Chapter 38 : หัวหน้าผู้ช่วยประจำโรงฝึก
ก่อนที่เถ้าแก่หลิวจะได้บรรยายต่อโจวเฉินก็เปลี่ยนหัวข้อไปที่การขาดแคลนบุคลากรในโรงฝึกแทนเสียก่อน
“เสี่ยวโจวเธอพูดถูกจริงๆนั่นแหละ ฉันคนเดียวคงไม่สามารถประคองโรงฝึกต่อไปได้ ถ้าฉันมีผู้ช่วยที่เป็นกันชนรับคำท้าของอีกฝ่ายก่อนก็คงได้เห็นธาตุแท้ของมันและไม่จบลงแบบนี้แน่ ดังนั้นแล้วเสี่ยวโจวเอ๋ย ฉันอยากจะถามเธอเพื่อเธอจะสนใจว่าเธอสนใจจะรับหน้าที่เป็นหัวหน้าผู้ช่วยประจำโรงฝึกบ้างไหม?”
“อาไรนะ?”
โจวเฉินชะงักไปทันที เขาไม่คิดเลยว่าเพียงแค่การคุยเรื่องทั่วไปกับเถ้าแก่หลิวจะถูกลากมาทางนี้ได้
“เถ้าแก่หลิวควรจะหามืออาชีพมารับหน้าที่หัวหน้าผู้ช่วยนี้มากกว่า ผมดีไม่พอหรอก”
“อะไรที่ว่าดีไม่พอล่ะ?”
เถ้าแก่หลิวที่ถูกทุบตีจนเละยิ้มกรุ่มกริ่ม
“ในฐานะสุดยอดปรมาจารย์แล้วเธอคิดว่าหลิวเว่ยเจียงผู้นี้ไม่มีความสามารถในการประเมินคนรึ? อย่าห่วงไปเลยเธอสามารถรับหน้าที่หัวหน้าผู้ช่วยนี้ได้แน่นอน! ไม่ต้องห่วงว่าฉันจะเอาเปรียบเธอ นอกจากอาหารและที่อยู่ฟรีๆแล้วฉันจะให้เงินเดือนเธออีก8,000เหรียญ ถ้าเธอคิดว่าน้อยไป10,000เหรียญก็ไม่มีปัญหา ทุกอาทิตย์จะมีวันหยุดให้2วัน คิดว่าไงบ้าง?”
“เถ้าแก่หลิว...คุณเอาจริงหรอ?”
โจวเฉินรู้สึกไขว้เขวขึ้นมา เขารู้ดีว่าค่าเฉลี่ยเงินเดือนของประชาชนในจักรวรรดิมังกรนั้นน้อยกว่า5,000เสียอีก เงินเดือน10,000ต่อเดือนนี้นับว่าสูงมาก
ยิ่งไปกว่านั้นโรงฝึกเว่ยเจียงแห่งนี้ยังค่อนข้างเงียบสงบและมีอุปกรณ์ฝึกฝนครบครันอีกด้วย โดยรวมแล้วเรียกได้ว่าเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับทำงานสำหรับเขายิ่งนัก
“แน่นอน! ในฐานะสุดยอดปรมาจารย์แล้วฉันเคยโกหกที่ไหน?”
เถ้าแก่หลิวที่สภาพน่าอนาถจนดูไม่ได้กล่าวอย่างภาคภูมิใจ
“ถ้าคุณอยากจะให้ผมอยู่ช่วยงานที่นี่ก็ไม่มีปัญหาหรอก แต่เรื่องเงินเดือนไม่ต้องให้ผมมากขนาดนั้นก็ได้ขอแค่5,000ก็พอ ไม่อย่างนั้นผมเกรงว่าคุณจะแบกรับค่าใช้จ่ายขนาดนั้นไม่ไหว”
โจวเฉินถูกตำแหน่งงานนี้ทำให้ไขว้เขวยิ่งนักเพราะเมื่อเขาคิดถึงอนาคตเขาก็รู้สึกว่าตัวเองจำเป็นต้องมีอาชีพอะไรซักอย่าง ไม่อย่างนั้นแล้วคนอื่นๆคงมองพิรุธตรงนี้ออกอย่างเช่นที่มาที่ไปของรายรับที่ไม่รู้ที่มาของตัวเขา
“ไม่จำเป็นหรอก”
ยังไงก็ตามเถ้าแก่หลิวกลับปฏิเสธข้อเสนอของเขาทันควัน
“เสี่ยวโจว โรงฝึกเว่ยเจียงของฉันน่ะนะโด่งดังมากในเว็บมังกร ถ้าเงินเดือนของผู้ช่วยต่ำเกินไปคนอื่นจะคิดยังไง? ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันย่อมส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของโรงฝึกเป็นแน่! ดังนั้นแล้วเงินเดือนนี้ไม่อาจลดได้”
‘โรงฝึกเว่ยเจียงเนี่ยนะโด่งดังในเว็บมังกร? ในด้านไม่ดีล่ะสิไม่ว่า...‘
โจวเฉินอดบ่นในใจไม่ได้เมื่อได้ยินคำกล่าวของอีกฝ่าย
“ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าฉันจะไม่ถือว่าเป็นคนรวยในเมืองหยางแห่งนี้แต่ก็มีมรดกตกทอดมากมายที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ เงินเดือนเพียงน้อยนิดแค่นี้ฉันจ่ายได้สบายมาก นอกจากนี้แล้วในฐานะของหัวหน้าผู้ช่วยประจำโรงฝึกเธอต้องรับหน้าที่ในการรับสมัครนักเรียนและพัฒนาโรงฝึกอีกด้วย”
บอสหลิวกล่าวอย่างมั่นใจว่าเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา กระเป๋าเงินของเขาอู้ฟู่มาก
“เอาล่ะเถ้าแก่หลิวผมอยากให้คุณลองคิดให้ถี่ถ้วนอีกซักครั้ง ถ้าคุณยังคิดว่าดีพรุ่งนี้ผมจะมารับหน้าที่เป็นหัวหน้าผู้ช่วยประจำโรงฝึกที่นี่”
โจวเฉินรู้สึกว่าการตัดสินใจของอีกฝ่ายมันฉุกละหุกไปหน่อย บางทีชายชราอาจจะหุนหันไปหน่อย ดังนั้นเขาจึงให้เวลาอีกฝ่ายตัดสินใจอีกครั้ง
“ไม่จำเป็นต้องตัดสินใจหรอก...ฮึบ...”
ในตอนที่บอสหลิวกำลังจะกล่าวปฏิเสธเขาก็ถูกโจวเฉินพยุงขึ้นมาจากเปลเสียก่อน
“ให้ผมพยุงคุณไปที่ห้องนอนก่อนแล้วกัน มากองอยู่บนโถงฝึกแบบนี้มีแต่จะทำให้ชื่อเสียงในฐานะสุดยอดปรมาจารย์ของคุณย่อยยับป่นปี้ซะเปล่า”
โจวเฉินที่มาที่โรงฝึกบ่อยๆทราบดีว่าเถ้าแก่หลิวอาศัยอยู่ในบ้านฝั่งตรงข้ามกับโรงฝึก เมื่อลองพิจราณาแล้วว่าตอนนี้ค่อนข้างมืดแล้วและเปลเองก็ไม่ค่อยสบายนักเขาจึงตัดสินใจพยุงชายชรากลับบ้านก่อน
เถ้าแก่หลิวที่ได้ยินโจวเฉินเรียกตัวว่าสุดยอดปรมาจารย์พลันดีอกดีใจขึ้นมา จากนั้นเขาก็พลันถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง
“เสี่ยวโจวเอ๊ยถ้าลูกชายสองคนของฉันมันดูแลฉันได้ซักครึ่งแบบเธอล่ะก็...พวกมันไม่ได้โทรหาฉันมาเป็นปีแล้ว”
โจวเฉินประหลาดใจกับบทสนทนาฉับพลันที่เถ้าแก่หลิวเปิดประเด็นขึ้นมาพอสมควร นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้รู้ว่าเถ้าแก่หลิวมีลูกชายสองคน เขาคิดมาตลอดว่าเถ้าแก่หลิวเป็นชายชราโดดเดี่ยวที่มีสติไม่สมประกอบ
โจวเฉินเอ่ยปลอบเถ้าแก่หลิวเล็กน้อยก่อนจะช่วยพยุงเขาข้ามถนนไปยังห้องนอนภายในบ้าน จากนั้นเขาก็ช่วยปิดประตูโรงฝึกและเดินจากไป
ทีแรกเขาตั้งใจจะมายืดเส้นยืดสายข้างนอกแต่หลังจากได้สู้กับชายหนุ่มบนเวทีไปยกหนึ่งเขาก็รู้สึกเหมือนได้ยืนเส้นเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจไปเดินเล่นรอบเมืองซักพักแทนก่อนจะมุ่งตรงกลับห้องเช่า
เมื่อกลับมาถึงห้องพักและอาบน้ำชำระล้างร่างกายแล้ว เขาก็มาเอนกายลงบนเตียงและเปิดหน้าต่างระบบขึ้นมาดูก่อนจะแล้วค่อยนอน
เขายังไม่อยากให้ภารกิจเซอร์ไววัลมาทำลายเวลานอนในแต่ละวันของเขาจนพังไม่ท่า
ลำดับแรกที่เขาดูก็คือพื้นที่พูดคุยสารธารณะ
[ราชากระต่าย : มือใหม่มาแล้วจ้า ฉันพึ่งผ่านภารกิจทดสอบมาเหล่ารุ่นพี่ทุกคนช่วยแบ่งปันความรู้ให้กันซักหน่อยสิ]
[ตงผู้น่ารักแต่โสโครก : ทานอาหารให้อร่อย]
[เถ้าแก่น้อยเหมืองถ่านหินรุ่นที่สอง : รับคัมภีร์ค่าสถานะระดับทองแดงขั้นต่ำจำนวนมาก! คัมภีร์กายารับที่ 250,000! ความเร็วกับจิตวิญญาณรับที่200,000เหรียญมังกร!]
[แตงโมภูเขาหวานฉ่ำ : ไปล้างตีนอีกรอบซะ]
[ใจบริสุทธิ์ : เขียนความปรารถนาเอาไว้ที่นี่แล้วก็นับเวลารอวันตายซะ]
[มนุษย์ทรายหมายใจหมู : รับซื้ออาวุธมีคมและอาวุธประเภทดาบ! ถ้าเป็นระดับทองแดงขั้นกลางจะดีมาก! การันตีเลยว่าจะให้ราคาที่พวกคุณพอใจ!]
[สายลมยามสิงหาคม : อย่าไปฟังเรื่องไร้สาระของไอ้พวกนี้ ภารกิจเซอร์ไววัลไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นหรอก ฉันช่วงภารกิจไม่กี่ครั้งที่ผ่านมานี้ฉันเสียเพื่อนไปแค่คนหรือสองคนเองมั้ง ถ้านายอยากได้ความรู้เพิ่มก็ลองไปอ่านดูในฟอรั่มก็ได้ จำไว้ว่าให้เลือกอ่านโพสต์ที่ถูกโพสต์โดยสมาชิกที่มีสัญลักษณ์ของระบบระดับทองแดงขั้นกลาง]
[ผมคือนายหวังประตูถัดไป : ไอ้เชี่ยระบบ! ฉันจะนั่งด่าแกทุกวันและต่อให้ตายก็จะเป็นผีมาด่าแก ถ้าแกมีความสามารถก็ฆ่าฉันสิวะไอ้เ*ดแม่!]
[อ้วนน้อยแห่งเมืองเหยียน : รีบไปหาซื้ออาวุธดีๆจากพื้นที่แลกเปลี่ยนซะ ส่วนชุดใยผ้าความหนาแน่นสูงนายสามารถซื้อได้จากองค์กร พึงระวังและจงโหดเหี้ยมเข้าไว้เมื่ออยู่ในภารกิจแค่นั้นเลย ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับโชคของนายล้วนๆ]
[ถ้าร้องเพลงเป็นโตมาจะไม่น่าเกลียด : พรสวรรค์เองก็สำคัญ บอกพวกเรามาสิว่านายได้พรสวรรค์อะไรมา? มันเพิ่มค่าสถานะร่างกาย ความเร็วหรือจิตวิญญาณ?]
[หลงรักแสงแดด : อย่าไปฟังไอ้คนข้างบน พรสวรรค์ของทุกคนให้เก็บเป็นความลับและจะดีที่สุดถ้าไม่บอกใคร]
...
“ระบบยังลากคนเข้ามาเพิ่มเรื่อยๆเลยแฮะ ส่วนไอ้เถ้าแก่น้อยเหมืองถ่านหินรุ่นที่สองนั่นก็นั่งรับคัมภีร์ทั้งวันแต่ดูเหมือนจะเพิ่มราคาแล้วนะ สงสัยคงหาคนขายไม่ได้ล่ะมั้ง”
หลังจากนั่งอ่านแชทอยู่ซักพักโจวเฉินก็ปิดช่องแชทและเข้าไปที่ฟอรั่มแทน
[พรสวรรค์ไม่ได้จำกัดแค่พรสวรรค์ที่เพิ่มค่าสถานะเท่านั้น พรสวรรค์หายากบางอย่างเหนือล้ำเกินกว่าที่พวกคุณจะจินตนาการเสียอีก!]
[ฉันไม่อยากถูกระบบทรมานอีกแล้ว ใครรู้วิธีออกจากเรื่องบ้าๆนี่บ้าง?]
[ผมทำงานสร้างเกมและมีหลายคนออกมาบอกว่าภารกิจเซอร์ไววัลนี้เหมือนกับเกม ผมอยากจะบอกเหลือเกินว่าถ้ามันเป็นเกมจริงๆมันก็ถือว่าเป็นเกมที่ล้มเหลวอย่างมาก]
...