ตอนที่แล้วตอนที่ 13-15 ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 13-17 ข้อความทางใจ

ตอนที่ 13-16 กลับมาอีก


เนื่องจากโอจวินและฮันบริทถูกขับไล่ออกไป คนภายในปราสาทเลือดมังกรรู้สึกโล่งใจมากขึ้น  ลินลี่ย์ไดลินและทารอสทุกคนมารวมตัวอยู่ห้องโถงใหญ่พูดคุยหัวเราะและเพลิดเพลินกับมื้อค่ำแสนอร่อย

กลุ่มของลินลี่ย์อารมณ์ดีกันทุกคน

แต่โอจวินอารมณ์ย่ำแย่!

ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเมฆสีเทา

โอจวินและฮันบริทกำลังบินเคียงไหล่กันกลับไปที่จักรวรรดิโอเบรียน

ฮันบริทชำเลืองมองโอจวิน  “โอจวิน, อย่าเพิ่งทุกข์ใจนักเลย  ทั้งทารอสและไดลินทั้งสองมีพลังมากกว่าที่เจ้าคาดไว้ มีแค่เราสองคนจะไปฆ่าโอลิเวอร์ที่อยู่ภายใต้การจับมองของพวกเขาน่ะหรือ?เป็นไปไม่ได้เลย”

โอจวินเงียบ

“ฆ่าโอลิเวอร์ เป็นเพียงตัวเลือกเดียวที่ต้องทำเมื่อโอลิเวอร์ออกมาจากปราสาทเลือดมังกรหรือ.. เมื่อทารอสและไดลินออกไปจากปราสาทเลือดมังกร”  ฮันบริทแนะนำ “โอจวิน! สำหรับตอนนี้ยกเลิกไปก่อน เมื่อได้เวลาเหมาะสม ถ้าเราสามารถขอให้ลอร์ดแอดกินส์ลงมือได้หรืออาจเป็นบาร์นาสหรือเกเทนบีช่วยเรา เรามั่นใจว่าจะชนะได้แน่”

ไม่ว่าจะเป็นลอร์ดแอดกินลงมือหรือความร่วมมือของบาร์นาส เกเทนบีฮันบริทและโอจวินจะทำให้ผลของการโจมตีปราสาทเลือดมังกรทำได้ง่ายและฆ่าโอลิเวอร์ได้

อย่างไรก็ตาม...จะโน้มน้าวลอร์ดแอดกินส์ได้หรือ?

“ลอร์ดแอดกินส์เป็นคนยังไง?  ข้าเกรงใจแม้แต่จะพูดต่อหน้าเขา”  โอจวินหัวเราะหยันตัวเอง  “สำหรับบาร์นาสและเกเทนบีทั้งสองคนนี้ยากจะผูกมิตรด้วย เว้นแต่ข้าต้องใช้เวลาและพลังงานกับพวกเขาอย่างเพียงพอ  เป็นไปไม่ได้เลยที่จะให้พวกเขามาช่วย”

“เจ้าเข้าใจได้แบบนั้นก็ดีแล้ว  ดังนั้นในตอนนี้ อดทนไปก่อน”  ฮันบริทกล่าว

โอจวินเงียบ

อดทน?

เขาจะอดทนและไม่ใส่ใจศัตรูผู้ฆ่าลูกชายของเขาได้ยังไง?  โอจวินคิดหาวิธีฆ่าโอลิเวอร์อย่างต่อเนื่อง

ฮันบริทชำเลืองมองโอจวิน  เขาอดถอนหายใจไม่ได้  “โอจวินผู้นี้ดูเหมือนจะหมกมุ่นยิ่งนัก  จะดีที่สุดที่ข้าควรทำลายความหวังหรือจินตนาการที่อาจทำให้เขาสนุกได้”  ฮันบริทพูดขึ้น  “โอจวิน จะโอลิเวอร์ผู้นั้นได้  เราต้องกำหนดทิศตำแหน่งของเขาก่อนแล้วต้องใช้สัมผัสเทพของเราส่งไปค้นหาเขา แต่ขณะเดียวกันกับที่เราทำเช่นนั้น เราอาจจะถูกตรวจพบ  เป็นไปไม่ได้เลยสำหรับเราหากจะฆ่าโอลิเวอร์ภายใต้การจับตาของทารอสและไดลิน  ดังนั้นเจ้าน่าจะล้มเลิกเสียดีกว่า”

“เจ้าเพิ่งพูดอะไรไปนะ!!!”  ตาของโอจวินเบิกกว้าง  และเขาจ้องมองฮันบริทอย่างตกใจและยินดี

ฮันบริทตกใจ  “ข้า..ข้าไม่ได้พูดอะไร?”

“ก็ที่เจ้าเพิ่งพูดนี้ไง  ใช้สัมผัสเทพค้นหา...”  โอจวินตื่นเต้นมากจนนัยน์ตาฉายประกาย

ฮันบริทสับสนอย่างหนัก  “แล้วไง ถ้าเราใช้สัมผัสเทพค้นหาโอลิเวอร์ ไดลินและทารอสจะต้องตรวจพบเรา การลอบทำร้ายของเราก็จะไม่สำเร็จ แล้วยังไงกัน?” ฮันบริทไม่เข้าใจเหตุผลที่โอจวินจู่ๆ ก็ดีใจ

“ฮ่าฮ่า...”

โอจวินหัวเราะลั่น

“หือ?” ฮันบริทค่อนข้างสับสน

โอจวินสูดหายใจลึกตาของเขามีแววตื่นเต้น เขาพยายามข่มเอาไว้  “ฮันบริทเมื่อเราใช้สัมผัสเทพค้นหาโอลิเวอร์ ทารอสก็สามารถจับตำแหน่งเราได้ อย่างนั้น... จะเป็นยังไงถ้าเราไม่ใช้สัมผัสเทพ?  ฮ่าฮ่า ข้าไม่ทันคิดถึงวิธีนี้ ข้านี่โง่จริงๆ... ฮ่าฮ่า...”

โอจวินหัวเราะลั่นด้วยความตื่นเต้น

ฮันบริทเริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้าง  “โอจวิน, ถ้าเราไม่ใช้สัมผัสเทพก็ไม่มีทางที่เราจะค้นหาโอลิเวอร์ในช่วงเวลาสั้นๆ ได้”

“ไม่ต้องห่วง” ตาของโอจวินเป็นประกายเย็นชา “ง่ายมาก, ข้าแค่จำเป็นต้องแทรกซึมเข้าไปในปราสาทเลือดมังกร ไดลินกับทารอสคงไม่กระจายสัมผัสเทพของพวกเขาตลอดเวลาหรอก ใช่ไหม?  ภายในปราสาทเลือดมังกร  ตราบใดที่ข้าใช้เวลาแค่เพียงเล็กน้อยข้าจะหาตัวโอลิเวอร์ได้พบ”

โอจวินมั่นใจอย่างไม่เคยมีมาก่อน

“ระวังด้วย อย่าได้ลงเอยด้วยการวิ่งไปเจอทารอสหรือไดลินก่อนเจอตัวโอลิเวอร์เสียเล่า!”  ฮันบริทพูดพลางหัวเราะ

“ไม่ต้องห่วง ข้าคงไม่โชคร้ายขนาดนั้นหรอก” โอจวินพูดทันที

อันตรายเพียงอย่างเดียวของเขาต่อการแทรกซึมเข้าปราสาทเลือดมังกรก็คือเขาอาจไปเจอไดลินหรือทารอสก่อนจะพบกับโอลิเวอร์  ถ้าเรื่องนั้นเกิดขึ้นก็คงไม่มีทางที่เขาจะฆ่าโอลิเวอร์ได้เลย

“วิธีนี้ของเจ้ามีโอกาสสำเร็จได้แน่นอน  และโอกาสก็มีค่อนข้างสูงเสียด้วย”  ฮันบริทพยักหน้า  “เพียงแต่, วิธีนี้ก็อันตรายด้วยเช่นกัน โอจวิน,ทั้งหมดที่ข้าทำได้ก็คือรออยู่ที่นี่และหวังว่าเจ้าจะประสบความสำเร็จ  ข้าไม่อาจร่วมทางกับเจ้าได้”

“ไม่จำเป็น” โอจวินเข้าใจปฏิบัติการที่เกี่ยวข้อง “ข้าคนเดียวก็คงพอ”

หลังจากพูดจบโอจวินยิ้มให้ฮันบริทจากนั้นบินกลับไปที่ปราสาทเลือดมังกร

เมื่อเห็นโอจวินหายลับตาไปฮันบริทลอบถอนใจ “จุดอ่อนอย่างเดียวของโอจวินก็คือเขาใส่ใจลูกชายของเขามากเกินไป”  ทั้งฮันบริทและโอจวินต่างก็ร้ายกาจอย่างไม่มีใครเทียบได้  ตัวอย่างเช่น ฮันบริทคือคนที่ทำลายภูเขาเทพสงคราม

โอจวินกลับเป็นคนทำลายวังหลวงของจักรวรรดิบาลุค

ปราสาทเลือดมังกรลินลี่ย์กับเดเลียอยู่ในที่พัก

ลินลี่ย์กับเดเลียเพลิดเพลินอยู่ในโลกเล็กๆส่วนตัวของพวกเขา ลินลี่ย์นอนอยู่บนเตียงมีเดเลียอยู่ในอ้อมแขน นางแนบหูกับอ้อมอกลินลี่ย์ฟังเสียงเต้นของหัวใจลินลี่ย์

ลินลี่ย์ลูบไล้ผมที่หอมจรุงของนางเมื่อสูดกลิ่นผมของนาง เขารู้สึกใจสงบ

“ลินลี่ย์” เดเลียเอ่ยขึ้นทันที

“หืม?” ลินลี่ย์ตอบ

เดเลียกล่าว“ลินลี่ย์, ในเร็ววันนี้ ทุกๆ วันข้าเกรงว่าจะเกิดสงคราม ชีวิตแบบนี้....”  เดเลียเงยหน้ามองลินลี่ย์  “เมื่อไหร่เรื่องนี้จะจบเสียที?”

ความจริงลินลี่ย์ก็รู้สึกได้ว่าหลายคนในปราสาทเลือดมังกรกังวลกันมาก

“เจ้ากำลังกังวลเรื่องอะไร?”  ลินลี่ย์ถอนหายใจ  “ในอดีต เมื่อข้ายังอายุน้อยเจ้ายังเป็นแค่จอมเวทธรรมดา และข้ายังไม่เป็นเซียนด้วยซ้ำ  เราก็ยังประสบความสำเร็จผ่านคืนวันเหล่านั้นมาได้ไม่ใช่หรือ?  เส้นทางที่เต็มไปด้วยการดิ้นรนต่อสู้  และตอนนี้, ข้าก็เข้าถึงระดับเทพขณะที่เจ้าในอีกไม่กี่ปีนี้ก็จะหลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์ของเจ้ากลายเป็นเทพเช่นกัน  ตอนนั้นเรายังไม่กลัวแล้วตอนนี้มีอะไรจะต้องกลัวอีก?”

เดเลียนึกย้อนถึงวันในอดีต  เมื่อนางยังพึ่งพาตัวเองทั้งหมด  เวลานั้น ลินลี่ย์และอลิซคบหากันและตอนนั้นเขาหายสาบสูญไปเกือบสิบปี

และตอนนั้นเดเลียคิดถึงว่านางกับลินลี่ย์มาอยู่ด้วยกันได้ยังไงในตอนนี้

เดเลียหัวเราะ  ใช่แล้ว มีอะไรที่นางต้องกังวลด้วย?

นางมีความเพลิดเพลินกับชีวิตที่สงบสุขเช่นนั้นมาก  ลินลี่ย์และเดเลีย แม้ว่าทั้งสองต้องต้องใช้เวลาร่วมกันบ่อยๆ แต่นี่ก็มีความอบอุ่นใจ

“ลินลี่ย์, เจ้าได้พบอลิซบ้างหรือยัง?”  เดเลียถามทันที

“เจ้าเพิ่งพูดถึงอลิซ?” ลินลี่ย์ไม่รู้สึกตื่นเต้นเมื่อเรื่องของอลิซถูกหยิบยกมาพูด  เขาเพียงแต่มีความรู้สึกในใจ  รู้สึกว่ามีความเปลี่ยนแปลงไปมากทะเลสีครามยังกลายเป็นทุ่งเบอรี่ไปเสียได้ “ข้าไม่เคยได้พบนางเลย เจ้ามีอะไรหรือ?” ผ่านมาหลายสิบปีแล้วตั้งแต่ลินลี่ย์พบอลิซครั้งสุดท้ายช่วงงานแต่งงานของนาง

“ข้าพบนาง” เดเลียกล่าว  “และนางอยู่ในเมืองหลวงบาลุคนี่เอง”

“เมืองหลวงบาลุค?  อลิซอยู่ในเมืองหลวงบาลุค?”  ลินลี่ย์ค่อนข้างประหลาดใจ

เดเลียพยักหน้า  “ถูกแล้ว เดี๋ยวนี้เรามีหอศิลป์พรูกซ์ในเมืองหลวงด้วย และอลิซก็เป็นผู้จัดการอยู่ที่หอศิลป์พรูกซ์นั้น  แต่แน่นอน นางเป็นแค่ผู้จัดการสาขา  อลิซเปลี่ยนไปไม่มากเมื่อเทียบกับอดีต  เจ้าก็รู้นางยังคงงดงามมาก”  เดเลียมองลินลี่ย์อย่างล้อเลียน

ลินลี่ย์ได้แต่หัวเราะ

เขายังจำได้ช่วงเหตุการณ์วันมหาวินาศเขามอบอลิซและโรวลิ่งให้ผู้อำนวยการไมอาดูแล

“นอกจากนี้ อลิซไม่ได้แต่งงานด้วย”  เดเลียจ้องมองลินลี่ย์มองดูความเปลี่ยนแปลงในอารมณ์ของเขาอย่างระมัดระวัง

“อะไรนะ?” ลินลี่ย์ค่อนข้างประหลาดใจ

ที่สำคัญเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว ความรักแรกรุ่นที่พวกเขามีต่อกันในอดีตไม่ค่อยเด่นชัดเป็นเหมือนความฝัน  และวันมหาวินาศคาลันก็ตายลงเช่นกัน  ลินลี่ย์คิดว่าอลิซคงแต่งงานไปนานแล้ว

“อะไร, เจ้ายังมีความคิดเห็นพิเศษอะไรด้วยหรือ?”เดเลียหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์

“ไม่มีจริงๆ ก็แค่ ข้าตื่นเต้นนิดหน่อย” ลินลี่ย์พูดพลางหัวเราะ

เดเลียไม่ล้อลินลี่ย์ต่อไป  นางพยักหน้าและกล่าว  “บอกตามตรงนะเป็นเจนน์ที่เล่าให้ข้าฟังเรื่องอลิซมายังเมืองหลวงเจนน์เคยใช้เวลามากมายอยู่ในเมืองหลวงใช่ไหม? นางมีชื่อเสียงมากในแวดวงคนชั้นสูงในเมืองหลวงเดี๋ยวนี้ เป็นธรรมดาอยู่นั่นเองที่นางได้พบกับอลิซในงานเลี้ยงที่นั่น”

เนื่องจากลินลี่ย์และเดเลียสนทนากันส่วนตัวเป็นเรื่องระหว่างสามีภรรยากันทันใดนั้นมีร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นจากใต้พื้นดินของสวนด้านหลังปราสาทเลือดมังกร  เป็นโอจวินนั่นเอง เขาลอบเข้ามา

“ได้เวลาแล้ว” โอจวินพูดกับตัวเอง

ความจริงโอจวินรออยู่ห่างออกไป สองสามร้อยกิโลเมตรจากปราสาทเลือดมังกร  หลังจากผ่านไปสามหรือสี่ชั่วโมง  เขาจึงเข้ามา ตามการคำนวณของโอจวิน.. น่าจะเป็นเวลามื้อค่ำหลังจากการต่อสู้เพิ่งผ่านไป  เขาคาดว่าตอนนี้ควรจะเป็นเวลาเที่ยงคืน

“ตอนนี้ทุกคนน่าจะกลับไปที่ห้องของตนเองแล้ว  มีเพียงยามจำนวนเล็กน้อยลาดตระเวนอยู่รอบๆ”  โอจวินข่มความตื่นเต้นในใจ

เขาเริ่มพรางตัวลอบเข้าไปในภายในปราสาทเลือดมังกร

ปราสาทเลือดมังกรใหญ่โตมากเทียบได้กับเมืองเล็กๆ มีคนทั่วไปอาศัยอยู่เป็นพันคนที่นี่ และในแต่ละคืนจะมีเวรยามคอยลาดตระเวณแต่แน่นอนสำหรับพลังเทพแท้อย่างโอจวิน เขาสามารถหลบหลีกเวรยามเข้ามาได้เป็นธรรมดา

“เฮ้พวก.. พวกเจ้าทำงานต่อไปนะ  เราจะไปพักก่อน”

เวรยามผลัดกลางคืนเตรียมเข้ามาเปลี่ยนผลัด หนึ่งในเจ้าหน้าที่มุ่งหน้ากลับที่พักของตนเองพลางทักทายกับคนอื่นเมื่อพวกเขามาถึงสวนด้านเหนือที่ซึ่งพวกยามและบ่าวบริวารพักอาศัยพวกเขาแยกย้ายต่างคนต่างไปห้องพักของตนเอง

ทันใดนั้นหนึ่งในยามลาดตระเวนที่เดินกลับที่พักรู้มึนศีรษะและสติของเขาเลือนรางลงร่างมนุษย์คนหนึ่งปรากฏอยู่ด้านหลังของเขา โอจวินนั่นเอง

“บอกข้ามา โอลิเวอร์พักอยู่ที่ไหน”  โอจวินพูด

แม้ว่าโอจวินจะไม่เชี่ยวชาญวิชาควบคุมคนอื่น  แต่แค่อาศัยพลังจิตของตนในฐานะเป็นเทพเขาสามารถควบคุมคนธรรมดาได้อย่างง่ายๆ

“ไม่รู้” ยามผู้นั้นพูดอย่างแข็งทื่อ

โอจวินอดขุ่นเคืองไม่ได้  “อย่างนั้นทารอสกับไดลินเล่า?”

“ไม่รู้” ยามยังคงพูดเหมือนเดิม

โอจวินอดรู้สึกโกรธไม่ได้  แต่จากนั้นเขาก็เข้าใจได้โดยเร็ว “ดูเหมือนว่าคนธรรมดาในปราสาทเลือดมังกรจะไม่คุ้นเคยกับเทพแม้แต่น้อย  มีแต่ผู้รับใช้ส่วนตัวจึงจะรู้จักพวกเขา”  โอจวินไต่รตรองถึงขั้นตอนต่อไป

“งั้นข้าจะถามอย่างนี้ เจ้าเคยเห็นบุรุษหนุ่มผมขาวดำบ้างไหม?  เขาอยู่กับลินลี่ย์บ่อยๆ” โอจวินกล่าว

“ข้าเคยเห็น” ยามผู้นั้นพูดเหมือนเครื่องจักร

“เจ้ารู้ไหมว่าเขาพักอยู่ที่ไหน?”  โอจวินรู้สึกยินดีในใจ  และรีบถามคำถามยาวเป็นพรวน

“สวนตะวันออก เมื่อเราลาดตระเวนไปข้าเห็นท่านผู้นั้นอยู่ เขาอยู่กับใต้เท้าหลายคนในสวนตะวันออกลอร์ดลินลี่ย์มักจะไปพบกับเขาบ่อย”  ทหารยามกล่าว  โอจวินยินดีแทบคลั่ง  “ดูเหมือนโอลิเวอร์ทารอสและไดลินจะรวมกันอยู่ในสวนตะวันออกกันหมด”

“พาข้าไปที่นั่น”  โอจวินกล่าว

“ขอรับ” ทหารยามไม่อาจต่อต้านได้แม้แต่น้อย

ทหารยามพาโอจวินออกจากสวนทิศเหนือตรงไปที่สวนตะวันออกทันที

“เฮ้, วิล เจ้าเพิ่งจะกลับไปพักไม่ใช่หรือ?  เจ้ามาทำอะไรที่สวนตะวันออกนี่?” หน่วยลาดตระเวนหลายคนเดินออกมาจากสวนตะวันออก  เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้จักทหารยามผู้นี้และพวกเขาถามเขาทันที

โอจวินซ่อนอยู่บริเวณใกล้ๆ

“บอกพวกเขาไปว่าเมื่อตอนเจ้าลาดตระเวนเจ้าทำของหายในสวนตะวันออก  ดังนั้นเจ้ามาตามหาของ”  โอจวินกล่าวทันที

ทหารยามกล่าว“เมื่อตอนข้าลาดตระเวน ข้าลืมของไว้ในสวนตะวันออก ข้ากลับมาค้นหาดู

พวกทหารยามอื่นเริ่มหัวเราะ  “วิล, เจ้าเลินเล่อจริงๆ ตอนนี้มืดแล้วหาให้ดีเล่า ถ้าหาไม่เจอ ค่อยกลับมาหาใหม่ตอนกลางวันก็ได้” หลังจากพูดจบกลุ่มทหารยามเดินกลับไปลาดตระเวนต่อ

แม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกว่าท่าทางการพูดของวิลจะแตกต่างจากเมื่อก่อนไปบ้าง  แต่พวกเขาก็ไม่ได้เอะใจแต่ประการใด

ที่สำคัญพวกเขาสามารถบอกได้แค่เพียงเหลียวมองว่าเป็นวิลเพื่อนเก่าพวกเขาแน่นอน

“เดินต่อไป” โอจวินสั่งและทหารยามเดินลึกเข้าไปในสวนด้านตะวันออกของปราสาทเลือดมังกรทันที...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด