ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 35 ข้าเป็นขยะ
ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 35 ข้าเป็นขยะ
ฉู่หยวนมีพรสวรรค์อย่างแท้จริง!
ฉู่เซวียนถอนหายใจ
อย่างที่คาดไว้ สมกับเป็นคนที่ได้เรียนรู้จากบิดาของเขา ทั้งยังเดินรอยตามในการถอนหมั้นมาอีกด้วย
แม้จะอยู่ห่างกันไกลเพียงนี้ ฉู่เซวียนก็ยังได้ยินเสียงคำรามของฉู่เทียนหมิง ซึ่งสามารถจินตนาการได้ว่าชายชราโกรธเพียงใด
หากท่านปู่ของเขาไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ ความโกรธขนาดนี้คงจะทำให้เส้นเลือดในสมองแตกตายไปแล้วกระมัง
ฉู่เซวียนไม่รู้ว่าฉู่เทียนหมิงจะทำอะไรกับฉู่หยวนบ้าง เขาจะขังฉู่หยวนไว้หรือไม่?
หรือบังคับให้แต่งงานกับฉินเค่ออวิ๋น?
อีกอย่างหนึ่งคือ เมื่อเรื่องราวได้เลยเถิดถึงขนาดนี้ ฉินเค่ออวิ๋นจะยังเต็มใจแต่งงานกับฉู่หยวนหรือไม่?
ไม่เคยมีใครคัดค้านการคลุมถุงชนภายในสี่ตระกูลใหญ่เลยหรือ?
ทุกคนแต่งงานกันด้วยความสมัครใจจริงหรือ?
ส่วนพี่เจ็ดและเหอเว่ยเว่ยถือเป็นคู่แต่งงานด้วยความสมัครใจ ไม่เห็นหรือว่าสองคนนั้นต่างชอบคอกันพอสมควร หากไม่นับสองคนนี้ แล้วคนอื่นล่ะ?
จะทำอย่างไรหากหญิงสาวมีคนรักอยู่ภายนในใจแล้ว ทว่ากลับไม่สามารถอยู่กินด้วยกันได้ นางต้องแต่งงานกับผู้ชายที่หมั้นหมายเอาไว้โดยไม่ได้หลงรักหรือ?
นี่คือปัญหาที่เกิดจากแนวคิดแบบศักดินา!
ฉู่เซวียนส่ายหัวแล้วถอนหายใจ
เสียงคำรามของฉู่เทียนหมิงหยุดไปสักพักหนึ่งแล้ว เป็นไปได้ไหมว่าฉู่หยวนถูกขังเอาไว้แล้ว?
นับตั้งแต่ฉู่หยวนกลับไปยังจวนเก่า เขาน่าจะรับรู้ผลที่ตามมาดีไม่ใช่หรือ?
...
ฉู่หยวนได้เตรียมการมาอย่างดีแล้ว
นับแต่ฉู่หยวนเลือกกลับมาไปยังจวนเก่า เขาจึงรู้ตัวแล้วว่าเขากำลังเผชิญกับอะไร
ฉู่หยวนไม่ได้กลัวแต่อย่างใด เขามั่นใจอย่างยิ่งว่าตนเองสามารถออกจากตระกูลฉู่ได้
ไม่มีใครขัดขวางเขาได้!
ฉินปิงเซี่ยก้าวเข้าไปในห้องโถงของตระกูลฉู่ด้วยสีหน้าไม่พอใจ
เมื่อมองไปยังฉู่เทียนหมิง สีหน้าของนางก็ค่อนข้างซับซ้อน นางเกือบจะได้เป็นลูกสะใภ้ของอีกฝ่ายอยู่แล้ว
เมื่อคิดถึงชายผู้สง่างามในตอนนั้น หัวใจของนางก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้น
นางไม่สามารถเทียบได้หญิงสามัญชนผู้นั้นหรือ?
ด้านหลังของฉินปิงเซี่ยคือเด็กสาวงดงามซึ่งกำลังก้มหน้าอยู่
“ท่านลุงฉู่ ตระกูลฉู่ของท่านจะทำลายการแต่งงานอีกครั้งหรือ” ฉินปิงเซี่ยเอ่ยถาม
“ข้าหามีเจตนาเช่นนั้นไม่!”
ฉู่เทียนหมิงปฏิเสธ
“ไม่ว่าตระกูลฉู่จะยุติการแต่งงานหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับตระกูลฉู่ ทว่าข้าฉู่หยวนจะไม่ยอมให้มีการแต่งงานครั้งนี้”
ฉู่หยวนกล่าวอย่างเยือกเย็น
“หุบปาก!” ฉู่เทียนหมิงตะคอกใส่
“ท่านปู่ แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นย่อมไม่หวาน ท่านถามเค่ออวิ๋นเถิดว่านางชอบข้าหรือไม่”
“ข้าชอบท่าน”
เสียงอันแผ่วเบาดังขึ้น
ฉู่หยวน “!!!”
“ได้ยินแล้วหรือไม่? หากเจ้ากล้าทำให้เค่ออวิ๋นผิดหวัง ข้าจะหักขาเจ้าเสีย!”
ฉู่เทียนหมิงยังคำรามต่อ
เขาไม่สามารถทำทำลายสัญญาแต่งงานอีกครั้งได้ หากพังทลายลงอีกครั้ง สายสัมพันธ์แต่งงานของตระกูลทั้งสี่จะตกอยู่ในอันตราย
หลังจากนั้นจะเกิดรอยร้าวในความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลทั้งสี่ ทุกตระกูลจะค่อยๆ สูญเสียความสามัคคี
ฉู่หยวนจ้องมองไปยังฉินเค่ออวิ๋นก่อนกล่าวว่า “อย่าผูกมัดกับสิ่งที่เรียกว่าสัญญาแต่งงานเลย เราเจอกันเพียงไม่กี่ครั้ง เจ้าจะชอบข้าได้อย่างไรกัน”
“ข้าชอบท่านตั้งแต่แรกเห็นแล้ว”
ฉินเค่ออวิ๋นตอบด้วยใบหน้าแดงก่ำ
ไม่สมเหตุสมผล ข้ามีเสน่ห์ขนาดนั้นเชียวหรือ?
ฉู่หยวนตกตะลึงเล็กน้อย
เขาหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “ข้ามีคนที่ชอบแล้ว เจ้ากับข้าไม่สามารถเข้ากันได้!”
“พอ!”
ฉินปิงเซี่ยกล่าวด้วยความโกรธว่า “พวกท่านทุกคนคิดว่าบุตรสาวตระกูลฉินของข้าไม่คู่ควรกับบุตรชายตระกูลฉู่ของท่านหรือ”
เมื่อนึกถึงฉู่ชิวหลัว นางก็รู้สึกโกรธจนแทบคลุ้มคลั่งออกมา
ตอนนี้บุตรสาวของนางเองก็ประสบกับชะตากรรมเช่นเดียวกับนางซ้ำรอย
“หลานปิงเซี่ย การยุติแต่งงานจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีก”
ฉู่เทียนหมิงกล่าวด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
“กักขังฉู่หยวนเอาไว้ ให้เขาไตร่ตรองการกระทำของตนเอง!”
ฉู่เทียนหมิงออกคำสั่งกับหัวหน้าพ่อบ้าน
ฉู่หยวนหรี่ตา จากนั้นไข่มุกมิติหลบหนีก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ
“ท่านปู่ ท่านพ่อ ท่านลุง ข้าฉู่หยวนไม่มีความสามารถ พรสวรรค์ หรือความแข็งแกร่งเท่าท่านลุงสาม ถึงกระนั้นข้าจะไม่มีวันพ่ายแพ้ท่านลุงสามในความตั้งมั่นเพื่อคนที่ข้ารัก!”
“พวกท่านไม่สามารถบังคับให้ข้าแต่งงานกับคนอื่นได้!”
ฉู่เทียนหมิงกล่าวด้วยความโกรธจัดว่า “เหตุใดเจ้าไม่เรียนรู้อย่างอื่น? เหตุใดเจ้าถึงเรียนรู้การถอนหมั้นจากลุงสามของเจ้า? อ๊าก!”
“นำเขาไปให้พ้นหน้าข้าซะ กักขังเอาไว้แล้วให้เขาไตร่ตรองการกระทำของตนเอง!”
ฉู่หยวนไม่สนใจหัวหน้าพ่อบ้าน เขามองไปยังฉินเค่ออวิ๋นแล้วกล่าวว่า “น้องเค่ออวิ๋น เจ้าเป็นคนดี เจ้าจะได้เจอคนที่ดีกว่าข้า ลาก่อน!”
เขาเปิดใช้ไข่มุกมิติหลบหนีแล้วหายวับไปทันตา
“เจ้าเด็กสารเลว!”
ฉู่เทียนหมิงโกรธจัด เขายกมือขึ้นแล้วพยายามคว้าตัวฉู่หยวนทว่าก็ช้าไปก้าวหนึ่ง
“ตามหาเขา นำตัวเขากลับมาให้ได้!”
ผู้อาวุโสหลายคนออกจากจวนตระกูลฉู่อย่างรวดเร็ว
“ลูกสามของตระกูลฉู่ หาตัวดีไม่ได้สักคน!”
ใบหน้าของฉินปิงเซี่ยเย็นชา นางมองไปยังฉู่เทียนหมิงและหายใจเข้าลึกๆ พลันกล่าวว่า “ท่านขับไล่บุตรชายของฉู่ชิวหลัวออกจากจวนเก่าหรือ”
“ใช่”
ใบหน้าของฉู่เทียนหมิงมืดมน
“ข้าจะไปดูด้วยตนเองว่าบุตรชายของฉู่ชิวหลัวโดดเด่นเพียงใด”
นางหันหลังพร้อมกับจูงมือฉินเค่ออวิ๋นออกไป
ฉู่เทียนหมิงตกตะลึง เขาไม่เข้าใจว่านางหมายถึงอะไร
ฉู่เทียนหมิงส่งสัญญาณให้ฉู่ชิวฉางและฉู่ชิวเฟิงตามนางไป เผื่อว่าหญิงสาวผู้นี้เกิดเห็นฉู่เซวียนแล้วบ้าคลั่งจนพลั้งมือ
...
หลังจากที่แมววิญญาณสวรรค์กลับมา ฉู่เซวียนก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดอย่างคร่าว ๆ
บุตรคนที่สามของตระกูลฉู่รุ่นก่อนนั้นได้ทำลายสัญญาแต่งงาน!
บุตรคนที่สามของตระกูลฉู่รุ่นนี้ก็ได้ทำลายสัญญาแต่งงานซ้ำอีก
ฉู่เซวียนคาดการณ์ได้ว่าบุตรคนที่สามของตระกูลฉู่ในรุ่นต่อไปก็คงจะถูกมองเป็นตราบาป
ไม่ว่าจะเป็นตระกูลฉิน ตระกูลจ้าวหรือตระกูลเหอคงจะไม่มีใครอยากแต่งงานกับบุตรรุ่นสามของตระกูลฉู่
ไม่นานประตูเรือนสี่ประสานถูกเปิดออก
ฉินปิงเซี่ยปรากฏตัวขึ้นในสวนกลางบ้านพร้อมกับฉินเค่ออวิ๋น
เมื่อมองไปยังฉู่เซวียนซึ่งกำลังนอนเอนหลังอย่างเกียจคร้านอยู่บนเก้าอี้คิ้วของฉินปิงเซี่ยก็ขมวดเข้าหากัน เปลวเพลิงแห่งโทสะที่ไม่สามารถบรรยายก็ปะทุขึ้นมาในใจ
“เจ้าเป็นบุตรชายของฉู่ชิวหลัว ฉู่เซวียน?”
ฉู่เซวียนเงยหน้าขึ้นมองนาง “แล้วท่านป้าเป็นใครหรือ”
เมื่อสัมผัสได้ถึงการจ้องมองอย่างมุ่งร้ายของฉินปิงเซี่ยที่ดูเหมือยจะเต็มไปด้วยความปรารถนาที่เหนือกว่า เขาก็ตอบอย่างเกียจคร้าน
“เจ้าเรียกข้าว่าท่านป้าหรือ”
ฉินปิงเซี่ยโมโหจนร่างกายอันเพรียวบางของนางสั่นสะท้าน
“ท่านอยู่รุ่นเดียวกับบิดาของข้า หากข้าไม่เรียกท่านว่าป้า ข้าควรเรียกท่านว่าพี่สาวหรือ?”
ฉู่เซวียนเหยียดตัวอย่างขี้เกียจแล้วหาววอด
“เจ้า!”
ฉินปิงเซี่ยสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นหันกลับไปมองฉู่ชิวฉางและฉู่ชิวเฟิงซึ่งอยู่ข้างหลังนาง นางเอ่ยถามว่า “ตระกูลฉู่ของเจ้าจะทำลายสัญญาแต่งงานอีกหรือ? พวกเจ้าคิดถึงผลที่ตามมาหรือไม่”
ฉู่ชิวฉางยิ้มอย่างขมขื่นและกล่าวว่า “ในเรื่องนี้ตระกูลฉู่ของเรามีส่วนผิดจริงๆ ทว่าอย่างที่เจ้าเห็น ตัวการได้หลบหนีไปแล้ว ส่วนจะจับตัวได้หรือไม่นั้นก็เป็นอีกเรื่อง แม้เราจะบังคับให้ทั้งสองแต่งงานกัน ก็ยังคงไม่ยุติธรรมต่อเค่ออวิ๋นอยู่ดี”
ฉินปิงเซี่ยมองไปยังฉู่เซวียนและพูดว่า “ในเมื่อฉู่ชิวหลัวทรยศข้า ฉันั้นก็ปล่อยให้บุตรชายของเขาชดใช้แทน!”
“มารดาเจ้าเถอะ!”
ฉู่เซวียนกล่าวด้วยความตกใจ “ท่านป้า ท่านอายุเท่าใดแล้ว? ท่านมีบุตรสาวแล้ว ทว่าผิวพรรณท่านยังหนาอยู่เช่นเคย ท่านเป็นวัวแก่เคี้ยวหญ้าอ่อนหรือ? ไม่น่าแปลกใจที่บิดาของข้าไม่ต้องการท่าน!”
“โอหัง!”
ใบหน้าของฉินปิงเซี่ยมืดลง กลิ่นอายของนางปะทุขึ้นมา เผยให้เห็นถึงฐานพลังยุทธ์ขอบเขตว่างเปล่าขึ้นสูงสุด
ฉู่ชิวฉางรีบเคลื่อนไหวมายืนอยู่ระหว่างนางกับฉู่เซวียนพลันจ้องเขม็งไปยังฉู่เซวียนแล้วกล่าวว่า “เจ้ากล่าววาจาเรื่องไร้สาระอันใดออกมา”
ฉู่เซวียนถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเขาเห็นว่าฉู่ชิวฉางเกือบจะเหงื่อแตกพลั่กจากแรงกดดันของกลิ่นอายของฉินปิงเซี่ย เหมือนว่าท่านลุงผู้นี้ของเขาจะไร้ประโยชน์ อยู่เพียงขอบเขตว่างเปล่าขั้นที่ห้าเท่านั้น
ฉินปิงเซี่ยดึงกลิ่นอายกลับคืน นางสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “ในเมื่อฉู่หยวนไม่เต็มใจ ฉะนั้นก็ให้ฉู่เซวียนแต่งงานกับบุตรสาวของข้าเสีย!”
“นี่...”
ฉู่ชิวฉางมองไปยังฉินเค่ออวิ๋นก่อนกล่าวว่า “ฉินเค่ออวิ๋น เจ้า…”
“ข้าชอบเขา เขาหน้าตาดี”
ฉินเค่ออวิ๋นเอ่ยด้วยใบหน้าแดงก่ำแล้วงุดหน้าลง
ช่างใจง่ายยิ่งนัก!
ก่อนหน้านี้นางเพิ่งบอกว่าตนเองชื่นชอบฉู่หยวน พริบตาเดียว นางก็ชอบฉู่เซวียนแล้ว
ฉู่ชิวฉางและน้องชายต่างพูดไม่ออก
“ข้าไม่เห็นด้วย!”
ฉู่เซวียนยกมือขึ้นกล่าวว่า
“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาแย้ง”
ฉินปิงเซี่ยมองฉู่เซวียนอย่างเย็นชา
ฉู่เซวียนเอ่ยอย่างจริงจังว่า “ข้าเป็นขยะ จะไม่เสียเปล่าหรอกหรือหากบุตรสาวของท่านแต่งงานกับข้า”
ฉินปิงเซี่ย “...”
ฉู่ชิวชางและฉู่ชิวเฟิง “...”
เจ้ากล่าวคำว่า “ข้าเป็นขยะ” อย่างชอบธรรมเช่นนี้ได้อย่างไร
ศักดิ์ศรีของเจ้าอยู่ที่ใด?
เจ้าทิ้งมันไปแล้วหรือ?