ตอนที่ 417 นักล่าหลังฉาก
หลิงซิ่วไม่ลังเลขณะที่เขาจับหอกแน่นและวิ่งกระทุ้งรูบนผนังที่เขาสร้างขึ้น ผนังถล่มขณะที่เขาพุ่งออกมาสุดกำลังของเขา
ศัตรูไม่ทันตระหนักถึงความแข็งแกร่งของหลิงซิ่วขณะที่พวกเขารีบถอย
ความเลือดเย็นดูเหมือนมีอยู่ในสายเลือดของเขาสัญชาตญาณฆ่าของเขาดูเหมือนจะครอบงำเขาขณะที่เขาไม่สามารถหาตำแหน่งของศัตรูเขาอย่างได้ผล
นักสู้ผู้นั้นมีสายตาเจ้าเล่ห์ เขาโบกมือส่งสัญญาณสองสามครั้งในอากาศเตรียมเริ่มการโจมตี
แสงสีเทาระเบิดกระจายอยู่ต่อหน้าต่อตาของหลิงซิ่ว
ไฟที่แตกระเบิดนี้ทำให้หลิงซิ่วประหลาดใจ มันดูเหมือนหมอกสีเทาปิดกั้นสายตาของหลิงซิ่วไว้
ม่านตาของหลิงซิ่วหรี่แคบขณะที่เขาจับหอกของเขาแน่นและโจมตีใส่แหล่งแสงทั้งที่ตาพร่า
รังสีเทาแข็งแกร่งชอนไชเข้าไปในแขนของเขา
เป็นพลังที่มีรูปแบบประหลาด!
เขานั่งขัดสมาธิขณะที่เตรียมตัวรับการโจมตีที่กำลังจะมา ศัตรูก้าวเข้ามาสองสามก้าวแต่ก็หยุดในระยะสั้นและหันหลังกลับ
“บุรุษหนุ่มผู้นี้แข็งแกร่งแน่นอน มีคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถหลบโซ่กางเขนของข้าได้” ศัตรูยิ้ม
ตอนนี้หลิงซิ่วเห็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ชัดเจนแล้วแล้ว ศัตรูของเขาแต่งชุดเสื้อสีเทาสีหน้าซีดรอยยิ้มเยือกเย็นของเขาครอบคลุมหน้าถึงสามส่วนมีกลิ่นอายที่เยือกเย็นและโหดร้ายจับจิตของศัตรูของเขา
เจ้าเป็นใคร?
หลิงซิ่วถามเสียงเข้ม เขากระสับกระส่ายที่แขนและสลายพลังงานเทาที่เพิ่งโจมตีเขาเมื่อครู่
ศัตรูไม่สนใจหลิงซิ่ว เขาหันไปมองอาเฮ่อในที่ไกลออกไปและพูดกับตัวเอง“ระมัดระวังไว้”
ทันใดนั้นเขาหันหน้ามายิ้มให้หลิงซิ่ว
“เราจะได้พบกันอีก”
ภายใต้แสงอาทิตย์ส่องร่างของเขาหายไปทันทีในชั้นหมอกบางๆ ภายในไม่กี่วินาที เขาก็ไม่ปรากฏตัวให้เห็น
อาเฮ่อร่อนเข้ามาอยู่ข้างตัวหลิงซิ่วและถามเขาอย่างสงสัย “เขาเป็นใคร?”
หลิงซิ่วสั่นศีรษะ “ข้าไม่รู้แต่วิชาที่เขาเพิ่งใช้เรียกว่าโซ่กางเขน เจ้าเคยได้ยินวิชานี้มาก่อนไหม?”
อาเฮ่อรำพึงเบาๆ และส่ายศีรษะ “ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน”
หลิงซิ่วมองดูรูใหญ่บนผนังแม้ว่าไม่ได้ใช้พลังเต็มที่ แต่พลังที่ปล่อยออกมานั้นสำคัญ แม้แต่ศัตรูผู้นี้ก็ยังมีความสงบ พลังของเขาดูเหมือนจะพอๆ กัน
น่าเสียดายเขารีบจากไปอย่างร้อนรน
หลิงซิ่วชำเลืองมองรอบๆขณะที่เขารู้สึกว่าเป็นการเสียเปล่าที่ได้พบศัตรูที่น่ากลัวอย่างนั้น แต่เขากลับปล่อยให้เขาหลบหนีไปได้ง่ายดาย เขาอารมณ์ร้อนแรงและโหยหาการต่อสู้ ไม่มีลดลงแต่อย่างใด
หลิงซิ่วชำเลืองมองดูอาเฮ่อและใช้หอกชี้มาที่อาเฮ่อ “อาเฮ่อเนื่องจากศัตรูของข้าเผ่นหนีไปแล้ว ทำไมเจ้าไม่แทนที่เล่า เรามาซ้อมมือกันหน่อยเป็นไร”
อาเฮ่อผงะและชี้มาที่ตัวเอง “ข้าน่ะหรือ? เฮ้ เฮ้ เฮ้.... ทำไมข้าต้องถูกลากมาแทนเขาด้วยเล่า..เฮ้ เฮ้ เฮ้.. หยุดเลยนะ”
หลิงซิ่วไม่สนใจอาเฮ่อเนื่องจากเขาแทงหอกใส่อาเฮ่อ “อาเฮ่อวันนี้เป็นวันโชคร้ายของเจ้า”
“เฮ้!” ถังเทียนที่เพิ่งจะกลับมาถึงและตะโกนขึ้นอย่างตื่นเต้น “เฮ้..พ่อหนุ่มดูเหมือนว่าพวกเจ้ามีอารมณ์จะสู้กันตอนนี้สินะ ถ้าอย่างนั้นข้าเล่นด้วยคน! พวกเจ้าทุกคนจะได้ลองวิชาใหม่ของข้ามือปีศาจพันแปลง!”
หลิงซิ่วหัวเราะ “เจ้าบ้าถัง ดีแล้วที่เจ้ามา มาชำระบัญชีครั้งเก่ารวดเดียวเลย ระวังให้ดี”
ทั้งสองคนตะโกนร้องท้าต่อสู้กันขณะพื้นที่เปลี่ยนเป็นสนามต่อสู้ทันที
อาเฮ่อฉวยโอกาสหลบฉากการต่อสู้และยืนชมอยู่ด้านข้างและประหลาดใจที่พบแอนเดรียนา “ฝ่าบาท ยินดีที่ได้พบท่าน”
“พวกเขา...พวกเขาทำอย่างนี้เป็นเรื่องปกติหรือเปล่า?” แอนเดรียนาชี้ไปที่การต่อสู้ระหว่างสองสหาย
“ใช่แล้ว, เด็กป่าเถื่อนพวกนี้ไม่คู่ควรให้ฝ่าบาทต้องเสียเวลาเลยจริงๆ วันเวลาดีๆ จะเสียไปเปล่าๆ ดอกไม้ในสวนบานแล้ว ท่านน่าจะใช้เวลาไปเที่ยวชมดูไม่ดีกว่าหรือ?” อาเฮ่อถามขณะยิ้ม
แอนเดรียนาคิดอยู่ชั่วครู่ เนื่องจากนางก็ชื่นชอบลักษณะของอาเฮ่อ! นางรีบสงบอารมณ์และรู้สึกอาย “นั่นก็ดีเหมือนกัน”
“ด้วยความยินดี ฝ่าบาท!” อาเฮ่อคำนับเล็กน้อย ขณะที่เขาพาแอนเดรียนาไปชมสวน
เป็นเรื่องดีที่ถือโอกาสที่เจ้าเด็กบ้าพลังสองคนนี้ยังไม่ทันรู้ตัวอยู่ห่างจากพวกเขาให้มากเท่าที่เป็นไปได้
แอนเดรียนาเดินตรงไปที่สวนอย่างรวดเร็ว อาเฮ่อยืนตรงและมองไปทางตำแหน่งที่ศัตรูลึกลับเพิ่งหายไป เขาไตร่ตรองเงียบๆ
ประตูดวงดาวอันโดรเมดาและกลุ่มดาวนายพราน
แม่ทัพหลูตี๋มองดูบริวารของเขากำลังทำความสะอาดสนามรบอยู่เงียบๆ เขามองไปรอบๆพื้นที่ปรักหักพังที่รายล้อมรอบตัวเขาด้วยความรู้สึกเสียใจเล็กน้อย หลูตี๋ดูอ่อนแอและใบหน้าซีด อย่างไรก็ตามคงไม่ใช่เรื่องฉลาดหากใครจะประมาทเขา
เขากลายเป็นผู้บัญชาการกองทัพในวัย 27ปี ผู้บัญชาการเยาว์วัยขนาดนั้นในสวรรค์วิถีมีอยู่ไม่กี่คน แม้ว่ากองกำลังพรานข่ายที่เขานำจะใหญ่เป็นอันดับสามในกลุ่มดาวนายพราน ทุกคนรู้ว่านั่นเป็นเพราะประสบการณ์ของเขา ไม่ใช่ความแข็งแกร่งของเขา
กลุ่มดาวนายพรานไม่ค่อยรู้จักการทำการค้าดังนั้นประตูดวงดาวอันโดรเมดาและดาวนายพรานจึงเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญสำหรับกลุ่มดาว หลูตี๋ใช้ประตูดวงดาวนี้มานับไม่ถ้วน แต่ทางผ่านนี้มีเหตุเปลี่ยนแปลงเกินกว่าจะยอมรับได้และยากจะอยู่ในควบคุม
เมื่อเร็วๆนี้เกิดการต่อสู้ไปทั่วกลุ่มดาวต่างๆ บรรดานักสู้ระดับทองจากสมาพันธ์ชาวยุทธ มีสามคนที่พลาดท่าในสมรภูมิ แต่กลุ่มดาวนายพรานก็ประสบความสูญเสียหนักเช่นกันนักสู้ระดับทองห้าคนเสียชีวิตในการต่อสู้
พลังทำลายล้างจากความแข็งแกร่งของนักสู้ระดับทองเห็นได้จากหายนะของเมืองที่เคยเจริญกลายเป็นซากปรักหักพังทันที
เมื่อหลูตี๋และกองทัพของเขามาถึง เขาตกตะลึงกับภาพการสังหารที่เห็นการมาถึงของกองทัพเขาทำให้นักสู้ฝ่ายศัตรูหลายคนกระจัดกระจายไป
หลูตี๋ไม่กล้าประมาทศักยภาพที่คุกคามแค่เพียงเพราะการป้องกันของเขาแข็งแกร่ง
เขาจำเป็นต้องจัดการพื้นที่ปรักหักพังและสร้างเมืองป้องกันขึ้นมาใหม่ จากนั้นพวกเขาก็จะมั่นใจพลังป้องกันของเมืองในระยะยาว เขายังคงมีงานสำคัญอีกมากที่ต้องทำ
ที่ชานเมืองด้านหนึ่งของเมืองอันโดรเมดาในบ้านที่ไม่โดดเด่น ครอบครองโดยคนสามคน
ถ้าอูเซี่ยได้เห็นคนทั้งสามนี้เขาคงตกใจเป็นแน่ คนทั้งสามนี้ตอนแรกใครๆก็คิดว่าออกไปจากเมืองอันโดรเมดาแล้ว พวกเขาคืออาเดรียน, อาซิ่วและหลิงจงกวง เมื่ออาเดรียนได้ยินว่าจู่ๆก็มีนักสู้ที่ไม่รู้จักเป็นจำนวนมากอยู่ในบริเวณประตูดวงดาว เขารู้ว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้น ดังนั้นพวกเขาได้เดินแผนลวงให้ผู้คนเชื่อว่าพวกเขาออกไปจากกลุ่มดาวแล้ว แต่ในความเป็นจริง พวกเขาลอบกลับเข้าเมือง
“เป็นเยี่ยนถู เขากลับมา” หลิวจงกวงโพล่งออกมาอย่างมีความสุข “ไม่ใช่แค่เยี่ยนถูเท่านั้นยังมีนักสู้อีกสองคนที่มากับเขา สองคนนี้มีพลังแข็งแกร่งมาก ข้าเกือบถูกเขาตรวจพบ”
อาเดรียนกับอาซิ่วมีสีหน้าประหลาดใจ เยี่ยนถูคือรัชทายาทของกลุ่มดาวหมีใหญ่ ตั้งแต่เขามีตำแหน่งที่ทรงอำนาจที่จะครอบครองกลุ่มดาว พวกเขาสงสัยว่าอะไรที่ทำให้พวกเขามาที่นี่เป็นส่วนตัว
ทั้งสองคนนั้นสามารถรู้สึกได้ถึงอันตรายที่กำลังจะมาถึง
กลุ่มดาวหมีใหญ่และกลุ่มดาวนายพรานแยกจากกันโดยกลุ่มดาวอันโดรเมดาคั่น ถ้ากลุ่มดาวอันโดรเมดาเป็นพันธมิตรกับกลุ่มดาวหมีใหญ่เห็นได้ว่าก็จะเป็นการทรยศหักหลังกลุ่มดาวนายพราน
อาซิ่วเอ่ย“ไม่มีการเป็นพันธมิตรแน่ ถ้ามีการเป็นพันธมิตร เยี่ยนถูจะมีสิทธิ์ในเมืองอันโดรเมดาอย่างไม่จำกัด ปัจจุบันนี้เยี่ยนถูได้แทรกซึมเข้ามาโดยไม่ปรากฏตัวอยู่ในที่สาธารณะ”
อาเดรียนมองอาซิ่วตรงๆ และกล่าว“ไม่มีความเคลื่อนไหวจากพวกเขาให้รายงานหรือ?”
“ถูกแล้วก่อนหน้านี้ไม่มีใครรู้ความเคลื่อนไหวจนกระทั่งถังเทียนปรากฏ” หลิวจงกวงขมวดคิ้ว “เป็นไปได้ไหมว่าเป้าหมายของพวกเขาก็คือถังเทียน? แต่ทั้งสองฝ่ายไม่มีความแค้นและความเกลียดชังต่อกันนะ”
“ไม่,เป้าหมายของพวกเขายังคงเป็นกลุ่มดาวอันโดรเมดา” อาเดรียนส่ายศีรษะ “พวกเขาคงต้องการควบคุมกลุ่มดาวอันโดรเมดาโดยไม่เปลืองเรี่ยวแรง จะควบคุมกลุ่มดาวให้ได้พวกเขาจำเป็นต้องควบคุมคนสองคนให้ได้ก่อน คนหนึ่งก็คือถังเทียน อีกคนหนึ่งก็คือแอนเดรียนา แอนเดรียนาเจรจาด้วยง่ายๆ แต่สำหรับถังเทียนนั้น ข้าบอกไม่ได้”
“ทำไมพวกเขาต้องการควบคุมกลุ่มดาวอันโดรเมดา?” อาซิ่วถาม
อาเดรียนยิ้มอ่อนโยน “ในอดีตข้าเดินทางท่องเที่ยวไปมาหลายกลุ่มดาวและเคยพักอยู่ที่กลุ่มดาวหมีใหญ่อยู่ครึ่งปีตอนนั้นคนในกลุ่มดาวมีความทะเยอทะยานยินดีเสียสละชีวิตเพื่อติดตามผู้นำของพวกเขา ปัจจุบันนี้กลุ่มดาวมีความรุ่งเรืองสูงสุดคงเป็นเรื่องยากที่พวกเขายังคงมุ่งมั่นแสวงหาความก้าวหน้าโดยไม่ขยายอาณาเขต ถ้าพวกเขาจะขยายอาณาเขต ก็มีเพียงทางเลือกเดียว”
อาซิ่วและหลิวจงกวงทั้งสองคนสูดหายใจลึกขณะที่พวกเขาเข้าใจสิ่งที่อาจารย์ของพวกเขาเพิ่งกล่าว
อาเดรียนกล่าว “นอกจากนี้การสังหารซึ่งเกิดจากสงครามขับเคี่ยวกันระหว่างกลุ่มดาวทำให้ข้าสงสัยทำไมจู่ๆ ถึงมีนักสู้หลั่งไหลเข้ามามาก? มันเป็นเรื่องบังเอิญเกินไป แต่มีความเป็นไปได้ว่าสมาพันธ์ชาวยุทธและกลุ่มดาวหมีใหญ่คงตกลงเป็นพันธมิตรร่วมกัน”
“อย่างนั้นเราจะทำยังไง?” หลิวจงกวงถามด้วยความตกใจ
“รอคอย!” อาเดรียนตอบ “เราได้แต่รอกำลังเสริม เราสามารถรอคอยโอกาส”
“อาจารย์ ท่านหมายความว่ายังไง?” อาซิ่วถาม
“นายพลหลูมีกลุ่มดาวอยู่ในการควบคุมและกำลังเสริมของเราอยู่ในระหว่างเดินทางมาสมทบ” อาเดรียนอธิบาย “งานของเราง่ายๆเราจำเป็นต้องทำให้เยี่ยนถูอยู่ต่อ”
“ทำให้เยี่ยนถูอยู่ต่อ” อาซิ่วและหลิวจงกวงตกใจ
“ถูกแล้ว” รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของอาเดรียน “พญาหมีเยี่ยนหย่งเลี่ยเป็นคนอารมณ์ร้อน ถ้าเยี่ยนถูตายในเมืองอันโดรเมดากษัตริย์จะออกคำสั่งโจมตีเมืองแน่นอน”
อาซิ่วกังวลเล็กน้อย “นั่นจะทำให้เขาได้เหตุผลดีๆในการเข้าโจมตีเมืองหรือเปล่า?”
หลิวจงกวงผ่อนลมหายใจด้วยความกังวลอยู่บ้าง ถ้ากลุ่มดาวหมีใหญ่พิชิตกลุ่มดาวอันโดรเมดาก็จะส่งผลตรงต่อกลุ่มดาวนายพราน
“ถูกแล้ว” อาเดรียนพยักหน้า “ถ้ากลุ่มดาวอันโดรเมดามีเพียงแอนเดรียนาและกองพลทหารราบอย่างนั้นความเคลื่อนไหวนี้เท่ากับฆ่าตัวตาย แต่ตอนนี้กลับมีเรื่องอื่นอีก”
“อาจารย์ ท่านหมายถึงถังเทียนเหรอ?” อาซิ่วถาม “อาจารย์, ท่านกำลังจะบอกว่าพวกเขาสามารถหยุดการรุกรานของกองทัพหมีใหญ่ได้หรือ?”
“อย่าดูถูกถังเทียน” อาเดรียนส่ายศีรษะ “ถ้าเยี่ยนหย่งเลี่ยเป็นหัวหน้าหมี อย่างนั้นถังเทียนและสหายก็เป็นฝูงหมาป่าหิวโหยที่สามารถกำจัดเขาได้ ถ้าเยี่ยนหย่งเลี่ยต้องการฆ่าถังเทียนและพวกของเขา ก็จะต้องประสบความสูญเสียบาดเจ็บล้มตายและถึงตอนนั้นก็จะเป็นโอกาสโจมตีของเรา
“เรามีนายพลหลูตี๋” อาเดรียนตะโกนและกำหมัดแน่น “หลังจากชัยชนะศึกนี้ กลุ่มดาวนายพรานจะกำจัดภัยคุกคามให้หมดรวดเดียว”