ตอนที่แล้วตอนที่ 13-11 ประกายศักดิ์สิทธิ์ของเดลี่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 13-13 วัฏจักรพันปี

ตอนที่ 13-12 การตัดสินใจของเดลี่


อารมณ์ที่สุภาพ กับใบหน้าที่มีรอยยิ้มของเขา  นี่คือภาพพจน์ของเดลี่ที่ประทับอยู่ในใจของลินลี่ย์  แต่ตอนนี้เดลี่มีผมกระเซิงและทั่วทั้งตัวเปล่งรังสีอำมหิต แม้เดลี่จะสังเกตได้ว่าลินลี่ย์มาถึงแล้ว  แต่เขาก็ไม่เปลี่ยนกลิ่นอายแม้แต่น้อย

“เจ้ามาแล้ว” เดลี่พูดอย่างสงบ

ลินลี่ย์ลอบถอนใจ

การถูกทำลายร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ส่งผลกระทบใหญ่ต่อจิตใจของเดลี่อย่างเห็นได้ชัดจริงๆ

“เดลี่, ไม่มีประโยชน์เลยกับการรู้สึกเสียใจที่ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ของท่านถูกทำลาย ตอนนี้สิ่งที่ท่านต้องทำคือฝึกฝนอย่างหนักและคิดถึงเส้นทางอนาคต ทางที่เป็นอยู่ในตอนนี้ทำให้ท่านหงุดหงิดไม่ยอมคุยกับครอบครัวและสหายเก็บงำทุกสิ่งไว้ในใจ นั่นจะทำให้ครอบครัวและสหายของท่านรู้สึกกังวลถึงท่าน”ลินลี่ย์เตือน

เดลี่เงียบอยู่ชั่วขณะ

“เมื่อข้ากลับมา จิตใจของข้าอยู่ในสภาพว้าวุ่นข้าไม่ต้องการคุยกับพวกเขา” เดลี่กล่าว

ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย

เดลี่และลินลี่ย์แตกต่างกัน  ที่สำคัญเดลี่ฝึกฝนมาอย่างหนักเกินห้าพันปีจึงได้กลายเป็นเทพ ผลลัพธ์ของความพยายามห้าพันปีหายไปหมดสิ้นในวันเดียว ในตอนแรกไม่มีใครสามารถรับผลเช่นนั้นด้วยความสงบใจเย็น

“เดลี่, แล้วท่านตัดสินใจยังไง?”  ลินลี่ย์ถอนหายใจขณะถาม “ท่านจะฝึกในสายธาตุอื่นเพื่อกลายเป็นเทพด้วยตัวเอง หรือจะหาประกายศักดิ์สิทธิ์และหลอมรวมเพื่อกลายเป็นเทพ?”  เมื่อถึงจุดนี้เดลี่ไม่มีทางเลือกอื่น

เดลี่หัวเราะหยันชะตาตนเอง

“ฝึกในสายธาตุอื่นน่ะหรือ?”  เดลี่มองดูลินลี่ย์  “ลินลี่ย์!  ข้าเชี่ยวชาญกฎธรรมชาติธาตุแสงที่สุดแต่ถึงอย่างนั้นตัวข้าเองยังต้องใช้เวลานานกว่าจะกลายเป็นเทพได้  ถ้าข้าเปลี่ยนไปฝึกกฎธรรมชาติธาตุอื่น  คงต้องใช้เวลาเกินกว่าหมื่นปี  บอกข้าที, เป็นไปได้ยังไงที่ข้าจะกลายเป็นเทพด้วยตัวเองอีกครั้ง?”

ลินลี่ย์เงียบไปครู่หนึ่ง

ลินลี่ย์เข้าใจว่าทุกคนมีจุดแข็งและความเชี่ยวชาญเป็นของตนเอง  ตัวอย่างเช่นถ้าให้ลินลี่ย์ฝืนฝึกในกฎธรรมชาติธาตุมืดซึ่งเขาไม่รู้อะไรเลย  แต่ให้เขาใช้ความพยายามสิบเท่าหรือร้อยเท่าความสำเร็จของเขาในกฎธรรมชาติธาตุมืดก็จะไม่มีทางถึงระดับของกฎธรรมชาติธาตุลมของเขา

ความพยายามครึ่งหนึ่งเพื่อให้ได้รับผลเป็นสองเท่ากับความพยายามสองเท่าเพื่อให้ได้รับผลครึ่งเดียว มีระยะห่างกันทั้งสองเงื่อนไข

“เดลี่, ข้ารู้ว่าท่านมีความชำนาญที่สุดในกฎธาตุแสง..”  ลินลี่ย์กล่าวจริงจัง “ประกายศักดิ์สิทธิ์ของท่านถูกบุรุษชุดเงินที่รับใช้โอจวินยึดไป  ไม่ต้องห่วงข้าจะต้องหาทางชิงประกายศักดิ์สิทธิ์นั้นกลับมาให้ท่านจงได้”

ถ้าร่างหลักของเดลี่หลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์ของตน อย่างนั้นเขาจะสามารถประสบความสำเร็จในช่วงเวลาที่สั้น

แต่ลินลี่ย์เข้าใจว่าเป็นเรื่องยากจะพูดได้ว่าบุรุษชุดเงินนั้นจะปรากฏตัวอีกหรือไม่

“ถ้าข้าไม่สามารถหาประกายศักดิ์สิทธิ์ให้ท่านได้  อย่างนั้นข้าจะหาทางหาประกายศักดิ์สิทธิ์ธาตุแสงอื่นมาให้”  ลินลี่ย์กล่าว

เดิมทีขณะที่ลินลี่ย์เห็นนั้น..เมื่อโอจวินโจมตีเดลี่เผชิญหน้ากับเขาโดยตรงไม่ได้ถอยทันทีซึ่งเป็นผลให้ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ของเขาถูกทำลาย ร่างหลักของเดลี่ฝากอนาคตไว้กับกฎธรรมชาติธาตุแสง  แต่ตอนนี้ทางเลือกประการเดียวของเขาคือหลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นเทพอีกครั้ง

ลินลี่ย์ต้องช่วยเขาให้ได้

“ไม่ต้อง” เดลี่กล่าวด้วยความตั้งใจแน่วแน่ไม่หวั่นไหว

ลินลี่ย์อดรู้สึกตกใจไม่ได้

เดลี่ต้องการอะไรกันแน่? หรือว่าตัวของเขาเองจะอาศัยพลังเซียนชั้นสูงสุดของเขาชิงประกายศักดิ์สิทธิ์เอง?

“ข้าไม่ต้องการฝึกในกฎธรรมชาติธาตุแสงอีกต่อไปแล้ว”  เดลี่มองลินลี่ย์และถอนหายใจ  “ลินลี่ย์!  หลังจากสู้รบมาหลายครั้ง  ข้าพบว่าการฝึกพลังโจมตีวิญญาณค่อนข้างเสียเปรียบในการสู้รบข้าต้องการฝึกสัจธรรมธาตุลึกลับที่ใช้สู้ระยะประชิดได้”

“ระยะใกล้?”ลินลี่ย์ค่อนข้างประหลาดใจ

เขาคาดไม่ถึงว่าเดลี่จะตัดสินใจเปลี่ยนแนวทางการฝึกของเขาจริงๆ

แต่ก็เป็นเรื่องสมเหตุผล หลังจากกลายเป็นเทพ เดลี่ร่วมสู้ครั้งใหญ่สองครั้ง ครั้งแรกสู้กับโบมอนต์  ครั้งที่สองสู้กับบุรุษชุดเงินบริวารของโอจวิน  เดลี่ตระหนักว่า...การพึ่งพาอาศัยพลังโจมตีวิญญาณเป็นข้อเสียเปรียบในการสู้รบเป็นอย่างมาก

แม้ว่าวิญญาณจะเป็นสิ่งที่สำคัญมากก็จริง  แต่การโจมตีทางกายภาพก็มีผลมากด้วย

“ถ้าเป็นอย่างนี้เล่า?” ลินลี่ย์ตัดสินใจ  แค่เพียงพลิกมือไม่ทราบลินลี่ย์ดึงประกายศักดิ์สิทธิ์สีดำออกมาจากที่ใดเป็นประกายศักดิ์สิทธิ์ที่ปล่อยกลิ่นอายความตาย

เดลี่อดมองดูประกายศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ได้  “ลินลี่ย์!หมายความว่ายังไง?” แต่เดลี่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไร

ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย “ถูกแล้ว นี่คือประกายศักดิ์สิทธิ์ที่ข้าได้มาเมื่อตอนฆ่าโบมอนต์ธรรมชาติของประกายศักดิ์สิทธิ์นี้ก็คือ วิถีมรณะ ในการฝึกฝนนอกจากกฎธาตุธรรมชาติทั้งเจ็ด ยังคงมีอีกสี่วิถี วิถีมรณะรวมเอาไว้ทั้งพลังวิญญาณโจมตีที่แข็งแกร่งและความสามารถสู้ระยะประชิดที่แข็งแกร่ง หลอมรวมกับมัน และค้นคว้าหาความก้าวหน้าเอาเองได้เลย  ท่านน่าจะได้รับความสำเร็จบางอย่าง”

เดลี่ลังเลใจเล็กน้อย

ความจริงตอนนี้ เดลี่ต้องการประกายเทพนี้มาก  เพียงแต่ประกายเทพเป็นสิ่งที่ทรงคุณค่ามากเกินไป

ลินลี่ย์เป็นคนฆ่าโบมอนต์ดังนั้นประกายศักดิ์สิทธิ์จึงตกเป็นของเขาเป็นธรรมดา

“รับเอาไป” ลินลี่ย์เองก็บอกได้ว่าเดลี่กำลังคิดอะไร  เขาโยนประกายศักดิ์สิทธิ์ให้เดลี่โดยตรง และเดลี่รับไว้โดยไม่รู้ตัวขณะที่มือของเขาจับรอบประกายศักดิ์สิทธิ์ ดวงตาของเดลี่ฉายประกาย

ตอนนี้เขาได้ประกายศักดิ์สิทธิ์มาแล้ว  การกลายเป็นเทพได้อีกครั้งเป็นเรื่องของเวลา

“ขอบคุณ” เดลี่พูดกับลินลี่ย์ได้สองคำเท่านั้น

ลินลี่ย์ยิ้ม “เดลี่, อย่างที่ท่านเห็น จะดีที่สุดถ้าท่านมาฝึกที่ปราสาทเลือดมังกร ปัจจุบันนี้ทารอสและไดลินก็อยู่ที่นี่ด้วยทั้งคู่ที่นั่นจะปลอดภัยแน่นอน..สำหรับที่นี้ ข้ากังวลว่าพวกเทพอาจพบว่าท่านกำลังหลอมรวมประกายศักดิ์สิทธิ์  พวกเขาอาจมาชิงเอาไปจากท่านได้”

เดลี่พยักหน้าเห็นด้วย

ทวีปยูลานในปัจจุบันนี้ มีเทพปรากฏอยู่หลายตน

แม้ว่าเขากำลังฝึกอยู่ในภูเขา  เดลี่ก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงสัมผัสเทพได้ มีแนวโน้มว่าเทพส่วนใหญ่อาจจะมาฆ่าเดลี่เซียนชั้นสูงสุดได้เพื่อจะชิงเอาประกายศักดิ์สิทธิ์

เมื่อเดลี่ออกมา เพนสลีน เรย์โนลด์และคนอื่นๆถอนหายใจโล่งอก เวลานี้เดลี่อธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นให้กับเพนสลีน ตอนนี้เพนสลีนจึงได้รู้ว่า...สามีนางสูญเสียประกายศักดิ์สิทธิ์ไปจริงๆ

มิน่าเล่าเขาถึงเป็นอย่างนั้น

เพื่อความปลอดภัย เพนสลีนและคนอื่นๆตัดสินใจไปปราสาทเลือดมังกรพร้อมกับเดลี่เช่นกัน

ภายในปราสาทเลือดมังกรมีพื้นที่กว้างขวางมาก  ไม่มีปัญหากับการรองรับคนที่มาเป็นพัน  ลินลี่ย์ก็มีความสุขเช่นกัน..เพราะนี่หมายความว่าเรย์โนลด์จะอยู่ที่ปราสาทเลือดมังกรด้วย  สองพี่น้องจะมีโอกาสดื่มกินและพูดคุยกันได้

ขณะเดียวกันหลังจากกองกำลังของโอจวินถูกผลักดันออกนอกจักรวรรดิบาลุค เทพอื่นๆต่างซ่อนตัวอยู่ในทวีปยูลาน เมื่อเห็นโอจวินที่เป็นชั้นเทพแท้ก็ยังต้องเผ่นหนี จึงไม่มีใครกล้าคิดฝันยึดจักรวรรดิบาลุคเป็นของพวกเขาอีก

จักรวรรดิบาลุคค่อยๆ กลับคืนสู่สภาพปกติ

ฝ่ายลินลี่ย์ยังคงรั้งอยู่ในปราสาทเลือดมังกรฝึกฝนต่อด้วยความพอใจ  แต่กองกำลังของโอจวินที่ถูกขับไล่หนีไปยังไม่อาจวางใจได้

ในเมืองเล็กชายแดนจักรวรรดิโอเบรียนตอนนี้โอจวินเทพผู้สูงส่งซ่อนตัวอยู่ที่นี่ จักรวรรดิโอเบรียนเป็นดินแดนของลอร์ดแอดกินส์ไม่ว่าโอจวินจะกล้าเพียงไหนก็ตาม เขาไม่กล้าลองยึดดินแดนของแอดกินส์

“ช่วงเวลานี้ ใต้เท้าอารมณ์ไม่แน่นอนเลย”

“คิงสลี่ย์ตาย ไม่ต้องแปลกใจที่ใต้เท้าจะเป็นอย่างนี้”

บุรุษชุดเงินกำลังคุยกับบุรุษชุดดำ ในช่วงไม่กี่วันก่อนแทบไม่มีใครกล้ารบกวนโอจวิน พวกเขารอให้โอจวินออกคำสั่งพวกเขา จากนั้นจึงค่อยดำเนินการ

โอจวินในตอนนี้นั่งอยู่หน้าโต๊ะ  ดื่มเหล้าแก้วแล้วแก้วเล่า สายตาของเขาล่อกแล่กเห็นได้ชัดว่าเขากำลังคิดเรื่องบางอย่าง

“โอลิเวอร์...”

ยิ่งโอจวินคิดถึงเรื่องนี้ ร่างของเขาก็ยิ่งเปล่งกลิ่นอายอำมหิตน่ากลัว  เขาต้องการฆ่าโอลิเวอร์!

“ถ้าข้าไม่ฆ่าโอลิเวอร์  ข้าไม่มีทางสบายใจได้”  ความโกรธของโอจวินยังคงคุกรุ่น  “แต่พลังของเจ้าทารอสนั่นน่าประหลาดเกินไป  ต่อให้ข้าสู้กับเขาเต็มกำลังบางทีข้าก็ยังเสียเปรียบอยู่ดี ทั้งสองคนฝ่ายเขาและไดลินและทั้งสองยังรั้งอยู่ในปราสาทเลือดมังกร  ข้าจะฆ่าโอลิเวอร์ได้ยังไง?”

โอจวินเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานมาก

เขาสามารถทนได้ขณะเดียวกันเขาไม่ยินดีให้ตนเองต้องกลายเป็นบริวารของผู้อื่น

แม้ว่าจะผ่านเวลามานานนับปีไม่ถ้วน  เขาใช้ชีวิตอยู่ในพิภพเกบาโดส  โอจวินมีเป้าหมายสองอย่างที่เขาไล่ตามคือถึงระดับสูงสุดของพลังและอำนาจ และปกป้องลูกชายของเขา

ปกติเขาจะไม่ตัดสินใจรุกรานคนอื่นๆในพิภพเกบาโดสเขารู้จักยอดฝีมือค่อนข้างน้อยเกือบทั้งหมดค่อนข้างจะมีความสัมพันธ์ที่ดี เขาสามารถสร้างชื่อได้เล็กน้อยในเมืองบลูไฟร์  ขณะเดียวกันโอจวินก็ไล่ล่าเป้าหมายเพื่อการกลายเป็นเทพชั้นสูง!

เทพชั้นสูงทรงพลังห่างไกลยิ่งกว่าเทพแท้

ตอนนี้ลูกชายของเขาตาย โอจวินต้องการแก้แค้น ขณะเดียวกันเขายังมีเป้าหมายกลายเป็นเทพชั้นสูง

“ประการแรก, ล้างแค้น” โอจวินจ้องมองไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ “แต่โดยตัวข้าเอง เป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะไปปราสาทเลือดมังกรและฆ่าโอลิเวอร์เมื่อเขาอยู่ในการปกป้องของทารอสและไดลิน ดูเหมือนว่า ข้าต้องเลือกทางนี้เสียแล้ว...”

โอจวินไม่ชอบให้ตนเองเป็นบริวารคนอื่น

แต่ตอนนี้ เขาตัดสินใจทำเช่นนั้น

“เอิร์ฟมีเรื่องแค้นเคืองกับข้า  ถ้าข้าไปรับใช้ลอร์ดแอดกินส์อย่างน้อยฮันบริทที่รับใช้เขาก็ยังมีสัมพันธ์ที่ดีกับข้า  ในที่นั้นข้าจะสร้างตัวได้อย่างรวดเร็ว  ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปที่ข้าจะล้างแค้นได้โดยอาศัยลอร์ดแอดกินส์”

สายตาของโอจวินกลายเป็นเย็นชาคมเหมือนมีด

“โอลิเวอร์ ข้าจะต้องฆ่าเจ้าได้แน่นอน! ข้าจะทำลายวิญญาณและสลายวิญญาณของเขาซะ!!!”  โอจวินเค้นเสียงรอดไรฟัน

วังหลวง เมืองหลวงของจักรวรรดิโอเบรียน

ราชตระกูลที่อยู่ในวังหลวงถูกกำจัดไปนานแล้ว นี่คือสถานที่ซึ่งลอร์ดแอดกินส์ใช้ชีวิตอยู่  แอดกินส์มีงานอดิเรกสองสามอย่าง  เขาชอบสวมชุดหรูหรางดงาม  ชอบลิ้มอาหารเลิศรสและชอบดูหญิงงามเริงระบำ...

เขาถือแก้วเหล้าในมือขวาซึ่งขาวหยกราวกับผิวสตรี  เขาจิบเหล้าอย่างนุ่มนวล ยิ้มอย่างสงบขณะดูสตรีผู้งดงามร่ายรำภายในอุทยานข้างหน้าเขา

ตอนนี้ในอุทยานดอกไม้ด้านหลังมีบุรุษหนุ่มผมสั้นสีเงินนำทางโอจวินเข้ามาหา

“ไม่ต้องรีบร้อน ลอร์ดแอนกินส์ตอนนี้กำลังมีอารมณ์สำราญอยู่ ในเวลาอย่างนี้ลอร์ดแอดกินส์ไม่ชอบใจเมื่อมีคนรบกวนเขา”  บุรุษหนุ่มผมเงินสั้นอธิบาย

โอจวินพยักหน้าและหัวเราะ “ข้าได้ยินมาเช่นกันเมื่อลอร์ดแอดกินส์อยู่ในเมืองบลูไฟร์  เขามีอารมณ์สุนทรีย์  มีแต่คนที่น่ายกย่องอย่างลอร์ดแอดกินส์เท่านั้นที่ยังสำราญอยู่ได้แม้ในพิภพเกบาโดส”

บุรุษผมเงินหัวเราะเช่นกัน

คนอื่นๆ ถูกทรมานอยู่ในพิภพเกบาโดส แต่คนที่มีพลังอำนาจอย่างแอดกินส์กลับสำราญในช่วงเวลาของเขาได้

“เข้ามา” เสียงหนึ่งดังขึ้นในใจของพวกเขา

บุรุษผมเงินนำโอจวินเข้าไปที่อุทยานดอกไม้ด้านหลังทันที  เมื่อมาอยู่ต่อหน้าแอดกินส์แล้ว  โอจวินคุกเข่าแสดงความเคารพทันที  “ข้าขอคารวะลอร์ดแอดกินส์ผู้ทรงอำนาจยิ่งใหญ่!”  โอจวินค้อมศีรษะ

แอดกินส์นั่งอยู่บนเก้าอี้ชำเลืองมองด้านข้างเขา

“โอจวิน? จริงสิ ข้าได้ยินชื่อนั้นมานานแล้ว  เจ้าอยู่ในจักรวรรดิบาลุค”  แอดกินส์พูดพลางยิ้ม

“พลังของข้าด้อยกว่าผู้อื่นดังนั้นข้าจึงต้องจากจักรวรรดิบาลุคมา” โอจวินยังไม่กล้าเงยหน้า

แม้ว่าตอนนี้เขาจะเข้าร่วมกับฝ่ายแอดกินส์  โอจวินก็ยังไม่กล้าขอความช่วยเหลือจากแอดกินส์ เขารู้..ว่าเทพชั้นสูงไม่ว่าจะยอมรับระดับเทพแท้เข้าร่วมกับเขาหรือไม่ก็ไม่ได้ทำอะไรให้ต่างกันมาก

“เจ้าลุกขึ้นได้” แอดกินส์พูดอย่างสงบ “จากวันนี้เป็นต้นไป เจ้าสามารถอยู่ในวังหลวงนี้ได้เช่นกัน ถ้ามีอะไรที่ข้าต้องการใช้ ข้าจะส่งคำสั่งไปให้เจ้า

“ขอรับ, ลอร์ดแอดกินส์”

โอจวินรู้สึกโล่งใจ

เขารู้..ว่าตอนนี้เขากำลังรับใช้แอดกินส์  อย่างน้อยแอดกินส์จะปกป้องเขา

“โอจวิน, เจ้าไปได้แล้ว” แอดกินส์พูด

“ขอรับ, ท่าน” โอจวินออกมาด้วยความเคารพ

แอดกินส์เหลือบมองบุรุษหนุ่มผมเงินที่อยู่ใกล้ๆ  “ฮันบริท, เท่าที่ข้ารู้เมื่อคนที่เข้าไปในสุสานเทพเจ้ากลับมา เบรุตนั่นน่าจะกลับมาที่ไพรทมิฬแล้ว  เอาอย่างนี้เป็นไง..เจ้าส่งบริวารคนหนึ่งให้เดินทางไปที่ไพรทมิฬเจ้าไม่ต้องให้ข้าบอกหรอกนะว่าข้าต้องการอะไร ใช่ไหม?”

“ขอรับ..ท่าน” ฮันบริทรับคำโดยเคารพ

แอดกินส์จ้องไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือจากนั้นหัวเราะ เขากรอกเหล้าเข้าปากรวดเดียว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด