ตอนที่ 412 ฝูงกระต่ายกับหยาหยา
“โอวพระเจ้า, นี่ข้าดูอะไรอยู่กันแน่?”
“มันคือพลังสายเลือดมนุษย์หมาป่าฟ้า! ต้องเป็นพลังของสายเลือดแน่ๆ”
“ทำไมมันไม่ถูกบันทึกไว้ในตำรา?”
“มันคล้ายกับเงามนุษย์หมาป่า!”
……
ห้องค้นคว้าพลังสายเลือดอยู่ไม่ห่างจากห้องค้นคว้าวิจัยจักรกลพวกนักค้นคว้าวิจัยทุกคนหน้าแดง พวกเขาทุกคนตื่นเต้นกันมากและห้องวิจัยตกอยู่ในความยุ่งเหยิง
ผู้เฒ่าเฟ่ยวิ่งเข้ามาและเริ่มขมวดคิ้วจากนั้นเขากระโดดขึ้นไปยืนบนโต๊ะแล้วว้ากลั่น
“ทุกคน...เงียบเลยนะ!”
ระดับเสียงจอแจลดลงอย่างมาก ขณะที่พวกเขาทุกคนมองดูผู้เฒ่าเฟ่ยด้วยสีหน้างุนงง
ผู้เฒ่าเฟ่ยไม่ได้รำคาญคนที่เหลือเขารีบอธิบายทันที “เฮ้, พวกเจ้าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคุยกันเรื่องพวกนี้! ยัยผู้หญิงแผนกเหล็กพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถ เจ้านายก็ยังอยู่ในพื้นที่ นี่คือโอกาสที่ดีที่สุดของเราที่จะแสดงผลงานของเราใช่ไหม? รีบแสดงฝีมือของพวกเจ้าทุกคนออกมาเดี๋ยวนี้ พวกเจ้ายังจะรออะไรอยู่อีก?”
ทุกคนตกตะลึงและหลังจากนั้นชั่วขณะ ตาของพวกเขาก็เริ่มเป็นประกายแจ่มใสทันที
ผู้เฒ่าเฟ่ยยังคงปลุกระดมพวกเขาต่อไป “เงินทุนสนับสนุน! พวกเราต้องการทุนสนับสนุนเพิ่มขึ้น! ไม่ว่าโครงการใดก็ตามที่ยังไม่จำเป็นต้องใช้เงินเพิ่มขึ้นให้พักไว้เท่านี้ก่อน ให้โอกาสคนอื่นทำไปก่อน”
ให้โอกาสคนอื่นเหรอ? เจ้าต้องล้อเล่นแน่! ผู้สูงอายุทั้งชายและหญิงมีอารมณ์ที่แปลกประหลาดต่างถลึงตาใส่กันอย่างไม่พอใจ
“เฒ่าเฟ่ย ตอนนี้เสี่ยวเฮ่อเป็นเหรัญญิกไม่ใช่เหรอ?”มีบางคนถาม
“ถูกแล้ว เขาเป็นเหรัญญิก” ผู้เฒ่าเฟ่ยพยักหน้า “แต่ใครเป็นเจ้านายเล่า? เจ้านายของเรา! เราเพียงแต่ทำตัวให้ดี สร้างความประทับใจดีๆให้กับเจ้านายของเรา เสี่ยวเฮ่อที่เป็นผู้จัดการทั่วไปยังจะมองข้ามเรื่องนี้ได้หรือ? ที่สำคัญก็คือ เขาทำงานให้เจ้านาย แม้ว่าเขาจะเป็นคนเรียบร้อยก็ตาม...”
“มีเหตุผล!”
“ใช่แล้ว! เราต้องใช้วิธีนี้!”
“ผู้จัดการเสี่ยวเฮ่อเป็นคนดีอย่างแน่นอน....”
ผู้เฒ่าเฟ่ยได้ยินพวกเขาบ่นพึมพำขณะที่เขายืนอยู่บนโต๊ะ เขาปรบมือดังๆเพื่อเตือนให้พวกเขากลับเข้าสู่หัวข้อประชุม เขาตะโกน “พวกเจ้า! เตรียมอาวุธของตัวเองให้พร้อม! วันนี้จะเป็นวันกำหนดอนาคตของเรา ว่าจะมั่งคั่งหรือหมดตัว”
ทุกคนรับคำเสียงดังลั่นและวิ่งออกไปทันที
หวังซวนเพิ่งมาถึงและกล่าวอย่างใจเย็น“พวกเจ้ากังวลว่าเจ้านายจะไม่ชนะหรือ?”
ผู้เฒ่าเฟ่ยส่ายศีรษะ “เราเชื่อมั่นเจ้านาย”
“อย่างนั้นทำไมเจ้าถึงต้องกระตุ้นพวกเขา?” หวังซวนสับสน
ผู้เฒ่าเฟ่ยเชิดหน้ามองดูเขา “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ แต่ข้าคิดว่าสถานที่นี้ก็คือบ้านเจ้าจำเป็นต้องบอกพวกเขาไหมว่าต้องปกป้องบ้านพวกเขาเอาไว้?”
“บ้าน?” หวังซวนประหลาดใจ
“ข้าไม่เคยอยู่กับองค์การมหาอำนาจใหญ่ที่ไหน ไม่สนใจรู้เรื่องความรุ่งเรืองไม่สนใจเรื่องภารกิจ ข้าแก่แล้ว ข้าไม่ต้องการมีชื่อเสียงหรือเป็นที่รู้จักอยู่ที่นี่ข้ามีอิสระ ได้รับความนับถือและข้าก็อยู่อย่างมีความสุขทุกวัน ข้าชอบที่นี่และไม่เคยคิดจะจากไป บางทีอาจมีที่ๆ ดีกว่าที่นี่แต่ข้าพอใจกับสิ่งที่มีอยู่ ที่นี่เหมือนกับเป็นบ้านสำหรับข้า”
“แม้ว่าเจ้านายจะแข็งแกร่งทรงพลังก็ตาม” ผู้เฒ่าเฟ่ยจ้องมองดูหวังซวนเขม็ง “แต่ถ้าเจ้าต้องอาศัยฝีมือคนอื่นให้คอยปกป้องบ้านของเจ้าอยู่เสมอและเจ้าเอาแต่หลบมุมพร่ำบอกตัวเองว่าไม่มีประโยชน์ที่จะต่อสู้ ขณะที่มองดูคนอื่นต่อสู้เพื่อปกป้องบ้านของเจ้าเอง คนแบบนั้นนั่นแหละขี้ขลาดมากไม่มีความกล้าที่จะมีชีวิตอยู่”
หวังซวนยังคงเงียบ
ผู้เฒ่าเฟ่ยยิ้มและเดินออกมา เขายังคงเตรียมตัวไว้ด้วยเช่นกัน
“เราจะโจมตีใคร?”
“มือธนู! เขาอยู่บนกำแพงค่ายซึ่งทำให้เขาเป็นเป้าหมายง่าย”
“ก็ได้! ข้าจะปล่อยตรีบุปผา!”
“เจ้ามีชื่อที่สง่างามขนาดนั้นเชียวหรือนี่?
“เจ้าไม่เคยได้ยินเรื่องตรีบุปผารองรับมงกุฎหรือ?
“เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว! พิษ พิษ พิษ ใครมีพิษบ้าง?
“ข้ามี ข้ามี ข้ามี...”
ผู้เฒ่าเฟ่ยประหลาดใจเนื่องจากคุณภาพที่ได้มามากเกินกว่าที่เขาคาดคิดไว้ เขาไม่ต้องการคิดอะไรให้มากเกินไป “จะส่งจักรกลลงไป”
“เขาจะหลบได้” ใครบางคนตะโกน
หวังซวนขัดจังหวะ “เราจะคลุมกำแพงทั้งหมด”
ผู้เฟ่ยมองดูเขา
หวังซวนพูดต่อ “เราจะใช้กระต่ายโดด”
“กระต่ายโดด?” ทุกคนตะลึง กระต่ายโดดเป็นหนึ่งในอสูรดวงดาวที่ผู้เชี่ยวชาญพลังสายเลือดใช้ในงานทดลองบ่อยที่สุด พวกมันเป็นเพียงอสูรระดับสองที่หามาได้ง่ายกระต่ายโดดจะกระโดดได้ดี มันจะกระโดดได้สูงเมื่อมีพลังสายเลือด แน่นอนหลายคนเลี้ยงมันไว้เพื่องานทดลอง
“พวกเรามีกระต่ายโดดอยู่กี่ตัว?” หวังซวนถาม
“ข้ามี 300” “200” “ข้ามีห้าร้อยกว่าตัว”
“สองพันตัว” คุณนายฮวงมู่กล่าว
คำตอบของคุณนายฮวงมู่เน้นตัวตนของนางและดึงความสนใจของทุกคน
คุณนายฮวงมู่พูดอย่างใจเย็น “มันควรจะเก็บเอาไว้ใช้กับการทดลองขนาดใหญ่”
หวังซวนตอบทันที “ผูกลูกโป่งพิษให้กับกระต่ายโดดและปะปนไว้กับกระต่ายโดดที่เหลือ มีประตูอยู่ที่กำแพงอยู่สองบาน เราจะปล่อยกระต่ายโดดพร้อมกันที่ประตูทั้งสอง
“เจ้าน่ะ เจ้าเล่ห์ไม่เบานะ!” ผู้เฒ่าผอมคนหนึ่งพูด และเขาหัวเราะทันที “แต่ข้าชอบ”
“นี่แหละถึงเรียกว่าแผน!”
“ข้าจะช่วยผูกลูกโป่งพิษให้”
“ข้าด้วย”
หวังซวนได้รับคำชมอยู่ทั่วไป เขาบอกชายชราผอม “พิษทั้งหมดนี้ยังไม่พอฆ่าเขามีแต่พิษของนักสู้ระดับทองจึงจะฆ่านักสู้ระดับทองได้ แต่มันจะส่งผลต่อเขาและเขาอาจจะร่วงตกกำแพง และถูกตรีบุปผาทำร้ายได้ บนฐานที่กำแพงเมื่อเขาตกลงไป เจ้าก็สามารถโจมตีได้ทันทีและตรีบุปผาของเจ้าในตอนนี้จึงจะสามารถรับมงกุฏได้จริงๆ”
“จุ๊ จุ๊, เจ้าผู้นี้ ข้าคิดว่าเจ้าใจดำแน่นอน” บุรุษร่างผอมกวาดตาดูหวังซวนตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าจากนั้นออกไปเตรียมการลอบทำร้าย
ทุกคนยุ่งกับการเตรียมตัวและพวกเขาก็ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง
“ปล่อยกระต่าย!” ผู้เฒ่าเฟ่ยตะโกน
ชิวอวี้ยืนอยู่บนกำแพง เขารู้สึกประหลาดใจในสิ่งที่ถังเทียนทำได้และยังไม่ตั้งใจเคลื่อนไหว คงเป็นเรื่องน่ากลัวแน่ถ้ามือธนูถูกโจมตี
มันทำให้เขารู้สึกปลอดภัยขณะที่เขายืนอยู่บนกำแพง กำแพงค่ายบรอนซ์สูงมากราว 50เมตรเป็นรูปสี่เหลี่ยม คนห้าคนสามารถเดินเคียงไหล่ไปบนกำแพงได้อย่างง่ายดายด้วยทักษะเหินที่ยอดเยี่ยม เขาสามารถหนีออกมาได้ทันทีเมื่อรู้สึกถึงอันตราย
ทันใดนั้นเขาได้ยินเสียงตะโกนของชายชรา
“ปล่อยกระต่าย!”
อะไรกันนั่น?
ชิวอวี้สับสน เขาตกตะลึงมองดูตำแหน่งที่มีเสียงตะโกนมีกระต่ายนับพันวิ่งมาทางด้านเขาราวกับระลอกคลื่น
เกิดอะไรขึ้น...
ทันใดนั้นเขาได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งมาจากด้านหลัง เขาหันไปมองทันทีและรู้สึกตกใจ
มีฝูงกระต่ายอยู่ด้านหลังเขาเช่นกัน
เขารีบขึ้นธนูและยิงออกไปอย่างบ้าคลั่ง แต่ธนูสีแดงหายเข้าไปฝูงทะเลกระต่ายเหมือนกับน้ำฝนทักษะธนูซึ่งเขาเชี่ยวชาญก็คือธนูสายธารพลังของมันน่ากลัวเหมือนกับสุดยอดวิทยายุทธโดดเด่น เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางถึงพลังทะลุทะลวงสามารถทำลายได้ทุกอย่างแต่มันไม่สามารถสร้างแรงระเบิดขนาดใหญ่ได้
ถ้าเป็นช่วงเวลาปกติก็จะไม่มีจุดอ่อน แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันนี้กลับกลายเป็นข้อเสียเปรียบใหญ่
ธนูแสงที่ยิงออกมาจากมือของเขาโปรยลงมาเหมือนสายฝน
แต่มีกระต่ายมากเกินไปและพวกมันเข้ามาใกล้ทุกวินาทีแม้ว่าธนูของเขาจะทรงพลังก็ตาม เขาไม่มีทางเลือก ได้แต่เหินขึ้นฟ้าเพื่อหลบคลื่นกระต่ายนี้ เขามองเห็นกระต่ายเป็นจำนวนมากและเริ่มสงสัยว่าพวกมันถูกใช้มาทำอะไร?
ทันใดนั้นเขารู้สึกแน่นหน้าอกและมีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
พิษ!
ในไม่ช้าเขาก็ตระหนักได้ว่ากระต่ายนั้นใช้ทำอะไรหมอกพิษกระจายไปทั้งกำแพงเมือง ดูเหมือนจะมีความน่ากลัวเป็นพิเศษ
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
กระต่ายเอาพิษมามากขนาดไหนกัน...
เขาเคยได้ยินวิธีใช้พิษของผู้คนที่หลากหลายแต่ไม่เคยรู้ว่ามีวิธีแบบนี้ด้วย
บัดซบ
นี่มันสถานที่บ้าบออะไรกัน
ชิวอวี้เสียใจที่รับงานมาทำ ใครคนหนึ่งซึ่งบอกเขาว่าเป็นเมืองเล็กๆที่ไม่มีนักสู้ระดับทอง? เขาต้องการออกไปจากนั้นเขาคิดว่า ค่าเสียหายจำนวนมหาศาลที่จะต้องจ่ายเพราะละเมิดสัญญา มากมายนักเขากัดฟันกลับเข้าไปในเมือง
โชคดีที่หมอกพิษที่เขาสูดดมไม่ใช่พิษของนักสู้ระดับทอง ปราณแท้ของเขาโคจรอย่างดีที่สุดเพื่อรักษาพิษในตัวเขา
พลังที่แข็งแกร่งของนักสู้ระดับทองสะท้อนพิษออกไปได้อย่างชัดเจนเมื่อลงมายืนได้เขาระบายลมหายใจคลายความอึดอัดที่หน้าอก
เขาสามารถสลายพิษในร่างกายได้ภายในสองนาที
ชายชราร่างผอมตบหน้าในที่ลับแห่งหนึ่งหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “โธ่เอ๊ย! ซุ่มโจมตีตรงตำแหน่งนี้ไม่เหมาะเลย!”
“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เชื่อถือ!”
“ตั้งแต่เมื่อไหรกัน?”
……
กลุ่มของชายชราและสตรีสูงอายุชี้ไปที่ผู้เฒ่าผอมและตำหนิ ผู้เฒ่าผอมหน้าแดง เขาไม่สามารถทนมองชิวอวี้หนีพ้นจากพิษ ทันใดนั้นเขามีความคิดบางอย่าง จึงชี้ไปที่ตำแหน่งชิวอวี้และตะโกน “นั้นอะไร?”
ทุกคนหันไปมองด้วยสีหน้าตกใจ
มีเงาดำเล็กๆวิ่งเข้าใส่ชิวอวี้
หยาหยาลอบย่องออกมา มันกลัวว่าถังเทียนจะจับได้ ดังนั้นมันเล็งชิวอวี้ที่อยู่บนกำแพงไว้มันจะพัวพันชิวอวี้ซึ่งอยู่ห่างออกไป แต่เขาพุ่งเข้ามาใกล้อย่างคาดไม่ถึง
หยาหยารู้สึกตื่นเต้นทันที
ศึกแรกที่มีความหมายของตัวอ่อนขุนพลวิญญาณ
และเป็นโอกาสเปิดความสามารถตนเอง
หยาหยาร้องลั่นขณะเข้าโจมตีใส่ชิวอวี้แม้ก่อนที่เขาจะลงยืนอยู่กับพื้น
ชิวอวี้รู้สึกถึงบางอย่างขนาดเล็กกำลังเข้ามาใกล้ เขาคิดว่าเป็นกระต่ายร่วงลงมาจากกำแพง ดังนั้นจึงสะบัดมือไปเพื่อกำจัดมัน
เมื่อมือของเขาอยู่ห่างจากเป้าหมายหนึ่งนิ้ว เขารู้สึกว่าไม่ชอบมาพากล
หยาหยากระโดดเต็มแรงและมันหายใจลึกขณะที่มันอยู่ในอากาศมันป่องแก้มของมันเหมือนลูกโป่ง จากนั้นเบิ่งตากว้างขณะกำหมัดแน่น
แสงรอบๆหมัดหายไปเหมือนกับว่าราวกับว่าถูกหมัดกลืนลงไปหมด ดูเหมือนว่ารอบๆหมัดของมันจะมีแต่ความมืด
หยาหยาใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนนับไม่ถ้วนตามลำพังบนที่ราบสูงต้องทนเหงาหงอยคนเดียวและหม่นหมอง แต่ก็ประสบความสำเร็จกับการฝึกฝนหมัดเหล็กกลืนแสงอย่างหนัก แรงกระตุ้นจากก้นบึ้งวิญญาณ ตัวอ่อนขุนพลวิญญาณได้พัฒนาทักษะในสนามรบโบราณ มันมั่นใจในการต่อสู้ เนื่องจากสนามรบคือที่กำเนิดของมัน
สีหน้าของหยาหยาเปลี่ยนไปทันที
หมัดเหล็กกลืนแสง!
ชิวอวี้ต้องการหลบแต่หมัดของหยาหยาเร็วกว่าที่เขาคาดไว้มาก ดังนั้นเขาจึงต้องทนโจมตีด้วยปราณแท้ของเขา
กร๊อบ!
ความเจ็บปวดแล่นไปตามข้อมือของชิวอวี้ ข้อมือของเขาหัก...
เขาพยายามมองดูเงาที่อยู่ต่อหน้าเขาชัดๆ
มีร่างเล็กๆพุ่งเข้ามาใกล้ในอากาศ แต่หน้าของมันเข้มข้นชัดเจน เหมือนกับนักรบผู้ในยุคโบราณและพุ่งเข้ามาอย่างไม่มีความกลัว
ฮ้า...ข้าคือขุนพลวิญญาณน้อย!