ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 37 หนึ่งวาจาสัจจะ กลายเป็นกฎเกณฑ์
ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 37 หนึ่งวาจาสัจจะ กลายเป็นกฎเกณฑ์
คุนหวู่จ้องมองหู่ฉวนสักพักแล้วพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “เจ้าเต็มใจทิ้งไข่มุกวิญญาณโลหิตได้ลงคอหรือ”
“เป็นเพราะตระกูลฉู่ลัทธิมารของข้าจึงต้องเลยลงเอยเช่นนี้ หากข้าไม่ลงมือทำอะไรสักอย่าง ข้าคงหายใจไม่ออก!”
หู่ฉวนกล่าวด้วยความโกรธ
แผนการที่วางมาหลายปีถูกทำลายในพริบตา ตัวเขาเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส
หยวนฉ่งและผู้อาวุโสที่เหลืออีกสามคนก็ตายอยู่ในเมืองฉู่
ลัทธิมารแห่งแคว้นจื่อเยว่อยู่ไม่ห่างจากการล่มสลายเต็มที
ทุกอย่างเริ่มต้นมาจากตระกูลฉู่ เนื่องจากตระกูลฉู่ค้นพบสายลับจึงได้กวาดล้างลัทธิมารในเมืองฉู่
“เจ้าเต็มใจมอบไข่มุกวิญญาณโลหิตเพื่อแลกกับชีวิตผู้อาวุโสไม่กี่คนของตระกูลฉู่ เจ้ายินดีจ่ายราคาแพงเช่นนี้หรือ?”
ไข่มุกวิญญาณโลหิตนั้นหลอมกลั่นมาจากแก่นโลหิตของผู้ฝึกยุทธ์นับหมื่นโดยใช้กลวิธีลับ ถือเป็นหนึ่งในสมบัติอันล้ำค่าที่สุดสำหรับผู้ฝึกยุทธ์มาร
นอกจากนี้แล้ว กลวิธีหลอมกลั่นไข่มุกวิญญาณโลหิตก็อยู่ในกำมือของจักรวรรดิต้าเซี่ยแต่เพียงผู้เดียว นี่จึงเป็นเหตุผลว่าเหตุใดจักรวรรดิต้าเซี่ยจึงมียอดฝีมือมากมายเต็มใจทำงานให้
พลังยุทธ์ของคุนหวู่อยู่ขอบเขตว่างเปล่าขั้นสูงสุด เป็นผู้ยอดเยี่ยมในหมู่ผู้ฝึกยุทธ์มารขอบเขตว่างเปล่าด้วยกัน ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่สามารถทะลวงไปยังขอบเขตรวมศูนย์ได้ อายุขัยของเขาเองก็ใกล้สิ้นสุดแล้ว
ไข่มุกวิญญาณโลหิตสามารถเพิ่มอายุขัยของคนผู้หนึ่งได้อย่างน้อย 10 ปี แถมยังช่วยเพิ่มโอกาสในการบรรลุอีกด้วย มันเป็นหนึ่งในสมบัติที่คุนหวู่ต้องการมากที่สุดในเวลานี้
“เป้าหมายหลักของข้าคือบุตรชายของฉู่ชิวหลัว ตราบใดที่เราจับตัวบุตรชายของฉู่ชิวหลัวได้ ข้าก็มีวิธีมากมายที่จะแก้แค้นตระกูลฉู่”
“ยิ่งไปกว่านั้น ในฐานะบุตรชายของฉู่ชิวหลัว ข้าอยากดูว่าตระกูลฉู่จะมีความชอบธรรมถึงขนาดกล้าสังหารสมาชิกในตระกูลของตนเองได้หรือไม่!”
หู่ฉวนกัดฟันด้วยความเกลียดชัง
“ตกลง ข้าจะร่วมหัวจมท้ายกับเจ้าในครั้งนี้”
คุนหวู่พยักหน้าตกลง
คุนหวู่ติดอยู่ที่ขอบเขตว่างเปล่าขั้นสูงสุดมานานมากนักแล้ว แถมเขาเหลือเวลาอีกไม่มาก นี่เป็นโอกาสทองสำหรับเขาเลยทีเดียว
ถึงแม้ตระกูลฉู่จะแข็งแกร่ง แต่ด้วยวิธีการและความแข็งแกร่งของเขา ตราบใดที่เขาไม่ได้บุกเข้าไปอย่างอุกอาจและจบลงด้วยการถูกปิดล้อม คุนหวู่มั่นใจว่าตนเองยังสามารถหลบหนีได้โดยไร้รอยแผลหลังจากจับตัวเป้าหมายได้แล้ว
หู่ฉวนยกมือแล้วโบกมือขึ้น ไข่มุกวิญญาณโลหิตครึ่งหนึ่งก็ลอยออกมา
“หลังจากงานสำเร็จ แล้วข้าจะให้อีกครึ่งที่เหลือ!”
คุนหวู่รับไข่มุกวิญญาณโลหิตก่อนมองหู่ฉวนอย่างลึกซึ้ง จากนั้นเขาก็หันหลังจากไป
คุนหวู่ไม่กังวลว่าหู่ฉวนจะคืนคำของตนเอง
เขาเชื่อว่าหู่ฉวนย่อมไม่กล้าล่วงเกินยอดฝีมือขอบเขตว่างเปล่าขั้นสูงสุดที่อายุใกล้หมดสิ้นหรอก
คุนหวู่ไม่ได้แย่งชิงไข่มุกวิญญาณโลหิต ต้องไม่ลืมว่าหู่ฉวนเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของจักรวรรดิต้าเซี่ย ไข่มุกวิญญาณโลหิตถือเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของจักรวรรดิต้าเซี่ย หากเขากล้าแย่งชิงมัน เขาย่อมต้องถูกตามล่าจากยอดฝีมือของจักรวรรดิต้าเซี่ยอย่างแน่นอน
แม้ว่าเขาจะโชคดีพอที่จะทะลวงไปยังขอบเขตรวมศูนย์ แต่เขาก็คงไม่รอดอยู่ดี
ทว่าหากหู่ฉวนคืนคำ คุนหวู่จะสังหารหู่ฉวนแล้วแย่งชิงไข่มุกวิญญาณโลหิตอีกครึ่งหนึ่ง ถึงตอนนั้นจักรวรรดิต้าเซี่ยเองก็ย่อมไม่มีทางออกหน้าเพราะการกระทำของเขายังอยู่ในกฎ
ไม่มีผู้ฝึกยุทธ์มารกล้าคนใดกล้าละเมิดกฎของจักรวรรดิต้าเซี่ย
ตระกูลฉู่แม้ไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก แต่ความแข็งแกร่งของฉู่เทียนหมิงก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขา ยิ่งไปกว่านั้นฉู่เทียนหมิงยังมีอาวุธสมบัติอยู่ในครอบครอง
หากพวกเขาจะสู้กันจริง คุนหวู่เองก็ไม่มั่นใจในความสามารถของเขาจะเอาชนะฉู่เทียนหมิง
ยิ่งไปกว่านั้น คุนหวู่ก็แก่ชรามากแล้ว ดังนั้นความแข็งแกร่งของเขาจึงลดน้อยถอยลงเป็นธรรมดา
ทว่าตราบใดที่เขาไม่ได้ถูกปิดล้อมจากยอดฝีมือขอบเขตว่างเปล่าขั้นที่แปดขึ้นไป คุนหวู่ย่อมมั่นใจว่าตนเองสามารถหลบหนีไปได้
วัตถุประสงค์ของการเสี่ยงตายในครั้งนี้เพียงเพื่อจับตัวบุตรชายของฉู่ชิวหลัว และสังหารผู้อาวุโสตระกูลฉู่ไม่กี่คนในระหว่างทาง
ตราบใดที่เขาลอบเข้าไปในอาณาเขตตระกูลฉู่และจับตัวบุตรชายของฉู่ชิวหลัวโดยไม่มีใครพบเห็นได้ การสังหารผู้อาวุโสของตระกูลฉู่ไม่กี่คนซึ่งคุ้มกันเมืองฉู่ในระหว่างทางกลับก็ไม่ใช่ภารกิจยากเย็นสำหรับเขาแต่อย่างใด
เมื่อถึงตอนที่ยอดฝีมือของตระกูลฉู่ตื่นตัว คุนหวู่ก็คงกลับไปยังแคว้นจื่อเยว่และได้รับไข่มุกวิญญาณโลหิตอีกครึ่งหนึ่งแล้ว
เมื่อเขาบรรลุขอบเขตรวมศูนย์ เขายังต้องเกรงกลัวยอดฝีมือของตระกูลฉู่อีกหรือ?
หากคุนหวู่ล้มเหลวในการบรรลุขอบเขตรวมศูนย์ เขาก็คงมีชีวิตต่อไปได้ไม่กี่ปี ดังนั้นจะต้องเกรงกลัวอันใด
...
ฉู่เซวียนดีดนิ้ว อีกเพียงเจ็ดวันเท่านั้นก็จะถึงกำหนดการหนึ่งปี
เวลาผ่านไปรวดเร็วจริง ๆ
ไม่คาดคิดเลยฉู่เซวียนนอนอยู่ในเรือนสี่ประสานหลังนี้มาเกือบหนึ่งปีแล้ว
ในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี เขาทะลวงจากขอบเขตมนุษย์ไปจนถึงขอบเขตจริงแท้
หากเรื่องนี้ถูกเปิดเผย ใครจะเชื่อ?
ความเร็วในการฝึกฝนพลังยุทธ์ของฉู่เซวียนอาจทำให้อัจฉริยะฟ้าประทานหลายคนต่างร่ำไห้ เทพบุตรเทพธิดาต้องคร่ำครวญ!
อีกเพียงเจ็ดวัน...
คงไม่มีเหตุอันใดเกิดนขึ้น จนกว่าถึงตอนนั้นคงไม่มีใครมารังครานเขากระมัง?
จะมีอะไรสบายไปกว่าการเก็บตัวอยู่บ้านแล้วค่อยๆ สะสมพลังความแข็งแกร่งอีกหรือ?
คำตอบคือไม่มี
ด้านนอกเรือนสี่ประสาน มีคนผู้หนึ่งลอบเข้ามาอย่างเงียบงัน
คนผู้นี้เคลื่อนไหวอย่างรอบคอบ
ฉู่เซวียนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
เกิดอะไรขึ้นกับพวกลัทธิมาร? เหตุใดคนเหล่านั้นจึงมาหาเขาตลอดที่มาถึงอาณาเขตตระกูลฉู่?
เพราะข้าเป็นบุตรชายของฉู่ชิวหลัวหรือ?
เมื่อคุนหวู่มาถึงเรือนสี่ประสาน เขาก็เปิดใช้ค่ายกลทันทีเพื่อปิดกั้นเสียง
ถึงแม้อีกฝ่ายจะตะโกนจนคอแตกก็ไม่มีใครได้ยิน
“เจ้าคือบุตรชายของฉู่ชิวหลัว?” คุนหวู่ถาม
เมื่อเห็นฉู่เซวียนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ คุนหวู่ก็เห็นเป้าหมายกำลังจ้องมองกลับมาที่เขาโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
“ข้าคือบุตรชายของฉู่ชิวหลัว เจ้าช่วยทำให้ข้ากระจ่างได้หรือไม่ เหตุใดลัทธิมารจึงคอยรบกวนข้าตลอด? บิดาของข้าขุดหลุมศพบรรพบุรุษของลัทธิมารพวกเจ้าหรือ”
ฉู่เซวียนถอนหายใจแล้วกล่าว
“ฮ่าฮ่าฮ่า ชายชราผู้นี้ไม่ได้มาจากลัทธิมาร แต่ข้าได้รับการว่าจ้างจากลัทธิมาร เจ้าหนู เจ้าควรเชื่อฟังชายชราผู้นี้เสีย”
คุนหวู่ยิ้มแล้วยกมือขึ้นเพื่อคว้าตัวฉู่เซวียน
เขาไม่ได้มาจากลัทธิมาร?
ฉู่เซวียนรู้สึกประหลาดใจ พลังยุทธ์ของคุนหวู่อยู่ที่ขอบเขตว่างเปล่าขั้นสูงสุด แต่ดูเหมือนเขาใกล้จะหมดอายุขัย ขาข้างหนึ่งอยู่ในโลงศพ อีกข้างก็พร้อมจะตามลงได้ทุกเมื่อ
ฉู่เซวียนคิดว่าคุนหวู่คือปีศาจเฒ่าที่เก็บตัวของลัทธิมาร
ฉู่เซวียนกล่าวโดยไม่ใส่ใจมือของคุนหวู่อย่างเฉยเมยว่า “คุกเข่า”
ปัง!
คุนหวู่คุกเข่าทันที
หนึ่งวาจาของฉู่เซวียนกลายเป็นสัจจะ กลายเป็นกฎเกณฑ์!
ฉู่เซวียนอยู่ในขอบเขตจริงแท้ขั้นที่สาม เมื่อรวมกับมนต์แห่งสัจจะและคุนหวู่ซึ่งอยู่เพียงขอบเขตว่างเปล่าขั้นสูงสุด อานุภาพของฉู่เซวียนเลยไม่ต่างจากกฎของมหาเต๋า คุนหวู่ไม่มีวันต่อต้านคำพูดของเขาได้
เมื่อพลังยุทธ์ของฉู่เซวียนเพิ่มขึ้น อานุภาพของมนต์แห่งสัจจะก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ไม่ได้จำกัดเพียงคำพูดกลายเป็นความจริงอีกต่อไป
เมื่อใช้กับคนที่มีฐานพลังยุทธ์ต่ำกว่า ผลที่ได้ก็คือพวกเขาต้องปฏิบัติตามคำสั่งของฉู่เซวียนโดยขัดขืนไม่ได้
อึก!
คุนหวู่อดไม่ได้ที่จะเหงื่อแตกพลั่ก
พลังวิญญาณปะทุออกมาจากร่างกายคุนหวู่เพื่อพยายามที่จะลุกขึ้นหลบหนี
“จงคุกเข่าเสีย อย่าคิดหนี!”
ฉู่เซวียนยังคงเอ่ยอย่างเฉยเมย
ทันทีที่เขากล่าวจบ พลังวิญญาณที่กำลังปะทุของคุนหวู่ก็พลันแตกสลาย ความคิดที่จะหลบหนีก็มลายหายไปไปเช่นกัน!
ติ้ง!
เหงื่อเย็นเยียบหยดลงมา
คุนหวู่หวาดกลัวจับใจ
นี่เป็นความแข็งแกร่งเช่นไรกัน?
นี่คือขอบเขตจักรพรรดิในตำนานหรือไม่?
เขาคือบุตรชายของฉู่ชิวหลัวจริงหรือ?
ใครจะเชื่อกัน?
ตระกูลฉู่น่าสะพรึงกลัวเกินไป!
คุนหวู่สาปแช่งหู่ฉวนอยู่ภายในใจ!
“บอกที่มาและจุดประสงค์ของเจ้าเสีย”
ฉู่เซวียนยังคงใช้มนต์แห่งสัจจะต่อไป
คุนหวู่เปิดปากแล้วเล่าเรื่องราวทุกอย่าง
คุนหวู่รู้สึกหวาดกลัวอย่างแท้จริง เหตุใดเขาจึงเปิดปากคายทุกอย่างหลังจากที่อีกฝ่ายเอ่ยเพียงประโยคเดียว?
เขาไม่สามารถต่อต้านได้เลยแม้แต่น้อย
หลังจากฟังคำบอกเล่าของคุนหวู่ ฉู่เซวียนถึงกับพูดไม่ออก มีบางอย่างผิดปกติกับสมองของพวกลัทธิมารหรือ? พวกมันกำลังจะถูกกำจัดจนสิ้นซากอยู่แล้ว ทว่าก็ไม่ยอมหยุดพยายามแต่อย่างใด
พวกมันมารังครานเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
เป็นไปได้ไหมว่าวิชามารที่พวกผู้ฝึกยุทธ์มารฝึกฝนทำให้สมองฝ่อ?
เขามองไปยังคุนหวู่
ฉู่เซวียนไม่ได้มีความตั้งใจที่จะเปลี่ยนคุนหวู่ให้เป็นหนึ่งในลูกสมุนของเขา อีกฝ่ายไร้ประโยชน์เกินไป
ความจริงที่ว่าคุนหวู่ติดอยู่ที่ขอบเขตความว่างเปล่าขั้นสูงสุดจนไม่สามารถบรรลุต่อไปได้ ก็เห็นได้ชัดว่าพรสวรรค์ของเขานั้นไร้ประโยชน์เพียงใด
ตราบใดที่พรสวรรค์ของคนผู้หนึ่งไม่แย่จนเกินไปก็ย่อมบรรลุขอบเขตรวมศูนย์ได้หลังจากสั่งสมพลังยุทธ์มาเป็นเวลานาน
นี่คือขยะที่ไร้ประโยชน์
นอกจากนี้แล้ว คุนหวู่เหลืออายุขัยอีกไม่มาก ใกล้จะลงโลงเต็มที
ช่วยให้เขาบรรลุขอบเขต?
ไม่! ไม่เช่นนั้นจะเป็นสิ้นเปลืองทรัพยากรโดยใช่เหตุ
ฉู่เซวียนไม่ได้สังหารคุนหวู่ ทว่าใช้ตราประทับเมล็ดวิญญาณเพื่อควบคุมคุนหวู่แทน
ฉู่เซวียนนึกถึงระเบิดอัศนีที่ระบบมอบให้เมื่อครู่
เขารีบหยิบออกมาหลายอัน
แล้วยัดเอาไว้ในมือของคุนหวู่และควบคุมเจตจำนงวิญญาณของอีกฝ่ายทันที สั่งให้อีกฝ่ายนำระเบิดอัศนีไปยังเมืองหลวงของจักรวรรดิต้าเซี่ยเพื่อก่อความวุ่นวาย
ฉู่เซวียนต้องการให้คุนหวู่สังหารยอดฝีมือให้ได้มากที่สุดด้วยการระเบิดจักรวรรดิต้าเซี่ย
“ไปเสีย ใช้ชีวิตบั้นปลายให้สุกสกาว เมื่อนั้นการดำรงอยู่ของเจ้าในโลกใบนี้จะไม่สูญเปล่า”
ฉู่เซวียนโบกมือแล้วส่งคุนหวู่ออกไป