910 - การพบกันของจักรพรรดิทั้งสอง
910 - การพบกันของจักรพรรดิทั้งสอง
เย่ฟ่านคำรามด้วยความโกรธ ทักษะที่อยู่ในคัมภีร์ต้นกำเนิดสวรรค์ถูกใจออกมาอย่างเต็มที่ ในขณะนั้นปราณมังกรที่แข็งแกร่งได้ปะทุขึ้นจากบ่อน้ำเซียนและบดขยี้เข้าหาฝ่ายตรงข้ามอย่างรวดเร็ว
“บูม”
ร่างกายของยอดฝีมือจากนิกายหยินหยางถูกบดขยี้เป็นหมอกเลือด ใบหน้าของผู้ที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างบิดเบี้ยวในทันที
ต้องเข้าใจว่าผู้ที่ลงมือนั้นแม้ไม่ใช่ครึ่งเซียน แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็อยู่ในลำดับต้นๆ ของโลกยุคปัจจุบันแล้ว ถึงกระนั้นเย่ฟ่านก็ยังสามารถหยิบยืมปราณมังกรใต้ดินออกมาสังหารเขาได้
“โฮก!”
ในขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงอย่างถึงที่สุดก็มีเสียงคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวดังออกมาส่วนลึกของถ้ำ
รถศึกที่ถูกลากโดยมังกรโบราณบินออกมาจากถ้ำมังกร บนตัวรถมีสิ่งมีชีวิตร่างกายสีทองคนหนึ่งเหลือบมองทุกคนที่อยู่ด้านนอกอย่างเย็นชา
หากไม่มีจักรพรรดิชิงยืนอยู่ที่นี่ เกรงว่าเพียงแค่รัศมีพลังของชายคนนี้ก็อาจจะบดขยี้พวกเขาให้กลายเป็นหมอกเลือดได้แล้ว
รถศึกมังกรนั้นดูเก่าแก่เล็กน้อยและชายคนนั้นสวมมงกุฎของจักรพรรดิโดยที่เสื้อคลุมของเขาได้ปักรูปมังกรห้ากรงเล็บซึ่งแสดงให้เห็นถึงสถานะของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่เช่นกัน
“จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่”
กลุ่มสิ่งมีชีวิตตัวเล็กรีบคุกเข่าลงและแสดงความเคารพอย่างนอบน้อม!
“นี่เป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่คนใด!”
ยอดฝีมือของดินแดนศักดิ์สิทธิ์มากมายต่างมองหน้ากันด้วยความสงสัย พวกเขาไม่เคยได้ยินเรื่องจักรพรรดิโบราณที่มีร่างกายเล็กจ้อยแบบนี้มาก่อน
และที่สำคัญที่สุดคือตอนนี้มีจักรพรรดิโบราณสองคนปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน มันได้ทำลายความเชื่อของพวกเขาที่ว่าจะไม่มีจักรพรรดิโบราณดำรงอยู่ในยุคเดียวกันมาก่อน
“ข้าคือจักรพรรดิแห่งจงโจว เจ้าเป็นใคร?”
ชายร่างทองบนรถศึกมังกรโบราณแค่นเสียงอย่างเย็นชา และคลื่นพลังอันน่าสะพรึงกลัวได้บดขยี้เข้าหาจักรพรรดิอสูร
“ต้นบัวจากท้องฟ้าสีครามนิรันดร์”
จักรพรรดิชิงกล่าวอย่างราบเรียบ และก้อนทองเหลืองสีเขียวบนศีรษะของเขาก็ปลดปล่อยคลื่นพลังออกไปต่อต้านการโจมตีอย่างง่ายดาย
“นี่คือจักรพรรดิโบราณจริงๆ แต่จักรพรรดิจะตื่นขึ้นพร้อมกันสองคนได้อย่างไร?”
แม้แต่สิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆเหล่านั้นก็ยังมีสีหน้าสงสัย พวกเขาไม่เข้าใจว่าโลกเกิดความวิปริตอะไรกันแน่
“ข้าก็อยากรู้เหมือนกัน”
ชายชราที่เป็นศิษย์พี่ใหญ่ของเย่ฟ่านพึมพำอยู่คนเดียว
“บางทีพวกเขาอาจไม่ใช่จักรพรรดิตัวจริง เป็นเพียงภาพธรรมที่สะท้อนมาจากยุคโบราณเท่านั้น?”
หลายคนไม่ยอมปักใจเชื่อเรื่องนี้ แม้ว่าพวกเขาจะเห็นการปรากฏตัวของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองคนด้วยตาของตัวเอง
จักรพรรดิอสูรยืนเอามือไพล่หลังแล้วปล่อยให้สายลมพัดเสื้อคลุมของเขาให้โบกสะบัด เขายังดูหนุ่มมากดูเหมือนจะมีอายุไม่ถึงยี่สิบปีด้วยซ้ำ
นักพรตมังกรแดงและราชานกยูงซึ่งเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในบริเวณต่างก็ประคองอาวุธเต่าสุดขั้วของตัวเองขึ้นเหนือศีรษะพร้อมกับแสดงความเคารพต่อจักรพรรดิอสูรอย่างนอบน้อม
ในเวลานี้พวกเขาไม่สามารถต้านทานแรงกดดันที่เกิดจากความปรารถนาของอาวุธเต๋าสุดขั้วได้
อย่างไรก็ตามจักรพรรดิอสูรเพียงจ้องมองจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แห่งจงโจวโดยไม่ให้ความสนใจผู้อื่นแม้แต่น้อย
ในระยะไกลหัวใจของเย่ฟ่านก็สั่นสะท้านเช่นกัน จักรพรรดิอสูรมีพลังมากมายขนาดไหน เพียงแค่เขาปรากฏตัวขึ้นสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่อยู่ในบริเวณนี้ต่างก็เกิดความหวาดกลัวอย่างถึงที่สุดแล้ว
“เคร้ง เคร้ง”
กระบี่ไท่หวงเริ่มเคลื่อนไหว ทั้งหมดนี้เกิดจากบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นจักรพรรดิแห่งจงโจว เขาพยายามยึดครองอาวุธเต๋าสุดขั้วชิ้นนี้เพราะเห็นว่าตัวเองไม่สามารถต่อสู้กับจักรพรรดิอสูรได้
อย่างไรก็ตามกระบี่ไท่หวงมีจิตวิญญาณเป็นของตัวเอง มันถือกำเนิดขึ้นมาจากมือของจักรพรรดิมนุษย์ และมันไม่มีทางที่จะตกไปเป็นอาวุธของจักรพรรดิคนอื่นได้!
“เคร้ง เคร้ง”
กระบี่ไท่หวงส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธ อย่างไรก็ตามจักรพรรดิอสูรยิ้มเล็กน้อยก่อนจะดีดนิ้วเข้าหากระบี่ไท่หวงด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ฟู่”
กระบี่ไท่หวงที่กำลังดิ้นรนอย่างหนักได้ตกลงบนพื้นก่อนจะถูกดึงดูดเข้าสู่มือของจักรพรรดิอสูรอย่างง่ายดาย
“เจ้าต้องการถือกระบี่เล่มนี้ไว้ในมือหรือไม่?”
จักรพรรดิอสูรหันไปมองคนที่อ้างตัวว่าเป็นจักรพรรดิแห่งจงโจว
ไม่ไกลนักร่างกายของสิ่งมีชีวิตตัวเล็กที่นั่งอยู่บนรถศึกเริ่มสั่นสะท้านโดยไม่อาจควบคุมตัวเองได้ ในตอนนี้เขารู้แล้วว่าไม่มีทางที่เขาจะต่อต้านจักรพรรดิอสูรได้อย่างแน่นอน
“รับไปเถอะ ข้าจะให้โอกาสเจ้าต่อสู้อย่างสุดกำลังสักครั้ง”
จักรพรรดิอสูรสะบัดนิ้วเพื่อควบคุมกระบี่ไท่หวงให้พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
“ชิ้ง …”
สิ่งมีชีวิตอมตะบนรถศึกคว้ากระบี่ไท่หวงไว้ในมือ ทันใดนั้นกลิ่นอายความแข็งแกร่งของเขาก็ทะยานสูงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ แล้วตอนนี้ดูเหมือนเขาจะมีความมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
ถึงกระนั้นจักรพรรดิอสูรยังคงมองฝ่ายตรงข้ามด้วยรอยยิ้ม พื้นที่รอบตัวของเขาไม่มีความผันผวนที่เกิดจากพลังของจักรพรรดิแห่งจงโจวแม้แต่น้อย
“เจ้าหยิ่งยโสเกินไป!”
จักรพรรดิแห่งจงโจวกล่าวอย่างเฉยเมย กระบี่ไท่หวงในมือของเขาก็ส่งเสียงดังกึกก้องและปลดปล่อยพลังที่มากมายมหาศาลคล้ายกับจะทำให้สวรรค์ถล่มลงมาในการโจมตีเพียงครั้งเดียว
“บูม!”
กระบี่ไท่หวงยังคงส่องแสง กลายร่างเป็นมังกรตัวใหญ่ที่ทะยานไปทั่วท้องฟ้าพร้อมกับปลดปล่อยคลื่นสังหารที่น่าสะพรึงกลัวให้ครอบคลุมไปทั่วบริเวณ
“นี่คือพลังแบบไหนกัน?”
เหล่าผู้อาวุโสหลายคนต่างก็มีใบหน้าซีดเซียว พลังเช่นนี้ต่อให้พวกเขามีชีวิตยืนยาวเป็นหมื่นปีก็ไม่สามารถฝึกฝนได้
“ไม่น่าแปลกใจเลย ตลอดหลายยุคหลายสมัยที่ผ่านมา การมีจักรพรรดิหลายคนในยุคสมัยเดียวกันจึงเป็นข้อห้าม”
“ครืน”
บนรถศึกโบราณ ชายผู้แข็งแกร่งสูงสุดสวมมงกุฏของจักรพรรดิมองการโจมตีของตัวเองและพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
“อืมดี!”
ในขณะเดียวกันจักรพรรดิชิงยังคงไม่เคลื่อนไหว เขามองดูการโจมตีที่ตกลงมาจากท้องฟ้าอย่างเงียบๆ โดยไม่คิดจะขยับตัวแม้แต่น้อย
“จักรพรรดิชิงอย่าทระนงตนเกินไป เจ้าก็แค่เด็กรุ่นหลังของข้าเท่านั้น วันนี้ข้าจะส่งเจ้าไปพบบรรพบุรุษของเจ้าเอง!”
บนรถศึกโบราณจักรพรรดิแห่งจงโจวคำรามพร้อมกับสั่งให้กระบี่ไท่หวงฟาดฟันเข้าหาศีรษะของจักรพรรดิอสูรผู้ยิ่งใหญ่ทันที
กระบี่นี้ทรงพลังอย่างยิ่ง หากมันตกลงมาไม่เพียงแค่บ่อน้ำเซียนเท่านั้นที่จะถูกทำลาย แม้กระทั่งภูเขาฉินหลิงที่มีความยาวมากกว่าสิบล้านลี้ก็จะถูกบดขยี้กลายเป็นที่ราบอย่างแน่นอน!
จักรพรรดิชิงมีสีหน้าเรียบเฉยและดีดนิ้วออกไปอย่างแผ่วเบา
“โลกในฝ่ามือ!” นักบวชจากทะเลทรายตะวันตกต่างตกตะลึง
หนึ่งเม็ดทราย หนึ่งโลก นี่คือทักษะของพุทธองค์ในอดีต ว่ากันว่ามันมีพลังแห่งสังสารวัฏที่สามารถส่งศัตรูให้เข้าสู่โลกแห่งความตายได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตามจักรพรรดิชิงกลับสามารถลอกเลียนทักษะนี้ได้สำเร็จ
“ปัง!”
ด้วยเสียงอันนุ่มนวล สองนิ้วของจักรพรรดิอสูรเหยียดออกไปกว่าสิบลี้และจับกระบี่ไท่หวงด้วยท่าทางเรียบง่ายที่สุด
“จักรพรรดิอสูรเจ้าคู่ควรกับการเป็นคนแรกในรอบแสนปีที่กลายเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ได้!” จักรพรรดิแห่งจงโจวกล่าวด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว
“ครั้งนี้ข้าจะปล่อยให้เจ้ารอดชีวิตไป” จักรพรรดิอสูรกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“เจ้าบอกว่าเจ้าจะปล่อยค่า?” จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่บนรถศึกโบราณคำรามด้วยความโกรธ
“จงใช้กระบี่ไท่หวงตัดความคิดชั่วร้ายของตัวเองทิ้งไปซะ เห็นแก่ที่เจ้าฝึกฝนมาอย่างยาวนานจนครอบครองวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ข้าไม่อยากจะฆ่าเจ้าที่นี่” จักรพรรดิอสูรส่ายศีรษะ
“หยุดเสแสร้งเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ได้แล้ว อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ความจริง เจ้าตายไปแล้วเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน และตอนนี้เจ้าไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนเดิมอีกต่อไป!”
“หากเจ้ายังลังเลชักช้าอย่าได้ตำหนิว่าข้าไร้ความเมตตา” จักรพรรดิชิงกล่าว
ทุกคนประหลาดใจ ปรากฎว่าสิ่งที่เรียกว่าจักรพรรดิแห่งจงโจวไม่ใช่จักรพรรดิที่แท้จริง แต่เป็นวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถฝึกฝนตัวเองจนกลายเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะได้
“เจ้าเองก็ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าจิตวิญญาณที่ไม่ยอมไปผุดไปเกิด เจ้ามีคุณสมบัติอะไรมาตัดสินชะตาชีวิตข้า!” สิ่งมีชีวิตบนรถศึกโบราณคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว