Chapter 31 : ชายวัยกลางคน – สู้
โจวเฉินได้ยินเสียงอ่อนระโหยโรยแรงร้องขอให้ช่วยจึงเร่งเดินเข้าไปตรวจสอบ
ไม่นานนักเขาก็พบว่าคนผู้นี้คือชายวัยกลางคนจากจักรวรรดิมังกรซึ่งเป็นคนแรกที่ย่างเท้าเข้าสู่เส้นทางกระดูก
โจวเฉินใช้หอกในมือเขี่ยทรายรอบๆร่างกายของอีกฝ่ายออกและพบว่าอาการบาดเจ็บของอีกฝ่ายไม่ได้เบาเลย โดยเฉพาะขาข้างหนึ่งที่เกือบจะหักโดยสมบูรณ์ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้จมลงไปในทรายแล้วขึ้นไม่ได้
“สภาพร่างกายของคุณแย่เกินไป ขอโทษด้วยนะแต่ผมคงช่วยอะไรคุณไม่ได้”
โจวเฉินแค่ปรายตามองก็ตัดสินใจได้ทันทีว่าเกินจะเยียวยาไปแล้ว อาการบาดเจ็บของคนผู้นี้สาหัสเกินไป ต่อให้ใช้โพชั่นฟื้นฟูพลังชีวิตทั้งขวดก็ยังไม่แน่เลยด้วยซ้ำว่าจะรอดไหมแต่เขาคงไม่ทำแบบนั้นแน่ๆล่ะ
“ช่วยฉันที...ฉันจะให้เงินนาย...สองล้าน...เหรียญมังกรเลย...”
ชายวัยกลางคนผู้นั้นเมื่อได้ยินเสียงของโจวเฉินก็ตะเกียดตะกายเงยหน้าขึ้นมามอง บางทีอาจจะเป็นเพราะอุณหภูมิที่ร้อนจัดของทะเลทรายทำให้ตัวเขามีอาการคล้ายกับคนที่เป็นลมแดดทำให้สภาวะทางจิตของเขาค่อนข้างย่ำแย่ไม่น้อย กระทั่งน้ำเสียงเองก็ฟังแทบจะไม่รู้เรื่องแล้ว
“สองล้านเป็นตัวเลขที่น่าดึงดูดก็จริงอยู่แต่ถึงคุณจะให้ผมจริงๆผมก็ช่วยคุณไม่ได้อยู่ดี”
กระทั่งโจวเฉินก็ยังไม่มั่นใจเลยว่าตัวเขาเพียงลำพังจะผ่านทะเลทรายเส้นทางกระดูกแห่งนี้ไปได้ไหม ดังนั้นแล้วคงไม่ต้องกล่าวถึงว่าถ้าเพิ่มภาระอย่างคนบาดเจ็บหนักมาจะเป็นยังไงหรอกมั้ง?
“สามล้าน...ช่วยฉัน....เงินทั้งหมด...ฉันให้หมดเลยก็ได้...”
เมื่อเห็นว่าโจวเฉินไม่ตกลงชายวัยกลางคนที่นอนอยู่บนพื้นก็เพิ่มตัวเลขขึ้นไปอีก
“ลืมมันไปเถอะพี่ชาย...”
โจวเฉินส่ายหัว
“สภาพของคุณตอนนี้มันเกินเยียวยาไปแล้ว ไม่มีใครช่วยคุณได้ทั้งนั้นแหละแต่ถ้าคุณไม่อยากทนทุกข์ทรมานผมก็ยินดีจะส่งคุณไปก่อน”
โจวเฉินเผยเป้าหมายที่แท้จริงที่เดินเข้ามาหาคนผู้นี้แล้ว เหตุผลที่เขายอมใช้เวลาอันมีค่ามาตรวจสอบชายโชคร้ายผู้นี้ก็เพราะเขาต้องการบางสิ่งบางอย่าง
“ถ้าคุณยินดีให้อุปกรณ์สวมใส่ที่คงจะไม่ได้ใช้แล้วกับผมผมก็ยินดีจะส่งข้อความสุดท้ายให้กับครอบครัวคุณเหมือนกัน”
โจวเฉินคิดอยู่ซักพักและรู้สึกว่านี่เป็นสิ่งเดียวที่เขาทำได้แล้ว
ท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าวจู่ๆบรรยากาศกลับเงียบสงัดจนยากจะอธิบาย ชายวัยกลางคนบนพื้นไม่ได้ตอบสิ่งใดกลับมา
โจวเฉินชี้ปลายหอกไปที่ลำคอของชายผู้นั้นและเตรียมตัวจะปลิดชีพเขาให้พ้นจากความทรมาน
เขาจำเป็นต้องทำเช่นนี้ มิฉะนั้นแล้วเมื่อชายคนนี้ตายหรือเจอกับเซอร์ไวเวอร์คนอื่นเข้าผลประโยชน์ที่ได้ก็คงเข้าปากคนอื่นอยู่ดี
“เข้าใจแล้ว...เข้ามาใกล้ๆสิ...ฉันบอกนาย...”
ก่อนที่โจวเฉินจะลงมือแทงชายบนพื้นก็กล่าวออกมาอีกครั้งว่าต้องการจะกล่าวอะไรบางอย่างกับโจวเฉิน
“ได้สิ”
โจวเฉินตอบสนองทันควัน จากนั้นหอกในมือของเขาก็แทงทะลุลำคอของชายวัยกลางคนไปส่งให้เขาที่อยู่ในสภาพครึ่งเป็นครึ่งตายลงไปสู่ปรภพ
ตามมาด้วยเสียงของอะไรบางอย่างตกกระทบลงบนพื้น โจวเฉินหันไปมองและพบว่าเป็นน้ำดื่มขวดหนึ่ง
“ชายคนนี้จนจริงๆหรือไม่งั้นก็คงเพราะเรามันโชคไม่ดี...”
เขารู้สึกว่าหนึ่งนาทีที่เสียไปเหมือนเสียเปล่าจริงๆ
ด้วยความรู้สึกไม่พอใจนี้เองโจวเฉินจึงเริ่มใช้หอกในมือขุดลงบนทรายรอบๆร่างของคนผู้นั้นเพื่อดูว่ามีอะไรตกหล่นรึเปล่า
ทันใดนั้นเองบางสิ่งบางอย่างที่ส่องประกายสะท้อนแสงอาทิตย์ก็ปรากฏให้เห็นอยู่ภายใต้ผืนทรายหรือถ้าจะพูดให้ถูกก็คืออยู่ในมือฝ่ามือของชายวัยกลางคนผู้นั้น
โจวเฉินใช้หอกดึงมันออกมาและพบว่ามันเป็นมีดที่คมกริบเล่มหนึ่ง
“เหอๆ ว่าแล้วเชียวว่าเจ้าหมอนี่คิดจะลากเราไปด้วย ดีแล้วที่เป็นแบบนี้เราจะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไปตะกี้”
เหตุผลที่ว่าทำไมโจวเฉินถึงสังหารชายวัยกลางคนทันทีที่อีกฝ่ายเอ่ยปากบอกว่าให้เขาเข้าไปใกล้ๆก็เพราะเขาเดาว่าอีกฝ่ายน่าจะเจตนาร้าย ดูจากมีดนี้แล้วดูเหมือนเขาจะเดาถูก
หลังจากเก็บมีดกับน้ำดื่มลงไปในช่องเก็บของ โจวเฉินก็ตรวจสอบรอบๆอีกครั้งเพื่อยืนยันว่าไม่มีอะไรหลงเหลือก่อนจะจากไปและเริ่มไต่ขึ้นไปเนินทรายเสียที
เนินทรายนี้ทำมุม45องศากับพื้นดินและสูงราวๆพันเมตรเห็นจะได้ ทำให้การปีนนั้นเป็นอะไรที่ลำบากยิ่ง
ยิ่งไปกว่านั้นโจวเฉินยังสังเกตุเห็นอีกด้วยว่ามีกับดักทรายดูดอยู่บนเนินทรายด้านบน เมื่อพบเจอเช่นนี้ก็จำเป็นต้องอ้อมไปทำให้ระยะทางในการปีนเพิ่มขึ้นไปอีกอย่างมาก
ไม่รู้เลยว่าเขาใช้เวลาปีนไปนานเท่าไหร่ การปีนหนนี้ทั้งน่าเบื่อและเหนื่อยจนสุดจะทานทนโดยแท้ กว่าโจวเฉินจะปีนขึ้นมาถึงด้านบนร่างกายของเขาก็ขับเหงื่อออกมาจนแทบจะไม่เหลือน้ำในร่างกายแล้ว
เมื่อมาถึงยอดเขาจึงนั่งลงเพื่อพักผ่อนในทันที
พอนั่งลงแล้วปรายตามองออกไปก็เหมือนว่าเขาจะเห็นอะไรบางอย่างสีเขียวชอุ่มอยู่ด้านหน้า
“นั่นน่าจะเป็นโอเอซิสที่เป็นจุดมุ่งหมายปลายทาง”
เมื่อเห็นสีเขียวอยู่ไกลๆโจวเฉินที่รู้สึกเหนื่อยจนทนไม่ไหวก็พลันรู้สึกได้ถึงแรงกระตุ้นสายหนึ่งในใจ เขารู้สึกทันทีว่าในที่สุดก็ถึงเวลาออกจากนรกแห่งนี้เสียที
จากนั้นเขาก็มองไปที่บริเวณที่อยู่ไม่ห่างจากเขามากนักและสังเกตเห็นว่าดูเหมือนจะมีจุดเล็กๆกำลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วอยู่ในทะเลทรายข้างหน้า
“เหมือนจะเป็นคนที่กำลัง...เล่นสเก็ตบอร์ดงั้นหรอ?”
สายตาของโจวเฉินดีกว่าคนปกติทั่วไปมากนัก เขาเพ่งตามองและพบว่าจุดเล็กๆนั่นดูเหมือนจะเป็นคน กล่าวตามตรงคือเป็นสตรีคนหนึ่งที่กำลังไถลสเก็ตบอร์ดไปบนผืนทรายนั่นเอง
“ผู้หญิงคนนี้โชคดีจริงๆที่มีสเก็ตบอร์ดซึ่งเหมาะกับเนินลาดลงแบบนี้พอดี แบบนี้ทั้งประหยัดเวลาและพลังงานไปได้มากโขเลย”
หลังจากรู้สึกอิจฉาอีกฝ่ายเล็กน้อยโจวเฉินก็เริ่มไต่ลงจากเนินทรายอย่างช้าๆ
แน่นอนว่าการไต่ลงง่ายกว่าตอนขาขึ้นเยอะแต่ก็ยังต้องระมัดระวังอยู่ดี ถ้าเขาไม่ระวังแล้วกลิ้งตกลงไปด้านล่างก็อาจจะได้รับบาดเจ็บพอสมควรหรืออาจจะถึงขั้นสลบเลยก็เป็นได้
โจวเฉินถือหอกเอาไว้ในมือข้างหนึ่งขณะที่อีกข้างก็กระชับท่อนเหล็กเอาไว้ เมื่อมีทั้งสองอย่างนี้คอยช่วยพยุงร่างเขาจึงสามารถไต่ลงจากเนินทรายลาดชันไปได้อย่างมั่นคง
ใช้เวลาไปเพียงหนึ่งในสี่ของตอนขาขึ้นเขาก็ลงมาถึงด้านล่างได้สำเร็จ จากนั้นเขาก็เดินทางต่อไปบนเส้นทางกระดูก
หลังจากเดินต่อมาได้ราวๆยี่สิบนาทีเขาก็ได้พบกับมอนสเตอร์ตามที่หวัง
มอนสเตอร์ที่เจอหนนี้มีลักษณะคล้ายกับกิ้งก่า พวกมันส่วนใหญ่มีลำตัวยาวไม่ถึงเมตรและมีจำนวนเพียงหกถึงเจ็ดสิบตัวเท่านั้น วิธีการโจมตีของพวกมันดูเหมือนจะใช้กงเล็บและลิ้นแหลมๆเป็นอาวุธหลัก
เดิมทีพวกมันไล่ตามหญิงสาวที่เล่นสเก็ตบอร์ดผู้นั้นแต่เมื่อหันมาเห็นโจวเฉินพวกมันกว่าครึ่งก็พากันเปลี่ยนขบวนวิ่งตรงมาหาเขาแทน
โจวเฉินยินดียิ่งที่เห็นว่ามอนสเตอร์เป็นฝ่ายวิ่งเข้ามาหาเขาแทน มอนสเตอร์พวกนี้ไม่ได้มีพลังรบแข็งแกร่งอะไรนักและจำนวนเองก็มีไม่มากเท่าไหร่ เขาพุ่งเข้าใส่และเริ่มไฟว้กับพวกมันทันที
หอกแรกพุ่งออกไปเจาะทะลุดวงตาของกิ้งก่าด้านหน้า ปลายหอกแทงทะลุดวงตาของมันเข้าไปจนถึงก้านสมองเลยทีเดียว
หอกที่สองเขาเลือกที่จะกวาดรอบตัวเต็มแรงส่งผลให้กิ้งก่าเจ็ดถึงแปดตัวที่รายล้อมรอบตัวของเขาอยู่กระเด็นกระดอนออกไปชนกับกิ่งก่าตัวอื่นๆที่อยู่ด้านหลังจนล้มคว่ำไปตามๆกัน
จากนั้นเขาก็เริ่มเคลื่อนไหวและแทงหอกด้วยความเร็วสูง สังหารพวกมันไปทีละตัวๆอย่างไม่ยากเย็นและกวาดล้างพวกมันทั้งหมดลงไปได้ในเวลาไม่นาน
การต่อสู้หนนี้เขาได้กำไรไม่น้อยเลย นอกจากน้ำดื่มขวดนึงแล้วเขายังได้ไม้ตะบองกับสกิลติดตัวมาด้วย
[ไม้ตะบองกระบองเพรช]
[ประเภท : อาวุธระดับทองแดงขั้นต่ำ]
[คำอธิบาย : ไม้ตะบองอันนี้ทำมาจากหนามอันแข็งแกร่งของต้นกระบองเพรช ศัตรูที่ถูกไม้ตะบองอันนี้โจมตีจะต้องประสบกับประสบการณ์อันยากจะลืมเลือน]
[งอกส่วนร่างกาย (ระดับ1)]
[ประเภท : สกิลติดตัวระดับทองแดงขั้นต่ำ]
[คำอธิบาย : เมื่อได้รับสารอาหารเพียงพอ ขาขนหรืออวัยวะต่างๆนอกเหนือจากหัวใจและสมองจะงอกกลับมาภายในหนึ่งเดือน]