ตอนที่25 นักอัญเชิญอสูร
20 1-1
ตอนที่25 นักอัญเชิญอสูร
จางเสวี่ยหรงนับเป็นหนึ่งในผู้โชคดีเหล่านั้น เพียงว่า กายวิญญาณพิเศษของนางกลับเป็นร่างที่ไม่สมบูรณ์ ส่งผลให้นางไม่สามารถควบคุมสัตว์อสูรตนใดให้เชื่องได้เลย เพื่อการประลองในครานี้โดยเฉพาะ แม่ทัพจางเจิ้นกั๋วจึงใช้ความพยายามยิ่งยวด สำหรับเสาะหาโอสถชั้นสูงแก่นาง ส่งผลให้กายวิญญาณพิเศษนี้ถูกเพิ่มเสริมให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น และสามารถฝึกปรือสัตว์อสูรหมาป่าตนนี้จนเชื่องลงในที่สุด
หมาป่าตนนี้มีชื่อว่า อสูรหมาป่าสวรรค์ เป็นสัตว์อสูรวิญญาณชั้นกลาง ลักษณะโดดเด่นคือความดุร้าย เกรี้ยวกราด ท่วงท่าการเคลื่อนไหวกล่าวขานได้ว่าปราดเปรียวประดุจสายลม จู่โจมเซียถงพลาดหนึ่งคราใช่ว่าจะหยุด มันแยกกรงเล็บอันแหลมคมขึ้นชูชัน ปราดพุ่งโจมตีใส่เซียถงอีกระลอกประดุจสายอัสนีร่ายระบำ
เซียถงหลบเลี่ยงครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่าก็ยังไม่พ้นวิสัยกรงเล็บของอสูรหมาป่าสวรรค์ตนนี้ ตะตบช่วงหัวไหล่ขวาของนาง ลากยาวเป็นรอยขีดข่วนทะลุถึงเนื้อกำพร้า เซียถงกัดฟันกรามขบแน่นลับๆ สมกับเป็นสัญชาตญาณดิบของพวกสัตว์สายพันธุ์นักล่าอย่างแท้จริง ทุกกระบวนโจมตีหวังสังหารเด็ดขาดในคราวเดียว ทั้งรุนแรง รวดเร็ว และไร้ปรานี ความสามารถเหล่านี้เกินกว่าที่นางคาดไว้หลานส่วน
กลิ่นคาวเลือดที่หยดติ๋งลงมา ยิ่งไปกระตุ้นต่อมกระหายจนบ้าคลั่งกันไปให้ จากเดิมที่อสูรหมาป่าสวรรค์มีดวงตาสีเขียว ทว่ายามนี้กลับกลายเป็นสีแดงโลหิต รัศมีเดรัจฉานนักล่าโชติช่วงสาดสะท้อนออกมาจากดวงตาคู่นั้นของมัน กระบวนเคลื่อนไหวของมันคล่องแคล่วว่องไวขึ้นเป็นทวีทบ ยิ่งต้องทำให้เซียถงต้องเร่งเร้าลมปราณขจรทั่วกายา เพิ่มความเร็วในการหลบเลี่ยงเท่าตัว
“เซียถง วันนี้ข้าจักบอกกล่าวแก่เจ้า ให้จงรู้ไว้ว่า ข้าผู้นี้แข็งแกร่งปานใด! ปกป้องรูปโฉมอันอัปลักษณ์ของเจ้าไปเถิด แต่จงจำเอาไว้ หากต้องตายภายใต้กรงเล็บของอสูรหมาป่าสวรรค์ของข้า นับเป็นความอัปยศอย่างที่สุด!”
พอเห็นเซียถงเริ่มได้รับบาดเจ็บ จางเสวี่ยหรงก็ระเบิดหัวเราะเยาะบ้าคลั่ง ดีใจแทบจะกระโดดโล้นเต้นออกมา
บนอัฒจันทร์ข้างสนาม อิ๋งเอ๋อร์เห็นว่า เซียถงถูกบีบต้อนให้ต้องหลบหนีซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยเจ้าอสูรหมาป่า นางก็ร้องไห้น้ำตาอาบแก้มออกมา ท้ายที่สุดนี้ทนดูต่อไปไม่ไหว จนอดตะโกนลือลั่นน้ำเสียงสั่นคลอมิได้ว่า
“คุณหนู! ลงมาเถิดเจ้าค่ะ! หากเอาชนะมิได้หาใช่เรื่องใหญ่ สิ่งสำคัญกว่าคือชีวิตเจ้าค่ะ!”
“นี่หรือคนที่ได้ชื่อว่าอัจฉริยะแห่งจักรวรรดิตงหลี่? ช่างอ่อนปวกเปียกโดยแท้ เซียถง หากเจ้ายอมคุกเข่าและขอความเมตตาต่อหน้าข้า บางทีข้าอาจไว้ชีวิตเจ้า”
จางเสวี่ยหรงยืนกอดอก จ้องมองไปทางเซียถงที่กำลังวิ่งเต้นหลบหนีต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน เมื่อวานนี้ เพราะนังบัดซบนี่ที่ต้องทำให้นางกลายเป็นตัวตลกต่อหน้าสาธารณชน ดังนั้นแล้ว วันนี้นางก็จะไม่มีวันหยุดมือจนกว่าจะได้ฆ่าหรือสร้างความอัปยศอย่างที่สุดแก่นังนี่
เซียถงเหล่มอง เหลือบหางตามองจางเสวี่ยหรงอยู่ปราดหนึ่ง มุมปากพลันกระตุกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
คุกเข่าขอความเมตตา? ตลกแล้วกระมัง? หากเจ้าได้ใจนัก เช่นนั้นข้าจะสำแดงขุมพลังที่แท้จริงให้เห็นเจ้าสักครา
ใช้นิ้วชี้คำยันพื้นดันร่างตัวเองกระโจนขึ้นมาหนึ่งตลบ ทันทีทันใด ร่างของเซียถงก็แปรเปลี่ยนเป็นเงาสายหนึ่ง เร่งความเร็วสุดขีดจนก่อเกิดเป็นภาพซ้อนจนมองแทบไม่ทัน ตรงเข้าประชิดกายอยู่เคียงข้างจางเสวี่ยหรงในเสี้ยวพริบตา ประดุจเสือดาวจ้าวแห่งความเร็ว กระชับจับมีดสั้นฟันออกไปโดยตรง ทุกภาพฉากลงมือ เกิดขึ้นก่อนที่จางเสวี่ยหรงจะสามารถตอบสนองได้ด้วยซ้ำ กว่าจะรู้สึกตัวอีกที ใบหน้าของจางเสวี่ยหรงก็ถูกคมมีดสั้นกรีดลึกเป็นทางยาวเสียแล้ว กล่าวได้ว่า ยามนี้รูปโฉมอันงดงามของนาง กลับไม่สมบูรณ์แบบอีกต่อไป
เซียถงกลิ้งตัวหมุนติ๋วออกมาอย่างรวดเร็ว เบื้องหลังในจุดมุมอับ อสูรหมาป่าสวรรค์เองก็ฟันฟาดหวดกรงเล็บเข้าตะปบใส่นาง จู่โจมฉับพลันความเร็วสูงประดุจสายฟ้าฟาด
รอยข่วนสลักจารึกฝากฝังอยู่กลางพื้นสนามสองจุด ในตำแหน่งที่นางเคยอยู่ ยามนี้หลงเหลือเพียงเม็ดฝุ่นที่ลอยคลุ้งเท่านั้น อสูรหมาป่าสวรรค์เร่งกวาดสายตาไล่ล่าติดตาม ก่อนจะพุ่งจู่โจมใส่เซียถงที่เลี่ยงหลบไปอีกทิศเป็นคำรบสอง
“เซียถง!! หากข้ามิสามารถฆ่าเจ้าได้ในวันนี้ ข้า จางเสวี่ยหรงขอไม่ใช่มนุษย์!!!”
จางเสวี่ยหรงยกมือปิดหน้าปิดตา พร้อมธารเลือดสดที่ไหลรินผ่านซอกนิ้วหยดเป็นสาย สายตาที่จับจ้องเซียถงเปี่ยมล้นไปด้วยความสุดแค้นแสนอาฆาตยิ่งยวด ความเกลียดชังมากมายเกินจะควบคุมอีกต่อไป แทบจะรอไม่ไหวแล้วที่จะฉีกกระชากเนื้อหนังของเซียถงทั้งเป็น!
“ฆ่าข้า? กำลังฝันกลางวันอยู่กระมัง?”
ประกายตาของเซียถงยามนี้ฉายแววรังเกียจออกมาวูบหนึ่ง คมมีดสั้นในมือขวา ยามนี้เริ่มเปล่งแสงสีเขียวมรกตอ่อนเลือนราง ห้อมล้อมปกคลุมใบมีด ดวงตาสะท้อนแสงวูบวาบเสมือนปรากฏไฟฟ้าสถิต
“อสูรหมาป่าสวรรค์ จงฉีกกระชากหัวมันซะ!!”
สายตาคู่นั้นของจางเสวี่ยหรงฉายแววเหี้ยม ออกคำสั่งแก่สัตว์อสูรตนนั้นเข้าเผด็จศึกทันที
อสูรหมาป่าสวรรค์กำลังรอคอยโอกาสนี้อยู่เสียนานแล้ว ในที่สุดก็จะได้ปลดปล่อยสัญชาตญาณนักล่าออกมาได้ถึงขีดสุด! มันลุกยืนหยัดด้วยสี่ขาผงาดล่ำ เชิดศีรษะชูจมูกยาวขึ้นฟ้า ระเบิดเสียงเห่าหอนก้องกังวาน เลือดของเซียถงที่เปื้อนปาก มันเลียด้วยความหิวกระหาย ยิ่งรับรู้ถึงรสสัมผัสยิ่งเพิ่มทวีความกระหายเป็นเท่าตัว แผดรัศมีเดรัจฉานระเบิดคลั่งสุดแกร่งกร้าวออกมา ร่างกายกำยำหนา มัดกล้ามเนื้อขยายใหญ่ขึ้นอีกหลายเท่าตัว คมเขี้ยวงอกยาวออกมาจากปากของมัน ทอแสงสีขาวประกายเย็นเฉียบออกมา
เมื่อเห็นคมเขี้ยวยาวที่งอกออกมา ฝูงชนโดยรอบต่างสั่นสะท้านเสียวสั่นหลังวาบเกินควบคุม หากถูกจมเขี้ยวฉีกกระชากเข้าจริง ศีรษะคงหลุดกระเด็นออกมาในเสี้ยวพริบตาแน่นอน!
อุ้งเท้าที่สี่คำยันพื้น พร้อมทีบตัวเองใช้แรงส่งพุ่งออกไป อสูรหมาป่าสวรรค์แสยะเขี้ยว กระโดดโจมตีออกไปทันที
ในชั่วอึดใจเดียวกัน จางเสวี่ยหรงเองก็ชักกระบี่คู่กายขึ้นในมือ และเข้าโจมตีเซียถงจากอีกมุมหนึ่งพร้อมกันไปด้วย
หนึ่งมนุษย์ หนึ่งสัตว์อสูร ผสานกระบวนโจมตีที่สุดอานุภาพที่สุดใส่เซียถงโดยพร้อมเพรียง
เซียถงหมอบร่างแนบกับพื้นดิน เหลือบสายตาขึ้นมองอสูรหมาป่าสวรรค์ จากการวิเคราะห์แล้ว ด้วยความเร็วของกล้ามเนื้อทั้งสี่มัด มันน่าจะเข้าถึงตัวนางได้ก่อนจางเสวี่ยหรง สายตาคมของเซียถงหกแคบ กำมีดสั้นในมือให้กระชับแน่น และกระโดดโผล่งออกไปจากจุดนั้น
หนึ่งนางปะทะสัตว์ร้ายกลางอากาศ อสูรหมาป่าฉีกปากกว้างเสมือนบ่อเลือดยักษ์ กัดขย่ำเซียถงไปครึ่งตัวในเสี้ยวพริบตา! ธารเลือดสดสีแดงฉานสาดกระเซ็น กระอักทะลักล้นไม่หยุดหย่อนเสมือนน้ำพุ ชโลมสรรพสิ่ง จนบดบังวิสัยทัศน์ของฝูงชนทั้งหมด ทำเอามองไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร
ฝูงชนรอบอัฒจันทร์ร้องอุทานลือลั่น หัวใจบีบเกรงระทึกขวัญ ตรงกันข้ามกับ จางเสวี่ยหรงที่ยามนี้เผยรอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง ราวกับว่าได้เห็นศีรษะของเซียถงหลุดออกจากบ่าแล้วก็มิปาน
อิ๋งเอ๋อร์นยกมือปิดตาพร้อมกับสีหน้าซีดเผือด เจียนหมดสติเซไปมาแทบล้มทั้งยืน จนนอดฝีมือที่นั่งอยู่แถวนั้นต้องรีบลุกขึ้นยืนเพื่อเข้าไปช่วยพยุงนางขึ้นมา
คล้อยหลังได้ยินเสียงอสูรหมาป่าสวรรค์เห่าหอนสุดเสียงลั่น ตัวมันกับเซียถงที่ถูกงับไปครึ่งร่างก็ล้มคะมำลงพร้อมกัน ร่างสูงใหญ่ยักษ์ล้มทับเซียถง ผนวกกับเลือดสีแดงฉานที่อาบชโลมราวกับภาพฉากโศกนาฏกกรรม ทำให้แยกไม่ออกว่าไหนหัวไหนห่าง เพราะทั้งหมดล้วนถูกย้อมกลายเป็นสีแดงฉานไปหมดสิ้น บรรยากาศทั่วทั้งสนามประลองเงียบสงัด ห้วงเวลาหยุดลงโดยฉับพลัน
ฝูงชนเหล่านั้นปิดปากเงียบ จางเสวี่ยหรงเองก็หยุดไปชั่วขณะเช่นกัน ทุกสายตาจับจ้องไปที่ครึ่งร่างชโลมเลือดของหญิงสาวที่โผล่ออกมาจากปากอสูรหมาป่าสวรรค์ ลุ้นระทึกจนรู้สึกประหม่า
อิ๋งเอ๋อร์ตกใจเจียนจะเป็นลมล้มพับเป็นคราที่สอง
เลือดในร่างของหญิงสาวที่สาดกระเซ็นออกมาเยอะมาก....
บางทีครึ่งร่างบนของนางอาจถูกหมาป่าตนนั้นกัดขาดตอนไปแล้วก็เป็นได้....
ขณะที่ทุกคนกำลังจับกลุ่มคาดเดาสถานการณ์กันอย่างเงียบๆ ทันใดนั้นร่างของเซียถงก็ขยับขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับพลิกร่างของอสูรหมาป่าสวรรค์ที่แน่นิ่งไปแล้ว นอนลงพื้นอย่างแช่มช้า ชั่วขณะเดียวกับ เซียถงก็ค่อยถอนตัวเองออกจากปากของมัน ร่างผอมบางที่เปียกชุ่มไปด้วยเลือดสด ยืนตระหง่าน มั่นคงราวกับหินผา
“คุณหนู!”
อิ๋งเอ๋อร์แทบขาดใจ กรีดร้องเสียงดังลั่น ตื่นอกตื่นเต้นเป็นที่สุด!
ฝูงชนทั่วอัฒจันทร์เบิกตาแหก อ้าปากค้างเติ่งจนขากรรไกรแทบร่วงกราว สิ่งที่น่าเหลือเชื่อที่สุดคือ ก็เห็นได้ชัดว่า ครึ่งบนของหญิงสาวนางี้ถูกคมเขี้ยวของอสูรหมาป่าบดขยี้กลืนเข้าไปแล้วมิใช่รึ? แต่ไฉนถึง...
“ถึงคราวเจ้าแล้ว”
เซียถงแสยะยิ้มฉีกขึ้นเล็กน้อย หันไปมองจางเสวี่ยหรงผู้ซึ่งอยู่ห่างจากนางระยะหนึ่ง พร้อมย่างสามขุม เนื้อตัวรากเลือดเคลื่อนไปหาพร้อมสายตาสุดเยียบเย็น
จางเสวี่ยหรงจับจ้องอีกฝ่าย เผยสีหน้ากลัวสุดขีดจนซีดเผือด แววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ นังนี่สามารถสังหารอสูรหมาป่าสวรรค์ที่นางอัญเชิญออกมาได้จริงๆ! ทั้งยังแค่พริบตาเดียว...พริบตาเดียวเท่านั้น...
“ก่อนหน้านี้ เจ้าพล่ามไว้ว่าอย่างไรนะ?”
เซียถงบิดหัวไหล่ซ้ายทำกายบริหารเล็กน้อย เสียงกระดูกลั่นดังก๊อบแกร๊บ กระชับคมมีดสั่นชโลมเลือดในมือขวาไว้แน่น เตรียมพร้อมลงมือต่อเนื่อง ให้ตายสิ เมื่อครู่ชั่วจังหวะก่อนที่คมเขี้ยวจะฝังลงบนตัว นางใช้พละกำลังไม่ใช่น้อยๆ เลย ในการปักคมมีดเสียบคั่นระหว่างกระดูกขากรรไกรของเจ้าอสูรหมาป่า เพื่อไม่ให้ขบกรามลงได้
กลิ่นคาวเลือดเหม็นฉุนบนร่างของเซียถง จางเสวี่ยหรงที่ได้กลิ่นพลันตระหนักได้ทันทีว่า นี่เป็นของอสูรหมาป่าสวรรค์ของนาง
ปรากฏว่าเลือดทั่วร่างที่ชุ่มชโลมบนกายของเซียถง ทั้งหมดเป็นของอสูรหมาป่าสวรรค์!
ไม่ทราบเพราะเหตุใด ยามนี้ที่จับจ้องมองเซียถง จางเสวี่ยหรงเสมือนกับว่ากำลังเห็นปีศาจร้ายที่หลุดออกมาจากขุมนรกอเวจีเดินออกมา ทั้งยังเข้าใกล้นางมากขึ้นเรื่อยๆ ...มากขึ้นเรื่อยๆ ....
ภายในใจสั่นระรัวไม่เป็นจังหวะ จนไม่สามารถระงับอาการสั่นเทาทั่วทั้งร่างกายของนางได้อีกต่อไป จางเสวี่ยหรงแทบจะถือกระบี่ยาวในมือไม่อยู่แล้ว
“นี่เป็นบทเรียนสำหรับเจ้า”
เซียถงยกมือขวาชูคมมีดสั้นขึ้น
“หยุดเดี๋ยวนี้!”