ตอนที่ 410 - จักรพรรดิชื่อตี้
“นี่เป็นความเข้าใจผิด ข้าไม่ได้ตั้งใจจะล่วงเกินนักสู้ปราณก่อกำเนิด เรายินดีจะขอขมาและชดเชยด้วยสมบัติที่ดีที่สุดให้กับท่าน” เขาเงินหวังว่าซุ่นเทียนจะไว้ชีวิตเขา พวกเขาสู้ไม่ได้แน่นอน เขาเชื่อว่าซุ่นเทียนสามารถเอาชนะทุกคนที่นี่ได้แม้ใช้แค่เพียงนิ้วเดียว
เขาตระหนักว่าเขาได้บุกรุกสถานที่ๆ เขาไม่ควรเข้ามา ความหวังประการเดียวก็คือออกไปจากที่นี่ก่อนที่ความลับจะถูกเปิดเผย
หรือไม่เช่นนั้น อีกฝ่ายจะฆ่าเขาภายในไม่กี่วินาทีโดยไม่ลังเล
มีแต่ความตายเท่านั้นถึงจะปกปิดความลับได้ตลอดไป
ขณะที่เขากำลังพูด เขาเงินใช้คำพูดว่าเรา แม้กระทั่งช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสุดท้าย เขาก็ยังไม่ลืมสหายแนวร่วมของเขา ระเบิดเพลิงและสลาตันเป็นเพียงนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสามและสอง ในสายตาของเขาเงินเห็นว่ายังเป็นกำลังที่ใช้ประโยชน์ได้ เขารู้ว่าถ้าเขาเผชิญหน้ากับซุ่นเทียนเอง ต่อให้เขาแข็งแกร่งกว่านี้ถึงสิบเท่า เขาก็ยังถูกฆ่าตายง่ายๆ ได้ทันที
จอมยุทธระเบิดเพลิงถือผลึกเทเลพอร์ตคุณภาพดีที่สุดไว้ในมือ
ทั้งหมดที่เขาต้องการคือทำลายผลึกนั้นและออกไปจากที่นั่น
แต่ว่าเขายังไม่กล้าเสี่ยง
ถ้าเขาทำลายผลึกเทเลพอร์ตแล้วมันใช้ไม่ได้ เขาคงตายแน่นอน
หรือบางที การเทเลพอร์ตใช้งานได้ แต่จะเทเลพอร์ตหนีต้องใช้เวลาหนึ่งวินาที ต่อหน้าซุ่นเทียน จักรพรรดิแห่งจื่อเว่ย หนึ่งวินาทีก็เพียงพอให้เขาฆ่านักรบปราณก่อกำเนิดที่ต่ำกว่าระดับห้าคนใดก็ได้
“ข้าไม่ใช่เจ้าบ้าน ก็เหมือนกับพวกเจ้านั่นแหละ ข้าเป็นอาคันตุกะคนหนึ่ง” ซุ่นเทียนหัวเราะลั่น แต่เขาไม่ยอมรับคำขอขมาของเขาเงิน
นี่หมายความว่าเขาไม่ต้องการให้พวกเขาหนีไปได้
สำหรับตอนนี้ ไม่ต้องคำนึงกันแล้วว่าการบุกรุกครั้งนี้ จงใจหรือไม่
ทันทีที่ใครก็ตามเข้ามาและพบความลับเรื่องวงแหวนอักษรรูนโบราณ ซุ่นเทียนมีแต่เพียงความเชื่อว่าคนที่จะรักษาความลับไว้ได้ ก็มีแต่เพียงคนตายเท่านั้น
“ในฐานะเจ้าบ้าน เมื่อมีอาคันตุกะมาเยือน ข้าจะไม่ต้อนรับขับสู้ได้ยังไง? ถ้าเรื่องนี้รู้ออกไป คนอื่นๆ ก็จะล้อเลียนข้าได้ว่าไม่รู้จักมารยาท ทุกคนสบายใจได้ ทันทีที่พวกท่านเพลินตาเพลินใจกับการได้รู้ความลับของวงแหวนอักษรรูนโบราณ ข้าจะเลี้ยงต้อนรับและส่งพวกท่านด้วยตัวข้าเอง” เสียงน่าหวาดกลัวและขนลุกขององค์ชายเงาดำดังขึ้น ไม่มีผู้ใดรู้ได้ว่าจริงๆ แล้วเขาอยู่ที่ไหน ดูเหมือนว่าจะดังมาจากที่ไกล แต่เหมือนกับจะดังมาจากทางด้านขวาหลังของพวกเขา แต่ว่ามองไม่เห็น คำพูดขององค์ชายเงาดำทำให้หัวใจทุกคนหยุดเต้นไปสามวินาที พวกเขาแน่ใจชัดแล้วว่า เขาไม่คิดจะปล่อยพวกเขาออกไปได้ง่ายๆ
“ปล่อยข้าไปเถอะ ข้ายอมเสียแขนข้างหนึ่ง ขาข้างหนึ่งในฐานะเป็นสมบัติที่ดีที่สุด นอกจากนี้ ข้าจะส่งเงินปีละล้านเหรียญทองให้ท่าน” เขาเงินยอมสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุด
“เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น พวกเจ้าแค่คอยดูอยู่เงียบๆ” องค์ชายเงาดำปฏิเสธอย่างไม่ไยดี
ปั้บ!
นักรบระเบิดเพลิงทำลายผลึกเทเลพอร์ต ใช้ความเร็วที่ไวที่สุดในชีวิตที่เขาเคยทำได้
ประกายลำแสงสว่างวาบ แต่ไม่ได้พุ่งไปในท้องฟ้า มันกลับรวมเข้ากับพื้นดินและหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เทเลพอร์ตล้มเหลว!
แม้ว่าสถานที่นี้จะไม่ได้ห้ามการเทเลพอร์ตไว้ก็ตาม แต่แม้แต่คนตาบอดก็สามารถบอกได้ว่าการเทเลพอร์ตที่นี่ใช้งานไม่ได้
การดิ้นรนครั้งสุดท้ายของนักรบระเบิดเพลิงไม่ได้ผล นี่ทำให้เขารู้สึกสิ้นหวังเหมือนนักพนันที่สูญเสียทุกอย่าง เขามีดวงตาแดงฉานและหัวเราะคลุ้มคลั่ง
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…. ฮ่าฮ่าฮ่า….”
พื้นที่ว่างเปล่ากว้างขวางสะท้อนเสียงหัวเราะของนักรบระเบิดเพลิงซึ่งเต็มไปด้วยความผิดหวัง
คนจำนวนมากถึงกับเหงื่อตก รวมทั้งเขาเงินด้วย ตอนนี้นักรบระเบิดเพลิงเป็นบ้าไปแล้ว ใครจะรู้กันว่าในพวกเขา ผู้ใดจะเป็นรายต่อไป
เย่ว์หยางมองเหตุการณ์ทั้งหมดนี้อย่างใจเย็น
บรรยากาศของความกลัวและความโศกเศร้ารุมเร้าอยู่รอบตัวนักผจญภัยเป็นเครื่องปกปิดที่ดีที่สุดสำหรับเขา
พอซ่อนตัวอยู่ในหมู่ผู้คน ซุ่นเทียนไม่ยอมแม้แต่จะมองดูนักผจญภัยกลุ่มใหญ่ อย่าว่าแต่จะสังเกตการปรากฏตัวของเขา สายตาของซุ่นเทียนไม่ได้มองนักรบระเบิดเพลิงผู้คลุ้มคลั่งไปแล้ว แต่กลับมองเขาเงินและนักรบสลาตันแทน
ถ้านี่ไม่ใช่แผนลอบทำร้ายเขา อย่างนั้นก็คงเป็นความลับที่สะท้านสะเทือนดินแน่
เย่ว์หยางคิดว่า วงเวทอักษรรูนโบราณนั้นไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ แต่ซ่อนอยู่ลึกในใต้ดิน วงเวทอักษรรูนโบราณดูเหมือนเพิ่งจะได้รับพลังงานเมื่อไม่นานมานี้ นั่นหมายความว่ายังไง? วงเวทอักษรรูนโบราณถูกใช้งานแตกต่างกันไป แต่จะมีการใช้งานได้หลักๆ อยู่สองอย่างคือ อย่างแรกคือส่งต่อวิทยาการความรู้ เหมือนอย่างเช่นวงจักรล้างโลกที่ส่งต่อให้เย่ว์หยาง นี่เป็นหลักฐานที่ดีที่สุด อย่างที่สองคือใช้เป็นผนึก เหมือนที่อสุรกายดำถูกผนึกไว้ในด้วงหยกขาวและอสุรกายทองถูกผนึกไว้ในกล่องทอง พวกมันยังนับว่าถูกผนึกไว้ในผนึกขนาดเล็ก ถ้าเป็นผนึกขนาดที่ใหญ่กว่า ตัวอย่างเช่น พวกที่ถูกผนึกไว้ในเสาเจ็ดดาวในวังเทพจักรพรรดิอวี้ มีดาบจักรพรรดิที่ผนึกหมิงเย่ว์กวงไว้ คทาเทพของจักรพรรดิอวี้ผนึกซิวคงไว้ และผนึกเทพจักรพรรดิอวี้ใช้ผนึกจิ่วเซียว
เป็นไปได้ไหมว่าสถานที่นี้ก็ยังคงเป็นที่ผนึกจอมอสูรที่น่ากลัวเอาไว้?
พอคิดถึงเรื่องนี้ หัวใจเย่ว์หยางอดสั่นสะท้านไม่ได้
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…” นักรบระเบิดเพลิงยังคงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
“ทำไมข้าไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องตลกเลย?” มังกรดำที่มีหัวขนาดมหึมาและเขี้ยวที่น่ากลัวส่ายศีรษะคำราม “เราไม่ได้คิดจะรบกวนผู้ใดเลยแม้แต่น้อย เราแค่ต้องการจะเปิดเผยความลับของวงเวทโบราณอย่างเงียบๆ แต่พวกเจ้าทุกคนเข้ามาแสวงหาที่ตายกันเอง ทำเยาะเย้ยอย่างนั้น เจ้าคิดหรือว่าแค่อาศัยนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับต่ำและพวกปลาซิวปลาสร้อยเล็กน้อยนี้ จะสามารถฆ่ามังกรได้? พวกเจ้าล้อเล่นหรือเปล่า? ข้าไม่ได้อ่อนปวกเปียกเหมือนเต้าหู้ อีกแค่วิวัฒนการเดียวเท่านั้นข้าก็จะกลายเป็นมังกรดำนรกแล้ว ขณะนี่ข้าก็เป็นมังกรดำไฟนรก อสูรแพลตตินัมระดับสิบ พวกเจ้าต้องการจะฆ่าข้าอีกหรือ?”
“อย่าว่าแต่ท่านเลย, เจ้านาย, ตาเพลิงและลิ้นเพลิงน้องข้าก็ไม่คิดอย่างนั้น” มังกรแดงพูดเยาะเย้ยอย่างยโส พวกนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหกต่ำๆ เหล่านั้น เราจะฆ่าเสียก็ได้ตามวิธีการของเรา มนุษย์พวกนี้โง่ขนาดไหนกันนี่ พวกเขาคิดว่ามังกรยักษ์คืออะไร?
“นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหกหรือ?” ดาบมืดถึงกับใจเต้นไม่เป็นจังหวะ พวกเขามีนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหกคนหนึ่งอยู่ในกลุ่ม ก็คือไตตันนั่นเอง แม้ว่าเขาจะมีระดับต่ำกว่าซุ่นเทียน แต่พวกเขาอาจรู้จักกันก็ได้
“ใช้เลือดบูชายัญ.. ทุกคน การแสดงกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว” เสียงน่ากลัวน่าขนลุกขององค์ชายเงาดำดังขึ้น
เขาเงินและคนอื่นๆ มองดูหวาดกลัว
แม้แต่องค์ชายเงาดำก็ไม่ร้อนใจเรื่องฆ่านักผจญภัยที่บุกรุกเข้ามา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะปล่อยพวกเขาให้หนีไป
บางทียอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดผู้นี้กำลังคิดจะเก็บพวกเขาไว้ นักผจญภัยสองร้อยคน เพื่อป้องกันใม่ให้เกิดอุบัติเหตุใดๆ และหลีกเลี่ยงเรื่องที่คาดไม่ถึง เมื่อสถานการณ์กลายเป็นย่ำแย่ นักผจญภัยทั้งสองร้อยคนและนักสู้ปราณก่อกำเนิดอีกสามคนจะตกเป็นแพะรับบาปและเป็นเครื่องสังเวย แม้ว่าองค์ชายเงาดำและซุ่นเทียนจะมีพลังมากมาย พวกเขาก็ยังระมัดระวังตัว นี่เป็นเรื่องน่าชื่นชมอย่างแท้จริง
เย่ว์หยางแปลกใจเล็กน้อย
เพราะเขาตระหนักว่า ไม่ว่าจะเป็นองค์ชายเงาดำหรือซุ่นเทียน พวกเขาทั้งสองก็ไม่ได้ตระหนักเลยว่าวงเวทอักษรรูนโบราณที่อยู่บนผนังเป็นของปลอม วงเวทอักษรรูนโบราณของจริงอยู่ใต้เท้าของพวกเขา และพวกเขายังไม่รู้สึกถึงมัน ที่หน้าผนัง มีนักล่ามังกรราวๆ ยี่สิบคนถือหม้อบรรจุเลือดและสาดไปที่วงเวทอักษรรูนโบราณ ไม่ทราบว่าพวกเขาได้ฆ่าทาสคนแคระมากี่ร้อยหรือกี่พันกันแน่
หมอผีที่ประกอบพิธีร่ายคาถาอย่างบ้าคลั่ง ขณะโบกไม้เท้ากระดูกของเขา
ความจริง ก่อนที่ตาแก่นี้จะเริ่มร่ายคาถา วงเวทอักษรรูนก็เริ่มเปล่งแสงและมีไอปีศาจสีแดงออกมา
อักษรรูนสีทอง ดำ ขาวและสีเงินลอยออกมาจากวงเวทอักษรรูนตัวแล้วตัวเล่า ขณะที่อักษรทุกตัวลอยออกมาจากวงเวทอักษรรูน ห้องที่เป็นศิลาก็สั่นสะเทือน แม้แต่ยอดเขาก็ยังสั่นไหว ทุกคนถึงกับหน้าซีด ไม่มีผู้ใดคิดว่าการยกเลิกวงเวทอักษรรูนโบราณจะส่งผลต่อการเกิดแผ่นดินไหว ตอนนี้ ต่อให้ก่อนที่วงเวทอักษรรูนจะหยุดทำงาน สถานที่นี้ก็คงถล่มทลายไปแล้ว พวกเขาจะทำยังไงดี? ไม่เพียงแต่นักผจญภัยผู้บุกรุกเข้ามาเท่านั้นที่ประหลาดใจ แม้แต่นักล่ามังกรก็มีอาการตกตะลึงปรากฏอยู่บนใบหน้าของพวกเขา อย่าไรก็ตาม ไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหวแม้แต่ก้าวเดียว หากไม่ได้รับคำสั่งจากซุ่นเทียนและองค์ชายเงาดำ
นัยน์ตาของเย่ว์หยางหรี่ลงเล็กน้อย
มีแต่เขาที่สามารถมองเห็นด้วยจักษุญาณทิพย์ ภายในวงเวทอักษรรูนปลอม มีนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่น่าหวาดหวั่นซ่อนตัวอยู่ มันไม่ใช่ผนึกอย่างแน่นอน แต่เป็นการอำพราง
นักสู้ปราณก่อกำเนิดผู้น่ากลัวถูกซ่อนอยู่ภายในวงเวทอักษรรูนโบราณ ซุ่มซ่อนรอโอกาสเหมาะ
ตอนนี้ นักสู้ปราณก่อกำเนิดผู้นี้ซุ่มซ่อนอยู่ภายในวงเวทอักษรรูนเป็นเวลานานมิอาจประมาณ ได้ตื่นขึ้นแล้ว
บนผนังหิน แสงปีศาจแดงฉานส่องสว่างสดใส
แสงแดงเข้มเต็มทั่วพื้นที่ดูเหมือนอากาศว่างเปล่าถูกย้อมจนเต็มไปด้วยเลือด แม้แต่นรกบ่อโลหิตในตำนานก็ยังเทียบกับในตอนนี้มิได้
เมื่ออักษรรูนยักษ์ตัวสุดท้ายหลุดออกมาจากวงเวทอักษรรูนโบราณบนผนัง พื้นทั้งหมดสั่นสะเทือน เศษหินเศษศิลาหล่นลงมาจากอากาศอย่างต่อเนื่อง แม้แต่ก้อนหินรอบตัวพวกเขาก็พลันเกิดรอยร้าว ตอนนี้ทุกคนใจจดจ่ออยู่ที่ผนังหินที่กำลังจะพัง ไม่มีใครสนใจบนพื้น ยกเว้นเย่ว์หยาง เขาพบว่าพลังที่ลึกลับและน่าหวาดหวั่นลึกลงไปอยู่ใต้ฝ่าเท้าพวกเขา มันกระสับกระส่ายและตื่นเต้น แท้จริงเจ้าผู้นี้เจ้าเล่ห์ เขาใช้ผนังช่วยให้เขาซ่อนตัว ขณะที่ตัวเขายากที่ใครจะสังเกตเห็น
บนผนังหิน ตอนนี้อักษรรูนหลุดหมดแล้ว และมีเสียงระเบิดบึ้ม
ประกายแสงสีแดงที่สว่างกว่ารัศมีพระอาทิตยเป็นร้อยเท่าที่ยิงออกมาเรื่อยๆ ไม่หยุด
แม้แต่ซุ่นเทียนจักรพรรดิแห่งจื่อเว่ยที่ทรงพลังทำอะไรจริงจังไม่ได้นอกจากขมวดคิ้วเล็กน้อยและตั้งใจสังเกตอย่างระมัดระวังและมองหาความลับของวงเวทอักษรรูนโบราณอย่างตั้งใจ
“บึ้ม!”
มือน้อยๆ ละเอียดอ่อนยื่นออกมาจากภายในผนังหิน การเคลื่อนไหวของนางอ่อนโยนนุ่มนวล และพลังของมันที่แฝงออกมามีพลังทำลายล้างเหมือนสายฟ้า
เศษหินใหญ่พอๆ กับโม่หินกระเด็นลอยไปในอากาศ
ก่อนที่คนที่อยู่ในผนังหินจะหลุดเป็นอิสระ ภูเขาทั้งลูกสั่นสะเทือนรุนแรง เหมือนกับว่ากำลังจะพังทลายและโลกกำลังจะแตกสลาย เย่ว์หยางรู้สึกได้ ขณะเดียวกัน พลังที่น่ากลัวยิ่งกว่าจากใต้ดินกำลังดิ้นรนอยู่ภายในวงเวทอักษรรูนโบราณที่แท้จริง เหมือนกับว่ามันพยายามจะหลบหนีออกมาจากผนึก
ก้อนหินขนาดใหญ่พอๆ กับบ้านหลุดออกมาจากผนังหิน นักผจญภัยที่หลบไม่ทันก็ถูกบดทับแหลกเหลว
เมื่อผู้ที่อยู่ในผนังหินทลายผนังหินออกมา ก้อนหินที่ปลิวกระเด็นออกมามีพลังพอๆ กับพลังโจมตีของนักสู้ปราณก่อกำเนิด ต่อให้ทอเรนหัวหน้ากลุ่มก็ยังต้องหลบไม่กล้าใช้แขนปัดป้อง ไม่ต้องพูดถึงนักผจญภัยธรรมดาเลย ดาบมืดตื่นตัว เขายืนอยู่ด้านหลังเย่ว์หยางตลอดเวลาและไม่ยอมอยู่ห่างแม้แต่วินาทีเดียว เขามีความรู้สึกว่าทางเดียวที่เขาจะออกไปได้ก็คืออยู่ใกล้ๆ กับบุรุษหน้ากากผู้นี้ ทันทีที่เขาจากไป เขาคงตายแน่นอน
สิ่งที่ระเบิดออกมาจากจากผนังหินเป็นหญิงงามเปลือยกาย ทรงเสน่ห์ยั่วยวนนางหนึ่ง รูปร่างของนางเย้ายวนจนทำให้ผู้เห็นน้ำลายหก ผมที่เหมือนเปลวเพลิงของนางลุกโพลงตั้งชัน เขาเล็กๆ ทั้งสองงอกออกมาจากขมับทำให้ดูทั้งป่าเถื่อนทั้งยั่วยวน ดวงตากลมงามและริมฝีปากที่ทรงเสน่ห์ ใครก็ตามที่ได้รับการเหลียวมองจากนางก็คงเลือดลมพลุกพล่านด้วยความปรารถนาทันที ความปรารถนาที่จะมีสัมพันธ์กับนางถั่งโถมใส่ราวกับคลื่นใหญ่ อกเนียนนุ่มของนางขาวราวหิมะ เอวคอดกิ่วและหางที่อยู่ด้านหลังของนางเหมือนแส้ของราชินี
หญิงสาวงดงามผู้งามปานจะฆ่าคนได้ผู้นี้ ไม่สนใจสายตาคนอื่นเลย
ทันทีที่ออกมาจากผนัง นางไม่สนใจความจริงที่ว่าร่างของนางยังเปลือยอยู่ นางขยิบตาให้ผู้คนด้วยท่าทีที่ยั่วยวน
ทันทีที่นางใช้สายตาที่ทรงเสน่ห์เหมือนปล่อยกระแสไฟฟ้าใส่พวกเขา นักผจญภัยทุกคนเหมือนกลายเป็นเดรัจฉานผู้บ้าคลั่งทันที พวกที่พลังจิตใจอ่อนแอ ก็ฉีกทึ้งเสื้อผ้าตนเองทันทีพร้อมกับน้ำลายหก เหมือนกับว่าพวกเขาต้องการจะหลับนอนกับนางปีศาจสาวทันที
แม้แต่พวกที่พลังใจกล้าแข็งก็ยังทำอะไรไม่ได้ ได้แต่มองตามสายตาที่ทรงเสน่ห์ของนาง และจบลงด้วยการเผยความเห็นแก่ตัวจนยากจะรู้สึกตัวอยู่เป็นเวลานาน
ซุ่นเทียนกลืนน้ำลายและพยายามทำตัวเหมือนมีมารยาท ก่อนอื่นเขาโยนเสื้อคลุมทองให้สาวงามได้ปกปิดตัวเอง ขณะเดียวกันก็แสดงความเคารพตามแบบนักสู้ปราณก่อกำเนิด “ขอคารวะท่าน ผู้เยาว์นามซุ่นเทียน ข้าไม่ทราบว่าทำไมท่านผู้อาวุโสถึงได้ถูกผนึกไว้ที่นี่ แต่เนื่องจากโชคชะตาทำให้ข้าได้พบกับความงามของท่าน โปรดบอกชื่อให้เราทราบด้วย เพื่อที่ว่าเราเหล่าผู้เยาว์จะได้แสดงคารวะ”
หญิงงามคว้าชุดของซุ่นเทียนโดยเคลื่อนไหวนิ้วอย่างว่องไว
ทักษะฝีมือของนางยอดเยี่ยมมากแม้แต่ซุ่นเทียนก็ยังตื่นเต้น
นางสวมชุดทองช้าๆ ไม่ทราบว่าเป็นเจตนาหรือเป็นเพราะนิสัยของนาง แม้เมื่อนางสวมใส่ชุด นางก็ยังไม่ลืมยั่วยวนพวกเขา นักผจญภัยมากมายไม่สามารถทนความปรารถนาจากก้นบึ้งหัวใจได้ จึงเปลือยร่างและมีดวงตาที่แดงฉาน พวกเขารีบพุ่งเข้าหาสาวงามหยาดเยิ้มผู้นี้ เห็นได้ชัดว่าซุ่นเทียนไม่พลาดโอกาสนี้ที่จะเอาใจนาง เขายื่นนิ้วออกไปและเคาะอย่างต่อเนื่อง พลังดรรชนีเปล่าๆ ของเขาเหมือนกับไฟฟ้าที่พุ่งเข้าหานักผจญภัยที่คลุ้มคลั่งผู้เตรียมตัวจะข่มขืนสตรี พวกเขาศีรษะระเบิดตายกันหมด
“ชุดนี้สวยจริงๆ ข้าชอบมัน” หญิงงามมองซุ่นเทียนด้วยนัยน์ตายั่วยวนของนาง แม้ว่านางกำลังมองดูซุ่นเทียน แต่ทุกคนในตอนนี้รู้สึกว่านางกำลงมองดูพวกเขาและคุยอยู่กับพวกเขา นางงามปีศาจหัวเราะคิกคักก่อนที่นางจะเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่ทรงเสน่ห์ของนาง “เนื่องจากซุ่นเทียนผู้หล่อเหลานี้ถาม ข้าจะบอกเจ้าให้ก็ได้ ข้ามีนามว่า ชื่อเฟย (พระสนมแดง) โอว.. ผ่านไปพันปีแล้ว ข้าเกรงว่าเจ้าทุกคนลืมเรื่องข้าไปแล้ว”
“ชื่อเฟยเหรอ?” ทันทีนั้น ซุ่นเทียนคิดไม่ถึงจริงๆ ว่ายังมีสาวงามขนาดนั้นในอดีต
“….” เย่ว์หยางกลับตรงกันข้าม เขาตกตะลึง
ตอนนี้เขาสามารถเข้าใจได้หมดแล้ว นักสู้ปราณก่อกำเนิดผู้น่ากลัวถูกผนึกอยู่ใต้เท้าของพวกเขา เป็นเขาจริงๆ! คนที่พ่ายแพ้จักรพรรดิอวี้และมีชื่อเสียงพอๆ กับเขา จักรพรรดิ “ชื่อตี้” ชื่อเฟยผู้นี้เป็นพระสนมในวังหลวงที่จักรพรรดิชื่อตี้หลงใหลที่สุด
ถ้าเขาปล่อยให้จักรพรรดิชื่อตี้หลบหนีออกไปจากผนึกอีกครั้ง ก็คงจะไม่ต่างจากปล่อยให้ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ทั้งสามหลบหนีไปจากวังเทพจักรพรรดิอวี้
สามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์กลับไปยังแดนสวรรค์ ไม่ว่าจะเป็นซิวคง, จิ่วเซียวหรือหมิงเย่ว์กวง ไม่มีผู้ใดอยู่ในโลกมนุษย์เลย อย่างไรก็ตาม จักรพรรดิชื่อตี้นั้นแตกต่างออกไป ถ้าเจ้าผู้นี้ทำลายผนึกออกมาได้ ไม่เพียงแต่ทวีปมังกรทะยานเท่านั้น แต่ทั่วทั้งหอทงเทียนจะไม่มีวันได้พบกับความสงบสุขอีกเลย
จักรพรรดิอวี้ตายไปแล้ว
หลังจากผ่านไปหกพันปี นักสู้ปราณก่อกำเนิดอ่อนแอลง ผู้ใดจะเป็นคู่ต่อสู้กับจักรพรรดิชื่อตี้ได้?
อย่าว่าแต่จักรพรรดิชื่อตี้ก็ยังมีชื่อเสียงพอๆ กับจักรพรรดิอวี้ แม้แต่พระสนมชื่อเฟยที่ทลายผนังออกมาก็เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับเก้า ยังไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้นางยังอยู่ในสภาพอ่อนแอ
ถ้านางกลับไปอยู่ในสภาพที่สุดยอด อย่างน้อยที่สุดนางอาจเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสิบก็ได้
เย่ว์หยางอดจะกำหมัดแน่นไม่ได้ ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่สามารถเรียกอสูรของเขาได้ จะสามารถหยุดการปลุกจักรพรรดิชื่อตี้ได้หรือไม่? ชื่อเฟยคนเดียวก็ปวดหัวพอแล้ว ยังเพิ่มซุ่นเทียนและองค์ชายเงาดำเข้าไปอีก การต่อสู้ครั้งนี้อยู่ในสภาพเลวร้ายมาก อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะยากลำบากเพียงไหน เขาจะไม่ยอมให้จักรพรรดิชื่อตี้เห็นแสงตะวันเป็นอันขาด ทันทีที่เจ้าผู้นี้ทำลายผนึกออกมาได้ ความหวังทั้งหมดจะสูญสลายไป
*****************