ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 34 คนจากตระกูลฉิน
ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 34 คนจากตระกูลฉิน
ฉู่หยวนนั่งลงข้างฉู่เซวียนแล้วหยิบสุราออกมาดื่มไปสองสามอึก
ฉู่เซวียนเหลือบมองฉู่หยวน แวบเดียวก็รู้ว่าอีกฝ่ายมีบางอย่างติดอยู่ในใจ
ทว่าฉู่เซวียนไม่ได้เอ่ยถาม
ในหมู่รุ่นเดียวกัน ฉู่หยวนมีพรสวรรค์มากที่สุด
แม้ฉู่เทียนหมิงจะคาดหวังเอาไว้กับฉู่ชิงไม่น้อย ทว่าฉู่ชิงก็ด้อยกว่าฉู่หยวนอยู่มาก แม้แต่ฉู่อวิ๋นก็ยังด้อยกว่าเขาเล็กน้อย
ทว่าฉู่อวิ๋นดูเหมือนจะมีพรสวรรค์ด้านปรุงโอสถ ซึ่งพอจะชดเชยช่องว่างได้
ฉู่หยวนอาจกล่าวได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดในหมู่รุ่นเดียวกันของตระกูลฉู่แล้ว
ฐานพลังยุทธ์ของฉู่หยวนอยู่ในขอบเขตวิญญาณขั้นแรก!
ยิ่งไปกว่านั้น ฉู่เซวียนก็รับรู้ว่าวิชาที่ฉู่หยวนฝึกฝนไม่ใช่วิชาของตระกูลฉู่
นอกจากนี้แล้ว เขาไม่รู้ว่าฉู่หยวนได้รับโอกาสวาสนาจากโลกภานนอกโดยบังเอิญ หรือได้สืบทอดวิชายุทธ์มาจากบิดาของเขากันแน่
ฉู่หยวนร่ำสุราอีกหลายอึกอย่างเงียบงันก่อนถอนหายใจ “เจ้าสิบสาม เจ้าต้องการใช้ชีวิตอันสงบสุขปราศจากการต่อสู้ดิ้นรน บางทีอาจเป็นทางเลือกที่ถูกต้องแล้วก็เป็นได้”
ฉู่เซวียนฟังอย่างเงียบๆ คิดกับตนเองว่า พี่สามคล้ายกับกำลังกล่าวอำลา เกิดเรื่องอันใดกัน?
แม้ว่าก่อนฉู่เซวียนจะฟื้นความทรงจำของชาติก่อน ความสัมพันธ์ของเขากับฉู่หยวนอาจจะเป็นแบบผิวเผิน ทว่าฉู่หยวนกลับห่วงใยเขาอย่างแท้จริง
หากฉู่เซวียนสามารถช่วยฉู่หยวนได้ เขาก็ไม่รังเกียจที่จะช่วยแน่นอน
“อีกไม่กี่วัน ข้าจะออกจากตระกูลอีกครั้ง ไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อใด ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะได้กลับมาหรือไม่”
ฉู่หยวนเอ่ยเบา ๆ
“ข้าจะช่วยสืบหาท่านลุงสามและท่านป้าสาม หากมีข่าวข้าจะให้คนมาแจ้งเจ้าทันที”
“แม้เหล่าพี่น้องของตระกูลฉู่จะไม่ได้แก่งแย่งชิงดีกันมากนัก ทว่าเพื่อให้เจ้าใช้ชีวิตอย่างสงบสุข เจ้าควรฝึกฝนวิชายุทธ์นี้ให้ดีแล้วค่อยบอกให้ท่านปู่ สถานะของเจ้าในตระกูลฉู่น่าจะดีขึ้นมาก”
ในขณะที่ฉู่หยวนกล่าว เขาพลันหยิบม้วนคัมภีร์ออกมา
คัมภีร์ขาดหายไปบางส่วน ตัวแผ่นมีสีเหลืองทำมาจากหนังสัตว์ชนิดพิเศษ ทำให้สามารถเก็บรักษาเอาไว้ได้นานพอสมควร
หนังสัตว์ชนิดพิเศษมักใช้เป็นวัสดุในการบันทึกวิชายุทธ์และวิชาอื่น ๆ
นอกจากสามารถเก็บรักษาเอาไว้ได้นานแล้ว ยังสามารถเก็บเจตจำนงวิญญาณได้อีกด้วย ถ้อยคำบนคัมภีร์ล้วนสลักด้วยเจตจำนงวิญญาณ ทำให้สื่อความหมายเข้าถึงจิตวิญญาณได้โดยตรง
ฉู่หยวนวางม้วนคัมภีร์เอาไว้ในมือของฉู่เซวียน หลังจากนั้นเขาก็หยิบขวดโอสถออกมามอบให้
เขาลุกขึ้นแล้วกล่าวว่า “เจ้าจงทะลวงไปยังขอบเขตห้วงลี้ลับให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”
เมื่อมองไปยังแผ่นหลังอันอ้างว้างของฉู่หยวน ฉู่เซวียนก็ได้แต่ส่ายหัวไม่รู้ว่าฉู่หยวนคิดอะไรอยู่
เป็นไปได้ไหมว่าอีกฝ่ายอกหักมา?
มีความเป็นไปได้สูง!
เขาหยิบม้วนคัมภีร์พลันคลี่อ่าน ปรากฏว่านี่คือเคล็ดวิชาระดับจักรพรรดิ!
ทว่าเป็นเคล็ดวิชาไม่สมบูรณ์ นับว่าเป็นเคล็ดวิชาระดับกึ่งจักรพรรดิเท่านั้น
ถึงกระนั้นก็ไม่ธรรมดาอย่างยิ่งง
ต้องรู้ว่าตระกูลฉู่ได้อาศัยเคล็ดวิชาระดับกึ่งลี้ลับเพื่อก่อรากสร้างฐานของตนเองในแคว้นฉินได้เป็นเวลาหลายพันปี
การฝึกฝนเคล็ดวิชาระดับกึ่งจักรพรรดินี้ไม่ได้ช่วยให้ทะลวงไปยังขอบเขตจักรพรรดิ ทว่าการทะลวงไปยังขอบเขตจริงแท้ก็ไม่ใช่ปัญหา
ตามบันทึกในหนังสือ สาเหตุที่ไม่มีตัวตนขอบเขตจักรพรรดิในหนานโจวเป็นเพราะหลังจากมหาสงครามที่แผ่ขยายไปทั่วหนานโจว ทำให้เส้นชีพจรปฐพีพังทลายลง ไม่สามารถควบแน่นกฎแห่งฟ้าดินขึ้นมาได้ ดังนั้นผู้ฝึกยุทธ์ในหนานโจวจึงไม่สามารถตระหนักรู้บรรลุขอบเขตจักรพรรดิได้
นอกจากนี้แล้วยังเกี่ยวข้องกับการขาดแคลนมรดกขอบเขตจักรพรรดิอีกด้วย
ฉู่เซวียนส่ายหัว เขาไม่สนใจเคล็ดวิชาระดับกึ่งจักรพรรดินี้แม้แต่น้อย
โอสถเองก็เป็นโอสถธรรมดาเท่านั้น ฉู่เซวียนย่อมไม่สนใจโอสถที่ช่วยบรรลุขอบเขตห้วงลี้ลับอยู่แล้ว ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าโอสถนี้ด้อยกว่าโอสถห้วงลี้ลับจนเทียบไม่ติด
ฉู่หยวนได้มอบวิชายุทธ์นี้ให้ฉู่เซวียนเพื่อให้เขาใช้มันดึงดูดความสนใจของฉู่เทียนหมิง ด้วยวิชายุทธ์นี้จะช่วยเพิ่มสถานะของฉู่เซวียนในตระกูลฉู่ขึ้นไม่น้อย ทำให้เขาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอย่างไร้กังวลได้ต่อไป
ซึ่งตรงกับความคิดของฉู่เซวียนมากพอสมควร
ฉู่เซวียนไม่รู้ว่าฉู่หยวนคิดอะไรอยู่ในใจ เหมือนว่าอีกฝ่ายต้องการที่จะตีตัวออกห่าง เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ล่วงเกินศัตรูที่ทรงพลัง?
เนื่องจากฉู่เซวียนเข้าใจสถานการณ์ เขาเลยไม่ได้สนใจมันมากนัก อย่างมากที่สุด เขาก็ค่อยสั่งให้จางขุยสืบหาเรื่องนี้ หากจำเป็นเขาก็ค่อยยื่นมือช่วยเหลือทีหลังก็ยังไม่สาย
“เจ้าเด็กสารเลว!”
ในวันที่สองหลังจากฉู่หยวนจากไป เสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวของฉู่เทียนหมิงก็ดังออกมาจากจวนเก่า
ซึ่งเสียงดังมาจนถึงเรือนสี่ประสาน
ฉู่เซวียนถึงกับพูดไม่ออก ดูเหมือนชายชราจะโมโหจนปอดจะระเบิดอยู่แล้ว
ความคิดแรกของฉู่เซวียนคือต้องเกี่ยวข้องกับฉู่หยวน
เรื่องที่ทำให้ฉู่เทียนหมิงโมโหถึงขนาดนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องเล็ก
ฉู่เซวียนสั่งให้แมววิญญาณสวรรค์แอบเข้าไปในจวนเก่าค้นหาว่าเกิดสิ่งใดขึ้น
แม้จะอยู่ห่างไหล ฉู่เซวียนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันแข็งแกร่งของฉู่เทียนหมิง
ฉู่เทียนหมิงคงไม่สังหารฉู่หยวนกระมัง?
ชายชราผู้นั้นคงไม่อำมหิตเพียงนั้น
...
ฉู่เทียนหมิงโมโหจนปอดระเบิด!
ฉู่หยวนต้องการถอนหมั้น!
คู่หมั้นของเขาคือองค์หญิงแห่งแคว้นฉิน ฉินเค่ออวิ๋น
เป็นราชวงศ์ฉินเช่นเคย!
แม้แคว้นฉินจะถูกปกครองร่วมโดยตระกูลทั้งสี่ ทว่าตระกูลฉินก็เป็นราชวงศ์ของแคว้นฉิน ถือได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดในหมู่ตระกูลทั้งสี่
หากตระกูลฉู่ถอนหมั้นอีกครั้ง นี่คงไม่ต่างไปจากการตบหน้าราชวงศ์ฉิน
เรื่องที่ทำให้ฉู่เทียนหมิงโมโหที่สุดก็คือเรื่องของมารดาของฉินเค่ออวิ๋น เนื่องจากบุคคลที่ฉู่ชิวหลัวถอนหมั้นในตอนนั้นก็คือมารดาของฉินเค่ออวิ๋นนั่นเอง
ในครานั้น นางถึงกับก่อความวุ่นวายในตระกูลฉู่อยู่นาน ท้ายที่สุดนางก็ไม่ได้แต่งงานกับสี่ตระกูล ทว่าได้เลือกสามีจากภายนอกแทน
หากฉู่หยวนถอนหมั้นอีกครั้ง อีกฝ่ายคงจะไม่ปล่อยตระกูลฉู่ไปอย่างแน่นอน
จะต้องเกิดรอยร้าวระหว่างตระกูลฉู่กับตระกูลฉินอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ข้าไม่สนว่าเจ้าจะตกหลุมรักใคร ข้าไม่ยอมให้เจ้าถอนหมั้นเป็นอันขาด ข้าจะจัดแต่งงานให้เจ้ากับนางทันที!”
ฉู่เทียนหมิงคำรามออกมา
แผ่นหลังของฉู่ชิวเฟิงบิดาของฉู่หยวนเปียกโชกไปด้วยอันเหงื่อเย็นเยียบ เขาก้มหน้าไม่กล้ามองบิดาแต่อย่างใด
ฉู่ชิวเฟิงรู้สึกเสียใจที่ปล่อยให้พี่สามสั่งสอนบุตรชายของตน
ฉู่หยวนเรียนรู้เรื่องอันใดมา
วิธีถอนหมั่นเช่นนั้นหรือ?
ไม่ใช่ว่าฉู่หยวนเข้ากันได้ดีกับฉินเค่ออวิ๋นหรอกหรือ? ทั้งคู่ดูเหมือนจะสนิทกันดี ทว่าเหตุใดถึงตัดสินใจถอนหมั้น?
ฉู่เทียนหมิงโมโหอย่างมาก
หากตระกูลฉินรู้เรื่องนี้ พวกเขาจะไม่เอาความโกรธมาลงกับตระกูลฉู่หรือ?
ครั้งก่อนลูกสามก็เพิ่งถอนหมั้นไป พอมาครั้งนี้หลานสามก็ต้องการที่จะถอนหมั้นตามไปด้วยอีกคน
นอกจากนี้แล้ว คนที่จะถูกถอนหมั้นก็คือบุตรสาวของคนถูกถอนหมั้นครั้งก่อน!
นี่มันมากเกินไป มากเกินไปจริง ๆ!
สีหน้าของฉู่หยวนยังคงนิ่งสงบขณะที่กล่าวว่า “ข้าได้แจ้งตระกูลฉินแล้ว ทั้งยังได้พูดคุยกับเค่ออวิ๋นตามตรงแล้ว ในสายตาของข้า นางเหมือนน้องสาวของข้า!”
อั่ก!
ฉู่เทียนหมิงจับหน้าอกของตนเอง รู้สึกว่าเลือดลมกำลังปั่นป่วนและกำลังจะกระอักเลือดออกมา
“เจ้า เจ้า...”
ฉู่เทียนหมิงตัวสั่นเทิ้ม เขาชี้ไปยังฉู่หยวนพร้อมพูดอะไรไม่ออกอยู่นาน
หากเขาไม่ใช่ยอดฝีมือขอบเขตว่างเปล่าขั้นสูงสุดซึ่งกำลังจะทะลวงไปยังขอบเขตรวมศูนย์ ความโกรธนี้คงจะทำให้เส้นชีพจรขาดสะบั้น
“ท่านปู่ ท่านพ่อ ท่านลุง วันนี้ข้ามาอำลาทุกคน ข้าจะเดินทางออกจากตระกูลฉู่”
สีหน้าของฉู่หยวนยังคงนิ่งสงบ
ฉู่หยวนรู้ว่าตนเองต้องเผชิญกับความโกรธของฉู่เทียนหมิง
อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังต้องกลับมาแจ้งให้ท่านปู่ทราบ
ฉู่ชิวเฟิงมีสีหน้าซับซ้อน บุตรชายผู้มากพรสวรรค์และเฉลียวฉลาดตั้งแต่เด็กของเขาคนนี้ก็เคารพพี่สามไม่ต่างไปจากบิดาอีกคน
ทว่าสุดท้ายก็เรียนรู้วิธีการถอนหมั้นมาจากอีกฝ่ายเช่นกัน
ฉู่ชิวฉางผู้เป็นพี่ใหญ่ก็มีสีหน้าซับซ้อนเช่นกัน
เหล่าพี่น้องตระกูลฉู่นั้นไม่ได้แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันเท่าใดนัก ความสัมพันธ์ของพวกเขาปรองดองกันพอสมควร
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เกิดเรื่องกับฉู่ชิวหลัว บรรยากาศในตระกูลฉู่ก็ดูเหมือนจะแปลกประหลาดต่างออกไป
ตอนนี้ คนที่ถอนหมั้นคนที่สองได้ปรากฏตัวขึ้น
“เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ไปที่ใดทั้งนั้น ข้าจะไปแจ้งตระกูลฉินให้จัดการแต่งงาน!”
ฉู่เทียนหมิงคำรามลั่น ดูเหมือนจะดังก้องไปทั่วบริเวณอาณาเขตตระกูลฉู่
ต้องไม่ลืมว่าฉู่เทียนหมิงถือเป็นยอดฝีมือขอบเขตกึ่งรวมศูนย์แล้ว ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาหากเสียงของเขาจะดังไปไกลกว่าสิบลี้
ทันทีที่ฉู่เทียนหมิงกล่าวจบ หัวหน้าพ่อบ้านก็รีบเดินเข้ามาด้วยสีหน้าซับซ้อน เขากล่าวว่า “นายท่าน คนจากตระกูลฉินมาขอรับ”
ฉู่เทียนหมิงสีหน้าเปลี่ยนไป “ผู้ใดมา?”
“ฉินปิงเซี่ยกับบุตรสาวขอรับ”
“!!!”
ใบหน้าของฉู่เทียนหมิงพลันซีดเซียว ฉินปิงเซี่ยเป็นคนที่เกือบจะกลายเป็นลูกสะใภ้ของเขาอยู่แล้ว นางต้องพาบุตรสาวมาเพื่อขอคำอธิบายเป็นแน่แท้