ตอนที่แล้วตอนที่ 412 ฝูงกระต่ายกับหยาหยา 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 414 นี่มันสถานที่บ้าอะไรกัน

ตอนที่ 413 เก่งมากทารกขุนพลวิญญาณ


นี่คือ...

ชิวอวี้ตาเบิกกว้าง  มองดูร่างน้อยๆ อย่างเหลือเชื่อเขาไม่สามารถเข้าใจได้ สิ่งมีชีวิตตัวเล็กขนาดนี้จะมีพลังน่าทึ่งได้อย่างไร

หยาหยาลืมตากว้าง  มันฝึกในที่ราบสูงทั้งวันและทั้งคืนจนกระทั่งมันคุ้นเคยกับจังหวะต่อให้หลับตาก็สามารถทำได้

ปึ้บปั้บ!

หมัดสีดำน้อยๆของมันระดมต่อยใส่ชิวอวี้เหมือนสายฝน

ชิวอวี้ถูกไล่ต่อยไล่ต้อนจนเหนื่อยอ่อนหลบหลีกการโจมตีของมัน หยาหยาดูเหมือนจะกลายเป็นปีศาจน้อยสำหรับเขา  เขาต้องอยู่ให้ห่างจากเจ้าปีศาจน้อยนี้นั่นคือความคิดที่มีอยู่ในใจของเขา

หยาหยายิ่งตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก  แต่เมื่อมันเห็นคู่ต่อสู้พยายามหลบหนีมันร้องขู่ทันที

ร่างๆหนึ่งวิ่งข้ามมาจากอีกด้านหนึ่ง มันคือแพะบรอนซ์

หยาหยาย่อตัวกระโดดขึ้นไปอยู่บนหัวของแพะภูเขาและจับเขาของมันแน่น

ตาของแพะเป็นประกายและมันรวบรวมกำลังไว้ที่ขาทั้งสี่และไล่กวดชิวอวี้ไปเหมือนลูกธนู  แม้ว่าแพะไม่ได้มีพลังรบที่ยอดเยี่ยม  แต่มันถนัดในเรื่องวิ่งอยู่แล้ว  โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากได้รับการปรับปรุงจากเซรีน ความสามารถในการวิ่งของมันก็ไม่ธรรมดา

ในช่วงเวลานี้มันวิ่งสุดฝีเท้าสุดกำลังของมันเหมือนกับดาวตก

หยาหยาลืมตากว้างขณะที่มันจับเขาแพะไว้แน่น  มันเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจจะฆ่า

ชิวอวี้ถอนหายใจโล่งอกได้ในที่สุดหลังจากที่เขาหนีมาได้ในระยะไกลมาก  ข้อมือขวาของเขาหักทำให้ความสามารถในการต่อสู้ลดลงไปจนแทบจะกลายเป็นคนพิการ วินาทีที่แล้วเขายังกังวลเกี่ยวกับจำนวนเงินชดเชยมหาศาลที่เขาต้องจ่ายตามสัญญา  แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจอะไรอื่นนอกจากออกไปจากสถานที่ประหลาดนี้ทันที

เหรียญดาวก็สำคัญแต่ไม่มีอะไรเทียบได้กับชีวิต

เขาเหลือบมองดูกำแพงสูงตระหง่านที่ปกคลุมไปด้วยแก๊สพิษหลากสีและลอบร่ำร้องในใจเมื่อตอนที่เขาอยู่ในสภาพที่แข็งแกร่งที่สุด เขาสามารถบินเหนือแก๊สพิษได้และหลบหนีไปอย่างง่ายดาย  แต่ตอนนี้ปราณแท้ของเขาถูกพิษเล่นงานลดน้อยลงไปมากกว่าครึ่ง

ความเจ็บปวดจากมือของเขาทำให้เขายากจะรวบรวมสมาธิได้ วิธีการโจมตีของเขาไม่จำเป็นที่เขาต้องอยู่ใกล้กับศัตรูซึ่งต่างจากนักสู้อื่นอีกหลายคน  แน่นอนเขาไม่ค่อยได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้  เขาจึงไม่คุ้นเคยกับความเจ็บปวด

ความเจ็บปวดจากมือของเขาที่ถูกโจมตีทำร้าย  บั่นทอนความคิดของเขาทีละนิดๆ

แย่จริงๆ

ทันใดนั้นมีเสียงเหมือนกระบี่ดังแหวกอากาศ  เขาหันไปมองทันทีและเห็นหยาหยาอยู่บนหัวแพะทำให้เขาตกใจ

เขาโมโหแทบบ้า

ตาของแพะเป็นประกายระยิบระยับน่ากลัวมันก้มหัวทันที ใช้เขาเล็งและวิ่งเข้าขวิดสุดกำลัง

หยาหยาแขวนอยู่บนเขาสายลมแรงทำให้มันเสียหลักและตัวแกว่งเล็กน้อย แต่มันไม่กลัวแม้แต่น้อย เนื่องจากมันคุ้นเคยกับความเร็วสูงอยู่แล้ว

นอกจากนี้นี่คือศึกแรกของตัวอ่อนขุนพลวิญญาณ

ทำไมหยาหยาจะต้องกลัวด้วยเล่า?

หยาหยากล้าหาญที่สุด

ฝ่ายตรงข้ามเข้าใกล้หยาหยาตอนนี้! มันฝืนลืมตาเป่าลมหายใจออกพร้อมกับป่องแก้มสีชมพูของมัน

“อ่าฮะ”

แขนที่เกาะอยู่บนเขาผลักออกไปเต็มแรงทันที  หยาหยาคิดว่าอากาศเหมือนกับหินชิ้นต่างๆที่ถูกยิงโดยหนังสติ๊ก

ชิวอวี้มองดูอย่างเดือดดาลขณะที่เขาได้ยินเสียงแหวกอาการดังมาจากด้านหลัง  เขาตกใจและเลิกสิ้นหวังหันธนูไปข้างหลังและยิงทันที

หยาหยาบินอยู่กลางอากาศเมื่อมันเห็นบางอย่างปรากฏทันที

มันปล่อยหมัดตามสัญชาตญาณอย่างไม่ลังเลใจ

ปุปุ ปุ

หมัดของมันเคลื่อนไหวรวดเร็วมาจนยากจะมองเห็นด้วยตาเปล่า  แสงรอบๆ ตัวมันหมองลงก่อเกิดเป็นพื้นที่สีดำว่างเปล่า

ปังปัง ปัง!

ร่างของชิวอวี้สั่นอย่างรุนแรง  พลังงานประหลาดจากธนูถูกส่งเข้าไปในร่างเขาเป็นคลื่นที่รุนแรงโจมตีใส่เขาจนทำให้เขาแทบหอบหายใจ

ปัง!

คันธนูที่สร้างขึ้นมาเป็นพิเศษซึ่งมีคุณภาพเป็นพิเศษแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเหมือนกระจกแตก

มือข้างที่ชิวอวี้ใช้จับคันธนูได้รับบาดเจ็บจากแรงระเบิดกระดูกแตกหัก

แต่กระดูกหักไม่ได้ทำให้ตาย  แต่กลับเป็นพิษที่เข้าไปในร่างกายเขาหมัดของหยาหยาทำลายสมดุลในร่างกายเขา เขาไม่สามารถใช้ปราณแท้ต้านพิษได้อีกต่อไปและพิษได้ไหลเข้าไปในกระแสโลหิตของเขา

ปราณแท้ที่เขาควบคุมไม่ได้ในเส้นชีพจรเริ่มปั่นป่วนชิวอวี้กระอักโลหิตออกมาและบินไปอย่างควบคุมตัวไม่ได้

ตุ้บ!

เมื่อชิวอวี้กระแทกกับพื้นหน้าของเขากลายเป็นสีดำสนิท

อสูรดวงดาวที่ดูแปลกประหลาดสามตัวคลานออกมามันคือตรีบุปผาของเฒ่าผอมนั่นเองในที่สุดพวกมันก็ออกมาปิดงานได้สำเร็จหลังจากเกิดความวุ่นวาย

หยาหยาโกรธและโวยวายใส่เจ้าตรีบุปผา

อสูรตรีบุปผาผงะถอยหลังและมีท่าทางกลัว

หยาหยาวิ่งวุ่นไปทั่วทุกมุมค่ายและไม่มีอสูรดวงดาวตัวใดที่ไม่ถูกมันกลั่นแกล้งรังแก  แม้ว่าอสูรดวงดาวทั้งสามจะแข็งแกร่ง แต่พวกมันทุกตัวเคยประสบกับแผนการร้ายของหยาหยามาแล้วความทรงจำที่เจ็บปวดเหล่านั้นยังคงตามหลอกหลอนพวกมันอยู่เดี๋ยวนี้แม้ว่าพวกมันจะแข็งแกร่งกว่าเดิมมากก็ตาม  พวกมันหลบอยู่ข้างๆอย่างเชื่องเชื่อโดยไม่ก้าวออกมาข้างหน้าสักนิ้วเดียว

หยาหยาบิดจมูกตัวเองเชิดหน้ากางแขนออกไปด้านหลัง มันทำตัวเหมือนกับผู้ใหญ่ที่เดินเข้าหาชิวอวี้และอสูรดวงดาวตรีบุปผา

ชิวอวี้หมิ่นเหม่ใกล้ตายเต็มทีพิษที่เข้าไปในร่างของเขาทำลายปราณแท้ของเขาเขาไม่ต่างจากคนธรรมดาและสติของเขาค่อยๆ เลือนลาง

หยาหยาพยายามคงสีหน้าให้สง่างามและสงบ แต่ความสุขฉายอยู่บนใบหน้าของมันและรอยยิ้มของมันไม่อาจลบออกไปได้

นั่นคือศึกแรกของตัวอ่อนขุนพลวิญญาณ!

ตัวอ่อนขุนพลวิญญาณสู้ได้อย่างแข็งแกร่งน่าประทับใจ!

หยาหยาตื่นเต้นยิ่งขึ้นขณะที่มันคิดเรื่องนี้  มันไม่เก็บกดสีหน้าของมันอีกต่อไป  มันอุทานแบบเด็กๆ และโดดขึ้นต่อยหมัดใส่อากาศ

“ฮ่าห์...”

*******

นักสู้ศีรษะโล้นหลั่งเหงื่อทั่วตัว เขายังไม่สามารถจับการเคลื่อนไหวของศัตรูได้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นนักสู้จักรกลที่ทรงพลังแข็งแกร่งและยังเป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับอาวุธจักรกลวิญญาณที่มีความเร็วเหลือเชื่อแบบนั้น

วิชาตัวเบาของเขาอยู่ในระดับทั่วไปเพราะเขาใช้พลังจากร่างกายเป็นส่วนใหญ่

แต่คู่ต่อสู้รวดเร็วเกินไป

มีนักสู้สายจักรกลที่แข็งแกร่งขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อใด?  ทำไมเขาไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน?

เหงื่อของเขาเริ่มออกมากขึ้นทุกที  การโจมตีทุกครั้งฝ่ายตรงข้ามจะตีเข้าที่จุดที่อึดอัดที่สุด ร้ายแรงที่สุดคู่ต่อสู้เหมือนกับหมาป่าเจ้าเล่ห์ที่ดูเหมือนจะเดินวนได้แบบสบายๆสภาพจิตใจของเขาเริ่มตึงเครียดกดดันจนเริ่มหายใจหอบ

ในฐานใต้ดินตวนมู่สั่นอีกครั้ง  “คนหัวโล้นกำลังจะแพ้”

“ทำไมเหรอ?” เซรีนถามอย่างสงสัย

“เขาหมดแรง” ตวนมู่อธิบาย

“แต่เขาก็สู้ไม่มาก” เซรีนสับสน

ตวนมู่ต้องอธิบายรายละเอียด  “ภายใต้สภาพที่มีความเครียดสูงพลังภายนอกและภายในจะสิ้นเปลืองมากกว่าปกติหลายเท่า  นอกจากนี้ เขาไม่ได้ตระหนักว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นอันตรายร้ายแรงมาก”

“โอว..งั้นนี่ก็คือเหตุผลนั่นเอง”  ในที่สุดเซรีนก็เข้าใจสถานการณ์ชัดเจน  แต่ผิดหวังเล็กน้อย “ข้าคิดว่าจะมีเรื่องน่าตื่นเต้นเกิดขึ้นเสียอีก”

อย่างนั้นนางก็เป็นตัวโง่งมในเรื่องการต่อสู้

ตวนมู่โต้แย้ง  “มันน่าตื่นเต้นมาก!  ยอดฝีมืออาวุธจักรกลของท่านน่าประทับใจจริงๆนั่นคือจังหวะ จังหวะของเขาแทบจะสมบูรณ์พร้อม ข้าไม่เคยเห็นนักสู้ระดับทองผู้มีกลยุทธที่ยิ่งใหญ่เปี่ยมไปด้วยจังหวะอย่างนั้นมาก่อน

“จังหวะอะไรกัน?”  เซรีนมองดูเหมือนสูญเสีย

ตวนมู่รู้สึกเหมือนว่าเขาเป็นกำแพงที่กำลังถูกกระต่ายโดดนับล้านตัวเหยียบย่ำ  ทำไมพวกบ้าต่อสู้ในสถานที่นี้ถึงได้แข็งแกร่งทรงพลังนัก แล้วเจ้ายังจะถามถึงเนื้อหาเคล็ดการต่อสู้อีกหรือนี่

ไม่ว่าจะเป็นถังเทียนหรือนักสู้จักรกลผู้ลึกลับหรือแม้แต่ตัวอ่อนขุนพลวิญญาณทั้งหมดนี้น่าประทับใจทั้งนั้น แต่สตรีที่อยู่ต่อหน้าเขาคลับคล้ายว่าสถานะสูงส่งแต่ดูเหมือนจะโง่!

“ทำไมเจ้าถึงได้มีสีหน้าแบบนั้น?  ข้าถามอะไรผิดเหรอ?”  เซรีนยิ้มกว้าง

ตวนมู่สั่นโธ่.. เขามุ่งมั่นเกินไป จนเกือบลืมไปว่าสตรีนางนี้ร้ายกาจแค่ไหน..

เขารีบเชิดหน้าทันที  “ข้ากำลังคิดว่าจะอธิบายอย่างไรดี ฮืม.. จังหวะก็เป็นเหมือน..ตัวอย่างเช่น เจ้าเห็นวิธีที่นักสู้จักรกลเคลื่อนไหวไหม ดูเหมือนเข้าใกล้และฉับพลันก็ห่างออกไปในวินาทีต่อมา  แต่ถ้าเจ้าศึกษาดูดีๆ เจ้าจะสังเกตได้ว่าเขารักษาระยะห่างไว้ได้อย่างสบายและสามารถเข้าโจมตีได้ทุกเมื่อ นอกจากนี้การโจมตีของเขายังกระจายตัวดูเหมือนไม่มีเป้าหมาย แต่การโจมตีทั้งหมดเข้าจุดร้ายแรง ยิ่งกว่านั้นเขามักโจมตีก่อนที่คนหัวโล้นจะลงมือให้คู่ต่อสู้พ่ายแพ้ เขากำลังควบคุมจังหวะของคู่ต่อสู้และกดดันคู่ต่อสู้ของเขาให้ต้องถอยกลับออกไป”

“ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้ว” เซรีนพยักหน้ารัว

“เขาแข็งแกร่งทรงพลังจริงๆ”  ตาของตวนมู่เป็นประกาย  “ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่านักสู้จักรกลที่ทรงพลังขนาดนั้นยังคงมีอยู่จริงๆ  ถ้าไม่ได้เห็นกับตาตัวเองตำนานกล่าวไว้ว่ามีแต่ยอดฝีมือจากกองทัพดาวกางเขนใต้เท่านั้นจึงจะยิ่งใหญ่ขนาดนั้นได้”

“ยอดฝีมือของกองทัพกางเขนใต้?”  เซรีนยิ้มหวาน

ตวนมู่รู้สึกสับสนและพยักหน้า  “ถูกแล้ว ยุคนั้นจักรกลรุ่งเรืองถึงขีดสุดนักสู้สายจักรกลที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์จะมีความน่าประทับใจมากกว่าปัจจุบันนี้มาก”

ในร่างของพยัคฆ์ฟ้าปิงยังคงรักษาสีหน้าต่อไป

พยัคฆ์ฟ้ารุ่นใหม่น่าทึ่งมาก เขาสามารถควบคุมได้ง่ายและจิตวิญญาณยุทธก็ฉลาด อาวุธจักรกลวิญญาณจะเข้าใจกลยุทธการเคลื่อนไหวของเขาทันทีที่เขาคิดจะเคลื่อนไหว

บางครั้งเขาคิดถึงพยัคฆ์ฟ้ารุ่นเก่า  แต่เขารู้ว่านั่นเป็นอดีตไปแล้ว

มันจะถูกสลักลึกอยู่ในความทรงจำของเขา

แต่เขาไม่สามารถลืมมันได้...

เช่นเดียวกับสัญชาตญาณวิธีการต่อสู้ซึ่งกลายเป็นส่วนหนึ่งของเขา  แม้ว่าเขาจะใช้อาวุธจักรกลวิญญาณในตอนนี้  แต่เมื่อเขาสู้เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นรูปแบบของกองทัพกางเขนใต้ หยุดฉับพลันพุ่งฉับพลันเหมือนการเคลื่อนไหวของผึ้ง...

เขาไม่มีอารมณ์

คนเราจะมีชีวิตจมอยู่กับความเศร้าตลอดไปได้อย่างไร?  แม้ว่าจะเป็นอดีต, แม้ว่ามันจะไม่มีทางหวนกลับมาแม้ว่าจะเป็นความทรงจำที่แจ่มชัดจนรู้สึกเหมือนจริง แม้ว่าจะไม่มีวันลืมได้

แต่เขาก็ยังต้องมีชีวิตต่อไป

เขาไม่มีเวลาจะจมอยู่กับอารมณ์เหล่านั้น

เนื่องจากยังมีงานอีกมากและฝันอีกมากรออยู่  มีเกียรติยศศักดิ์ศรีอีกมากที่เขายังต้องปกป้อง

เพราะชายหนุ่มคนหนึ่งผู้เคยอ่อนแอและไร้ประโยชน์  แต่ปัจจุบันนี้มีหัวใจแข็งแกร่งดุจหิน

เพราะ...เพราะข้าจำเป็นต้องทำทุกอย่างให้สำเร็จก่อนที่ข้าจะสลายหายไป

ปิงยังคงรักษาสีหน้าเคร่งจับตามองหาจุดอ่อนของนักสู้ศีรษะโล้นต่อไป พยัคฆ์ฟ้าพุ่งเป็นแนวโค้งอย่างงดงามในอากาศ

ลุยกันเถอะกองทัพดาวกางเขนใต้!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด