ตอนที่แล้วบทที่ 859 สงบนิ่งดั่งเขาไท่ซาน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 861 อาจเป็นเธอ?

บทที่ 860 ความคิดที่แท้จริง(ตอนฟรี)


บทที่ 860 ความคิดที่แท้จริง

เมื่อทุกอย่างสงบลง ก็เป็นเวลารุ่งสางแล้ว ทุกคนบนถนนได้พากันแยกย้ายกันขึ้นรถและกลับไป

จี้เฟิงยังคงอยู่ในรถคันเดียวกับซูหยวน

โจวเฟยเฟยและจี้ยูเหวินกลับมาที่วิลล่าในเขตชานเมืองทางตอนเหนือของหางโจว ในขณะที่จี้เฟิงและซูหยวนขับรถตามมาข้างหลัง ส่วนซูยาหยุนและคนอื่นๆกลับไปยังที่สำนักงานของแก๊งตงไห่

ในช่วงหนึ่งวันอันแสนสั้น เกิดการปะทะครั้งใหญ่ทางธุรกิจระหว่างเซิ่งฉีกรุ๊ปและเฟยหลงกรุ๊ป ในอีกด้านหนึ่งก็มีการต่อสู้ของแก๊งมาเฟียใหญ่ระหว่างแก๊งตงไห่และแก๊งพยัคฆ์มังกรที่เพิ่งจะสิ้นสุดลง รวมถึงเป็นจุดจบของซูหลงอย่างเป็นทางการด้วยเช่นกัน

ต่อจากนี้ทั้งเซิ่งฉีกรุ๊ปและแก๊งตงไห่ต่างก็มีแผนการของตัวเอง

ซูหลงที่พ่ายแพ้และถูกจับกุมตัวทำให้แก๊งพยัคฆ์มังกรไร้ซึ่งผู้นำ แน่นอนว่าขั้นตอนต่อไปคือทำความสะอาดฐานที่ตั้งของแก๊งพยัคฆ์มังกรและยึดทั้งหมดไปเป็นของแก๊งตงไห่ นี่เป็นวิถีปฏิบัติตามปกติในโลก

ในขณะเดียวกันแก๊งตงไห่ก็ต้องคอยระวังกองกำลังจากแก๊งอื่นๆที่อาจใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ อาจเป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะบุกเข้าโจมตีแก๊งตงไห่เพราะพวกเขาเพิ่งสูญเสียกำลังคนรวมถึงพละกำลังในด้านอื่นๆ หลังจากการต่อสู้กับแก๊งพยัคฆ์มังกร

อย่าคิดว่ามีกฎของพวกมาเฟียแล้วทุกอย่างจะสงบสุข สุดท้ายแล้วอำนาจของเงินและผลกำไรก็เหนือกว่าสิ่งอื่นใด

ดังนั้นหลังจากที่ซูยาหยุนจับตัวซูหลงได้เธอจึงรีบกลับไปที่สำนักงานใหญ่ทันทีเพื่อออกคำสั่ง

ส่วนโจวเฟยเฟยก็ต้องรีบกลับไปเช่นกัน เธอต้องการรู้ว่าตระกูลโจวของเธอได้รับประโยชน์มากเพียงใดหลังจากการร่วมมือกับจี้เฟิงเพื่อจัดการกับเฟยหลงกรุ๊ปในครั้งนี้....

ความคิดเหล่านี้แวบเข้ามาในหัวของจี้เฟิงทีละความคิด และจี้เฟิงยังคงรู้สึกอึดอัดเกี่ยวกับลักษณะการดำเนินงานของโจวเฟยเฟยที่มุ่งเน้นไปที่ผลกำไรเป็นหลัก กล่าวอีกนัยหนึ่งคือเขาไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับบุคคลที่มีนิสัยและวิธีคิดแบบนี้ได้

ในโลกนี้นอกจากเงินทองแล้วยังมีอีกมากมายที่เป็นแรงผลักดันให้คนเราตั้งใจต่อสู้เพื่อมัน

เขาสะบัดหัวเล็กน้อยละทิ้งความคิดที่วุ่นวายออกจากสมอง จี้เฟิงจับพวงมาลัยไว้แน่นโดยรักษาระยะห่างจากขบวนของซูยาหยุนที่อยู่ด้านหน้า แต่ก็ไม่ไกลเกินกว่าจะมองเห็น จากนั้นเขาก็หันไปมองซูหยวนซึ่งนั่งอยู่ด้านข้าง

ซูหยวนนั่งพิงพนักพิงด้วยท่าทางเหม่อลอย เธอดูซีดเซียวและขมวดคิ้วเล็กน้อย ราวกับว่าเธอกำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับปัญหาบางอย่าง

จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะแอบถอนหายใจ แม้ว่าในใจของซูหยวนจะเกลียดซูหลงมาก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาคือพ่อผู้ให้กำเนิดของเธอ ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงความจริงนี้ได้

เมื่อเห็นชะตากรรมปัจจุบันของซูหลง ความรู้สึกของซูหยวนคงจะซับซ้อน ทั้งสงสารทั้งสะใจทั้งไม่สบายใจ และไม่รู้ว่าจะระบายมันออกมายังไงดี ยิ่งกว่านั้นก็ไม่รู้ว่าจะไประบายกับใครด้วย

ที่สำคัญกว่านั้น ตอนนี้ซูหลงได้อยู่ในมือของซูยาหยุนแล้ว!

ไม่ว่าซูหลงจะชั่วร้ายแค่ไหน แต่ซูหลงก็เป็นพ่อแท้ๆของซูหยวน ดังนั้นจี้เฟิงจึงเชื่อว่า แม้ว่าซูหยวนจะพูดอย่างเด็ดเดี่ยวว่าเขาจะไม่มีทางปล่อยซูหลงไปและต้องการจะฆ่าเขาด้วยมือของเธอเอง แต่เมื่อถึงเวลาที่ซูหลงกำลังจะตายจริงๆ ซูหยวนก็ยังไม่สามารถปล่อยให้เขาตายไปจริงๆได้

บางทีถ้าซูหลงสามารถใช้ประโยชน์จากความโกลาหลเมื่อคืนนี้เพื่อหลบหนีจนสำเร็จได้ นั่นอาจจะเป็นผลลัพธ์ที่ซูหยวนคาดหวังจะได้เห็นมากที่สุด

อย่างไรก็ตาม ซูหลงถูกจับกลับมาโดยเขาและในที่สุดก็ตกไปอยู่ในมือของซูยาหยุนที่เกลียดซูหลงเข้ากระดูกดำ แล้วซูหลงจะมีชะตากรรมแบบไหนแม้ว่าเขาจะคิดด้วยส้นเท้าของตัวเองก็สามารถเข้าใจได้

ซูหลงเป็นพ่อของซูหยวน แต่เขาไม่ใช่พ่อของซูยาหยุน และถ้าเขาตกอยู่ในมือของซูยาหยุน หากเขาได้ตายโดยไม่ทรมานถือเป็นเรื่องที่ดีมากแล้ว

ด้วยเหตุนี้ซูหยวนจึงตกอยู่ในความขัดแย้งและความเจ็บปวดที่เธอไม่สามารถหาทางออกได้ และไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร

“ซูหยวน เธอรู้สึกอึดอัดกับมันหรือเปล่า?” จี้เฟิงถาม

ซูหยวนส่ายหัวเล็กน้อย ใบหน้าที่สวยงามของเธอมีร่องรอยของความเศร้าและพูดเบาๆ “บอส..  ฉันไม่เป็นไร คุณไม่จำเป็นต้องพูดปลอบฉันหรอกค่ะ คนอย่างซูหลง... เขาทำเรื่องเลวร้ายมามากมาย การลงเอยแบบนี้คือสิ่งที่เขาสมควรได้รับ!”

จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “ถึงนี่จะเป็นกรรมที่เขาสมควรจะได้รับ แต่มันก็เป็นเรื่องยากที่จะทำใจยืนมองพ่อของตัวเองถูกฆ่าใช่มั้ย?”

ซูหยวนลังเลที่จะตอบ เธอเพียงแค่เหลือบมองเขา

จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “อย่ามองฉันแบบนี้ ฉันไม่ได้จะกวน ฉันแค่อยากรู้ว่าจริงๆแล้วเธอคิดยังไง”

“ฉันคิดยังไงมันสำคัญด้วยเหรอ.. ฉันจะทำอะไรได้อีก?” ซูหยวนส่ายหัวพร้อมกับถอนหายใจเบาๆด้วยสีหน้าเศร้าหมอง

จี้เฟิงยิ้มและพูดว่า “ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถทำอะไรได้ แต่ฉันคิดว่าเธอน่าจะต้องการใครสักคนที่จะมารับฟังนะ ไม่รู้ว่าฉันดีพอที่จะได้รับเกียรตินั้นมั้ย?”

ซูหยวนยิ้มอย่างบิดเบี้ยว “บอส.. คุณก็รู้คำตอบอยู่แล้ว ทำไมถึงยังถามอีก? อยากให้ฉันร้องไห้ต่อหน้าคุณอีกเหรอ?”

จี้เฟิงหัวเราะ “การร้องไห้เป็นสิทธิพิเศษของผู้หญิงเลยนะ ไม่มีอะไรน่าอายเลย พวกเธอสมควรได้รับการปลอบโยน แต่ถ้าเป็นผู้ชายร้องไห้งอแงอย่างไม่มีเหตุผล นั่นถึงจะเรียกว่าน่าอาย”

“อุ๊บส์!”

ซูหยวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ขอบคุณค่ะบอส...”

จี้เฟิงพูดอย่างช่วยไม่ได้ “ฉันไม่ได้พยายามจะปลอบเธอ แต่ฉันอยากรู้ความรู้สึกและความคิดที่แท้จริงของเธอจริงๆ”

จี้เฟิงรู้ว่าซูหยวนคิดว่าเขาพยายามทำให้เธอหัวเราะ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่แบบนั้น เขาต้องรอจนกว่าจะได้รู้ความคิดที่แท้จริงของซูหยวนก่อน เขาถึงจะสามารถพูดอะไรบางอย่างได้

“คือ....” ซูหยวนดูอึดอัดเล็กน้อยที่จะต้องพูดเรื่องนี้ เธอส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขื่น “เป้าหมายตลอดสิบปีของฉันคืออยากให้ซูหลงตาย แต่ก็อย่างที่คุณพูด เขาเป็นพ่อผู้ให้กำเนิดของฉัน ไม่ว่ายังไง เขาก็เป็นพ่อของฉัน เขาคือคนที่ให้ชีวิตฉัน.. ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ ฉันก็ไม่อยากให้เขาตาย แม้ว่าเขาจะเป็นไอ้สารเลว ลูกของเขาก็เป็นไอ้สารเลว แม้ว่าไอ้พวกสารเลวนั่นจะฆ่าแม่ของฉัน ฆ่าตาของฉัน และเกือบจะฆ่าฉันด้วยก็ตาม... แต่ฉันก็ไม่ใจแข็งพอที่จะปล่อยให้เขาตายได้!”

ในตอนท้าย น้ำเสียงของซูหยวนสั่นเล็กน้อย ดวงตาของเธอเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา แต่เธอก็พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อไม่ให้มันไหลออกมา เธอดูเหมือนกับสาวน้อยที่ตัวสั่นท่ามกลางสายลมในฤดูหนาว ซึ่งทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารและเห็นใจ

“ถ้าเป็นไปได้... ฉันหมายความว่าถ้า” จี้เฟิงเน้นย้ำคำพูดของเขาและพูดอีกครั้ง “ถ้าเธอเลือกได้ เธอจะปล่อยให้ซูหลงตายหรือเปล่า? ฉันอยากได้คำตอบที่ชัดเจน”

“....  ฉันไม่ต้องการ!” ซูหยวนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ฉันไม่ต้องการให้เขาตาย แต่ฉันก็ยกโทษให้เขาไม่ได้เช่นกัน!”

“ง่ายจะตาย!” จี้เฟิงหัวเราะและพูดด้วยท่าทางผ่อนคลาย “ตอนแรกฉันก็กลัวว่าเธอจะให้คำตอบอะไรไม่ได้เลย แต่ในเมื่อรู้แบบนี้ ทุกอย่างก็น่าจะเรียบร้อยดี”

“อะไรนะ? ... ที่คุณพูดมันหมายความว่ายังไง?” ซูหยวนมองไปที่จี้เฟิงด้วยความสงสัย เธอไม่เข้าใจว่าสิ่งที่จี้เฟิงพูดมันหมายถึงอะไร

จี้เฟิงหัวเราะและพูดว่า “ไม่มีอะไร ฉันแค่พูดเล่นๆ... ว่าแต่ เธอเติบโตมาในหางโจว ถ้าอย่างนั้นเธอก็คงคุ้นเคยกับเมืองนี้มากเลยใช่มั้ย?”

เมื่อเห็นว่าจี้เฟิงไม่ต้องการพูดไปมากกว่านี้ และเปลี่ยนหัวข้อไปเสียดื้อๆ ซูหยวนจึงไม่ถามอีก ตอนนี้จิตใจของเธอวนเวียนอยู่กับเรื่องที่ซูหลงกำลังจะถูกฆ่าโดยซูยาหยุน ความรู้สึกในจิตใจเต็มไปด้วยความขัดแย้ง ดังนั้นเธอจึงไม่มีอารมณ์ที่จะมาเซ้าซี้ถามจี้เฟิง

ซูหยวนพยักหน้าเล็กน้อยและถอนหายใจเบาๆ “มันก็จริงที่ฉันเคยเติบโตและคุ้นเคยกับเมืองนี้มาก่อน แต่มันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว อะไรหลายๆอย่างก็เปลี่ยนไปมาก พูดตามตรงคือฉันแทบไม่รู้จักเมืองนี้เลย...”

จี้เฟิงหัวเราะ “เห็นมั้ย! บ้านเมืองยังเปลี่ยนไปตามกาลเวลาในแต่ละวัน แล้วทำไมเราถึงจะต้องมาหมกมุ่นอยู่กับอดีต ปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความเจ็บปวดจนถอนตัวไม่ขึ้น! ลองเปิดใจรับสิ่งใหม่ มองไปข้างหน้า ถึงแม้ว่ามันจะยาก แต่มันก็ดีกว่าแน่นอน!”

แม้ว่าซูหยวนจะรู้ว่าสิ่งที่จี้เฟิงพูดนั้นถูกต้อง แต่เธอไม่สามารถปล่อยวางได้และทำได้แค่เพียงยิ้มอย่างขมขื่น

“ฉันขอถามอีกเรื่องนะ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับซูยาหยุนเป็นยังไงบ้าง?” จี้เฟิงถามทันที “คุณรู้จักกันหรือเปล่า?”

ซูหยวนส่ายหัว “ไม่.. เธอไม่รู้จักฉันอีกแล้ว”

“ก็คงจริง เพราะเมื่อ 10 ปีที่แล้วเธอเป็นเพียงเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ตอนนี้เธอคงเปลี่ยนไปมาก ไม่น่าแปลกใจที่ซูยาหยุนจะไม่รู้จักเธอ!” จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อยและถามอีกครั้ง “แล้วทำไมถึงไม่ไปเจอกับเธอล่ะ? ได้พบเจอ พูดคุย ทำความสนิทสนมกับญาติ ก็น่าจะเป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ?”

ซูหยวนลังเลที่จะตอบ แต่หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็พูดด้วยเสียงที่แผ่วเบา “มีอะไรให้น่ารู้จัก ฉันเป็นลูกของซูหลง และซูหลงก็ฆ่าพี่สาวของเธอ...”

จี้เฟิงได้แต่นิ่งเงียบ ดูเหมือนว่าซูหยวนยังมีปมอยู่ในใจของเธอ และถ้าเธอไม่แก้ปมนี้ เธอคงจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ยาก

‘โชคดี!’

จี้เฟิงแอบชื่นชมความฉลาดและไหวพริบของตัวเอง โชคดีที่ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าซูหยวนจะต้องมีปมอยู่ในใจ ดังนั้นเขาจึงคิดวิธีที่จะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการวางแผนในครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม มันเป็นเรื่องที่ยังไม่สามารถพูดได้ในตอนนี้...

“วี๊หว่อ~! วี๊หว่อ~!”

ทันใดนั้นก็มีเสียงไซเรนของรถตำรวจอยู่ข้างหน้า จี้เฟิงตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็เห็นรถตำรวจและรถพยาบาลหลายคันแล่นผ่านไป เพียงไม่นานทั้งสองฝ่ายก็ทิ้งระยะห่างออกไปอย่างรวดเร็ว

จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวเบาๆ มันทำให้นึกถึงคำพูดติดตลกของผู้คนที่มักจะบอกว่าตำรวจและผู้พิทักษ์มักจะมาตอนเรื่องจบเสมอ แท้จริงแล้วหน้าที่ของพวกเขาอาจจะไม่ใช่ป้องกันแต่เป็นการจัดการทำความสะอาดสนามรบและช่วยเหลือผู้บาดเจ็บหลังจากเหตุการณ์จบลงแล้ว จากนั้นก็พาตัวไปดำเนินคดีเพื่อเอาผลงาน นี่แหละคือคุณสมบัติและความสามารถที่แท้จริงของพวกเขา!

แน่นอนว่าคำพูดเหล่านี้ค่อนข้างจะเป็นไปในแง่ลบ และเหตุผลที่พวกเขามาสายในครั้งนี้คงพูดได้ไม่เต็มปากว่าไม่เกี่ยวกับอำนาจของตระกูลโจวและแก๊งตงไห่...

....จบบทที่ 860~

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด