ตอนที่43 เซียถงคว้าชัย (1)
29 1-1
ตอนที่43 เซียถงคว้าชัย (1)
ในขณะนี้เอง ใบหน้าของเซียถงมีผ้าคลุมสีขาวปกคลุมไว้อยู่ เรือนร่างเพรียวบาง อรชรสวยเป็นสัดเป็นส่วนงดงามยิ่งนัก ชุดแพรพรรณสีเขียวอ่อนโบกกระพือพัดผ่านไปตามสายลม ประดับเคียงคู่ภาพฉากสายพิรุณบุปผา ยิ่งเพิ่งเสริมความสง่าราศี เพียงทั้งสองได้ย่ำกรายขึ้นมาบนสนามประลอง ก็สามารถดึงดูดความสนใจของทุกสายตาอยู่ในภวังค์ได้ในพริบตา
ไป๋หลี่หานมองหญิงสาวเบื้องหน้า นางถือกระบี่ในมืออยู่เล่มหนึ่งท่ามกลางฉากพิรุณบุปผา ดวงตาหดแคบลงเล็กน้อย เสมือนเปล่งปรากฏประกายแสงสีจาง เคลื่อนไสววูบวาบอยู่ในนั้น
เซียถงยกมือข้างที่ว่างเพื่อคว้ากระชากผ้าคลุมในหน้าออก บัดนี้ถึงเวลาสู้ศึกสัประยุทธ์ ผ้าคลุมดังกล่าวย่อมเกะกะงุ่นง่านวิสัยทัศน์เป็นธรรมดา แต่พอหน้าคลุมหน้าถูกดึงออก ก็เผยให้เห็นถึงรอยจุดด่างดำทั่วใบหน้า ทันใดนั้นก็มีสุ้มเสียงถอนหายใจของเหล่าฝูงชนดังขึ้นจากทั่วทุกหนแห่ง
หลัวซีเองก็อดถอนหายใจมิได้เช่นกัน ลึกลงไปในแววตาคู่นั้นเปี่ยมไปด้วยความเสียดาย ด้วยใบหน้าเฉกเช่นนี้ เสียดายนิสัยและโฉมสะคราญเสียเหลือเกิน...
ไป๋หลี่หานยังคงจ้องมองเซียถงไม่วางตา ท่าทางการแสดงออกดูสงบโดยสิ้นเชิง สีหน้าแววตาปราศจากความเสียอกเสียดายใดๆ ราวกับว่า ไม่ได้สนใจเลยว่า เซียถงจะสวมผ้าคลุมหน้าอยู่หรือไม่
“การประลองเริ่ม!”
กรรมการที่เพิ่งฟื้นคืนสติกลับมา ก้าวลงจากสนามประลองโดยไวหลังจากประกาศเริ่มต้นการแข่งขันอย่างเป็นทางการ
เซียถงและหลัวซีต่างจับจ้องมองหน้ากัน และเป็นฝ่ายหลัวซีก่อนที่ส่งยิ้มให้นาง กล่าวว่า
“ข้าไม่ต้องการใช้ความรุนแรงกับสตรีเพศ แต่ข้ากลับต้องการเห็ดหลินจือมรกตกว่าสิ่งใด ดังนั้นโปรดยอมแพ้เสียแต่โดยดี มิฉะนั้นเจ้าอาจจะเจ็บตัวได้”
ทุกวาจาประโยคที่เปล่งดังออกมา น้ำเสียงหนังแน่นราวกับเขาสามารถคาดเดาผลลัพธ์ไว้ได้ตั้งแต่เริ่มแล้ว
“อย่าได้เกรงใจกัน หากต้องการรางวัลก็ขึ้นอยู่กับว่า เจ้าจะมีความสามารถนั้นหรือไม่?”
เซียถงชักกระบี่ในมือขึ้น ดวงตาทอแสงสาดประกายเยียบเย็น ทันใดนั้น พลันปรากฏรัศมีพลังลมปราณสีครามฟ้าระเบิดออกมาจากตัวของนางขุมใหญ่ เสียงดังกระหึ่ม คลื่นอากาศกระเพื่อมสนั่นแซ่ซ้อน แผ่เป็นวงแหวนกระจายระลอกแล้วระลอกเล่า
หากต้องการชนะนาง เช่นนั้นก็จงแสดงทุกอย่างที่มีออกมาเพื่อล้มข้าให้ได้!
เมื่อเห็นรัศมีลมปราณระดับชั้นขอบเขตเสาหลักฟ้าชั้นกลางบนร่างของเซียถง หลัวซีพลันร่นเท้าก้าวถอยออกไปเล็กน้อย กระชับกำกุหลาบในมือไว้แน่น พร้อมเปล่งรัศมีลมปราณปะทุเดือดดาลขึ้นเช่นกัน
ทว่าคลื่นพลังลมปราณบนร่างของเขากลับเป็นสีครามเข้มจทวีจัด ปลายรัศมีคลื่นพลังชั้นนอกเพี้ยนเป็นสีครามอมม่วง
ภาพฉากการแสดงของหลัวซีในตอนนี้ ได้จุดชนวนให้บรรดาฝูงชนระเบิดความตื่นตะลึงอีกครั้ง!
ปรากฏว่า หลัวซีผู้นี้เป็นถึงยอดฝีมือขอบเขตเสาหลักฟ้าชั้นสูง!
เหล่าหญิงสาวทั้งหลายรอบอัฒจันทร์ต่างส่งเสียงกรีดร้อง
อาศัยขุมพลังระดับเสาหลักฟ้าชั้นสูง ผนวกรวมกับ ยุทธภัณฑ์คู่กายอย่าง กุหลาบที่สร้างขึ้นจากเหล็กไหลเย็นพันปีคุณภาพดีเยี่ยม ทั้งหมดทั้งมวลนี้ยิ่งไปกดให้โอกาสชนะของเซียถงลดต่ำลงเข้าไปอีก
ไป๋หลี่หานนั่งจับจ้องอยู่บนเก้าอี้สูง เหม่อมองเซียถงและหลัวซี ตัดสลับกันไปมา เขาหรี่ตาลงและกลับไปนั่งเอนหลังพักพิงดังเดิม
“เจ้าเอาชนะข้าไม่ได้”
หลัวซีส่งสายตาทอดไปหาเซียถงเล็กน้อย สุดท้ายนี้สีหน้าคลายอ่อนลงหลายส่วน พยายามกล่าวโน้มน้าวอย่างจริงใจ
“ข้าไม่ต้องการทำร้ายเจ้า ยอมแพ้เถิด”
ถูกต้อง หลัวซีไม่อยากจะพลั้งเผลอไปทำร้ายเซียถงจริงๆ แม้ว่าหญิงสาวนางนี้จะมีใบหน้าอัปลักษณ์ แต่โดยนิสัยและบุคลิกของนางเป็นคนแข็งแกร่ง จิตใจเด็ดเดี่ยว และกล้าหาญยิ่ง ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่เขาขอชื่นชมจากใจเลย
“ชนะหรือแพ้ อย่าได้ด่วนตัดสิน”
เซียถงกระตุกยิ้มขึ้นไปหนี่งที ก่อนจะค่อยระบายยิ้มฉีกกว้างออกไปจนเต็มใบหน้า กระชับกระบี่เล่มยาวยกขึ้นตั้งท่า เตรียมพร้อมประจัญบาน และเสี้ยวพริบตาต่อมา ร่างของเซียถงสาดไสวฉีกห้วงอากาศดังวูบวาบ เร่งความเร็วสุดขั้ว จนแปรสภาพลายเป็นเงาครามฟ้าสายหนึ่ง ทะยานพุ่งร่ายกระบวนจู่โจมใส่หลัวซีโดยไม่มีลังเล
ลุทะยานออกไปได้ครึ่งทาง เซียถงต้องรีบเอนตัวเจียนแนบพื้นโดยไว เนื่องด้วยวิสัยทัศน์เบื้องหน้า ปรากฏกลับกุหลาบกลุ่มหนึ่งโรมรันเข้าปะทะ ทำได้เพียงยกกระบี่เข้าปัดป้องมิให้บุกทะลวงเข้าถึงปราการด่านภายใน
แต่หลังจากที่ฝ่ากลีบกุหลาบกลุ่มนั้นมาได้พ้น เซียถงถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตะลึงสุดขีด เพราะนางค้นพบว่า คมกระบี่ยาวในมือถูกตัดฉับกลายเป็นสองส่วนในพริบตา ต่อหน้าเหล็กไหลเย็นพันปี สรรพสิ่งใดล้วนถูกมันตัดทิ้งได้เสมือนเต้าหู้นิ่มอย่างแท้จริง!
พอเห็นภาพฉากเช่นนั้น กล้ามเนื้อทั่วทั้งใบหน้าของเซี่ยหลู่เฟินถึงกับกระตุกไม่หยุด ของรักที่สุดของตนเพิ่งถูกทำลายลงไปต่อหน้าต่อตา ใครบ้างจะไม่รู้สึกเจ็บปวดใจ?
แต่ยังไม่จบแค่นั้น ทันทีที่เซียถงเลี่ยงตัวเคลื่อนหลบออกมาได้ กลีบกุหลาบแดงเคลือบสีครามอมม่วงกลุ่มนั้นก็ย้อนกลับมาโจมตีนางจากด้านหลังอีกครา ซึ่งรอบนี้เซียถงไม่กล้าเอาตัวไปปัดป้องอีกต่อไป ทำได้เพียงหลบเลี่ยงออกมาเท่านั้น
หลัวซียืนอยู่เบื้องหน้าคนละฝากฝังอย่างสงบเสงี่ยม โบกกิ่งกุหลาบในมือไปมาตลอดเวลา เป็นการชี้นำทิศทางให้กลีบบุปผากลุ่มนั้นกระหน่ำโจมตีใส่เซียถง
ถึงอย่างไรก็ตาม แววความประหวาดใจกลับฉายออกมาจากดวงตาของเขาโดยยากเกินจะปกปิด กุหลาบในมือของหลัวซีเหลืออยู่สามกลีบใหญ่ นั่นหมายความว่า อีกห้ากลีบที่เหลือกำลังโรมรันสัประยุทธ์อยู่กับเซียถงที่ตอนนี้ไม่มีอาวุธเหลืออยู่ในมือแล้ว แต่ถึงแบบนั้นนางก็ยังสามารถหลบได้ทุกการโจมตีอย่างสมบูรณ์แบบ นี่เป็นครั้งแรกที่หลัวซีพบเจอคนแบบเซียถง ยกเว้นนางไปคนหนึ่ง เขายังไม่เคยเจอผู้ใดที่สามารถหลบเลี่ยงฝูงกุหลาบของตนได้ขนาดนี้มาก่อน
ความสนอกสนใจยิ่งทวีเพิ่มพูนขึ้นในใจของหลัวซี จากนั้นก็โบกสะบัดมือของตนไปทีหนึ่ง เพิ่มระดับความเร็วของกลีบกุหลาบกลุ่มนั้นเป็นเท่าตัว กระทั่งห้วงเวหา นภากาศยังถูกคมกลีบกุหลาบเคลือบลมปราณฉีดสะบั้น หากพลาดท่าถูกพวกมันฉีดเนื้อหนังขึ้นมา ผลที่ได้นับว่าน่าสยดสยอง
ยิ่งถูกไล่ต้อนหนักข้อขึ้นไปใหญ่ สีหน้าเคลือบเย็นชาของนางก็เริ่มมืดขรึมลงแล้วเช่นกัน ภายในใจร้องสบถอยู่หลายคำ แต่ทันทีทันใดก็พลันได้ยินเสียงตะโกนลั่นจากไป๋หลี่หานว่า
“รับไป!”
ชั่วอึดใจขณะ ปรากฏกระบี่ยาวเล่มหนึ่งพวบพุ่งเข้าหานาง เซียถงกระโดดรับคว้าเสียงดังหมับกลางอากาศ ตีลังกาหนึ่งตลบพร้อมร่อนลงพื้น เลิกคิ้วมองกระบี่เล่มสีทองคำอร่ามในมือปนแววงุนงงอยู่หลายส่วน
“กระบี่ทองอำพันเล่มนี้จะช่วยเจ้าต้านรับกลีบกุหลาบเหล่านั้นได้ดียิ่งขึ้น!”
ช่วยต้านรับกลีบกุหลาบเหล่านี้ได้? แล้วไฉนจู่ๆ ก็โยนมาให้? ค่อยคุยกันหลังจากศึก!
พอได้ฟังสรรพคุณ มือไม้เซียถงเคลื่อนไหวต่อทันที จับด้ามกระบี่กระชับแน่นชักออกมาจากฝังสีทองคำโดยไว ซึ่งขณะที่นางชักมันขึ้นมา ประดุจว่ามีไอแสงสีทองคำปรี่ล้นออกมาได้ก็มิปาน!
กระบี่ทองอำพัน!
เป็นกระบี่ทองอำพันในตำนาน ซึ่งเป็นยุทธภัณฑ์อยู่ในระดับชั้นเดียวกับกุหลาบเหล็กไหลเย็น!
ฝูงชนทั้งหลายต่างร้องอุทานลือลั่น
ชุดแพรพรรณสีเขียวอ่อนของเซียถง ยามนี้คลุมเคลือบเป็นชั้นพลังสีทองคำแวววับ กลีบกุหลาบกลุ่มนั้นปราดพุ่งโจมตีเข้าใส่ แต่ทั้งหมดล้วนโดนชั้นพลังสีทองคำผลักกระเด้งออกไปโดยแรงเหนือธรรมชาติบางอย่าง ไม่ว่าจะพยายามบุกทะลวงอย่างไร แต่กลีบกุหลาบกลุ่มนี้ก็ไม่สามารถฝ่าแนวปราการป้องกันด้านนี้ของเซียถงได้เสียที
หลัวซีชำเลืองสายตามองกลีบกุหลาบของตนที่ร่วงหล่นสู่พื้นสนามแน่นิ่ง ก่อนจะแหงนศีรษะจับจ้องไปยังร่างหญิงสาวนางหนึ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้ชั้นพลังสีทองคำอีกทีหนึ่ง สายตาเปี่ยมล้นไปด้วยความเหลือเชื่อ นางสามารถปัดป้องกลีบกุหลาบของเขาได้จริงๆ