บทที่ 27: เคล็ดวิชาลับกระบี่โผนอรุณ
บทที่ 27: เคล็ดวิชาลับกระบี่โผนอรุณ
เจ้าหน้าที่ทางการได้ปิดล้อมประตูบ้านและรีบเข้าไปตรวจค้นภายในบ้าน
ในขณะเดียวกัน ซุยเฮ็งก็เพิ่งจะออกมาจากห้องพักของเขา
เขาไม่ได้แปลกใจกับภาพที่เห็นตรงหน้าเลย
เมื่อคืนหลังจากงานเลี้ยงแต่งงานสิ้นสุดลง ซุยเฮ็งก็ได้ไปหาผู้เฒ่าหลี่เพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับโลกใบนี้เพิ่มเติม
ชื่อของจักรวรรดิแห่งนี้คือต้าจิน และมันก็ตั้งอยู่มานานกว่า 200 ปีแล้ว
และปีนี้ก็เป็นปีที่สิบเอ็ดของจักรพรรดิเฉาคัง
มันมีผู้ว่าการมากมายที่ทำการก่อการจลาจลขึ้น และด้วยเหตุนี้เอง โลกจึงเต็มไปด้วยภัยสงครามและทำให้เหล่าปวงประชาตกอยู่ในที่นั่งลำบาก
ศิษย์ของเหล่าสำนักยุทธ์ต่างได้ออกมาจากสันโดษ ไม่ว่าจะทั้งเพื่อลงโทษคนชั่วหรือช่วยเหลือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็ตาม
หวังถง ผู้ว่าการรัฐของรัฐหยานซานเองก็ได้ก่อการปฏิวัติขึ้นเมื่อห้าปีก่อน
เนื่องจากหวังถงผู้นี้มีความเก่งกาจในการหว่านล้อมผู้คน ดังนั้นเขาจึงได้รับการสนับสนุนจากสองสำนักยุทธ์ขนาดใหญ่ได้แก่ อารามดอกปทุมและอารามมหาจำเริญ และด้วยความช่วยเหลือจากทั้งสองนี้เอง ความเร็วในการขยายอำนาจของเขาจึงเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ในตอนนี้ เขาก็มีทหารในสังกัดมากกว่า 400,000 นายแล้ว!
และตามข้อมูลที่ผู้เฒ่าหลี่ได้รับมาจากพ่อค้าที่ผ่านทางมา หวังถงก็จะเดินทัพมาถึงยังมณฑลจูเหอในไม่ช้า
นอกจากนี้ เมืองท่าของมณฑลจูเหอก็ยังจะเป็นสถานที่แห่งแรกที่ถูกโจมตี
เมื่อถึงเวลานั้น เขาก็จะสามารถควบคุมเส้นทางเดินเรือและสามารถขนส่งทหารกับเสบียงได้อย่างอิสระ และจากนั้น เขาก็จะสามารถโจมตีหัวเมืองต่างๆ ได้อย่างสบายๆ
ข้อมูลนี้ทำให้ซุยเฮ็งสามารถทำความเข้าใจสถานการณ์ของโลกใบนี้แบบคร่าวๆ ได้
และจากสิ่งที่เขารับรู้มา มันก็ไม่น่าจะมีขุมกำลังใดบนโลกใบนี้ที่จะสามารถคุกคามเขาได้
ตราบเท่าที่เขาต้องการ เขาก็สามารถถล่มต้าจินทั้งหมดให้ราบเป็นหน้ากลองได้อย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตาม ซุยเฮ็งก็ไม่ได้สนใจที่จะครองโลกแต่อย่างใด
ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งนี้ก็จะเป็นอุปสรรคต่อการทำความเข้าใจอารมณ์ทั้งเจ็ดและความปรารถนาทั้งหกของมนุษย์
และในเวลานี้ เขาก็ต้องจัดการกับสถานการณ์ของตระกูลหลี่ในตอนนี้ก่อน
ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็เพิ่งจะได้รับข้อมูลมาเพียงคร่าวๆ เท่านั้น
นอกจากนี้ มันก็เห็นได้ชัดว่าตระกูลหลี่ถูกวางแผนต่อต้านมาตั้งแต่ต้น
ในตอนที่ซุยเฮ็งตื่นขึ้นมาเมื่อคืน เขาก็ตระหนักได้ว่ามีคนจงใจทิ้งศพของสามวานรไว้ที่นอกบ้านของตระกูลหลี่
เจ้าหน้าที่ของทางการเองก็เริ่มรวมตัวกันตั้งแต่รุ่งสาง
ทุกอย่างถูกเตรียมไว้อย่างเป็นระบบ!
และเหตุที่เขาไม่ได้หยุดอีกฝ่ายก็เป็นเพราะเขาอยากจะเห็นหน้าต้นตอของปัญหา ไม่ใช่แค่การรักษาตามอาการเท่านั้น
ส่วนเรื่องวิธีการจัดการนั้น... มันก็ง่ายมากจริงๆ
…
ในที่พักของตระกูลหลี่
เจ้าหน้าที่ของทางการหลายสิบคนได้เดินเข้ามาทีละคน จากนั้นพวกเขาก็กระจายตัวกันออกไปและพุ่งเข้าไปในบ้านหลังแล้วหลังเล่าด้วยความเร็วที่สูงมาก พวกเขาค้นลิ้นชักโต๊ะและตู้เตียงต่างๆ
“นายท่าน พวกท่านกำลังทำอะไรอยู่?”
ผู้เฒ่าตระกูลหลี่วิ่งเข้ามาอย่างตัวสั่น เขาวิ่งเข้าไปหานายอำเภอเมืองและกล่าวต่อ “เราไม่ได้ฆ่าสามวานรแน่นอน!”
ในขณะที่เขาพูด เขาก็ยัดเงินใส่ในมือของนายอำเภอ
เจ้าหน้าที่ของทางการล้วนแต่เป็นคนโลภหิวกระหาย และภายใต้สถานการณ์ส่วนใหญ่ ทางออกที่ดีที่สุดก็คือการยัดเงินเข้าปากพวกเขา
“กล้าดียังไง!” นายอำเภอขึ้นเสียงตะคอกและคว้าข้อมือของผู้เฒ่าหลี่แน่นพร้อมทั้งเยาะเย้ย “เจ้าแก่ เจ้ากล้าดียังไง! เจ้ากล้ามาติดสินบนเจ้าหน้าที่ของทางการอย่างเปิดเผยได้ยังไงกัน? เด็กๆ! จับกุมมัน!”
“ครับ!”
เจ้าหน้าที่ของทางการสามคนรีบวิ่งเข้ามาและจับผู้เฒ่าหลี่มัดมือมัดเท้า
“เจ้า! เจ้า?!”
ใบหน้าของผู้เฒ่าหลี่ดูเคร่งเครียดในขณะที่เขาจ้องมองไปที่นายอำเภอ
ทำไมกัน?
เขาทำความดีมาตลอดชีวิต และ 70% ของเงินที่เขาได้รับมาในทุกๆ ปีนั้นก็ถูกนำไปใช้เพื่อช่วยเหลือครอบครัวที่ยากจน พวกเขาไม่เคยไปสร้างศัตรูที่ไหน แบบนั้นแล้วใครกันที่มาคิดวางแผนทำลายครอบครัวของเขา?!
“ท่านพ่อ!” หลี่เฉิงรีบวิ่งออกมาดูสถานการณ์ เมื่อเห็นว่าพ่อของเขากำลังถูกจับ เขาจึงรีบไปขอร้องอีกฝ่ายในทันที “ท่านครับ ท่านพ่อของข้าแก่แล้ว โปรดอย่ามัดเขาแบบนั้นเลยจะได้ไหม?!”
“ไม่มีคำว่าเมตตาในกฎหมาย! เขาติดสินบนเจ้าหน้าที่อย่างเปิดเผย ดังนั้นเขาจึงสมควรถูกลงโทษ!” นายอำเภอหัวเราะเยาะและไม่ได้สนใจหลี่เฉิงอีกต่อไป
“จะเป็นไปได้ยังไงกัน?” หลี่เฉิงนั่งทรุดเข่าลงกับพื้น นี่ควรจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของเขา แต่แล้วทำไมจู่ๆ ครอบครัวของเขาถึงถูกทำลายลงเช่นนี้?
“มันเป็นใครกัน? ใครกันที่ต้องการจะทำร้ายตระกูลหลี่ของข้า!”
“แย่แล้ว! แย่แล้ว!” ในขณะนี้ เสียงของสาวใช้ประจำตระกูลหลี่ก็ดังเข้ามาในหูของหลี่เฉิง “นายน้อยหลี่แย่แล้ว! นายหญิง นางได้หนีไปแล้ว!”
“อะไรนะ?!” หลี่เฉิงรู้สึกราวกับกำลังถูกฟ้าผ่า เขาตกตะลึงและพูดอย่างตะกุกตะกัก “นายหญิง… นางทำได้ยังไงกัน? มันเป็นไปไม่ได้!”
เมื่อผู้เฒ่าหลี่ได้ยินคำพูดของสาวใช้ เขาเองก็สูญเสียการทรงตัวและเกือบจะเป็นลมไปในทันที โชคดีที่จู่ๆ เขาก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกอบอุ่นที่จู่ๆ ก็ไหลผ่านร่างกายของเขา
“ดูเหมือนว่าภรรยาของเจ้าจะเป็นฆาตกรสินะ นางต้องการจะหนีความผิดเพราะอาชญากรรมที่นางก่อ!” เจ้าหน้าที่ของทางการหัวเราะเยาะ “ครอบครัวของเจ้าจะถูกนับเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด! จับทุกคนที่นี่และนำพวกมันกลับไปที่สำนักงานเทศมณฑลเพื่อไปพบกับท่านผู้ว่าการ!”
“เดี๋ยวก่อน!” ในขณะนี้ ซุยเฮ็งก็เดินเข้ามาและหยุดเจ้าหน้าที่ของทางการเอาไว้
“เจ้าคือยอดฝีมือที่ปรากฎตัวขึ้นในงานเลี้ยงแต่งงานของตระกูลหลี่เมื่อวานใช่ไหม?” นายอำเภอเห็นว่าซุยเฮ็งดูไม่มีท่าทีเกรงกลัวแต่อย่างใด และนอกจากนี้ เขาก็ยังมีออร่าที่ดูสูงส่งและทรงพลังแผ่ออกมาจากตัว “ เมื่อกี้เจ้าพูดว่า 'เดี๋ยวก่อน' เพราะต้องการจะสั่งให้ข้าหยุดสืบคดีอย่างงั้นหรอ?
“แน่นอนว่าไม่” ซุยเฮ็งยิ้มและพูดว่า “ข้าแค่อยากจะบอกอะไรเจ้าไว้อย่าง”
“พูดมา!” นายอำเภอกล่าวอย่างเย็นชา
“ข้าเป็นคนฆ่าสามวานรเอง มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคนอื่นเลย” ซุยเฮ็งยังคงยืนยิ้มอย่างใจเย็น
“อะไรนะ?” นายอำเภอถึงกับตกตะลึง แต่จากนั้นเขาก็ยิ้มขึ้น “ฮ่าๆ ดีมาก! น่าสนใจ ในเมื่อเจ้ากล้ายอมรับผิด งั้นข้าก็จะปล่อยตัวพวกมันไป ปล่อยพวกมันได้!”
หลังจากได้ยินคำสั่ง พวกเขาก็ปล่อยผู้เฒ่าหลี่และหลี่เฉิงออกจากพันธนาการ
ทั้งคู่มองไปที่ซุยเฮ็งด้วยความขอบคุณอย่างสุดซึ้ง
แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าเหตุใดซุยเฮ็งจึงยืนหยัดเพื่อพวกเขา แต่สิ่งนี้ก็ได้ช่วยชีวิตตระกูลหลี่ทั้งหมดเอาไว้อย่างไม่ต้องสงสัย
“ได้เวลาจับข้าแล้ว” ซุยเฮ็งยื่นมือออกมา
“ช่างกล้า!” นายอำเภอเย้ยหยัน “ข้าอยากจะเห็นเหลือเกินว่ายอดฝีมืออย่างเจ้าจะใช้กลอุบายแบบใดกัน เตรียมตัวให้พร้อม! มัดเขาและนำกลับไปที่สำนักงานเทศมณฑล!”
เจ้าหน้าที่ของทางการมาและไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาทิ้งตระกูลหลี่ที่เหลืออยู่ให้ตกอยู่ในความสับสนโดยไม่พูดอะไร
ผู้เฒ่าหลี่และหลี่เฉิงจ้องมองไปที่ร่างของซุยเฮ็งซึ่งกำลังถอยห่างออกไปจากพวกเขา หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง พวกเขาก็คุกเข่าลงกับพื้นและโค้งคำนับไปยังทิศทางที่ซุยเฮ็งจากไป
“ขอบพระคุณท่านอย่างสูง!”
…
เมืองเซียงซีอยู่ไม่ไกลจากเมืองท่าของมณฑลจูเหอ ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงเท่านั้นในการเดินทาง
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ของทางการนำคนของเขากลับมาถึงยังสำนักงานเทศมณล เขาก็จับซุยเฮ็งส่งเข้าคุกและขังร่วมกับนักโทษประหารกลุ่มหนึ่ง
จากนั้นเขาก็ไปพบกับผู้ว่าการมณฑลจูเหอ
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะออกเดินทางไปพบกับผู้ว่าการ นายอำเภอก็ได้จับผมของตนและดึงมันออกมาจากหัว มันเผยให้เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเขา
นี่คือพระภิกษุหนุ่มที่ดูเหมือนจะอยู่ในวัยยี่สิบต้นๆ เท่านั้น ดวงตาของเขาสงบนิ่งราวกับแม่น้ำ มันไม่มีร่องรอยของความรุนแรงและความโกรธจากก่อนหน้านี้อีกต่อไป
เมื่อเขาเปลี่ยนชุดของเขาเสร็จ เขาก็เดินทางไปหาผู้ว่าการในทันที
ในขณะนี้ ผู้ว่าการมณฑลก็กำลังตกปลาอยู่โดยหันหลังให้กับพระภิกษุหนุ่ม เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า “เจ้าพบ ‘เคล็ดวิชาลับกระบี่โผนอรุณ’ ของตระกูลหลี่หรือไม่?”