ตอนที่ 411 พลังของสายเลือด
หมอกสีเขียวครอบคลุมหน้าของถังเทียนและครอบคลุมทั้งตัวเขาภายในพริบตาทันที
ในหมอกเขียวจะบรรจุรังสีมีดบางๆนับไม่ถ้วนเหมือนกับทรายแต่แหลมคมมันล้อมรอบถังเทียนเหมือนทรายดูดหมุนปั่นด้วยความเร็วสูงจนดูเหมือนสัตว์ประหลาดสีเขียว
อาวุธลับทั้งสิบมีพลังที่ไม่ซ้ำกันแฝงอยู่ในหมอกเขียว
ฟุ่บฟุ่บ ฟุ่บ
พวกเขาชำเลืองมองกันเองพร้อมกันและท่าทีโล่งอกปรากฏในสายตาของแต่ละคน ความจริงเจ้าเด็กน้อยนี่เกทับเราจนเกือบถูกหลอกแล้ว
แม้แต่มือธนูบนกำแพงค่ายก็ยังรู้สึกโล่งใจ
พวกเขาทั้งสองคนผสานทักษะสังหารเข้าด้วยกัน ฝ่ายตรงข้ามไม่มีทางหลบได้ ซึ่งก็หมายความว่าเขาต้องตายแน่นอนแม้ว่าเขาจะถูกวางไว้ในสถานการณ์เช่นนั้น เขาก็ยังไม่มีโอกาสรอด
มันจบแล้ว
เขามองดูอาวุธจักรกลวิญญาณทันใดนั้น เขาชำเลืองมองเห็นบางอย่างจากหางตาของเขา
แย่แล้ว!
เขาหันหน้าไปดูทันที
หมอกเขียวเริ่มโรยตัวลงช้าๆเหมือนกับทรายดูด เดี๋ยวก่อน...
ไม่มีภาพอะไรอื่นในหมอกใบมีดเขียว
มือธนูปากอ้าค้างอย่างเหลือเชื่อ เขามั่นใจว่าเขามองเห็นว่าหมอกเขียวกำลังกลืนถังเทียนอย่างไร มือธนูถูกฝึกมาให้มีใจและสายตายอดเยี่ยม เขาไม่เคยพบกับภาพลวงตาและมันไม่มีทางหลบพ้นจากสายตาที่ทรงพลังของเขาได้
หมอกเขียวเหมือนจะถูกดูดลงไปด้านล่างมากขึ้นเหมือนทรายดูด
“ระวัง!”
มือธนูตะโกนบอกคนอื่นทันทีหลังจากเขาสงบอารมณ์จากอาการตกใจ
รังสีเยือกเย็นฉายผ่านออกมาในอากาศเหมือนกับกรงเล็บหมาป่าที่คม
ยอดฝีมืออาวุธลับสังเกตได้ถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามา เขาซัดอาวุธลับในมือไปด้านหลังและร่างของเขาถูกดันไปข้างหน้าอย่างควบคุมมิได้
โลหิตสาดกระจายแขนข้างหนึ่งปลิวขึ้นไปในท้องฟ้า
ยอดฝีมืออาวุธลับร้องโหยหวนหลังจากสูญเสียแขนของตน แต่เขารู้ว่าเป็นช่วงความเป็นความตาย เขากัดฟันวิ่งตะบึงไปข้างหน้าเนื่องจากเป็นวิธีเดียวที่จะรักษาชีวิตไว้ได้โดยการเพิ่มระยะห่างจากพวกเขา
สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจมากขึ้นก็คืออาวุธลับที่เขาซัดออกไปในทุกตำแหน่งและกระจายตัวอย่างสมบูรณ์แบบ แต่ไม่มีชิ้นใดทำร้ายฝ่ายตรงข้ามได้เลย
เป็นไปไม่ได้!
ระยะใกล้ขนาดนั้นอาวุธลับของเขาไม่เคยพลาด
แต่ยังมีรังสีฆ่าฟันที่รุนแรงไล่ตามเขามาติดๆ เขารู้สึกสั่นไปตามกระดูกสันหลังตะลึงกับความรู้สึกถูกเกาะติดโดยไม่ต้องหันหลังไปดู
มือธนูบนกำแพงสายตายอดเยี่ยมมองเห็นทุกอย่างชัดเจน
บุรุษหนุ่มคล่องแคล่วว่องไวถึงขนาดที่เขาดูไม่คล้ายมนุษย์ ขณะที่ตะบึงไปข้างหน้า
จากเริ่มต้นจนถึงที่สุดบุรุษหนุ่มไม่ลังเลหยุดอย่างไม่มีเหตุผล เมื่อเขาประสบความสำเร็จได้อาวุธชิ้นแรกเขาใช้พลังได้อย่างสมบูรณ์ไม่ต้องลังเล และอาวุธทั้งหมดรวมอยู่ในมือของเขา ฉากภาพที่งดงามน่าชม เมื่อเห็นพลังที่ระเบิดออกด้วยการผสมผสานพลังธาตุที่แตกต่างเข้าด้วยกัน มันมีผลกระทบที่สะดุดตาที่สุด
เขาค้นพบวิธีการโจมตีของศัตรูอยู่ก่อนแล้วหรือ?
มือธนูตกใจมากจนเขาแทบจะหมดความรู้สึก
ยอดฝีมือผู้ใช้ดาบฟันเลื่อยมีส่วนร่วมในการต่อสู้และได้รับผลกระทบอย่างมากและมีปฏิกิริยาที่รวดเร็วมาก เขาไม่อาจค้นพบได้ว่าถังเทียนหลบหนีออกมาจากวิชาสังหารของพวกเขาได้อย่างไร แต่เขารู้ว่าเขาไม่ยินดีจะช่วยคู่หูหลังจากคู่หูของเขาตาย
ข้อมือของเขากลายเป็นนุ่มและอ่อนหยุ่นและดาบฟันเลื่อยที่เขาถือยิงรังสีออกไป
ดาบนางแอ่นเหิน
รังสีดาบเริ่มโปรยลงมาทั้งหมดมีขนาดเท่าฝ่ามือ ดาบลอยลงมาอย่างสง่างามเหมือนกับนางแอ่นเขียว ความเร็วของมันน่าทึ่งขณะที่มันโถมโฉบเข้าหาถังเทียนจากทุกตำแหน่ง
ในฐานทัพตวนมู่ที่ถูกมัดอย่างแน่นหนามีสีหน้าเปลี่ยนไปครั้งแรก
“เจ้าสังเกตอะไรได้บ้าง?” เซรีนถามทันทีขณะที่นางสังเกตเห็นว่าตวนมู่มีความเข้าใจการต่อสู้ลึกซึ้งมากกว่านาง
“เขากำลังจะชนะ!” ตวนมู่พูดด้วยน้ำเสียงต่ำ แต่ไม่เคยหันสายตาไปจากจอภาพเลย
“ใครกัน?” เซรีนกระตือรือร้นต้องการรู้
“เจ้านายเจ้า” ตวนมู่มีอารมณ์ที่แปลกประหลาดบนใบหน้า
เกือบจะทันทีหลังจากตวนมู่ตอบ พวกเขามองดูจอภาพขณะที่ร่างของถังเทียนงอเหมือนพระจันทร์เสี้ยว ทันใดนั้นเขามาปรากฏตัวด้านหลังนักสู้ผู้ใช้อาวุธลับทันทีเหมือนกับภูตผีและใช้ฝ่ามือโจมตีจากด้านหลัง
พลังเกลียวที่รุนแรงระเบิดออก
แรงกระแทกทำให้ยอดฝีมืออาวุธลับปลิวกระเด็นเหมือนถูกฟ้าผ่า
ยอดฝีมือดาบฟันเลื่อยตกใจและควงดาบทันทีและหมุนดาบเป็นวงกลมในอากาศพร้อมกับสร้างรังสี พลังนั้นดึงดูดเขาเหมือนแม่เหล็กและลากร่างของเขาห่างออกไปสามสิบเมตร
ถังเทียนไม่ได้ไล่ตามเขาแต่หยุดและมองดูเหมือนสูญเสียบางอย่าง
ปัง,ร่างของยอดฝีมืออาวุธลับกระแทกลงกับพื้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเลือด ไร้ลมหายใจ ทุกส่วนในร่างกายถูกถังเทียนทำลาย
ยอดฝีมือดาบฟันเลื่อยมองดูถังเทียนตกใจเหลือเชื่อ
“ยอดเยี่ยม!”
ในฐานใต้ดินเซรีนต่อยตวนมู่อย่างตื่นเต้น ตวนมู่มองนางโดยไม่พูดสักคำ หมัดของเซรีนอ่อนแอเหมือนขนนกและไม่ได้ทำให้เขาเจ็บปวด
เซรีนมองดูอย่างรวดเร็วยิ้มกว้างและถาม “เจ้ารู้สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ยังไง?”
ตวนมู่ประหลาดใจ เขารู้สึกสะท้านเสียวสันหลัง เขาค่อยได้เห็นว่าสตรีนั้นสวยงดงามเพียงไหน
“จังหวะ, พวกเขาสูญเสียจังหวะของตนเองไป” ตวนมู่อธิบาย “ประการแรกเจ้านายของเจ้าหลบออกมาจากวิชาสังหารของพวกเขาได้ซึ่งก็หมายความว่า เขาได้เปรียบ จากนั้นทั้งสองคนประมาทเกินไปทำให้เขาไม่ฉวยโอกาสให้มากขึ้น พวกเขาวางใจเกินไปและสับสนในตอนสุดท้าย เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถทำงานร่วมกันได้”
เซรีนเดินยิ้มเข้าไปหาเขาและใช้เล็บแดงเหมือนเลือดของนางเกาคางตวนมู่และพูดอย่างนุ่มนวล “ทำไมเจ้าทำเสียงเหมือนกับว่าคู่ต่อสู้ยอมแพ้การต่อสู้และทำเหมือนกับว่าการเอาชนะเจ้านายข้าเป็นเรื่องง่ายแทนที่จะเป็นเพราะเขาเอาชนะได้เพราะฝีมือที่โดดเด่นเล่า? เจ้าควรจะคิดใหม่ให้ดี”
ตวนมู่ขนลุกหลังจากได้ยินเช่นนั้น เนื่องจากเขารู้ว่าสตรีนี้จะทำอะไร
“เจ้านายของเจ้าฝีมือน่าทึ่งยอดเยี่ยมเกิดบรรยาย เอาแค่วิธีที่เขาหลบออกมาจากวิชาสังหารได้ซึ่งข้าไม่เคยพบเห็นมาก่อนแค่นั้นก็น่าประทับใจแล้ว ข้าคิดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับพลังสายเลือดของเขา เขาลอบโจมตีจากด้านหลังและการไล่ล่าก็ทำได้ดี และที่ไม่ลืมก็คือหมัดสุดท้ายมันเหลือเชื่อ เขาโจมตีได้สมบูรณ์แบบเมื่อคู่ต่อสู้เสียสมาธิ มันเป็นภัยร้ายแรงถึงตาย....”
“ช่างเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่ายนัก!” เซรีนหัวเราะและเอามือตบหน้าตวนมู่เบาๆนางรู้สึกถึงบางอย่างที่น่าทึ่ง เขาไม่เคยเห็นมาก่อน แต่เขาก็สามารถคาดการณ์ฝีมือของถังเทียนได้ว่าเป็นอะไรบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับพลังสายเลือด
น่าประทับใจ!
ตวนมู่ถอนหายใจโล่งอกลึกๆ ในใจของเขา เขาหยันตัวเองที่มีความซื่อสัตย์ต่ำและถูกสตรีคนหนึ่งขู่ขวัญได้
“ข้าจำยอดฝีมือดาบเลื่อยและคนศีรษะโล้นได้ พวกเขาคือบีชกับหรูไห่ พวกเขามาจากตระกูลของฮั่วฝู่หมัน แต่อีกสองคนเป็นใคร?” เซรีนถาม
“อวี้ฟงคือยอดฝีมืออาวุธลับและเป็นนักสู้ระดับทอง นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะมาตายที่นี่”ตวนมู่รู้สึกมีอารมณ์พลุกพล่านเล็กน้อย “มือธนูชื่อชิวอวี้ เป็นนักสู้ระดับทองเช่นกัน”
ตวนมู่พูดไม่ออกทันทีเซรีนยังเยาว์วัย แต่เจ้านายที่เอาแต่ใจยังอายุเยาว์มาก แต่ภายใต้การลงมือของนักสู้ระดับทองถึงสองคน เขากลับโค่นนักสู้ระดับทองได้คนหนึ่ง
แม้ว่าทั้งสองคนจะสะเพร่าและเลินเล่อก็ตาม
แต่ผลที่ปรากฏออกมาก็เป็นความจริง
เจ้าผู้นี้เขามีความสามารถฆ่านักสู้ระดับทองได้!
เขาเป็นใครกันแน่? มีนักสู้ไม่มากนักที่ยังอายุเยาว์และมีความสามารถ! ตวนมู่เริ่มนึกไล่รายชื่อในสมองและทันใดนั้นเขาโพล่งออกมา“ถังเทียน! เขาคือถังเทียน!”
ติงตังดูเหมือนตื่นตัว นางเป็นตัวแทนทำงานให้หน่วยข่าวกรองดังนั้นจึงมีความอ่อนไหวต่อข้อมูลเช่นนั้น
ตวนมู่รู้สึกได้ถึงรังสีฆ่าฟันของติงตัง เขาประหลาดใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ในวันนี้? ทำไมเขาถึงได้ทำผิดพลาดโง่ๆ แบบนั้นได้? เขาเปิดเผยสถานะของถังเทียนซึ่งจะทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก...
ช่วงเวลานี้เซรีนหันมายิ้มให้ด้วยสีหน้าท่าทางล้อเล่นของนาง
นั่นยิ่งทำให้เขาเสียวสันหลังอีกครั้ง
หยาหยามองดูมีท่าทางเก็บกดขณะที่เดินไปตามทางเดิน
มันอยู่ร่วมกับกลุ่มอสูรจักรกลทุกวันคอยขุดตลอดเวลา ความเบื่อกำลังจะฆ่ามัน มันไม่เห็นเจ้านายมาหลายวันแล้ว ลุงปิงก็สั่งงานมันเหมือนกับเป็นเจ้านาย ฝึกฝนจนตัวเป็นเกลียว ฝึกให้ทรงพลังเหมือนกับเจ้านายของมัน
ลุงปิงสอนให้หยาหยาและฝึกวิทยายุทธให้มัน ซึ่งก็คือใช้หมัดกลืนแสงเพื่อขุด ลุงปิงบอกว่าภูเขาทรายทั้งลูกจะถูกทำลายแล้วหมัดเหล็กกลืนแสงจะกลายเป็นวิชาที่น่าประทับใจแน่นอน
หมัดเหล็กกลืนแสงของข้าจะต้องดีขึ้น..แต่ ข้าไม่ได้พบเจ้านายมานานแล้ว...
นี่มันน่าเบื่อเหลือเกิน...นอกจากนี้ ตัวอ่อนขุนพลวิญญาณเกิดมาเพื่อสู้...
ข้าทรงพลังมาก...
ทำไมเจ้านายถึงได้ดูแคลนข้า...และเขาไม่ต้องการเล่นกับข้า...
หยาหยาเศร้าเตะก้อนหินเล็กๆบนทางด้วยความรำคาญ มันก้มหน้าเดินไปข้างหน้าก้าวเดินช้าๆ เหมือนกับเต่า
ทันใดนั้นร่างๆหนึ่งปรากฏตัวขึ้น หยาหยาเงยหน้ามองสังเกตว่ามันคือแพะ, เต่าและกระรอกบรอนซ์นั่นเอง
แพะหมอบอย่างสง่างามเต่าก็ยืดหัวออกมาจากกระดองและกระรอกยืนไขว้แขนของมันมองดูหยาหยาด้วยท่าทางน่ารัก
อารมณ์หยาหยาค่อยแจ่มใสขณะที่มันกระโดดขึ้นไปบนหลังแพะ
“อา อา อา อา อา หยาหยา”
หยหยาจับเขาแพะตะโกนอย่างร่าเริงเหมือนเด็ก แพะรู้สึกได้ว่ามันอารมณ์ดีและพุ่งไปสุดฝีเท้าที่มันมี
เต่าตกใจและหดหัวกลับเข้าในกระดอง
ในท่ามกลางลมโกรกรุนแรงสิ่งที่เห็นคือใบหน้าที่น่ารักของกระรอกและหางของมันลู่ลมไปอีกด้านหนึ่ง
ไม่นานนักพวกมันก็เห็นทางเข้าเมืองสามวิญญาณ หยาหยาเริ่มมีความสุขยิ่งขึ้น
เมืองสามวิญญาณมีเซรีนและสาวแฝด แต่เซรีนน่ากลัวเกินไปและติงตังมักจะยุ่งอยู่เสมอ ดังนั้นผี่ผาดีที่สุด อย่างน้อยก็น่าสนใจมากกว่าขุดภูเขา
เมื่อหยาหยาผ่านทางเข้าและเตรียมจะเข้าไปในค่ายหน้าอ่อนๆ ของมันกลายเป็นเคร่งเครียดและตาของมันสว่างเหมือนดวงดาวยามราตรี
มีการต่อสู้เกิดขึ้น
มันได้ยินเสียต่อสู้เบาๆ
เจ้าแพะก็ยังตกใจและระมัดระวัง มันวิ่งไปตามทางด้วยความห่วงใยความปลอดภัยของเซรีน
ในไม่ช้าพวกมันก็มาถึงห้องเซรีนนางไม่พูดอะไรสักคำ เมื่อเห็นพวกมัน กลับหันหน้าไปดูการต่อสู้ต่อไป ทุกคนให้ความสนใจการต่อสู้
หยาหยาเอียงหน้ามองตาของมันเป็นประกายขณะมองดูเจ้านายในจอภาพ
เจ้านายกำลังต่อสู้!
ความใฝ่ฝันตลอดชีวิตของตัวอ่อนขุนพลวิญญาณก็คือสู้ร่วมกันกับเจ้านายของมัน!
หยาหยากำหมัดสีดำของมัน
มันมองดูรอบๆ หลังจากตระหนักว่าไม่มีใครมองดูมัน มันจึงค่อยๆย่องออกไปจากห้องอย่างเงียบกริบ
ตัวอ่อนขุนพลวิญญาณต้องการต่อสู้ด้วยเช่นกัน!