่วยตัวเองไม่ได้
“ข้ารู้ว่าเจ้าฝึกในกฎธรรมชาติธาตุลมและธาตุดิน” เบรุตหัวเราะอย่างใจเย็น “ดังนั้นข้าจะเริ่มให้คำแนะนำเบื้องต้นเกี่ยวกับการฝึกของเจ้าก่อน ก่อนอื่นเลยเจ้าควรจะรู้ว่ากฎธาตุแต่ละแบบจะแฝงไปด้วยความรู้ลึกลับหลายรูปแบบ”
นี่คือความรู้ทั่วไป แน่นอนลินลี่ย์ก็รู้เรื่องนั้น
“อย่างไรก็ตามความรู้ลึกลับมีแฝงอยู่ในกฎธาตุแต่ละอย่างไม่เท่ากันในแง่ของพลัง” เบรุตถอนหายใจ “กฎธาตุแบ่งเป็นความลึกลับระดับต่ำ ความรู้ลึกลับระดับกลางและความลึกลับระดับสูง! อย่างไรก็ตาม ความรู้ลึกลับทั้งหมดไม่ว่าสูงหรือต่ำ ล้วนทำให้ผู้ฝึกกลายเป็นเทพ
ลินลี่ย์พยักหน้า
“ลินลี่ย์, กฎแห่งธาตุดินที่เจ้าฝึกฝนอยู่น่าจะเป็นของวิชาชีพจรโลกเป็นรูปแบบหนึ่งขอความรู้ลึกลับ ถูกไหม?” เบรุตมองลินลี่ย์
“ถูกแล้ว” ลินลี่ย์ไม่ประหลาดใจแม้แต่น้อย ถ้าเบรุตไม่รู้เรื่องนี้นั่นคงจะเป็นเรื่องแปลก
เบรุตหัวเราะและกล่าว“พูดกันแบบทั่วไป คนผู้หนึ่งจะได้รับเพียงการรู้แจ้งในความรู้ลึกลับระดับสูงเมื่อบรรลุก็จะกลายเป็นเทพแท้หรือบางทีอาจกลายเป็นเทพชั้นสูง พวกเทพสายธาตุดินหลายคนก็ได้รับการรู้แจ้งชีพจรโลกแต่เจ้าในฐานะเทียมเทพก็ทำเช่นนั้นได้”
ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว
เบรุตพูดพลางหัวเราะ “ข้าจะอธิบายให้เจ้าฟังแบบนี้ เมื่อเราพูดกันถึงกฎธรรมชาติธาตุดินจะมีรูปแบบความรู้ที่ลึกลับถึงเก้าแบบ แน่นอนนั่นเป็นเพียงสมมติฐานที่สำคัญคือข้าไม่ได้ฝึกมาทางสายธาตุดิน
“เก้าแบบ?” ลินลี่ย์ค่อนข้างประหลาดใจ
เท่าที่เขารู้ กฎธาตุธรรมชาติกว้างไกลไม่สิ้นสุด น่าจะมีรูปแบบความรู้ลึกลับต่างๆมากมายรวมอยู่ในนั้น..... แต่เบรุตใช้คำว่า ‘เก้าแบบ’ ยกเป็นสมมติฐาน เมื่อเป็นแบบนั้นอย่างนั้นก็เห็นได้ชัดว่าจำนวนความรู้ลึกลับไม่น่าจะมากไปกว่าเก้าแบบ
“อย่านึกว่าความรู้ลึกลับเก้าอย่างนั้นเป็นจำนวนที่น้อย
เบรุตสังเกตความสับสนของลินลี่ย์เขาหัวเราะและกล่าว “ความเติบโตความสามารถและประสบการณ์ของทุกคนจะเป็นตัวกำหนดสิ่งที่พวกเขาจะเชี่ยวชาญ ตัวอย่างเช่นลินลี่ย์เจ้า ในเรื่องกฎธรรมชาติธาตุดิน เจ้ามีความรู้สึกไวต่อชีพจรโลกมากและรู้สึกได้ชัดเจน”
“ดังนั้นชีพจรโลกจึงเป็นความรู้ลึกลับของกฎธรรมชาติธาตุดินที่เจ้าฝึก และเจ้าจะฝึกฝนได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามถ้าข้าจะขอให้เจ้าฝึกด้านสนามพลังโน้มถ่วง ที่เป็นความรู้ลึกลับของกฎธรรมชาติธาตุดินเล่า เจ้าจะทำได้ไหม?”
ลินลี่ย์ถึงกับงง
สนามพลังโน้มถ่วง? เมื่อเขาพบกับกฎธรรมชาติธาตุดิน เขาไม่เคยรู้สึกถึงสิ่งนั้น แล้วเป็นไปได้ยังไงที่เขาจะฝึกฝน?
“นี่คือคำถามของผลกระทบ มันเป็นเรื่องง่ายมากสำหรับเจ้าในการฝึกหนึ่งในรูปแบบของกฎธรรมชาติธาตุดิน แต่ความสำเร็จความรู้ลึกลับไม่ใช่ว่าจะเรียนรู้กันได้ง่าย ตัวอย่างเช่นในบรรดาสัจธรรมลึกลับเก้าอย่างของเรา บางทีเจ้าต้องการเวลาเพียงพันปีก็จะเชี่ยวชาญได้ก่อน ประการที่สอง เจ้าอาจต้องใช้เวลาอีกแสนปี ประการที่สามเจ้าอาจต้องใช้เวลาล้านปีหรือสิบล้านปี.. และเมื่อเจ้ารวบรวมความรู้ทั้งหมดก็ยากที่เจ้าจะเชี่ยวชาญความรู้ลึกลับทั้งเก้าอยู่ดี มิฉะนั้น เทพชั้นสูงก็คงเป็นกันไม่ยาก”
ตอนนี้ลินลี่ย์เข้าใจแล้ว
ก็เหมือนอย่างที่โลกมนุษย์เป็นไปคนผู้หนึ่งอาจจะเชี่ยวชาญในเรื่องการเงิน และแย่ในเรื่องมนุษยสัมพันธ์ จะให้คนที่เชี่ยวชาญมนุษยสัมพันธ์มาเรียนรู้การเงินก็คงจะยาก
ลินลี่ย์พบว่ามันง่ายมากกับการฝึกชีพจรโลก
อย่างไรก็ตามนอกจากความรู้ที่ลึกซึ้งแล้ว ในกฎธรรมชาติธาตุดินไม่ง่ายนักที่ลินลี่ย์จะเข้าใจก็เหมือนกับที่เป็นมาในอดีต เฮนด์เซนแค่ก้าวย่างง่ายๆก็สามารถเคลื่อนที่ไปได้หลายสิบเมตรเหมือนกับว่าเป็นการเทเลพอร์ต
ลินลี่ย์รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเทเลพอร์ต
อย่างไรก็ตามทุกวันนี้ลินลี่ย์ก็ยังไม่รู้ว่าเฮนด์เซนทำแบบนั้นสำเร็จได้ยังไงกับการเคลื่อนไหวได้ก้าวละหลายสิบเมตร
“เฮนเซนสามารถเข้าใจเรื่องนั้นได้ แต่ข้ายังไม่เข้าใจ ข้าสามารถเข้าใจชีพจรโลกได้ แต่เขาไม่เข้าใจ” ลินลี่ย์เข้าใจความหมายของเบรุต เมื่อเข้าใจกฎธรรมชาติได้ก็ต้องพึ่งพาพรสวรรค์ส่วนหนึ่ง ประสบการณ์ชีวิตอีกส่วนหนึ่งจึงจะเกิดประกายรู้แจ้ง
ตัวแปรในการกำหนดทิศทางของตนมีหลายอย่าง
“ส่วนกฎธรรมชาติที่ช่วยให้เป็นระดับเทพ...”
เบรุตหัวเราะ“ข้าจะใช้การฝึกกฎธาตุธรรมชาติธาตุลมของเจ้าในการยกตัวอย่างของข้าต่อไป กล่าวกันว่ากฎธรรมชาติธาตุลมก็มีสัจธรรมลึกซึ้งถึงเก้าแบบ ถ้าเจ้าสามารถถึงความเชี่ยวชาญในหนึ่งของสัจธรรมที่ลึกลับนั้นได้สักอย่างหนึ่ง อย่างนั้นเจ้าจะกลายเป็นระดับเทียมเทพ” ลินลี่ย์รู้ตรงส่วนนี้
“แต่การกลายเป็นเทพแท้เล่า? ตัวอย่างเช่น กฎลึกลับด้าน ‘เร็ว’ และด้าน ‘ช้า’ ที่เจ้าฝึกอยู่นี้ถ้าเจ้าสามารถเข้าถึงระดับลึกลับของทั้งสองด้านก็ยังจะไม่ได้เป็นเทพแท้ ตรงจุดนี้เจ้ามีสองวิธีในการเป็นเทพแท้”
“วิธีแรกฝึกในความรู้ลึกลับอื่นเพิ่มอีก กล่าวอีกอย่างคือถ้าเจ้าถึงจุดความเชี่ยวชาญในสามความรู้ลึกลับ เจ้าจึงจะกลายเป็นเทพแท้
“วิธีที่สองเจ้าต้องผสานด้านเร็วและด้านช้าของพลังลึกลับให้เป็นหนึ่งเมื่อประสบความสำเร็จ เจ้าจะกลายเป็นเทพแท้” เบรุตอธิบายถึงจุดนี้เบรุตชะงัก เพราะรู้ว่าลินลี่ย์จะไม่สามารถเข้าใจได้
“กฎธรรมชาติของจักรวาลไม่ว่าจะตอบสนองการกลายเป็นเทพหรือไม่ เจ้าก็ต้องถึงระดับรู้แจ้งในในกฎธรรมชาติอย่างแน่นอน
เบรุตถอนหายใจ “ความจริงกล่าวกันว่าเจ้าได้รับการรู้แจ้งเต็มในกฎทั้งเก้านั่นจะถือว่าเชี่ยวชาญได้หรือไม่?”
“ถ้าข้าเชี่ยวชาญหมดทั้งเก้า ข้าคงจะกลายเป็นเทพชั้นสูงใช่ไหม?” ลินลี่ย์ถาม
“ถูกต้องเป็นเรื่องจริงที่เจ้าจะกลายเป็เทพชั้นสูง เบรุตพยักหน้า ”อย่างไรก็ตามเจ้าไม่ควรเชี่ยวชาญที่ระดับนั้น ช่างเถอะตอนนี้ไม่มีความจำเป็นต้องคุยเรื่องนี้ในตอนนี้ มันยังเร็วเกินไป”
ลินลี่ย์หัวเราะและพยักหน้า
“เมื่อพวกเทพทำการสู้รบ จะมีความแตกต่างกันอย่างมากระหว่างระดับเทพ กล่าวโดยทั่วไปพวกเทพแท้สามารถฆ่าเทียมเทพได้ แต่แน่นอนว่าย่อมมีข้อยกเว้นเสมอ” เมื่อได้ยินเบรุตพูดเช่นนี้ลินลี่ย์ตาเป็นประกาย
เบรุตอธิบาย“ประกายศักดิ์สิทธิ์ของเทพสามารถเรียกสนามพลังเทพแท้ที่ข่มเทียมเทพได้ ภายใต้สนามพลังของเขาความเร็วของเจ้าจะช้าลงอย่างมากมาย นอกจากนี้พลังเทพของประกายเทพจะบริสุทธิ์ขึ้นมาก แค่สองอย่างนี้เท่านั้นก็กำหนดผลของการต่อสู้ที่แท้จริงได้”
ลินลี่ย์พยักหน้า
ภายในสนามพลังของโอจวินเขามีความรู้สึกว่าความเร็วของเขาตกลงไปอย่างไม่รู้ตัว เดิมทีความเร็วของลินลี่ย์เร็วกว่าบุรุษชุดดำทั้งสองคนนั้นมาก แต่ภายในสนามพลังเทพ จึงทำให้เขาช้ากว่าทั้งสองคนนั้น
“ดังนั้น เมื่อเทียมเทพสู้กับเทพแท้” เบรุตอธิบายพร้อมกับหัวเราะ “เงื่อนไขแรกก็คือลอบจู่โจม พลังโจมตีที่ทรงพลังมากที่สุดที่เจ้ามีก่อนที่ศัตรูจะกระตุ้นสนามพลังเทพได้ ต้องฆ่าเขาให้ได้ก่อน”
“ฆ่าโดยลอบโจมตี?” ลินลี่ย์กล่าวอย่างมึนงง“เทพแท้ไม่น่าจะฆ่ากันได้ง่ายๆ”
“ถูกแล้ว” เบรุตกล่าว “แม้ว่าจะใช้วิธีซุ่มโจมตีเจ้าก็ต้องเข้าใกล้ตัวเขาให้ได้ทันที เขาจะต้องรู้ตัวแน่นอน ถ้าเจ้าต้องการฆ่าเขาให้ได้ในสถานการณ์อย่างนั้น อย่างนั้นเจ้าต้องมี..สัจธรรมลึกลับที่ทรงพลังมากกว่าเขา
“เพราะพลังเทพของเจ้าไม่บริสุทธิ์เท่าเขา ดังนั้นเจ้าต้องเอาชนะเขาให้ได้ด้วยอาวุธและกฎธรรมชาติที่ดีกว่า!” เบรุตอธิบาย
ลินลี่ย์เข้าใจ
แล้วจะเป็นยังไงถ้าอีกฝ่ายเป็นเทพแท้?
เทพแท้อาจมี..ตัวอย่างเช่นวิชาลึกลับสักสามกฎก็ได้ แต่ถ้าความรู้ลึกลับทั้งสามนั้นยังเป็นระดับต่ำ อย่างนั้นเทพนั้นก็จะไม่ทรงพลังอำนาจมากเท่าใดนั้น เมื่อใช้หนึ่งในสามความรู้ลึกลับนั้นดังนั้นเทพเหล่านั้นจึงต้องอาศัยสนามพลังเทพและพลังเทพที่บริสุทธิ์ของตนเพื่อฆ่าเทียมเทพ
“แต่แน่นอน แม้ว่าเทพนั้นจะฝึกสัจธรรมลึกลับมาได้ในระดับต่ำ เมื่อพวกเขาหลอมรวมสัจธรรมลึกลับระดับต่ำเหล่านั้นได้อย่างนั้นเจ้าก็ไม่มีโอกาส” เบรุตถอนหายใจ “การหลอมรวมความรู้ลึกลับระดับต่ำทั้งสองได้จะทำให้มีพลังไม่อ่อนแอกว่าความรู้ลึกลับระดับสูงแม้แต่น้อย!”
ลินลี่ย์พยักหน้า
ตัวอย่างเช่นเคล็ดลับด้าน ‘เร็ว’ และด้าน ‘ช้า’ซึ่งหลอมรวมเป็นสัจธรรมแห่งความเร็วไม่ด้อยไปกว่าพลังชีพจรโลก
“กล่าวอีกอย่างหนึ่งมีแต่เทียมเทพที่โดดเด่นที่สุดจึงสามารถเอาชนะเทพแท้ที่อ่อนแอได้!” เบรุตสรุป “แต่แน่นอนถ้าคนผู้นั้นมีสมบัติเทพที่โดดเด่นมากกว่า หรือมีปัจจัยพิเศษในการลงมือ ชัยชนะก็ยังจะพอเป็นไปได้”