ตอนที่ 13-11 ประกายศักดิ์สิทธิ์ของเดลี่
ลินลี่ย์และคนอื่นๆ เข้าใจจุดหนึ่งถ้าใครต้องการครอบครองพื้นที่กว้างใหญ่ เขาจะต้องมีพลังอำนาจมากพอด้วย
ฝ่ายที่ยึดครองจักรวรรดิยูลานนำโดยระดับเทพแท้เอิร์ฟ อย่างไรก็ตามฝ่ายของเอิร์ฟมีเทพอยู่เท่าใด? มีแค่เอิร์ฟ? สำหรับตอนนี้พวกเขายังไม่แน่ใจ
ต้องทราบไว้ก่อนว่าจักรวรรดิยูลานในเรื่องขนาดและประชากรมีเหนือกว่าจักรวรรดิบาลุคมาก
จักรวรรดิยูลานและโอเบียนยังคงเป็นสองจักรวรรดิที่ใหญ่ที่สุดของทวีปยูลาน
ฝ่ายของเอิร์ฟไม่อ่อนแอกว่าโอจวินแน่นอนการที่พวกเขากล้ายึดครองจักรวรรดิยูลานแม้แต่โอจวินจะมีร่างแยกศักดิ์สิทธิ์สองร่างและสามารถสู้กับทารอสได้เท่าเทียมกันฝ่ายของลินลี่ย์จะกล้ารุกรานเอิร์ฟผู้นั้นได้ยังไง?
“แคทเธอรีน สำหรับตอนนี้เจ้ารีบหลอมรวมกับประกายเทพแท้เสียก่อนเถอะ” ทารอสสั่ง “ไดลิน! เจ้าต้องฝึกหนักเช่นกันเพื่อจะได้รู้แจ้งวิธีประยุกต์ใช้กฎธรรมชาติของเจ้าโจมตีได้นี่จะช่วยเพิ่มระดับความสามารถในการสู้รบระยะสั้นได้”
มหาพรตและไดลินพยักหน้าทั้งคู่
“ลอร์ดเบรุตเพิ่งเปิดสุสานเทพเจ้า เขาคงไม่เปิดอีกในอนาคต,แน่นอน...สถานการณ์ปัจจุบันมีเทพหลายตนจะก่อความยุ่งยากต่อเนื่องที่นี่ในทวีปยูลานต่อไปเป็นเวลานานแน่” ทารอสกล่าว “สำหรับเราสิ่งที่เราต้องทำก็คือฝึกฝนอย่างเงียบๆ ถ้าคนอื่นไม่กวนใจเรา เราจะไม่ตอแยพวกเขา ถ้าคนอื่นต้องการจัดการกับเราอย่างนั้นเราไม่จำเป็นต้องปราณีพวกเขาแต่อย่างใด”
ตาของทารอสเป็นประกายเย็นชากวาดผ่านพวกเขาไป
“พอแค่นี้ก่อน ข้าจะไปเยือนเมืองหลวงของจักรวรรดิบาลุค ถ้าโอจวินยังอยู่ที่นั่น ข้าจะขับไล่เขาออกไป” ทารอสกล่าว ความจริงระหว่างต่อสู้ทารอสยังไม่ได้ใช้พลังเต็มที่
ที่สำคัญ สำหรับทารอสที่กลายเป็นผู้ควบคุมสุสานเทพเจ้าสิบเอ็ดชั้นแรกได้ก็หมายความว่าทารอสมีความสามารถของตนเองไม่ธรรมดา
“ลอร์ดทารอส ข้ากังวลอยู่เรื่องเดียว” ลินลี่ย์กล่าว
“พูดมา” ทารอสหัวเราะขณะที่เขามองลินลี่ย์
ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว “แอดกินส์ผู้นั้นจะบุกเข้ามาฆ่าเราในที่นี้หรือไม่?” หลังจากพบกับการโจมตีของโอจวิน ลินลี่ย์เริ่มกังวล เดิมทีเขาคิดว่าโอจวินจะยึดทั้งจักรวรรดิของเขาคงไม่โจมตีปราสาทเลือดมังกร
ที่สำคัญคือลินลี่ย์ยังไม่เคยโจมตีพวกเขา
ใครจะคาดคิดกันว่าโอจวินกลับโจมตีจริงๆ นี่ทำให้ลินลี่ย์กังวลว่าสักวันถ้าแอดกินส์มีความต้องการ เขาจะมาจัดการกับพวกเขาเช่นกัน นั่นเป็นเรื่องน่าหวาดหวั่นขวัญผวา
“อย่าห่วง” ไดลินหัวเราะ
“ลินลี่ย์, เทพชั้นสูงมีความหยิ่งในตนเอง ถ้าเจ้าไม่ตอแยเทพชั้นสูง ปกติเทพชั้นสูงจะไม่ลดตัวลงมาจัดการกับเจ้า กล่าวโดยทั่วไปเทพแท้ก็ยังไม่ลดตัวมาจัดการกับเจ้าไม่ต่างจากเทพชั้นสูง”
ในโลกของเทพ มีประเพณีแบบนี้ มีแต่เทพระดับเดียวกันและสถานะเท่ากันจึงจะสู้กันเองได้
ตัวอย่างเช่นตราบใดที่นักสู้ระดับเทียมเทพไม่ดึงดันล่วงเกินเทพแท้ เทพแท้จะไม่ฆ่าเจ้า แต่แน่นอนถ้านักสู้เทียมเทพรุกรานความประสงค์ของเทพแท้หรือรุกรานเขา เทพแท้ก็จะไม่ปราณีเช่นกัน
ยกตัวอย่าง ท่านเบรุตออกคำสั่งให้เทพและเซียนไม่อนุญาตให้มีการฆ่าหรือทำลายล้างในสิบแปดแคว้นอิสระเหนือ ถ้าพวกเขาฝ่าฝืนข้อห้ามนั้น เบรุตจะแสดงพลังบางส่วนของเขาทันที เหมือนอย่างที่เขาฆ่าพวกเทียมเทพโดยใช้เพียงฝ่ามือเดียว!
เทพชั้นสูงสามารถฆ่าเทียมเทพได้แค่ใช้ฝ่าเดียวตบเท่านั้น
ที่สำคัญที่สุดคือ ความแตกต่างในเรื่องพลังมีมากเกินไป
“อย่างนั้นก็ดี” ลินลี่ย์รู้สึกโล่งใจเช่นกัน
ขณะเดียวกัน เขาคิดย้อนไปถึงฉากภาพ เมื่อโอจวินมาถึงโอจวินไม่ได้ลงมือโจมตีด้วยตนเอง เห็นได้ชัดว่าเขาหยิ่งเกินกว่าจะทำเช่นนั้น และใช้บริวารของเขาโจมตี..นี่คือสถานการณ์ที่ยอดฝีมือมีอยู่ทั่วไป ตัวอย่างเช่นถ้าสองฝ่ายสู้กัน ผู้นำจะต้องสู้กับผู้นำ ขณะที่ทหารสู้กับทหาร
“ทารอส, ระวังให้ดีเมื่อรับมือกับโอจวินนั้น” ไดลินยิ้ม“อย่าพ่ายแพ้เจ้าโอจวินนั้นกลับมาเล่า”
“น่าขัน!”
ทารอสแค่นเสียงทันที “เจ้าจะล้อข้าไปเพื่ออะไร? เทพแท้ใหม่อย่างเจ้าทำได้ง่ายๆ นักหรือ?” หลังจากพูดแล้ว ทารอสไม่มองหน้าไดลินและบินออกไปจากห้องโถงใหญ่ปราสาทเลือดมังกรมุ่งหน้าสู่เมืองหลวงด้วยความเร็วสูง
“งี่เง่า” ไดลินสบถเบาๆ
ลินลี่ย์มองดูยอดฝีมือใกล้ๆ รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเขา ตอนนี้ทุกคนปลอดภัยและปราสาทเลือดมังกรกลับคืนความเงียบตามปกติ ลินลี่ย์รู้สึกพึงพอใจ เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าจ้องมองดูไปทางประตูห้องโถงใหญ่ “บีบีกำลังจะมาถึง!”
…………..
“พี่ใหญ่, เอาอย่างนี้เป็นไง มาอยู่กับข้าที่ไพรทมิฬเถอะ?” บีบีเสนอ “ไม่ต้องห่วง ปู่เบรุตไม่ห้ามข้าพาท่านทั้งหมดไปแน่ เมื่อถึงเวลา.. ท่าน ข้าและเทย์เลอร์คนอื่นจะได้มาอยู่ที่ไพรทมิฬร่วมกันทั้งหมด ข้าไม่คิดว่าใครจะกล้าบุกไพรทมิฬ”
นี่คือความคิดของบีบี!
หลังจากโอจวินโจมตี บีบีก็เริ่มกังวลเช่นกัน
“ไม่ต้องห่วง ไม่มีปัญหาอีกต่อไปแล้ว” ลินลี่ย์หัวเราะ “ท่านทารอสและท่านไดลินมาถึงแล้วและพวกเขาเป็นเทพแท้กันทั้งหมด เพียงพวกเขาปรากฏตัว.. อย่างน้อยพวกเทพแท้ไม่สามารถมาคุกคามเราได้แล้วในตอนนี้ สำหรับแอดกินส์ผู้นั้น เท่าที่ข้าเห็นเขาไม่มีเหตุผลจะมาทำอะไรกับข้าที่เป็นระดับเทียมเทพ”
บีบีคิดเล็กน้อยจากนั้นเห็นด้วยว่าลินลี่ย์กล่าวมีเหตุผล
ถ้าแอดกินส์ต้องการฆ่าลินลี่ย์ต่อให้ลินลี่ย์ตัดสินใจอยู่ในไพรทมิฬ แอดกินส์ก็สามารถรอให้เบรุตไม่ปรากฏตัวจากนั้นก็เข้ามาจัดการ ... นอกจากนี้เขาเป็นเทพชั้นสูงจะลดตัวมาจัดการกับระดับเทียมเทพหรือ?
“แต่ข้าต้องบอกไว้ ครั้งนี้หลายๆ อย่างอันตรายมากจริงๆ นับว่าเกือบไปแล้ว” ลินลี่ย์ถอนหายใจอย่างมีความรู้สึก
ถ้าไม่ใช่เพราะไดลินลงมือในเวลาวิกฤติอย่างนั้นเขากับโอลิเวอร์บางทีอาจจะเสร็จไปแล้วก็ได้
“จะมีอันตรายได้ยังไง?”บีบีโต้แย้ง “ความจริง,ปู่เบรุตมาถึงปราสาทเลือดมังกรก่อนพวกเขาเสียอีก เพียงแต่ปู่เบรุตของข้าจะไม่ลงมือโดยไม่จำเป็นเท่านั้น ถ้าไดลินและคนอื่นๆ ลงมือไม่ทันเวลาคิดว่าปู่เบรุตคงต้องแทรกแซงเป็นแน่
ลินลี่ย์อดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้
“ถ้าปู่ไม่แทรกแซงในช่วงเวลาวิกฤติต่อให้ตายข้าจะไม่รับเขาเป็นปู่อีกต่อไป” บีบีพูดอย่างค่อนข้างโมโห
“ที่สำคัญปู่เบรุตของเจ้าเป็นเทพชั้นสูง และข้าได้ยินมาว่าเขายังเป็นทูตของมหาเทพ เนื่องจากสถานะของเขา... เขาจะเข้ามาแทรกแซงได้ยังไง? ลินลี่ย์พูดในนามเบรุต บีบีแค่นเสียงสองคราและไม่พูดอะไรต่อ ที่สำคัญบีบีชอบปู่เบรุตมาก
เขารู้สึกได้ถึงความรักที่ปู่เบรุตมีต่อเขา
แต่บีบีไม่เคยพบกับพ่อแม่ของเขา จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ย่อมจะรู้สึกสนิทกับลินลี่ย์มากที่สุด
ลินลี่ย์ลอบบอกตัวเอง “อย่างนั้นลอร์ดเบรุตก็มาถึงก่อนแล้วจริงๆ เพียงแต่ เขาไม่แทรกแซง...ดูเหมือนว่าลอร์ดเบรุตจะยอมทนดูขณะที่ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ของเดลี่ตาย”ลินลี่ย์เริ่มเข้าใจ
เบรุตมีความหยิ่งในศักดิ์ศรีมาก
ไม่ว่าเดลี่และโอลิเวอร์จะเป็นจะตายก็ตามเบรุตไม่สนใจแม้แต่น้อย
คนเป็นเพราะเห็นแก่บีบีเบรุตจึงยินดีที่จะดูแลลินลี่ย์ให้
ภายในไพรทมิฬ
“ข้าบอกพวกเจ้าแล้วให้ฝึกกฎธรรมชาติธาตุดินกฎธรรมชาติธาตุไฟ กฎธรรมชาติธาตุน้ำ ทั้งสามกฎธาตุเหล่านี้ให้ดี แต่พวกเจ้า... ถ้าพวกเขายังทำตัวแบบนี้ต่อให้ผ่านไปเป็นร้อยล้านปี เจ้าก็จะกลายเป็นเทพชั้นสูงไม่ได้!” เบรุตจ้องมองจ้าวมุสิกม่วงทองข้างหน้าเขา
จ้าวมุสิกม่วงทองทั้งสองที่อยู่ข้างหน้า ไม่กล้าส่งเสียง
“เฮ้ออ.. ข้าเองก็ไม่สามารถตำหนิพวกเจ้าได้” เบรุตส่ายศีรษะถอนหายใจ “พวกเจ้าเชี่ยวชาญทางกฎธาตุลมและธาตุมืดมากกว่า การฝึกในกฎธาตุอื่นอีกสามธาตุนี้จะทำให้พวกเจ้าช้ามาก ช้าจริงๆ!”
“ท่านพ่อ”หนึ่งในสองจ้าวมุสิกม่วงทอง ฮาร์วี่ย์พูดขึ้น “เราฝึกมาเกินล้านปีแล้ว แต่... เรายังไม่ถึงระเทพในธาตุดินไฟหรือธาตุน้ำเลย บอกตามตรงข้ารู้สึกเบื่อมากเมื่อต้องฝึกธาตุเหล่านี้ มันแตกต่างจากที่ข้าได้ฝึกธาตุมืดหรือธาตุลม ที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายเมื่อข้าได้ฝึกธาตุเหล่านี้”
“ช่างเถอะ.. จะทำอะไรก็ตามใจพวกเจ้า”
เบรุตส่ายศีรษะ “ความจริงข้ามีอะไรมากพออยู่แล้ว ข้าไม่ควรจะโลภเกินไป”
“บีบี เด็กคนนั้น” แววยิ้มพอใจปรากฏอยู่บนใบหน้าของเบรุต “ในใจของเขาข้าไม่มีความสำคัญต่อเขาเท่ากับลินลี่ย์ผู้นั้น หึหึ.. เขาไม่รู้เลยว่า ต่อให้เขาไม่ขอให้ข้าช่วยเนื่องจากลินลี่ย์ดูแลเขามาเป็นเวลานานแล้ว ข้าคงไม่ยืนเฉยดูลินลี่ย์ตายเป็นแน่อย่างไรก็ตาม ข้าเองก็มีข้อจำกัดอยู่มากกับวิธีช่วยเขา”
แม้คนที่ทรงพลังอย่างเทพชั้นสูงก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวพลการได้
ตัวอย่างเช่น เบรุตแม้ว่าสัมผัสเทพของเขาอาจบอกได้ว่าครอบคลุมเป็นหมื่นๆ กิโลเมตร บางคนที่กำลังพยายามฆ่าลินลี่ย์ในระยะไกลถึงเพียงนั้น ต่อให้ไวเพียงไหนก็ตาม เขาก็ต้องใช้เวลากว่าจะไปถึงที่นั่น ถ้าเบรุตไม่สามารถไปได้ทันเวลา..เขาก็ทำอะไรไม่ได้หากลินลี่ย์ถูกฆ่า
“ฮาร์ท, ฮาร์วี่ย เจ้าทั้งสองก็เป็นพี่ใหญ่กว่าแฮร์รี่ ข้าไม่ต้องการพูดอะไรอีกแล้วเจ้าเลือกเส้นทางของเจ้าเองเถอะ ถ้าเจ้าไม่สามารถใช้วิธีการที่ข้าจัดการให้พวกเจ้าได้ อย่างนั้นเจ้าก็ทำตามที่พอใจเถอะเพียงแต่อย่ามาเสียใจในอนาคตก็แล้วกัน”
“ขอรับ ท่านพ่อ”
ฮาร์ทและฮาร์วี่ย์มองกันเอง และมีแววดีใจในสายตาพวกเขา
เมื่อเห็นเช่นนี้เบรุตอดถอนหายใจไม่ได้
บางครั้งเส้นทางที่ผู้ใหญ่จัดการให้เป็นทางที่ถูกต้องอยู่ชัดๆ แต่ถ้าลูกๆอย่างฮาร์ทและฮาร์วี่ย์ไม่ทำเช่นนั้น เขาจะทำอะไรได้?
ปราสาทเลือดมังกร
ร่างมนุษย์คนหนึ่งบินเข้าผ่านอากาศด้วยความเร็วสูงและลงภายในปราสาทเลือดมังกรไม่ช้าภายใต้การนำทางของหญิงรับใช้ นางพาไปยังที่ฝึกของลินลี่ย์
“โอว, มิลเลอร์ เชิญเข้ามา” เสียงของลินลี่ย์ดังขึ้นจากภายในสวนตะวันตก
สองสามวันก่อนทารอสขับไล่โอจวินจนต้องถอยหนีออกไป โอจวินนำบริวารของตนหนีออกไปจากเขตแดนจักรวรรดิบาลุค
ทารอส ไดลินเทพสงครามและคนอื่นทุกคนอาศัยอยู่ในสวนตะวันตก ปราสาทเลือดมังกรเป็นสถานที่ใหญ่โตมากอยู่แล้ว ไม่มีปัญหากับการหาสถานที่ให้ผู้คนอยู่มียอดฝีมือมากมายรวมกันอยู่ในที่เดียวกันทั้งหมด แม้แต่โอจวินก็ยังไม่กล้ามาอีก และแม้แต่โอลิเวอร์ก็มั่นใจตนเองมาก เขารู้ว่าเมื่อใดควรรุก เมื่อใดควรถอย
ตอนที่โอจวินสาบานจะฆ่าเขาโอลิเวอร์ยังคงอยู่ในปราสาทเลือดมังกร
อย่างไรก็ตาม...
เดลี่ไม่เป็นเช่นนั้น วันที่สู้กัน.. ร่างหลักของเดลี่หนีไปกับคนอื่นๆลินลี่ย์บอกให้เขากลับมา แต่ใครจะคิดกันว่าแม้คนอื่นจะกลับมาแล้ว แต่เดลี่ไม่กลับมาปราสาทเลือดมังกร เขากลับไปที่ภูเขาในหมู่บ้านลับแทน
“ลอร์ดลินลี่ย์”มิลเลอร์คำนับเมื่อเข้ามาจากนั้นรีบพูดอย่างเร่งด่วน “ลอร์ดลินลี่ย์ โปรดเดินทางมากับข้าเถิด ตอนนี้ท่านเดลี่สภาพแย่มาก”
“เกิดอะไรขึ้น?” ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว
มิลเลอร์ฝืนหัวเราะ “ตั้งแต่สองสามวันที่แล้ว ท่านเดลี่กลับมาจากนั้นเขาขังตัวเองอยู่ในห้องหนังสือไม่ยอมให้ใครรบกวนเขาเลย ขณะนั้นเราทุกคนรู้สึกว่าท่านเดลี่หลบหน้า นายหญิงเพนสลีนก็ไปคุยกับเขาด้วยเช่นกัน แต่นางถูกท่านเดลี่ดุใส่และไล่ออกมา”
“ดุใส่?” ลินลี่ย์ตกใจ
“ใช่แล้ว, ท่านเดลี่เป็นคนอารมณ์ดีมากเขาไม่เคยดุด่านายหญิงมาก่อน นอกจากนี้นายหญิงยังรู้สึกว่าท่านเดลี่ดูเหมือนจะมีท่าทีไม่ดีและหงุดหงิดมาก”มิลเลอร์รีบกล่าว
“ไปกันเถอะ ข้าจะเดินทางไปกับท่าน” ลินลี่ย์ไม่ลังเลใจ
ลินลี่ย์ไม่คาดเลยว่าความพ่ายแพ้ครั้งนี้จะทำให้เดลี่เปลี่ยนไปมาก
จากมุมมองของเขาเอง ถ้าลินลี่ย์สูญเสียร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ธาตุลมไปก็คงไม่ระเบิดอารมณ์สบถด่าใคร เขาคงแค่กัดฟัน จากนั้นเริ่มฝึกกฎธาตุอื่น ที่สำคัญอย่างน้อยเขายังมีชีวิตอยู่
ภายในภูเขา ที่พักในภูเขาลินลี่ย์และมิลเลอร์เดินเคียงข้างกัน
“พี่สาม, ท่านมาแล้ว” เมื่อเห็นลินลี่ย์ เรย์โนลด์ยิ้มทันที
เรย์โนลด์เป็นผู้ใหญ่มากกว่าในอดีตเช่นกัน อย่างไรก็ตามปัจจุบันนี้เรย์โนลด์ยังเป็นจอมเวทระดับเก้าอยู่ เขายังไม่สามารถเข้าถึงระดับเซียน
“ลินลี่ย์, ช่วยไปดูเถอะ ตอนนี้เดลี่ไม่ยินดีจะพบใครเลย จากที่เห็นดูเหมือนเขาไม่ฝึกอะไรด้วย ข้าไม่รู้ว่าเขาคิดยังไง”เพนสลีนเดินเข้ามาหาและฝืนยิ้ม
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
ลินลี่ย์เข้าใจบางเรื่อง“ดูเหมือนเดลี่ไม่ได้บอกสหายและครอบครัวเรื่องที่ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ของเขาถูกทำลาย” ภายใต้การนำทางของเพนสลีนลินลี่ย์มาถึงข้างหน้าใกล้กับห้องหนังทันที ประตูถูกผลักเปิดออก เมื่อเห็นเดลี่นั่งขัดสมาธิอยู่กับที่ ลินลี่ย์ตกใจมาก
นี่คือเดลี่ผู้สง่างามอย่างที่เขารู้จักหรือ?