ยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 461 ถ้าไม่อยากตายก็พูดออกมา (ฟรี)
(****วันนี้ตอนเดียวนะครับ เนื่องจากงานที่ออฟฟิตเยอะ เลยแปลไม่ทัน วันนี้ตอนยาวด้วย แล้วก็ประกาศด้วยเลยนะครับ วันที่ 31/12/2565 กับวันที่ 1/1/2566 จะหยุดสองวันนะครับ *****)
ความแข็งแกร่งของฮัวหยุนนั้นเทียบได้กับบรรพชนสูงสุดก้าวที่ 7 ในบรรดาอัจฉริยะมากมายนั้น เขาก็ถือว่าแข็งแกร่งในระดับหนึ่ง!
และการโจมตีเมื่อครู่นั้นก็เป็นการโจมตีแบบสุดกำลังของเขา เพื่อหวังที่จะปลิดชีพในทันที
“แบบนี้ก็แจ๋วสิ….”
“อยู่ๆ ก็มีราชรถมาจอดถึงหน้าบ้าน มีหรือที่เราจะไม่เปิดประตูรับ!!”
“เจ้า 2 อย่างพึ่งฆ่ามัน เอาให้ปางตายไม่ต้องฆ่าในทันที”
ซู่เสี่ยวไป่ออกคำสั่ง
แล้วทันใดพลังทุกอย่างก็ถูกระเบิดออกมา ทั้งการเผาผลาญจิตวิญญาณ แก่นโลหิต วิชา ร่วมร่างฝึกฝนทองคำ และใช้การบวงสรวงวิชา
…..
พลังที่มากล้นนั้นพุ่งทะลักออกมาจากร่างของเงา กระแสพลังที่แผ่ออกมานั้นรุนแรงมากจนทำให้บรรยากาศนั้นปั่นป่วนไปหมด
“นี้มันใช่กึ่งบรรพชนชะตาชีวิตที่ 9 จริงงั้นหรอ!? กระแสพลังระดับนี้มัน…เกือบจะเท่ากับบรรพชนสูงสุดก้าวที่ 7 เลยด้วยซ้ำ!!!”
แววตาของฮัวหยุนนั้นเปลี่ยนไปทันที และเต็มไปด้วยความรู้สึกที่กระอักกระอ่วน
พลังที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันของร่างเงานั้นรวดเร็วเกินไป และมากกว่าที่สามัญสำนึกของฮัวหยุนจะเข้าใจได้!
เพียงพริบตาเดียวขอบเขตพลังของร่างเงานั้นเพิ่มขึ้นจนเท่ากับบรรพชนสูงสุดก้าวที่ 6
และยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีก!
“มีดทมิฬไป!”
ซู่เสี่ยวไป่ส่งมีดทมิฬให้กับร่างเงาทันที ร่างเงานั้นคว้ามือออกไป จับมีดทมิฬที่ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า ใบมีดสีดำสนิทที่ดูน่าพิศวง และชวนให้ขนลุกเมื่อมอง มันเปล่งแสงสีดำออกมาพร้อมกับกลิ่นไออันเก่าแก่ที่ปกคลุมไปทั่วพื้นที่แห่งนี้ นั้นคืออาวุธที่เกิดจากการนำเงานับหมื่นๆ ร่างไปรวมกัน และถูกเสริมแกร่งเพิ่มขึ้นไปอีก!
สามารถพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่า มีดทมิฬนั้นสามารถที่จะดูถูกอาวุธระดับบรรพชนบรรพกาลได้ทั้งหมด ซู่เสี่ยวไป่นั้นไม่เคยคิดที่จะนำดาบโลหิตจิตวิญญาณเซียนออกมาใช้เลยแม้แต่น้อย เพราะมีดทมิฬนั้นอยู่เหนือกว่าทุกศาสตราในระดับบรรพชนบรรพกาลทั้งหมดแล้ว!
เมื่อมีดทมิฬปรากฏออกมา หัวใจของฮัวหยุนนั้นเต้นรัวและเร็วกว่าเดิม เพราะเมื่อเขาได้สัมผัสกลิ่นไอของมีดเเล่มนี้ ทำให้เขานั้นขนหัวลุกไปทั้งตัว และรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณทันทีว่า หากอยู่ต่อเขาได้ตายแน่!!
และในสถานการณ์เช่นนี้ถึงจะหันหลังหนีก็คงหนีไม่ทันแล้ว เพราะคงไม่สามารถหนีจากการโจมตีของมีดเล่มนี้ได้ เหลือเพียงทางเดียวคือต้องสู้เท่านั้น
“ถึงจะดูไม่ชอบมาพากลก็เถอะ แต่ก็ต้องลองดูสักตั้ง!!”
ฮัวหยุนนั้นไม่คิดอะไรอีกแล้ว เขาเสกดาบเพลิงขึ้นมาในฝ่ามือของเขา ตอนนี้ชีวิตและความตายเขาจะเป็นผู้กำหนดเอง!
แล้วในทันใดฮัวหยุนนั้นระเบิดพลังของวิชาบรรพชนออกมา พร้อมกับใส่พลังทุกอย่างลงในดาบเพลิงเล่มนี้ มันเพียงพอแล้วที่จะฆ่าบรรพชนสูงสุดก้าวที่ 6 ได้ในพริบตา การฟันนี้ไม่ต่างจากสวรรค์ทั้ง 9 ชั้นกำลังลงทัณฑ์ แม้แต่ตัวตนบรรพชนสูงสุดก้าวที่ 9 ก็ยังต้องสั่นไหวเมื่อเผชิญหน้ากับดาบเพลิงนี้!!
ฮัวหยุนได้ฟันออกไปสุดกำลังที่มี ในตอนนั้นเองเงาของซู่เสี่ยวไป่ก็ตวัดมีดทมิฬด้วยท่าทางเรียบง่าย แต่ราวกับโลกทั้งใบถูกยัดใส่ขวดโหล่และเขย่าไปมา ดาบเพลิงที่ส่องสว่างจ้าราวกับดวงตะวัน กับคลื่นดาบสีดำสนิทที่ราวกับห้วงอวกาศเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง!
เสียงของการปะทะกันนั้นราวกับนำเหล็กสองอันมาเสียดสีกัน และเสียงนี้ดังกังวาลไปทั่ว แม้อยู่ห่างไกลแค่ไหนก็ยังได้ยินเสียงนี้อย่างชัดเจน!
แผ่นดินที่ลอยอยู่รอบๆ แตกละเอียดจากพลังทำลายล้างของการโจมตีของทั้งสองคน
แต่แล้วดูเหมือนว่าดาบเพลิงของฮัวหยุนนั้นจะอ่อนกำลังลง และถูกคลื่นดาบสีดำกลืนกินที่ละน้อย ไม่นานดาบเพลิงก็ถูกคลื่นดาบสีดำตัดขาดทันที!!!
ตูม!!!!!
คลื่นใบดาบสีดำกระทบกับร่างของฮัวหยุนและระเบิดออก ทำให้ร่างของฮัวหยุนนั้นกระเด็นออกไปกระแทกเข้ากับก้อนหินที่ลอยเคว้งคว้างอยู่จนเกิดหลุมลึกขนาดใหญ่
ตอนนี้แขนทั้งสองข้างของฮัวหยุนนั้นไม่เหลืออีกแล้วมันถูกระเบิดจนเละไม่เป็นชิ้นดี!!
“อะ—อะไรว่ะ!!!”
“มันเรื่องบ้าอะไร!!?”
“ทำไมมันถึงสร้างการโจมตีที่ทรงพลังขนาดนี้ได้!!”
ฮัวหยุนตอนนี้นั้นกำลังแตกตื่นตกใจอย่างสุดๆ
ตัวตนที่อ่อนแอนี้ เป็นแค่กึ่งบรรพชนชะตาชีวิตที่ 9 เท่านั้น
แต่มันสามารถที่จะท้าทายพลังอำนาจของบรรพชนสูงสุดได้ และลบล้างการโจมตีของเขาทั้งหมด ไม่พอพลังนั้นยังเหลือพลังพอที่จะโจมตีใส่ร่างของเขาอย่างจังอีกด้วย!!
การโจมตีเมื่อครู่สร้างความเสียหายให้กับร่างพลังงานศักดิ์สิทธิ์ของฮัวหยุนไป 3 ใน 10 ส่วน!
เขาเป็นตัวตนยอดอัจฉริยะแต่กลับถูกกึ่งบรรพชนชะตาชีวิตที่ 9 โจมตีเกือบตาย!!
“ต้องหนี…”
“หนีอย่างเดียว”
“เราสู้มันไม่ได้เลย!!! มันต่างกันเกินไป”
สิ่งแรกที่สิ่งมีชีวิตทุกชีวิตในจักรวาลต้องเรียนรู้คือ การเอาตัวรอด และเมื่อเจอคนที่แข็งแกร่งกว่าจงหลีกหนีทันที!
ฮัวหยุนนั้นทำเหมือนกับคนอื่นๆ ที่ซู่เสี่ยวไป่เคยสู้ด้วย นั้นคือเขาหันหลังหนีหางจุกตูด!
“เอ้าๆ เหมือนเดิมอีกแล้ว ท่าไม่ดีก็หนี ฮะๆ”
ซู่เสี่ยวไป่หัวเราะออกมา
คำสั่งที่สั่งเงานั้นร่างเงาก็ยังทำตามอยู่คือไม่ฆ่าและจับมาเป็นๆ เมื่อฮัวหยุนหันหลังหนี ร่างเงาก็เร่งความเร็วแบบที่ฮัวหยุนนั้นไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีใครที่เร็วได้ขนาดนี้
เพราะมันเป็นความเร็วที่ถูกเสริมด้วยเส้นทางสู่สวรรค์ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่ทั้งหมด!
ไม่มีทางที่บรรพชนสูงสุดก้าวที่ 7 จะหนีพ้นจากเงื้อมมือขอเงาได้!
แล้วเงาก็ตวัดมีดออกไปอีกครั้ง
รอบนี้มันสร้างความเสียหายให้กับร่างพลังงานศักดิ์สิทธิ์ถึง 3 ใน 10 ส่วนอีกครั้ง!
และนี้เป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นขณะที่ฮัวหยุนนั้นใช้วิชาป้องกันตัวเต็มที่แล้วด้วย ตอนนี้ร่างพลังงานศักดิ์สิทธิ์ของเขาเสียหายไป 6 ใน 10 ส่วนแล้ว!
เมื่ออยู่ต่อหน้าการโจมตีที่รุนแรงและเด็ดขาดเช่นนี้ การป้องกันของเขาก็ไม่ต่างจากเอาโล่ไม้ ไปรับหัวกระสุนเเจาะเกราะ!
“ไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรดเถอะท่าน!!”
“ข้ามีโอสถทิพย์ ทองคำเอกภพมากมาย….แล้วก็ยังมีอาวุธอีก ข้าให้ท่านหมดเลยได้โปรดไว้ชีวิตด้วย!!”
ฮัวหยุนนั้นหวาดกลัวต่อการโจมตีของมีดทมิฬอย่างมากเขานั้นร้องอ้อนวอนขอชีวิตออกมาทันที อย่างไม่อายใดๆ ทั้งสิ้น
แม้ว่าจะสามารถฆ่าบรรพชนสูงสุดก้าวที่ 6 ได้ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้ามีดสีดำเล่มนี้ เขานั้นไม่ต่างจากมดที่กำลังถูกเท้ายักษ์เหยียบ!
หากว่าโดนอีกครั้งเดียว ต่อให้เขาใช้พลังทุกอย่างเพื่อรับการโจมตีนั้นก็ไม่มีทางรอด เขาจะตายในทันที ไม่มีเวลาแม้แต่จะร้องขอชีวิตด้วยซ้ำ!
-เขานั้นเห็นได้ชัดเลยว่าตัวตนนี้ยังอ่อมมืออยู่ ไม่ได้จะฆ่าเขาในทันที ทำให้การร้องขอชีวิตนั้นเป็นหนทางที่เขาอาจจะรอด!
“นั้นก็ย่อมได้”
ร่างเงาพูดในสิ่งที่ซู่เสี่ยวไป่คิด
“ข้าต้องการข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่เก่าแก่ บอกทุกอย่างที่เจ้ารู้มาให้หมด!! ไม่เช่นนั้น…..”
เงาทำท่าเงื้อมมือพร้อมจะตวัดมีดทมิฬอีกครั้ง ฮัวหยุนหวาดกลัวจนน้ำหูน้ำตาไหล ของเหลวทุกอย่างไหลออกมาจากร่างทั้งหมด เขากลัวจนไม่สามารถอั้นสิ่งใดไว้ได้อีกแล้ว
“พูดๆๆ ข้าจะพูดทั้งหมด ได้โปรดอย่าลงมือ!!”
เมื่ออยู่ต่อหน้าตัวตนที่แข็งแกร่งกว่าก็ไร้ซึ่งหนทางขัดขืน!
ในจักรวาลทวีปใหญ่เขานั้นเป็นถึงยอดอัจฉริยะที่ไม่มีใครกล้าท้าทาย และน้อยคนที่จะมาเทียบชั้นกับเขาได้ หากไม่ใช่ตัวตนปีศาจอัจฉริยะเหมือนกัน
ปกติแล้วเขาจะเป็นผู้สร้างความประหลาดใจให้กับทั้งจักรวาล แต่วันนี้มันไม่ใช่…
เมื่อความตายมาเยือนเขาก็ไม่กล้าที่จะหยิ่งผยองอีกต่อไป และต้องการรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ให้ได้
เพราะหากว่าเขาได้เติบโตไปมากกว่านี้ เขาจะสามารถฆ่าได้กระทั้งบรรพชนบรรพกาล หรือไปถึงเขตแดนโบราณต่อไปในอนาคต เขาจะไม่ยอมมาจบลงที่ตรงนี้!
ซู่เสี่ยวไป่นั้นรู้ถึงความคิดพวกนี้ เขาเลยแกล้งทำเป็นจะลงมือเพื่อกระตุ้นให้ฮัวหยุนนั้นไม่กล้าพูดโกหกเขา
ตอนนี้ซู่เสี่ยวไป่มั่นใจเลยว่าฮัวหยุนจะพูดทุกอย่างที่เขาต้องการรู้ทั้งหมด และเป็นไปตามความจริง
อย่าได้ลืมว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในการประลองอัจฉริยะจักรวาลคืออะไร?
ยึดพื้นที่มรดกงั้นหรอ? เก็บสะสมคะแนนจาการฆ่าสิ่งมีชีวิตในพื้นที่เก่าแก่งั้นหรอ?
ป่าวเลย นั้นคือการมีชีวิตรอดออกไปต่างหาก!!
ซู่เสี่ยวไป่ต้องการข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวกับที่นี่ และความลับของนิกายของฮัวหยุนรวมไปถึงข้อมูลตัวตนโบราณของนิกายด้วย!
ฮัวหยุนนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา ใบหน้าซีดขาวราวกับคนใกล้ตาย เขานั้นรวบรวมความกล้าเพื่อจะพูดออกไป และเล่าทุกอย่างให้ซู่เสี่ยวไป่ฟัง
“ข–ข–ข้ารู้ความลับมากมาย ได้โปรดไว้ชีวิต”
“อย่างแรกพวกเราได้รับคำสั่งให้คนหาพื้นที่มรดกให้ได้ในเวลาหนึ่งปี แต่พวกเราก็โชคดีเจอพื้นที่มรดกเลยหลังจากผ่านช่องมิติเข้ามา”
“แม้ว่าเราจะได้ครอบครองพื้นที่มรดกแล้วก็ตาม แต่พื้นที่มรดกนั้นรองรับได้แค่ 10 คนเท่านั้น!”