ตอนที่ 13-18 บีบีกลายเป็นเทพ
ศักราชยูลานที่10045 เป็นปีที่ทั่วทั้งทวีปยูลานสงบ
ร่างหลักของลินลี่ย์อยู่ห้องมิติ เพ่งกับการฝึกการเต้นของชีพจรโลก ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ของเขายังคงรั้งอยู่ในปราสาทเลือดมังกรใช้เวลาทั้งหมดฝึกสัจธรรมแห่งความเร็ว ขณะที่วิเคราะห์ถึงสัจธรรมลึกลับแห่งเสียงเป็นครั้งคราว
ด้วยความนับถือที่มีต่อสัจธรรมแห่งความเร็วลินลี่ย์ยังห่างจากระดับการเรียนรู้อยู่มาก
ฤดูร้อนศักราชยูลานที่ 10045 แสงแดดเจิดจ้าแผดเผาพื้นดิน และข้า’สระน้ำในสวนตะวันออกของปราสาทเลือดมังกร ลินลี่ย์กับซีซาร์นั่งอยู่ในศาลาชื่นชมบรรยากาศ
“ข้าต้องบอกว่าเทพสงครามมีโชคดีเป็นพิเศษจริงๆ” ซีซาร์ถอนหายใจ
“ท่านหมายถึงประกายเทพแท้น่ะหรือ?” ลินลี่ย์เข้าใจที่ซีซาร์ถอนหายใจพูดถึงได้ทันที ปีที่แล้วเมื่อโอจวินลอบโจมตีตอนดึก เขาถูกทารอสสังหารและทารอสได้รับประกายเทพแท้ ในที่สุดเทพสงครามเข้าไปขอประกายเทพแท้กับทารอส
ผลก็คือ...ทารอสยอมตกลงด้วย
“ประกายเทพแท้! ถ้าใครบางคนมีประกายเทพแท้สายธาตุมืดข้าจะได้กับเขาบ้างไหม, ได้โปรด?” ซีซาร์ถอนหายใจ ตาของเขาเต็มไปด้วยแววอิจฉา “ถ้าข้ายังคงฝึกต่อไปด้วยตัวเองอย่างนี้ ใครจะรู้ต้องใช้เวลานานขนาดไหนกว่าข้าจะไปถึงระดับเทพแท้”
ยิ่งเขาฝึกยาวนานขึ้นก็ยิ่งยากกว่าจะไปถึงที่สุดได้
“ข้าได้ยินมาว่าเทพสงครามก็จ่ายราคาหนักจึงจะได้รับประกายเทพแท้” ลินลี่ย์กล่าว
“เจ้าเรียกว่าราคาหรือนั่น?” ซีซาร์มองดูลินลี่ย์
ลินลี่ย์พยักหน้า “จะไม่ใช่ราคาได้ยังไง? ทารอสบอกว่าหลังจากที่เหตุการณ์ ‘เทพมาเยือน’นี้จบและคลี่คลายเทพสงครามจะต้องไปแดนนรกกับเขาและอยู่ภายใต้คำสั่งของเขาไปอีกแสนปี หลังจากแสนปีจึงจะได้รับอิสรภาพ”
“ฮึ” ซีซาร์แค่นเสียงหัวเราะเยาะ “ลินลี่ย์, หลังจากได้ยินคำเรียกร้องของทารอสโอเบรียนไม่คิดว่าแค่ไม่กี่วันใช่ไหมเล่า?”
“ไม่”
ลินลี่ย์มั่นใจเรื่องนี้ “เทพสงครามเป็นคนซื่อตรง เขาเห็นด้วยทันที”
“ข้าก็เห็นด้วยกับข้อเรียกร้องนี้เช่นกัน”ซีซาร์ย่นจมูก “ประการแรกเลื่อนจากเทียมเทพไปเป็นเทพแท้ เนื่องจากระดับพรสวรรค์ของโอเบรียน ยากจะบอกได้ว่าเขาจะทำสำเร็จได้ในแสนปี เจ้าต้องเข้าใจนะว่าโอเบรียนกลายเป็นเทพผ่านการหลอมรวมประกายศักดิ์สิทธิ์!”
ลินลี่ย์พยักหน้าเห็นด้วย
ความจริงเขาหลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นเทพ แต่ประกายศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นถูกสร้างโดยจักรวาลเมื่อมีผู้อื่นกลายเป็นเทพ และจะไม่หลอมรวมเข้ากับวิญญาณโอเบรียนอย่างสมบูรณ์มีอุปสรรคในการฝึกเช่นกัน จะเข้าถึงระดับเทพแท้จำนวนเวลาที่ใช้อาจยาวนานกว่าจำนวนเวลาที่ยอดฝีมือต้องใช้ในการฝึกฝนตนเองจนกลายเป็นเทพก็ได้
“ประการแรกเลย จะเป็นเรื่องที่ยากสำหรับในการกลายเป็นเทพแท้ด้วยพลังของเขาเอง นอกจากนี้นอกจากสุสานเทพเจ้า สถานที่อื่นที่เขาในฐานะเทียมเทพจะได้รับประกายเทพแท้ยังมีอยู่อีกหรือ?” ซีซาร์พูดต่อไป “เพื่อให้ได้ประกายเทพแท้ ทั้งหมดที่เขาทำคือเชื่อฟังคำสั่งคนอื่นเป็นเวลาแสนปี”
“ที่สำคัญยิ่งกว่า....”
ตาของซีซาร์จ้องมองด้วยความคาดหวัง “เขากำลังจะไปพิภพนรกทั้งหมดที่เขาต้องทำก็คือเชื่อฟังคำสั่งทารอสในพิภพนรก เมื่อคนใหม่ๆ เข้าพิภพนรกเขาจะไม่คุ้นเคยกับสถานที่ มีแต่การอยู่ภายใต้การแนะนำของยอดฝีมือจึงทำให้เขามีโอกาสดีที่จะอยู่รอดได้และสามารถปรับตัวเข้ากับพิภพชั้นสูงได้อย่างรวดเร็ว พิภพนรก! คนอื่นๆต้องการหาผู้นำอย่างนั้นสักคนก็หาได้ยาก และโอเบรียนทันทีที่เข้าพิภพนรก จะอยู่ในความคุ้มกันของทารอสทันที นั่นมีแต่เขาที่ได้เปรียบใหญ่”
ลินลี่ย์อดรู้สึกตกใจไม่ได้ เมื่อได้ยินคำพูดของซีซาร์ เขารู้สึกว่าสมเหตุผล
“การไปพิภพนรกก็หมายความว่าต้องออกจากถิ่นดินแดนเกิด” ลินลี่ย์ถอนหายใจ
ลินลี่ย์ในปัจจุบันนี้ยังคงมีความผูกพันต่อทวีปยูลานอยู่บ้าง
“ฮึ” ซีซาร์กล่าวต่อ “ตลกจริงๆ มีแต่ชีวิตที่ตื่นเต้นจึงจะน่าสนใจ เมื่อเข้าถึงระดับเทพการอยู่ในพิภพดั้งเดิมไม่มีประโยชน์ต่อพวกเรามากต่อไป ความจริงตั้งแต่กลับมาจากสุสานเทพเจ้าข้าตั้งใจว่าจะไปดินแดนพิภพระดับสูงขึ้นไป”
“ท่านจะไปด้วยหรือ?” ลินลี่ย์ค่อนข้างประหลาดใจ
“ตอนนี้ เมื่อข้ากลับมาข้าพบว่ามีเทพหลายตนมายังพิภพนี้” ซีซาร์หัวเราะ “ดูเหมือนว่าชีวิตที่นี่น่าสนใจขึ้นบ้าง ดังนั้นเป็นธรรมดาที่ข้าตัดสินใจอยู่ต่ออีกระยะหนึ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะเทพเหล่านี้ ข้าคงจะไปดินแดนพิภพระดับสูงนานแล้ว”
“ที่สำคัญการยืนอยู่บนจุดสุดยอดมันช่างเดียวดาย ลินลี่ย์!ชีวิตจะมีความหมายเมื่อมีสีสันและน่าสนใจ” ซีซาร์ถอนหายใจ “ลินลี่ย์! เจ้าเองยังมีชีวิตมาได้ไม่นานนัก ถ้าเจ้าอยู่ต่อไปสักอีกร้อยปี เจ้าจะเริ่มมีความรู้สึกแบบนี้เช่นกัน คิดดูสิ, ลินลี่ย์ ถ้าในทวีปยูลานเจ้าอยู่ยงคงกระพัน เจ้าก็คงจะเบื่อหน่ายกับชีวิตที่เงียบอย่างนั้นไม่ใช่หรือ?”
ลินลี่ย์คิดอยู่ชั่วขณะและใจของเขาสั่นสะท้าน
เมื่อยืนอยู่บนจุดสุดยอดของทวีปยูลานตามลำพังเป็นชีวิตที่เปลี่ยวเหงาเกินไป...แค่คิดเรื่องนี้ก็ทำให้เขารู้สึกรังเกียจอยู่บ้าง ในใจของเขา เขาเริ่มคิดถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาประสบมา
“ชีวิตที่น่าสนใจ มีสีสันเดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลงเพียงแค่นั้นก็มีความหมายแล้ว” ลินลี่ย์ยอมรับว่าเรื่องนี้จริง
เขาเองไม่ยินดีจะอยู่แบบคนธรรมดาใช้ชีวิตทั่วไป แม้ว่าเขารู้ว่าสี่พิภพระดับสูงและเจ็ดพิภพมหาธาตุจะมียอดฝีมืออยู่ที่นั่นนับไม่ถ้วน เหมือนกับว่าเขาตัดสินใจใช้ชีวิตธรรมดาและเก็บตัวอยู่ในพิภพยูลานกลายเป็นกบก้นบ่อ นี่ช่างน่าขันจริงๆ
“หลังจากเรื่องนี้จบลง ข้าจะจากไปพิภพนรกลินลี่ย์, มากับข้าเถอะ” ซีซาร์กระตุ้น “ในพิภพนรกมียอดฝีมืออยู่นับไม่ถ้วน เผ่าพันธุ์ทุกเผ่าพันธุ์อาทิสี่สุดยอดตระกูลนักรบก็ล้วนแต่ไปพิภพนรก เจ้าไม่ต้องการไปเยี่ยมบรรพบุรุษของเจ้าหรือ?”
สี่สุดยอดตระกูลนักรบ? บรรพบุรุษของเขา?
นักรบเลือดมังกรคนแรกสุดของตระกูลบาลุค,บาลุค! และคนที่, คนที่สาม...บรรพบุรุษของเขาทั้งหมดต่างไปยังพิภพนรกแล้ว
ลินลี่ย์อดรู้สึกคาดหวังไม่ได้ขณะที่พวกเขาพูดคุยกันเรื่องนี้ จากนั้นเขาพูดพลางหัวเราะทันที “ท่านซีซาร์! เลิกหลอกล่อข้าเถอะ ข้าไม่รีบข้าจะอยู่ที่นี่กับเดเลียสักระยะ เมื่อถึงเวลาที่เราสามีภรรยารู้สึกเบื่อบางทีเราจะเดินทางท่องเที่ยวพิภพนรกก็ได้”
“ท่องเที่ยว?”ซีซาร์ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “เจ้าจะไปทำอะไรในพิภพนรก?”
ต้นฤดูหนาวปีศักราชยูลานที่ 10045 หิมะตกกระจายทุกที่
ภายในห้องมิติ
ห้องมิติแบ่งออกเป็นสองชั้น ชั้นล่างมีโอลิเวอร์และเดลี่ฝึกอยู่ที่นั่น ขณะที่ชั้นบนมีบาร์เกอร์แฮรุและสองพี่น้องราชสีห์ทองหกตา ลินลี่ย์เองนั่นสมาธิอยู่บนเตียงชั้นบนฝึกพลังชีพจรโลก
สัจธรรมลึกลับของกฎธาตุมีความเชื่อมโยงกันตั้งแต่ง่ายไปจนถึงลึกซึ้ง
เพื่อให้การฝึกนี้มีความแม่นยำขึ้นลินลี่ย์ใช้เคล็ดการจัดภาพนี้เพื่อการฝึกฝน แต่แน่นอนลินลี่ย์ไม่นึกสร้างภาพอย่างรื่อยเปื่อย แต่ทำตามความเข้าใจรู้แจ้งในกฎแห่งธาตุเอง บางครั้งเขาก็ได้ประกายความคิดใหม่ขึ้นมาทำให้เขาเกิดภาพความคิดก้าวหน้าใหม่ๆ
ร่างเดิมลินลี่ย์ดูดซับแก่นวิญญาณร้อยล้านดวงได้สิ้นเชิง
ครั้งสุดท้ายเมื่อเขาซึมซับวิญญาณยี่สิบล้านดวงการเห็นภาพในใจของลินลี่ย์ทำได้เร็วขึ้นอย่างมากมาย จากผสานพลังคลื่น 32 ชั้นเป็น 16 ชั้น เขาใช้เวลาเพียงหนึ่งปีสามเดือน หลังจากซึมซับดวงวิญญาณร้อยล้านดวงความเร็วในการนึกภาพในใจยิ่งเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว
จำนวนเวลาที่เขาใช้จึงลดลงมาอีกหลายเท่าตัว
นอกจากนี้ลินลี่ย์ยังฝึกผสานพลังคลื่น 16 ชั้นไปเป็น 8ชั้นใช้เวลาเพียงสองปีหลังจากโบมอนต์ตาย
ตอนนี้เวลาผ่านไปอีกหนึ่งปี
เป็นเวลาสามปี
ขณะที่นั่งขัดสมาธิบนเตียงศิลาภายในห้องมิติลินลี่ย์ลืมตาขึ้นมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า “พลังชีพจรโลกมีความซับซ้อนมากมายจริงๆ อย่างน้อยข้าก็บรรลุถึงระดับคลื่น 8 ชั้นได้แล้ว” ลินลี่ย์ตอนนี้รู้สึกดีใจมาก
“เพียงแต่,ทำไมข้ารู้สึกเหมือนกับว่ายังมีระดับที่ลึกล้ำที่สำคัญกว่าอยู่อีก พลังชีพจรโลกมีความซับซ้อนและกว้างขวางมากกว่าความรู้แจ้งที่ข้าได้รับจากพลังสัจธรรมแห่งความเร็วเป็นร้อยเท่าเชียวหรือ?” ลินลี่ย์ไม่อาจเข้าใจได้
เท่าที่ลินลี่ย์ทราบ
การฝึกสัจธรรมลึกลับแห่งกฎธาตุจนถึงระดับที่ลึกซึ้งจะทำให้ผู้ฝึกฝนกลายเป็นเทพ
สำหรับสัจธรรมแห่งความเร็วความจริงสัจธรรมแห่งความเร็วไม่ใช่แค่เป็นความเชี่ยวชาญอยู่อย่างเดียว แต่ยังมีผลต่อการฝสานด้านเร็วและช้าแฝงอยู่ด้วย เมื่อเข้าถึงระดับเชี่ยวชาญในสัจธรรมแห่งควมเร็วก็เท่ากับเชี่ยวชาญในสองด้านทั้งในด้านเร็วและช้า ปกติจะแตกต่างจากการเข้าถึงระดับเชี่ยวชาญอย่างเดียว
“ข้าจะไม่คิดให้มากเกินไป” ลินลี่ย์หลับตาทันทีและฝึกต่อ
แต่เวลานี้สิบวันต่อมาก่อนที่เขาจะมีโอกาสฝึกระยะยาว...
“พี่ใหญ่, พี่ใหญ่!” เสียงคุ้นเคยดังขึ้นในใจของลินลี่ย์ ลินลี่ย์หยุดฝึกทันทีและสื่อสารทางจิตกลับไปอย่างประหลาดใจและมีความสุข “บีบี, เจ้า, เจ้าทำสำเร็จแล้วใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว, ข้าสำเร็จแล้ว, พี่ใหญ่,ข้ากลายเป็นเทพแล้ว!” เสียงดีใจของบีบีดังขึ้นในใจของลินลี่ย์
ลินลี่ย์รู้สึกตื่นเต้นและดีใจเต็มหัวใจบีบีที่เติบโตอยู่ข้างเขากลายเป็นเทพจนได้เหมือนกัน
“ยอดเยี่ยมมาก” ลินลี่ย์ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
“พี่ใหญ่, ข้าจะออกจากไพรทมิฬแล้วนะ รอข้าก่อน” ในที่สุดบีบีก็โตเต็มวัยเป็นหนูกินเทพการได้เป็นเทพทำให้บีบีตื่นเต้นทันทีบินออกจากปราสาทโลหะในไพรทมิฬมาที่ปราสาทเลือดมังกร
ภายใต้พระอาทิตย์สาดส่อง ปราสาทเลือดมังกรดูเหมือนจะปกคลุมไปด้วยแดดสีแดงเข้ม
ภายในสวนหลังปราสาทเลือดมังกร เทพสงครามและมหาพรตอยู่ตรงกันข้ามกันมีโต๊ะหินคั่นอยู่ข้างหน้าพวกเขา เทพสงครามและมหาพรตหลอมรวมกับประกายเทพทั้งคู่ เพียงแต่ไม่ว่าจะเป็นเทพสงครามไม่ว่าจะเป็นมหาพรตต่างก็ต้องใช้เวลาในการหลอมรวมกับประกายเทพนั้น
“หลังจากจบเหตุการณ์เทพเข้ามาในยูลานแล้ว ข้าจะร่วมทางกับท่านทารอสไปพิภพนรก และเจ้าล่ะ?” เทพสงครามถาม
มหาพรตรู้สึกค่อนข้างตื่นเต้น
ความจริงนางกับเทพสงครามต่อสู้กันมาหลายปีแล้ว ไม่นานมานี้ นางประสบความสำเร็จในสุสานเทพเจ้าและได้รับประกายศักดิ์สิทธิ์ ตอนนี้เทพสงครามก็ได้รับประกายศักดิ์สิทธิ์มาด้วยเช่นกัน
“เจ้าสามารถไปได้ สำหรับข้า..” มหาพรตหัวเราะ “สุสานเทพเจ้ายิ่งมีอันตรายมากความก้าวหน้าก็มาก มันมีอันตรายมากกว่าจะได้รับประกายเทพแท้มาได้ ถ้าข้าต้องการได้ประกายเทพชั้นสูงใครจะรู้จะต้องใช้เวลาเท่าใด แสนปี?ล้านปี?”
มหาพรตถอนหายใจ “หลังจากเหตุการณ์นี้จบลงเป็นไปได้มากว่าเทพหลายตนคงจะออกจากทวีปยูลานกันหมด ข้าไม่ต้องการอยู่ที่นี่เหมือนกัน เมื่อถึงเวลาข้าคงจะไปยังพิภพแห่งชีวิต”
สี่ดินแดนชั้นสูงก็คือพิภพนรก,พิภพสวรรค์, ยมโลกและพิภพแห่งชีวิต
พิภพนรกสร้างขึ้นโดยจอมเทพทำลายล้าง พิภพสวรรค์สร้างขึ้นโดยจอมเทพแห่งโชคชะตายมโลกสร้างขึ้นโดยจอมเทพแห่งความตาย ขณะที่พิภพแห่งชีวิตสร้างขึ้นโดยจอมเทพแห่งชีวิต
“เจ้าจะไปพิภพแห่งชีวิตหรือ?” เทพสงครามค่อนข้างประหลาดใจ จากนั้นเขาหัวเราะเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก “ถ้าเป็นอย่างนั้น ใครจะรู้ว่าอีกนานแค่ไหนเราจึงจะได้พบกันอีก”
“ถ้าเรามีโอกาส เราจะได้พบเจอกัน” มหาพรตแคทเธอรีนพูดอย่างสงบ หน้าของซ่อนอยู่หลังหน้ากาก ยากจะบอกกล่าวได้ว่าสีหน้าอารมณ์ของมหาพรตเป็นเช่นไร
เทพทั้งสองนี้เป็นคู่ต่อสู้กันมาหลายพันปีแล้ว ตอนนี้ทั้งคู่ต่างเงียบงัน
“โอว, โอเบรียน, แคทเธอรีนพวกเจ้ามาทำอะไรอยู่ตรงนี้? อ๋า หรือว่ามีรายการนัดบอด” ทันใดนั้นมีเสียงดังขึ้นจากสวนด้านหลัง ทั้งเทพสงครามและมหาพรตสะดุ้งตกใจทั้งคู่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพราะคำพูดเหล่านั้นทำให้พวกเขารู้สึกอึดอัดมาก
เด็กหนุ่มร่างโปร่งผมสั้นหนึ่งนิ้วและสวมเสื้อไร้แขนโผล่ออกมาทันที เด็กหนุ่มนี้มีผิวใสเป็นประกายดวงตาที่สว่างสดใสเป็นประกายสีดำมีชีวิตชีวา ดวงตาเหล่านั้นเหมือนกับจะพูดได้ และดวงตานั้นกำลังจ้องมองเทพสงครามและมหาพรตอย่างมีความนัย
เด็กหนุ่มชี้ไปที่มหาพรตและมีท่าทีดีใจ“ฮ้า.. แคทเธอรีน เจ้ากำลังอาย!”
มหาพรตไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี นางสวมหน้ากากอยู่ไม่มีใครสามารถเห็นสีหน้านางได้ เนื่องจากไม่เคยมีใครเห็นสีหน้าแน่นอนว่าเป็นไปได้ที่นางกำลังหน้าแดงอยู่จริงๆ
“บีบี, เลิกก่อกวนได้แล้ว” ลินลี่ย์เดินเข้ามาที่สวนด้านหลังทันที
“ว้าว..พี่ใหญ่!” บีบีวิ่งไปหาเขาอย่างตื่นเต้น