ตอนที่แล้วตอนที่ 13-18 บีบีกลายเป็นเทพ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 13-20 เทพชั้นสูงไร้เทียมทาน

ตอนที่ 13-19 วิชาเร้นลับขั้นสูงและต่ำ


“โอ๊ะ...” บีบีชะงักทันทีจ้องมองไหล่ของลินลี่ย์ด้วยความสับสน

ลินลี่ย์เริ่มหัวเราะเช่นกัน “เจ้ายังต้องการขึ้นมายืนบนไหล่ข้าอีกหรือ?”  ในอดีตบีบีมักจะชอบขึ้นไปยืนบนไหล่ของลินลี่ย์เสมอ แต่ตอนนี้บีบีอยู่ในร่างของมนุษย์ สูง1.7 เมตร เขายังไม่ถือว่าสูงนัก

แม้ว่าจะค่อนข้างต่ำแต่เขาก็ไม่สามารถขึ้นไปยืนอยู่บนไหล่ลินลี่ย์เหมือนเมื่อก่อนได้

ลินลี่ย์จ้องมองบีบีร่างมนุษย์อย่างระมัดระวัง  บีบีมีดูหุ่นเพรียวบางละเอียด  เพียงแต่ตาของเขามีชีวิตชีวาและซุกซนเหมือนเคย บีบีหัวเราะและจากนั้นลูบผมเกรียนของเขาและเงยหน้าพูด “พี่ใหญ่,ทรงผมข้าเป็นไงบ้าง? ข้าใช้เวลาคิดอยู่นานก่อนจะกลายเป็นเทพ”

ลินลี่ย์ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

“ขณะบินออกมาจากไพรทมิฬความจริงข้าทำอะไรบางอย่างไว้แล้ว” บีบีตั้งใจกล่าวเป็นนัย

“โอว?” ลินลี่ย์มองดูบีบี พอพลิกมือบีบีดึงหมวกฟางออกมาและจากนั้นด้วยท่าทางที่ฝึกมาอย่างดีเขาหันหน้ากลับมายิ้มกว้าง “พี่ใหญ่, หมวกฟางนี้เหมาะกับข้าไหม?”

เมื่อเห็นสภาพบีบีในปัจจุบันแล้วลินลี่ย์เริ่มหัวเราะ  “เหมาะแล้ว นี่เหมาะกับเจ้าแล้ว!”

บีบีมองดูลินลี่ย์อย่างจริงจัง  “พี่ใหญ่!  ไปคุยกันที่อื่นเถอะ เราอย่ารบกวนพวกเขาเลย”

“อย่ารบกวนพวกเขา?”  ลินลี่ย์ค่อนข้างตกใจ แต่จากนั้นก็เข้าใจและหันไปมองเทพสงครามและมหาพรตที่อยู่ใกล้ๆทั้งสองคนทำตัวไม่ถูกไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี  พวกเขาต้องการดุด่าบีบีแต่เมื่อเห็นเขาทำท่าอย่างนั้น พวกเขาไม่รู้จะพูดอะไร

“ขออภัย” ลินลี่ย์รีบโบกมือให้พวกเขา

“รีบพาเจ้าตัวเล็กนี่ไปเลย”มหาพรตกึ่งจะหัวเราะและดุว่ากล่าว

“ได้เลย, ไปเดี๋ยวนี้แหละ”ลินลี่ย์รีบกล่าว  “อย่างนั้น..เชิญพวกท่านสนทนากันต่อ” ขณะกล่าวลินลี่ย์พาบีบีไปที่สวนด้านหลัง แต่ขณะตามหลังลินลี่ย์ไป บีบีหันกลับมาจ้องมหาพรตกับเทพสงครามแล้วส่งเสียงโวยวาย“พี่ใหญ่บอกให้พวกท่านคุยกันต่อไปไงเล่า!”

ลินลี่ย์ได้แต่มองบีบีอย่างอ่อนใจ

ทั้งสองเดินเข้าไปในปราสาทเลือดมังกรพร้อมกัน”

“พี่ใหญ่, ตอนนี้ข้าเป็นเทพแล้ว  ท่านไม่จำเป็นต้องแข่งกับข้าอีกต่อไปแล้ว”  บีบีพูดด้วยความดีใจ

ลินลี่ย์หัวเราะ  “บีบี เจ้ายิ่งแข็งแกร่งขึ้นมากก็ยิ่งดีถ้าเจ้าแข็งแกร่งทรงพลังยิ่งกว่าข้า นั่นยิ่งดีใหญ่”  ทันใดนั้นลินลี่ย์คิดเกี่ยวกับเรื่องความสามารถแรกเริ่มของเทพอสูร  เขาถาม “บีบี เจ้าเป็นเพียงหนูกินเทพตนที่สองในพิภพนับไม่ถ้วนในจักรวาล  อย่างนั้น... เจ้ามีความสามารถแรกเริ่มยังไงบ้าง?”

“ถ้าคนอื่นถามข้า ข้าจะไม่บอกพวกเขาแน่นอน”  บีบีกล่าว “แต่เมื่อเป็นพี่ใหญ่ถามข้าจะใบ้ให้ก็ได้ เน้นที่คำว่า ‘กินเทพ’”

หลังจากพูดคำเหล่านี้ออกมาบีบีก็ไม่พูดต่อไป

“กินเทพ?” ลินลี่ย์งง หรือว่าเขาสามารถกลืนกินพวกเทพได้? ไม่น่าจะง่ายอย่างนั้น

“โอว, จริงสิ..พี่ใหญ่, ปู่เบรุต,แฮรี่และพี่น้องกำลังจะมาถึงในไม่ช้า ข้าใจร้อนกว่าเล็กน้อยก็เลยรีบมาก่อน”  บีบีกล่าว ลินลี่ย์ค่อนข้างจะแปลกใจ “ลอร์ดเบรุตและพี่น้องแฮรี่กำลังมาด้วยหรือนี่?”

แน่นอนในคืนนั้นเบรุตพาลูกๆทั้งสามมาที่ปราสาทเลือดมังกร

ในห้องหนังสือ

“บีบี!  เจ้า แฮรี่และน้องๆ อีกสอง  ตอนนี้ออกไปได้แล้ว”  เบรุตกล่าวพลางยิ้มอย่างใจเย็น  บีบีและคนอื่นออกไปอย่างว่าง่ายปล่อยให้เบรุตและลินลี่ย์อยู่ตามลำพังในห้องหนังสือ ลินลี่ย์มองดูเบรุตด้วยความรู้สึกค่อนข้างงุนงง “เบรุตมีเรื่องอะไรที่ต้องคุยกับข้าเป็นการส่วนตัว?”

แม้ว่าจะค่อนข้างสับสนแต่ท่าทางมารยาทของลินลี่ย์ยังคงอ่อนน้อม

“นั่งก่อน” เบรุตนั่งลงและชี้ไปที่เก้าอี้ที่อยู่ใกล้ๆ  ลินลี่ย์ลงแต่โดยดี

เบรุตลูบเคราหัวเราะขณะถอนหายใจ  “ในที่สุดบีบีก็กลายเป็นเทพข้ารู้สึกเบาใจขึ้นมาบ้าง  ลินลี่ย์!  บีบีติดเจ้ารักเจ้าจริงๆข้าขอให้เขาพักอยู่กับข้า แต่เขาปฏิเสธ ในอนาคตข้าหวังว่าเจ้าจะดูแลเขาเป็นอย่างดี”

“แน่นอนอยู่แล้ว”  ลินลี่ย์พยักหน้า

แม้ว่าเบรุตจะไม่เตือนแต่ลินลี่ย์ก็ดูแลบีบีเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ลินลี่ย์จะไม่มีวันลืมตอนที่บีบีเข้ามาขัดขวางท่าไม้ตายของมังกรเกราะหนามในหุบเขาหมอก  บีบีช่วยเขาไว้หลายครั้ง ลินลี่ย์ไม่เคยลืมเหตุการณ์เหล่านี้เลย

“ลินลี่ย์!  เจ้าเองก็ถึงระดับเทพแล้ว แต่เจ้าคงมีข้อสงสัยหลายอย่างเกี่ยวกับโลกของเทพสินะ”  เบรุตหัวเราะ “แม้แต่โอเบรียนกับแคทเธอรีน... จะมีเทพสักกี่ตนที่พวกเขาสู้ได้?”

ลินลี่ย์ยินดีในใจ

เขามีความรู้น้อยมากเกี่ยวกับโลกของเทพ  เขาไม่รู้มากนักเกี่ยวกับการสู้รบและวิธีการฝึก เขารู้สึกเหมือนคนตาบอดไม่มีคนนำทางที่ช่วยตัวเองไม่ได้

“ข้ารู้ว่าเจ้าฝึกในกฎธรรมชาติธาตุลมและธาตุดิน”  เบรุตหัวเราะอย่างใจเย็น “ดังนั้นข้าจะเริ่มให้คำแนะนำเบื้องต้นเกี่ยวกับการฝึกของเจ้าก่อน ก่อนอื่นเลยเจ้าควรจะรู้ว่ากฎธาตุแต่ละแบบจะแฝงไปด้วยความรู้ลึกลับหลายรูปแบบ”

นี่คือความรู้ทั่วไป  แน่นอนลินลี่ย์ก็รู้เรื่องนั้น

“อย่างไรก็ตามความรู้ลึกลับมีแฝงอยู่ในกฎธาตุแต่ละอย่างไม่เท่ากันในแง่ของพลัง”  เบรุตถอนหายใจ “กฎธาตุแบ่งเป็นความลึกลับระดับต่ำ ความรู้ลึกลับระดับกลางและความลึกลับระดับสูง!  อย่างไรก็ตาม ความรู้ลึกลับทั้งหมดไม่ว่าสูงหรือต่ำ ล้วนทำให้ผู้ฝึกกลายเป็นเทพ

ลินลี่ย์พยักหน้า

“ลินลี่ย์, กฎแห่งธาตุดินที่เจ้าฝึกฝนอยู่น่าจะเป็นของวิชาชีพจรโลกเป็นรูปแบบหนึ่งขอความรู้ลึกลับ ถูกไหม?” เบรุตมองลินลี่ย์

“ถูกแล้ว” ลินลี่ย์ไม่ประหลาดใจแม้แต่น้อย  ถ้าเบรุตไม่รู้เรื่องนี้นั่นคงจะเป็นเรื่องแปลก

เบรุตหัวเราะและกล่าว“พูดกันแบบทั่วไป คนผู้หนึ่งจะได้รับเพียงการรู้แจ้งในความรู้ลึกลับระดับสูงเมื่อบรรลุก็จะกลายเป็นเทพแท้หรือบางทีอาจกลายเป็นเทพชั้นสูง พวกเทพสายธาตุดินหลายคนก็ได้รับการรู้แจ้งชีพจรโลกแต่เจ้าในฐานะเทียมเทพก็ทำเช่นนั้นได้”

ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว

เบรุตพูดพลางหัวเราะ  “ข้าจะอธิบายให้เจ้าฟังแบบนี้  เมื่อเราพูดกันถึงกฎธรรมชาติธาตุดินจะมีรูปแบบความรู้ที่ลึกลับถึงเก้าแบบ  แน่นอนนั่นเป็นเพียงสมมติฐานที่สำคัญคือข้าไม่ได้ฝึกมาทางสายธาตุดิน

“เก้าแบบ?” ลินลี่ย์ค่อนข้างประหลาดใจ

เท่าที่เขารู้  กฎธาตุธรรมชาติกว้างไกลไม่สิ้นสุด  น่าจะมีรูปแบบความรู้ลึกลับต่างๆมากมายรวมอยู่ในนั้น..... แต่เบรุตใช้คำว่า ‘เก้าแบบ’ ยกเป็นสมมติฐาน  เมื่อเป็นแบบนั้นอย่างนั้นก็เห็นได้ชัดว่าจำนวนความรู้ลึกลับไม่น่าจะมากไปกว่าเก้าแบบ

“อย่านึกว่าความรู้ลึกลับเก้าอย่างนั้นเป็นจำนวนที่น้อย

เบรุตสังเกตความสับสนของลินลี่ย์เขาหัวเราะและกล่าว  “ความเติบโตความสามารถและประสบการณ์ของทุกคนจะเป็นตัวกำหนดสิ่งที่พวกเขาจะเชี่ยวชาญ  ตัวอย่างเช่นลินลี่ย์เจ้า  ในเรื่องกฎธรรมชาติธาตุดิน  เจ้ามีความรู้สึกไวต่อชีพจรโลกมากและรู้สึกได้ชัดเจน”

“ดังนั้นชีพจรโลกจึงเป็นความรู้ลึกลับของกฎธรรมชาติธาตุดินที่เจ้าฝึก  และเจ้าจะฝึกฝนได้อย่างรวดเร็ว  อย่างไรก็ตามถ้าข้าจะขอให้เจ้าฝึกด้านสนามพลังโน้มถ่วง ที่เป็นความรู้ลึกลับของกฎธรรมชาติธาตุดินเล่า  เจ้าจะทำได้ไหม?”

ลินลี่ย์ถึงกับงง

สนามพลังโน้มถ่วง?  เมื่อเขาพบกับกฎธรรมชาติธาตุดิน  เขาไม่เคยรู้สึกถึงสิ่งนั้น  แล้วเป็นไปได้ยังไงที่เขาจะฝึกฝน?

“นี่คือคำถามของผลกระทบ มันเป็นเรื่องง่ายมากสำหรับเจ้าในการฝึกหนึ่งในรูปแบบของกฎธรรมชาติธาตุดิน  แต่ความสำเร็จความรู้ลึกลับไม่ใช่ว่าจะเรียนรู้กันได้ง่าย  ตัวอย่างเช่นในบรรดาสัจธรรมลึกลับเก้าอย่างของเรา บางทีเจ้าต้องการเวลาเพียงพันปีก็จะเชี่ยวชาญได้ก่อน  ประการที่สอง เจ้าอาจต้องใช้เวลาอีกแสนปี  ประการที่สามเจ้าอาจต้องใช้เวลาล้านปีหรือสิบล้านปี.. และเมื่อเจ้ารวบรวมความรู้ทั้งหมดก็ยากที่เจ้าจะเชี่ยวชาญความรู้ลึกลับทั้งเก้าอยู่ดี  มิฉะนั้น เทพชั้นสูงก็คงเป็นกันไม่ยาก”

ตอนนี้ลินลี่ย์เข้าใจแล้ว

ก็เหมือนอย่างที่โลกมนุษย์เป็นไปคนผู้หนึ่งอาจจะเชี่ยวชาญในเรื่องการเงิน และแย่ในเรื่องมนุษยสัมพันธ์ จะให้คนที่เชี่ยวชาญมนุษยสัมพันธ์มาเรียนรู้การเงินก็คงจะยาก

ลินลี่ย์พบว่ามันง่ายมากกับการฝึกชีพจรโลก

อย่างไรก็ตามนอกจากความรู้ที่ลึกซึ้งแล้ว ในกฎธรรมชาติธาตุดินไม่ง่ายนักที่ลินลี่ย์จะเข้าใจก็เหมือนกับที่เป็นมาในอดีต เฮนด์เซนแค่ก้าวย่างง่ายๆก็สามารถเคลื่อนที่ไปได้หลายสิบเมตรเหมือนกับว่าเป็นการเทเลพอร์ต

ลินลี่ย์รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเทเลพอร์ต

อย่างไรก็ตามทุกวันนี้ลินลี่ย์ก็ยังไม่รู้ว่าเฮนด์เซนทำแบบนั้นสำเร็จได้ยังไงกับการเคลื่อนไหวได้ก้าวละหลายสิบเมตร

“เฮนเซนสามารถเข้าใจเรื่องนั้นได้  แต่ข้ายังไม่เข้าใจ  ข้าสามารถเข้าใจชีพจรโลกได้  แต่เขาไม่เข้าใจ”  ลินลี่ย์เข้าใจความหมายของเบรุต  เมื่อเข้าใจกฎธรรมชาติได้ก็ต้องพึ่งพาพรสวรรค์ส่วนหนึ่ง  ประสบการณ์ชีวิตอีกส่วนหนึ่งจึงจะเกิดประกายรู้แจ้ง

ตัวแปรในการกำหนดทิศทางของตนมีหลายอย่าง

“ส่วนกฎธรรมชาติที่ช่วยให้เป็นระดับเทพ...”

เบรุตหัวเราะ“ข้าจะใช้การฝึกกฎธาตุธรรมชาติธาตุลมของเจ้าในการยกตัวอย่างของข้าต่อไป กล่าวกันว่ากฎธรรมชาติธาตุลมก็มีสัจธรรมลึกซึ้งถึงเก้าแบบ ถ้าเจ้าสามารถถึงความเชี่ยวชาญในหนึ่งของสัจธรรมที่ลึกลับนั้นได้สักอย่างหนึ่ง  อย่างนั้นเจ้าจะกลายเป็นระดับเทียมเทพ”  ลินลี่ย์รู้ตรงส่วนนี้

“แต่การกลายเป็นเทพแท้เล่า?  ตัวอย่างเช่น กฎลึกลับด้าน ‘เร็ว’ และด้าน ‘ช้า’ ที่เจ้าฝึกอยู่นี้ถ้าเจ้าสามารถเข้าถึงระดับลึกลับของทั้งสองด้านก็ยังจะไม่ได้เป็นเทพแท้ ตรงจุดนี้เจ้ามีสองวิธีในการเป็นเทพแท้”

“วิธีแรกฝึกในความรู้ลึกลับอื่นเพิ่มอีก  กล่าวอีกอย่างคือถ้าเจ้าถึงจุดความเชี่ยวชาญในสามความรู้ลึกลับ เจ้าจึงจะกลายเป็นเทพแท้

“วิธีที่สองเจ้าต้องผสานด้านเร็วและด้านช้าของพลังลึกลับให้เป็นหนึ่งเมื่อประสบความสำเร็จ เจ้าจะกลายเป็นเทพแท้”  เบรุตอธิบายถึงจุดนี้เบรุตชะงัก เพราะรู้ว่าลินลี่ย์จะไม่สามารถเข้าใจได้

“กฎธรรมชาติของจักรวาลไม่ว่าจะตอบสนองการกลายเป็นเทพหรือไม่ เจ้าก็ต้องถึงระดับรู้แจ้งในในกฎธรรมชาติอย่างแน่นอน

เบรุตถอนหายใจ  “ความจริงกล่าวกันว่าเจ้าได้รับการรู้แจ้งเต็มในกฎทั้งเก้านั่นจะถือว่าเชี่ยวชาญได้หรือไม่?”

“ถ้าข้าเชี่ยวชาญหมดทั้งเก้า  ข้าคงจะกลายเป็นเทพชั้นสูงใช่ไหม?” ลินลี่ย์ถาม

“ถูกต้องเป็นเรื่องจริงที่เจ้าจะกลายเป็เทพชั้นสูง เบรุตพยักหน้า ”อย่างไรก็ตามเจ้าไม่ควรเชี่ยวชาญที่ระดับนั้น  ช่างเถอะตอนนี้ไม่มีความจำเป็นต้องคุยเรื่องนี้ในตอนนี้ มันยังเร็วเกินไป”

ลินลี่ย์หัวเราะและพยักหน้า

“เมื่อพวกเทพทำการสู้รบ จะมีความแตกต่างกันอย่างมากระหว่างระดับเทพ  กล่าวโดยทั่วไปพวกเทพแท้สามารถฆ่าเทียมเทพได้  แต่แน่นอนว่าย่อมมีข้อยกเว้นเสมอ”  เมื่อได้ยินเบรุตพูดเช่นนี้ลินลี่ย์ตาเป็นประกาย

เบรุตอธิบาย“ประกายศักดิ์สิทธิ์ของเทพสามารถเรียกสนามพลังเทพแท้ที่ข่มเทียมเทพได้  ภายใต้สนามพลังของเขาความเร็วของเจ้าจะช้าลงอย่างมากมาย นอกจากนี้พลังเทพของประกายเทพจะบริสุทธิ์ขึ้นมาก   แค่สองอย่างนี้เท่านั้นก็กำหนดผลของการต่อสู้ที่แท้จริงได้”

ลินลี่ย์พยักหน้า

ภายในสนามพลังของโอจวินเขามีความรู้สึกว่าความเร็วของเขาตกลงไปอย่างไม่รู้ตัว เดิมทีความเร็วของลินลี่ย์เร็วกว่าบุรุษชุดดำทั้งสองคนนั้นมาก  แต่ภายในสนามพลังเทพ  จึงทำให้เขาช้ากว่าทั้งสองคนนั้น

“ดังนั้น เมื่อเทียมเทพสู้กับเทพแท้”  เบรุตอธิบายพร้อมกับหัวเราะ  “เงื่อนไขแรกก็คือลอบจู่โจม  พลังโจมตีที่ทรงพลังมากที่สุดที่เจ้ามีก่อนที่ศัตรูจะกระตุ้นสนามพลังเทพได้ ต้องฆ่าเขาให้ได้ก่อน”

“ฆ่าโดยลอบโจมตี?”  ลินลี่ย์กล่าวอย่างมึนงง“เทพแท้ไม่น่าจะฆ่ากันได้ง่ายๆ”

“ถูกแล้ว” เบรุตกล่าว  “แม้ว่าจะใช้วิธีซุ่มโจมตีเจ้าก็ต้องเข้าใกล้ตัวเขาให้ได้ทันที เขาจะต้องรู้ตัวแน่นอน ถ้าเจ้าต้องการฆ่าเขาให้ได้ในสถานการณ์อย่างนั้น อย่างนั้นเจ้าต้องมี..สัจธรรมลึกลับที่ทรงพลังมากกว่าเขา

“เพราะพลังเทพของเจ้าไม่บริสุทธิ์เท่าเขา ดังนั้นเจ้าต้องเอาชนะเขาให้ได้ด้วยอาวุธและกฎธรรมชาติที่ดีกว่า!”  เบรุตอธิบาย

ลินลี่ย์เข้าใจ

แล้วจะเป็นยังไงถ้าอีกฝ่ายเป็นเทพแท้?

เทพแท้อาจมี..ตัวอย่างเช่นวิชาลึกลับสักสามกฎก็ได้  แต่ถ้าความรู้ลึกลับทั้งสามนั้นยังเป็นระดับต่ำ อย่างนั้นเทพนั้นก็จะไม่ทรงพลังอำนาจมากเท่าใดนั้น  เมื่อใช้หนึ่งในสามความรู้ลึกลับนั้นดังนั้นเทพเหล่านั้นจึงต้องอาศัยสนามพลังเทพและพลังเทพที่บริสุทธิ์ของตนเพื่อฆ่าเทียมเทพ

“แต่แน่นอน แม้ว่าเทพนั้นจะฝึกสัจธรรมลึกลับมาได้ในระดับต่ำ เมื่อพวกเขาหลอมรวมสัจธรรมลึกลับระดับต่ำเหล่านั้นได้อย่างนั้นเจ้าก็ไม่มีโอกาส”  เบรุตถอนหายใจ  “การหลอมรวมความรู้ลึกลับระดับต่ำทั้งสองได้จะทำให้มีพลังไม่อ่อนแอกว่าความรู้ลึกลับระดับสูงแม้แต่น้อย!”

ลินลี่ย์พยักหน้า

ตัวอย่างเช่นเคล็ดลับด้าน ‘เร็ว’ และด้าน ‘ช้า’ซึ่งหลอมรวมเป็นสัจธรรมแห่งความเร็วไม่ด้อยไปกว่าพลังชีพจรโลก

“กล่าวอีกอย่างหนึ่งมีแต่เทียมเทพที่โดดเด่นที่สุดจึงสามารถเอาชนะเทพแท้ที่อ่อนแอได้!”  เบรุตสรุป  “แต่แน่นอนถ้าคนผู้นั้นมีสมบัติเทพที่โดดเด่นมากกว่า หรือมีปัจจัยพิเศษในการลงมือ  ชัยชนะก็ยังจะพอเป็นไปได้”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด