ตอนที่แล้วตอนที่ 411 พลังของสายเลือด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 413 เก่งมากทารกขุนพลวิญญาณ

ตอนที่ 412 ฝูงกระต่ายกับหยาหยา 


“โอวพระเจ้า, นี่ข้าดูอะไรอยู่กันแน่?”

“มันคือพลังสายเลือดมนุษย์หมาป่าฟ้า!  ต้องเป็นพลังของสายเลือดแน่ๆ”

“ทำไมมันไม่ถูกบันทึกไว้ในตำรา?”

“มันคล้ายกับเงามนุษย์หมาป่า!”

……

ห้องค้นคว้าพลังสายเลือดอยู่ไม่ห่างจากห้องค้นคว้าวิจัยจักรกลพวกนักค้นคว้าวิจัยทุกคนหน้าแดง พวกเขาทุกคนตื่นเต้นกันมากและห้องวิจัยตกอยู่ในความยุ่งเหยิง

ผู้เฒ่าเฟ่ยวิ่งเข้ามาและเริ่มขมวดคิ้วจากนั้นเขากระโดดขึ้นไปยืนบนโต๊ะแล้วว้ากลั่น

“ทุกคน...เงียบเลยนะ!”

ระดับเสียงจอแจลดลงอย่างมาก  ขณะที่พวกเขาทุกคนมองดูผู้เฒ่าเฟ่ยด้วยสีหน้างุนงง

ผู้เฒ่าเฟ่ยไม่ได้รำคาญคนที่เหลือเขารีบอธิบายทันที  “เฮ้, พวกเจ้าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคุยกันเรื่องพวกนี้!  ยัยผู้หญิงแผนกเหล็กพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถ  เจ้านายก็ยังอยู่ในพื้นที่  นี่คือโอกาสที่ดีที่สุดของเราที่จะแสดงผลงานของเราใช่ไหม?  รีบแสดงฝีมือของพวกเจ้าทุกคนออกมาเดี๋ยวนี้  พวกเจ้ายังจะรออะไรอยู่อีก?”

ทุกคนตกตะลึงและหลังจากนั้นชั่วขณะ ตาของพวกเขาก็เริ่มเป็นประกายแจ่มใสทันที

ผู้เฒ่าเฟ่ยยังคงปลุกระดมพวกเขาต่อไป  “เงินทุนสนับสนุน!  พวกเราต้องการทุนสนับสนุนเพิ่มขึ้น! ไม่ว่าโครงการใดก็ตามที่ยังไม่จำเป็นต้องใช้เงินเพิ่มขึ้นให้พักไว้เท่านี้ก่อน  ให้โอกาสคนอื่นทำไปก่อน”

ให้โอกาสคนอื่นเหรอ?  เจ้าต้องล้อเล่นแน่! ผู้สูงอายุทั้งชายและหญิงมีอารมณ์ที่แปลกประหลาดต่างถลึงตาใส่กันอย่างไม่พอใจ

“เฒ่าเฟ่ย ตอนนี้เสี่ยวเฮ่อเป็นเหรัญญิกไม่ใช่เหรอ?”มีบางคนถาม

“ถูกแล้ว เขาเป็นเหรัญญิก”  ผู้เฒ่าเฟ่ยพยักหน้า  “แต่ใครเป็นเจ้านายเล่า?  เจ้านายของเรา!  เราเพียงแต่ทำตัวให้ดี สร้างความประทับใจดีๆให้กับเจ้านายของเรา เสี่ยวเฮ่อที่เป็นผู้จัดการทั่วไปยังจะมองข้ามเรื่องนี้ได้หรือ?  ที่สำคัญก็คือ เขาทำงานให้เจ้านาย  แม้ว่าเขาจะเป็นคนเรียบร้อยก็ตาม...”

“มีเหตุผล!”

“ใช่แล้ว!  เราต้องใช้วิธีนี้!”

“ผู้จัดการเสี่ยวเฮ่อเป็นคนดีอย่างแน่นอน....”

ผู้เฒ่าเฟ่ยได้ยินพวกเขาบ่นพึมพำขณะที่เขายืนอยู่บนโต๊ะ  เขาปรบมือดังๆเพื่อเตือนให้พวกเขากลับเข้าสู่หัวข้อประชุม เขาตะโกน “พวกเจ้า!  เตรียมอาวุธของตัวเองให้พร้อม! วันนี้จะเป็นวันกำหนดอนาคตของเรา ว่าจะมั่งคั่งหรือหมดตัว”

ทุกคนรับคำเสียงดังลั่นและวิ่งออกไปทันที

หวังซวนเพิ่งมาถึงและกล่าวอย่างใจเย็น“พวกเจ้ากังวลว่าเจ้านายจะไม่ชนะหรือ?”

ผู้เฒ่าเฟ่ยส่ายศีรษะ  “เราเชื่อมั่นเจ้านาย”

“อย่างนั้นทำไมเจ้าถึงต้องกระตุ้นพวกเขา?”  หวังซวนสับสน

ผู้เฒ่าเฟ่ยเชิดหน้ามองดูเขา  “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่  แต่ข้าคิดว่าสถานที่นี้ก็คือบ้านเจ้าจำเป็นต้องบอกพวกเขาไหมว่าต้องปกป้องบ้านพวกเขาเอาไว้?”

“บ้าน?” หวังซวนประหลาดใจ

“ข้าไม่เคยอยู่กับองค์การมหาอำนาจใหญ่ที่ไหน  ไม่สนใจรู้เรื่องความรุ่งเรืองไม่สนใจเรื่องภารกิจ ข้าแก่แล้ว ข้าไม่ต้องการมีชื่อเสียงหรือเป็นที่รู้จักอยู่ที่นี่ข้ามีอิสระ ได้รับความนับถือและข้าก็อยู่อย่างมีความสุขทุกวัน  ข้าชอบที่นี่และไม่เคยคิดจะจากไป  บางทีอาจมีที่ๆ ดีกว่าที่นี่แต่ข้าพอใจกับสิ่งที่มีอยู่  ที่นี่เหมือนกับเป็นบ้านสำหรับข้า”

“แม้ว่าเจ้านายจะแข็งแกร่งทรงพลังก็ตาม”  ผู้เฒ่าเฟ่ยจ้องมองดูหวังซวนเขม็ง “แต่ถ้าเจ้าต้องอาศัยฝีมือคนอื่นให้คอยปกป้องบ้านของเจ้าอยู่เสมอและเจ้าเอาแต่หลบมุมพร่ำบอกตัวเองว่าไม่มีประโยชน์ที่จะต่อสู้  ขณะที่มองดูคนอื่นต่อสู้เพื่อปกป้องบ้านของเจ้าเอง  คนแบบนั้นนั่นแหละขี้ขลาดมากไม่มีความกล้าที่จะมีชีวิตอยู่”

หวังซวนยังคงเงียบ

ผู้เฒ่าเฟ่ยยิ้มและเดินออกมา  เขายังคงเตรียมตัวไว้ด้วยเช่นกัน

“เราจะโจมตีใคร?”

“มือธนู! เขาอยู่บนกำแพงค่ายซึ่งทำให้เขาเป็นเป้าหมายง่าย”

“ก็ได้!  ข้าจะปล่อยตรีบุปผา!”

“เจ้ามีชื่อที่สง่างามขนาดนั้นเชียวหรือนี่?

“เจ้าไม่เคยได้ยินเรื่องตรีบุปผารองรับมงกุฎหรือ?

“เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว! พิษ พิษ พิษ  ใครมีพิษบ้าง?

“ข้ามี ข้ามี ข้ามี...”

ผู้เฒ่าเฟ่ยประหลาดใจเนื่องจากคุณภาพที่ได้มามากเกินกว่าที่เขาคาดคิดไว้  เขาไม่ต้องการคิดอะไรให้มากเกินไป  “จะส่งจักรกลลงไป”

“เขาจะหลบได้” ใครบางคนตะโกน

หวังซวนขัดจังหวะ  “เราจะคลุมกำแพงทั้งหมด”

ผู้เฟ่ยมองดูเขา

หวังซวนพูดต่อ  “เราจะใช้กระต่ายโดด”

“กระต่ายโดด?” ทุกคนตะลึง กระต่ายโดดเป็นหนึ่งในอสูรดวงดาวที่ผู้เชี่ยวชาญพลังสายเลือดใช้ในงานทดลองบ่อยที่สุด  พวกมันเป็นเพียงอสูรระดับสองที่หามาได้ง่ายกระต่ายโดดจะกระโดดได้ดี มันจะกระโดดได้สูงเมื่อมีพลังสายเลือด  แน่นอนหลายคนเลี้ยงมันไว้เพื่องานทดลอง

“พวกเรามีกระต่ายโดดอยู่กี่ตัว?”  หวังซวนถาม

“ข้ามี 300” “200” “ข้ามีห้าร้อยกว่าตัว”

“สองพันตัว” คุณนายฮวงมู่กล่าว

คำตอบของคุณนายฮวงมู่เน้นตัวตนของนางและดึงความสนใจของทุกคน

คุณนายฮวงมู่พูดอย่างใจเย็น  “มันควรจะเก็บเอาไว้ใช้กับการทดลองขนาดใหญ่”

หวังซวนตอบทันที  “ผูกลูกโป่งพิษให้กับกระต่ายโดดและปะปนไว้กับกระต่ายโดดที่เหลือ  มีประตูอยู่ที่กำแพงอยู่สองบาน  เราจะปล่อยกระต่ายโดดพร้อมกันที่ประตูทั้งสอง

“เจ้าน่ะ เจ้าเล่ห์ไม่เบานะ!”  ผู้เฒ่าผอมคนหนึ่งพูด  และเขาหัวเราะทันที  “แต่ข้าชอบ”

“นี่แหละถึงเรียกว่าแผน!”

“ข้าจะช่วยผูกลูกโป่งพิษให้”

“ข้าด้วย”

หวังซวนได้รับคำชมอยู่ทั่วไป  เขาบอกชายชราผอม  “พิษทั้งหมดนี้ยังไม่พอฆ่าเขามีแต่พิษของนักสู้ระดับทองจึงจะฆ่านักสู้ระดับทองได้  แต่มันจะส่งผลต่อเขาและเขาอาจจะร่วงตกกำแพง  และถูกตรีบุปผาทำร้ายได้ บนฐานที่กำแพงเมื่อเขาตกลงไป เจ้าก็สามารถโจมตีได้ทันทีและตรีบุปผาของเจ้าในตอนนี้จึงจะสามารถรับมงกุฏได้จริงๆ”

“จุ๊ จุ๊, เจ้าผู้นี้  ข้าคิดว่าเจ้าใจดำแน่นอน”  บุรุษร่างผอมกวาดตาดูหวังซวนตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าจากนั้นออกไปเตรียมการลอบทำร้าย

ทุกคนยุ่งกับการเตรียมตัวและพวกเขาก็ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง

“ปล่อยกระต่าย!”  ผู้เฒ่าเฟ่ยตะโกน

ชิวอวี้ยืนอยู่บนกำแพง เขารู้สึกประหลาดใจในสิ่งที่ถังเทียนทำได้และยังไม่ตั้งใจเคลื่อนไหว  คงเป็นเรื่องน่ากลัวแน่ถ้ามือธนูถูกโจมตี

มันทำให้เขารู้สึกปลอดภัยขณะที่เขายืนอยู่บนกำแพง  กำแพงค่ายบรอนซ์สูงมากราว 50เมตรเป็นรูปสี่เหลี่ยม คนห้าคนสามารถเดินเคียงไหล่ไปบนกำแพงได้อย่างง่ายดายด้วยทักษะเหินที่ยอดเยี่ยม  เขาสามารถหนีออกมาได้ทันทีเมื่อรู้สึกถึงอันตราย

ทันใดนั้นเขาได้ยินเสียงตะโกนของชายชรา

“ปล่อยกระต่าย!”

อะไรกันนั่น?

ชิวอวี้สับสน  เขาตกตะลึงมองดูตำแหน่งที่มีเสียงตะโกนมีกระต่ายนับพันวิ่งมาทางด้านเขาราวกับระลอกคลื่น

เกิดอะไรขึ้น...

ทันใดนั้นเขาได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งมาจากด้านหลัง  เขาหันไปมองทันทีและรู้สึกตกใจ

มีฝูงกระต่ายอยู่ด้านหลังเขาเช่นกัน

เขารีบขึ้นธนูและยิงออกไปอย่างบ้าคลั่ง  แต่ธนูสีแดงหายเข้าไปฝูงทะเลกระต่ายเหมือนกับน้ำฝนทักษะธนูซึ่งเขาเชี่ยวชาญก็คือธนูสายธารพลังของมันน่ากลัวเหมือนกับสุดยอดวิทยายุทธโดดเด่น เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางถึงพลังทะลุทะลวงสามารถทำลายได้ทุกอย่างแต่มันไม่สามารถสร้างแรงระเบิดขนาดใหญ่ได้

ถ้าเป็นช่วงเวลาปกติก็จะไม่มีจุดอ่อน แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันนี้กลับกลายเป็นข้อเสียเปรียบใหญ่

ธนูแสงที่ยิงออกมาจากมือของเขาโปรยลงมาเหมือนสายฝน

แต่มีกระต่ายมากเกินไปและพวกมันเข้ามาใกล้ทุกวินาทีแม้ว่าธนูของเขาจะทรงพลังก็ตาม เขาไม่มีทางเลือก ได้แต่เหินขึ้นฟ้าเพื่อหลบคลื่นกระต่ายนี้  เขามองเห็นกระต่ายเป็นจำนวนมากและเริ่มสงสัยว่าพวกมันถูกใช้มาทำอะไร?

ทันใดนั้นเขารู้สึกแน่นหน้าอกและมีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด

พิษ!

ในไม่ช้าเขาก็ตระหนักได้ว่ากระต่ายนั้นใช้ทำอะไรหมอกพิษกระจายไปทั้งกำแพงเมือง ดูเหมือนจะมีความน่ากลัวเป็นพิเศษ

สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

กระต่ายเอาพิษมามากขนาดไหนกัน...

เขาเคยได้ยินวิธีใช้พิษของผู้คนที่หลากหลายแต่ไม่เคยรู้ว่ามีวิธีแบบนี้ด้วย

บัดซบ

นี่มันสถานที่บ้าบออะไรกัน

ชิวอวี้เสียใจที่รับงานมาทำ   ใครคนหนึ่งซึ่งบอกเขาว่าเป็นเมืองเล็กๆที่ไม่มีนักสู้ระดับทอง?   เขาต้องการออกไปจากนั้นเขาคิดว่า ค่าเสียหายจำนวนมหาศาลที่จะต้องจ่ายเพราะละเมิดสัญญา มากมายนักเขากัดฟันกลับเข้าไปในเมือง

โชคดีที่หมอกพิษที่เขาสูดดมไม่ใช่พิษของนักสู้ระดับทอง  ปราณแท้ของเขาโคจรอย่างดีที่สุดเพื่อรักษาพิษในตัวเขา

พลังที่แข็งแกร่งของนักสู้ระดับทองสะท้อนพิษออกไปได้อย่างชัดเจนเมื่อลงมายืนได้เขาระบายลมหายใจคลายความอึดอัดที่หน้าอก

เขาสามารถสลายพิษในร่างกายได้ภายในสองนาที

ชายชราร่างผอมตบหน้าในที่ลับแห่งหนึ่งหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ  “โธ่เอ๊ย! ซุ่มโจมตีตรงตำแหน่งนี้ไม่เหมาะเลย!”

“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เชื่อถือ!”

“ตั้งแต่เมื่อไหรกัน?”

……

กลุ่มของชายชราและสตรีสูงอายุชี้ไปที่ผู้เฒ่าผอมและตำหนิ  ผู้เฒ่าผอมหน้าแดง   เขาไม่สามารถทนมองชิวอวี้หนีพ้นจากพิษ  ทันใดนั้นเขามีความคิดบางอย่าง จึงชี้ไปที่ตำแหน่งชิวอวี้และตะโกน  “นั้นอะไร?”

ทุกคนหันไปมองด้วยสีหน้าตกใจ

มีเงาดำเล็กๆวิ่งเข้าใส่ชิวอวี้

หยาหยาลอบย่องออกมา  มันกลัวว่าถังเทียนจะจับได้  ดังนั้นมันเล็งชิวอวี้ที่อยู่บนกำแพงไว้มันจะพัวพันชิวอวี้ซึ่งอยู่ห่างออกไป แต่เขาพุ่งเข้ามาใกล้อย่างคาดไม่ถึง

หยาหยารู้สึกตื่นเต้นทันที

ศึกแรกที่มีความหมายของตัวอ่อนขุนพลวิญญาณ

และเป็นโอกาสเปิดความสามารถตนเอง

หยาหยาร้องลั่นขณะเข้าโจมตีใส่ชิวอวี้แม้ก่อนที่เขาจะลงยืนอยู่กับพื้น

ชิวอวี้รู้สึกถึงบางอย่างขนาดเล็กกำลังเข้ามาใกล้  เขาคิดว่าเป็นกระต่ายร่วงลงมาจากกำแพง  ดังนั้นจึงสะบัดมือไปเพื่อกำจัดมัน

เมื่อมือของเขาอยู่ห่างจากเป้าหมายหนึ่งนิ้ว  เขารู้สึกว่าไม่ชอบมาพากล

หยาหยากระโดดเต็มแรงและมันหายใจลึกขณะที่มันอยู่ในอากาศมันป่องแก้มของมันเหมือนลูกโป่ง จากนั้นเบิ่งตากว้างขณะกำหมัดแน่น

แสงรอบๆหมัดหายไปเหมือนกับว่าราวกับว่าถูกหมัดกลืนลงไปหมด ดูเหมือนว่ารอบๆหมัดของมันจะมีแต่ความมืด

หยาหยาใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนนับไม่ถ้วนตามลำพังบนที่ราบสูงต้องทนเหงาหงอยคนเดียวและหม่นหมอง แต่ก็ประสบความสำเร็จกับการฝึกฝนหมัดเหล็กกลืนแสงอย่างหนัก  แรงกระตุ้นจากก้นบึ้งวิญญาณ  ตัวอ่อนขุนพลวิญญาณได้พัฒนาทักษะในสนามรบโบราณ  มันมั่นใจในการต่อสู้  เนื่องจากสนามรบคือที่กำเนิดของมัน

สีหน้าของหยาหยาเปลี่ยนไปทันที

หมัดเหล็กกลืนแสง!

ชิวอวี้ต้องการหลบแต่หมัดของหยาหยาเร็วกว่าที่เขาคาดไว้มาก ดังนั้นเขาจึงต้องทนโจมตีด้วยปราณแท้ของเขา

กร๊อบ!

ความเจ็บปวดแล่นไปตามข้อมือของชิวอวี้  ข้อมือของเขาหัก...

เขาพยายามมองดูเงาที่อยู่ต่อหน้าเขาชัดๆ

มีร่างเล็กๆพุ่งเข้ามาใกล้ในอากาศ แต่หน้าของมันเข้มข้นชัดเจน เหมือนกับนักรบผู้ในยุคโบราณและพุ่งเข้ามาอย่างไม่มีความกลัว

ฮ้า...ข้าคือขุนพลวิญญาณน้อย!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด