ตอนที่ 404 กลุ่มดาวคนแบกงูปรากฏ
ตวนมู่มองดูกลุ่มมนุษย์บรอนซ์ที่หนาแน่นจึงทิ้งกระบี่ลงและชูมือทั้งสองขึ้น
“ข้ายอมแพ้”
เสียงของเขาดังก้องไปทั้งค่าย
ห้องปฏิบัติการค้นคว้าพลังสายเลือดมีเสียงฮือฮา
“น่าขายหน้า!”
“น่ารังเกียจ!”
“ใช้คนมากเอาชัย! จะนับเป็นวีรบุรุษผู้ได้ยังไง”
“เจ้าโง่,นางเป็นผู้หญิง”
“หมดกัน,กองทุนสนับสนุนของเรา...”
…..
กลุ่มของม่อจื่อหวี
“โธ่เอ๊ย,กากชะมัด เจ้าไม่รู้จักหาวิธีหนีหรือไง! วิ่งแล้วก็เผ่นออกไปเลย มีทางอยู่ตรงนั้น! ทำไมเจ้าไม่ทนต่ออีกสักสองยก?”
“ข้าประเมินเขาสูงเกินไป ถ้าข้ารู้ว่าเขาจะขอยอมแพ้ ข้าคงพนันว่าสามยกไปแล้ว!”
ม่อจื่อหวีดีใจและไม่ซ่อนยิ้มในสีหน้า “พี่ใหญ่หญิงแข็งแกร่งทรงพลังจริงๆ พวกเจ้าทุกคนนี่ยังหัวอนุรักษ์อยู่นะ ฮ่าฮ่าฮ่าตามคาดข้ามันเซียนพนันอยู่แล้ว เร็วเข้าพวกเจ้าทุกคนจ่ายมาซะดีๆ”
“ธ่อเว้ย! เบี้ยเลี้ยงเดือนนี้ของข้าหมดกัน! เราต้องมาพนันกันอีก!”
“ข้าจะพนันด้วย!”
“กติกาเดิม,คนชนะเลี้ยง และเนื่องจากพี่ใหญ่ชนะมากกว่าเพื่อน ก็ต้องพาเราไปเลี้ยงที่ร้านหาวเซิง”
“จะบ้าเหรอ?”ม่อจื่อหวีดุ “เงินนี่ยังไม่พอซื้อก๋วยเตี๋ยวด้วยซ้ำ เจ้าต้องการให้เราล้างจานและขายตัวด้วยหรือไง?”
“งั้นจะให้เรากินอะไร?”
…
กลุ่มของม่ออู๋เว่ย
ม่ออู๋เว่ยลูบคางและบ่นพึมพำ “อ่อนเหลือเกิน, น่าผิดหวังนักคืนนี้จะต้องฝึกเพิ่ม”
พวกนักเรียนที่อยู่ด้านหลังของเขาตะลึง พวกเขาคิดว่าได้ยินผิด ดังนั้นหนึ่งในนักเรียนคนหนึ่งรวบรวมความกล้าและถาม “คุณชาย, ถ้าเขาอ่อนแอ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรา?”
ม่ออู๋เว่ยส่ายหัว “ไม่มีอะไร”
“อย่างนั้นทำไมเราจึงต้องฝึกเพิ่ม?”
“ข้าแค่คิดคร่าวๆเจ้าจะคัดค้านใช่ไหม?” ม่ออู๋เว่ยมองดูเขา
“ไม่นะ,คุณชายเป็นอัจฉริยะทางความคิดจริงๆ..”
“จริงเหรอ?”
“ไม่ไม่ ไม่, มันของแน่อยู่แล้ว!”
กลุ่มของพวกเขามีน้ำตาไหลนองหน้า
************************
กลุ่มดาววาฬ
แสงอาทิตย์ส่องลอดเข้ามาในห้อง บุรุษสองคนนอนอยู่ในห้องใต้หลังคา
โอวหยางซือลืมตางัวเงียและคลานขึ้นมาเขย่าปลุกจั๋วเยี่ยน “จั๋วเยี่ยน ลุกขึ้น! เราต้องทำงานกัน!”
จั๋วเยี่ยนพูดอู้อี้ “ขอหลับต่ออีกนิด...”
เขาพลิกตัวและหลับต่อ
เมื่อเห็นว่าพวกเขาสายแล้ว โอวหยางซือหยุดพูดและแบกจั๋วเยี่ยนขึ้นบ่าและเหินบินออกมา จั๋วเยี่ยนยังคงหลับอยู่บนตัวโอวหยางซือที่กำลังวิ่งตะบึง แม้ว่าน้ำลายจะไหลยืดจากปากของเขาก็ตาม
ทั้งสองคนนี้แอบหนีออกมาจากกลุ่มดาวแกะทั้งคู่ไม่มีประสบการณ์ในการเดินทาง และมาถึงกลุ่มดาววาฬอย่างยากลำบาก แต่พวกเขาคาดไม่ถึงเลยว่าเมื่อมาถึงที่นั่นเงินพวกเขาจะหมดพอดี
โอวหยางซือวิ่งมาตลอดทางจนถึงร้านอาหาร
เมื่อเห็นโอวหยางซือแบกจั๋วเยี่ยนบนไหล่ลุงจากร้านอาหารก็ส่ายศีรษะ “อาซือน้องชายเจ้าขี้เกียจมากเลยนะ เจ้าควรจะรีบๆ แต่งงานซะและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอย่าได้ถูกเขาลากไปมาเลย”
โอวหยางซือยิ้ม “เรายังอายุน้อยอยู่นะลุง”
พอพูดจบเขาแบกหันหัวของจั๋วเยี่ยนไปไว้ใต้ก๊อกน้ำจากนั้นเปิดก๊อกน้ำเต็มที่
“อ๊า”จั๋วเยี่ยนร้องโวยวายทันที
คนอื่นที่อยู่ใกล้ๆ เคยชินกันแล้ว
ปัง, ถังไม้ขนาดใหญ่วางไว้ข้างหน้าจั๋วเยี่ยนข้างในเป็นชิ้นเนื้อมากมายเป็นกองใหญ่ย่อมๆ ข้างๆ ถังใหญ่มีไม้ไผ่เหลาอยู่มากมาย
“อาเยี่ยน,เสียบไม้ให้หมด!!”
เมื่อเห็นว่าจั๋วเยี่ยนตื่นแล้วโอวหยางซือก็ทำงานเช่นกัน ทุกคนชื่นชมโอวหยางซือ เขาเป็นเด็กหนุ่มน้อยที่ยินดีทำงานและมีอารมณ์ดีไม่เคยอู้งาน และชอบช่วยเหลือทุกอย่าง ลูกสาวบางคนของครอบครัวพวกเขาคิดว่าคงจะรับเขาเป็นสามีไปนานแล้วถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขาเป็นคนนอก
เทียบกับเขาแล้ว จั๋วเยี่ยนแย่มากขี้เกียจชอบอู้งาน แม้ว่าเขาจะเป็นคนฉลาดมาก แต่นิสัยของเขาเอาแน่นอนไม่ได้
หลังจากโดนราดน้ำเย็นแล้ว จั๋วเยี่ยนค่อยตื่นเต็มที่ เมื่อเห็นกองเนื้อข้างหน้า เขาถึงกับหดหู่ท้อใจดึงไม้ไผ่มาเสียบโดยไม่มอง เขาเสียบกองเนื้อทั้งหมด
ชี่
ไม้เสียบหนึ่งไม้จะมีเนื้ออยู่ห้าชิ้นโดยมาตรฐานคือเนื้อสี่ชิ้นมันอีกชิ้นหนึ่ง
ชี่ ชี่ ชี่
เขาเสียบเนื้อเหมือนไม่ตั้งใจแต่เนื้อทุกชิ้นมีมาตรฐานเหมือนกันโดยไม่ได้ใช้ความพยายามมากเลย กองเนื้อทั้งหมดกลายเป็นเนื้อเสียบไม้ เขาลุกขึ้นยืนเพร้อมกับถังใบใหญ่และเดินเข้าไปในห้องย่างเนื้อ
มีคนไม่มากนักที่กินเนื้อย่างในตอนเช้า แต่พวกเขาจะดื่มชากันแทบทั้งนั้น
“เจ้าถังเทียนนั่นแข็งแกร่งทรงพลังจริงๆสามารถฆ่านักสู้ระดับทองได้ เขาช่างแข็งแกร่งจริงๆ”
ถังเทียน....
ฝีเท้าของจั๋วเยี่ยนชะลอลงขณะที่เขาเงี่ยหูสดับฟังทันที
“นั่นน่ะสิเขาเดี๋ยวก็ปรากฏตัวและเดี๋ยวก็หายตัวไป ใครจะรู้ได้ว่าเขาเดินทางไปกลุ่มดาวอันโดรเมดาได้”
กลุ่มดาวอันโดรเมดา!
ดวงตาของเขาเป็นประกายทันที หัวใจของเขาดีใจ เขาเกือบจะร้องไห้ด้วยความยินดี
ข้าผู้นี้จะได้ออกจากร้านเนื้อปิ้งเหล่านี้เสียที
เมื่อถังเทียนกลับไปเมืองสามวิญญาณ เซรีนมาต้อนรับเขา หน้าแดงพร้อมกับอวดความสำเร็จ
“เสี่ยวถังถังในที่สุดเจ้าก็มีเวลามาเยี่ยมเจ๊แล้วเหรอ? คิดถึงเจ๊บ้างไหม? มานี่ขอเจ๊ดูหน่อยซิว่า เจ้าผอมลงไปหรือเปล่า?”
เซรีนชายตาหว่านเสน่ห์ซึ่งก็หมายความว่านางกำลังอารมณ์ดี
ถังเทียนกระโดดสะดุ้งตกใจ เขากระโดดถอยหลบมือของเซรีนราวกะเจออสรพิษ
ขณะนั้นทุกคนพากันมาสมทบ เจ้านายใหญ่มาถึงที่นี่ไม่ว่าทุกคนกำลังงานยุ่งเพียงไหน พวกเขาจะวางงานทุกอย่างและเข้ามาพบเขา
เซรีน ผี่ผา ติงตัง ผู้เฒ่าเฟ่ยถังโฉ่วอยู่ที่นี่กันหมด เดี๋ยวก่อน ลุงปิงไปไหน?
“เอ่,ลุงปิงไปไหน? เขายุ่งเหรอ?” ถังเทียนถาม
“ถังโฉ่วรายงานเขาทราบ ”นายท่าน,ใต้เท้าปิงในตอนนี้ยุ่งอยู่กับสถาบันนักสู้หมาป่าฟ้า”
“สถาบันนักสู้หมาป่าฟ้า? มันคืออะไร?” ถังเทียนถามด้วยความสงสัย
ถังโฉ่วบอกเขาทุกเรื่องที่เกิดขึ้นทันที
ถังเทียนทำสีหน้าปั้นยาก สถาบันหมาป่าฟ้า, หอพลังงาน...อาการสนองตอบแรกของเขาก็คือ ‘กระเป๋าเงินข้า..กลวงอีกแล้ว’
เจ้าบ้านั่น!
แม้ว่าก่อนนั้นเขาจะมีความสุขชื่นชมกับเหรียญดาวในมือ แต่เจ้าบ้านั่นกลับใช้จนเรียบ
ถังเทียนตัดสินใจ เมื่อเขาพบปิง เขาต้องดุว่าปิงให้ได้
ส่วนพวกคนที่เหลือต่างใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อเข้าถึงตัวถังเทียนให้ได้ และช่วงเวลานั้นพวกเขาทุกคนต่างก็ต้องการรายงานเขาให้ได้ ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ไม่แจ้งให้ผู้บริหารทราบถึงความสำเร็จของพวกเขาไม่นับเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ดี!
ทันทีนั้นผู้เฒ่าเฟ่ยรีบแอบอ้างผลงานว่าเลือดหมาป่าฟ้ามีความบริสุทธิ์ร้อยละเก้าสิบสอง แต่เมื่อถังเทียนได้ยินว่ามีมูลค่าห้าพันล้านเหรียญดาว ผู้เฒ่าเฟ่ยกลายเป็นคนหล่อที่สุดในสายตาเขาทันที เขาเริ่มชมเชยเขาทันทีจนผู้เฒ่าเฟ่ยหน้าบานเป็นดอกไม้
แต่รายงานของถังโฉ่วเรื่องการรบก็ดึงดูดถังเทียน
ถังเทียนไม่เข้าใจ “กลุ่มโจรสายลม? ทำไมพวกเขาถึงต้องการโจมตีพวกเรา?”
ติงตังกล่าว “พวกเขาถูกยุยง มีคนชักโยงอยู่ในความมืดบอกเรื่องเราให้พวกมันทราบ วันที่พวกมันโจมตี มีเบาะแสนักสู้ที่ลอบเข้ามาหลายคน มีคนซ่อนตัว แต่ข้าไม่พบว่าพวกเขามาจากไหน”
“เจ้าไม่ต้องตรวจสอบแล้ว” เซรีนพูดอย่างมีความสุข “ข้ารู้แล้ว”
ควั่บ...สายตาของทุกคนหันไปที่เซรีนพร้อมกัน
“เจ้าลืมแล้วหรือว่าข้ามีเชลยอยู่ในมือข้า” เซรีนหัวเราะคิกคัก
“มันเป็นใคร?” เสียงของปิงดังมาจากด้านหลัง เขารีบกลับมาทันได้ยินคำพูดของเซรีนและถาม
เซรีนตอบ “มันคือกลุ่มดาวคนแบกงู”
กลุ่มดาวคนแบกงู!
สีหน้าปิงเปลี่ยนทันที “เจ้าแน่ใจนะ?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเซรีนสลายไปทันทีขณะที่นางกล่าวอย่างจริงจัง “แน่ใจสิ, เขาชื่อตวนมู่ เป็นบริวารคนหนึ่งของดยุคฮั่วฝู่หมัน ติงตัง เจ้ารู้จักเขาไหม?”
“ตวนมู่!” ติงตังสะดุ้ง “อาวุธหายนะตวนมู่!”
“อาวุธหายนะ?” ถังเทียนคิดว่าเขาฟังผิด
จากนั้นติงตังอธิบาย “ตวนมู่เป็นนักฆ่าที่มีชื่อเสียงมากติดอยู่ในทำเนียบสวรรค์วิถีอันดับที่ 3222 เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์ในการใช้อาวุธทุกชนิด และในมือของเขาเขาสามารถใช้อาวุธทุกอย่างได้เต็มศักยภาพและกำลัง เมื่อนานมาแล้ว มีมากมายหลายคนเรียกเขาว่า อาวุธหายนะ”
“รู้จักวิธีใช้อาวุธได้หมด นั่นทรงพลังมากทีเดียว” ถังเทียนปากอ้าค้าง เป็นพลังฝีมืออีกแบบหนึ่งที่คาดไม่ถึงจริงๆ
“เขามีจิตใจที่เยือกเย็นและเด็ดขาดมาก มีเกียรติประวัติรุ่งเรืองในการต่อสู้ แต่ข้าไม่เคยได้ยินว่าเขาจะเข้าไปเกี่ยวพันอะไรกับดยุคหัวฝู่หมัน” ติงตังอธิบาย “แต่ถ้าเป็นดยุคหัวฝู่หมัน อย่างนั้นก็คงไม่แปลก ครั้งสุดท้ายที่เจ้านายกับเซรีนไปหลอกคุณชายเกอ คนผู้นั้นก็คือลูกชายของดยุคหัวฝู่หมันนั่นเอง”
ถังเทียนสังเกตได้ว่าสีหน้าของปิงเปลี่ยนไป และรู้สิ่งที่เขากำลังกังวลและเริ่มปลอบเขา“ลุง, ไม่ต้องกังวลมากนักก็ได้ แม้ว่ากองทัพดาวคนแบกงูจะแข็งแกร่ง แต่หลังจากนั้นนานมาแล้ว พวกเขาก็ถูกทำลายลงไปแล้ว กลุ่มดาวคนแบกงูในปัจจุบันนี้ไม่แข็งแกร่งเหมือนในอดีตอีกแล้ว”
“ใช่,เจ้าพูดถูก” สีหน้าของปิงค่อยกลับคืนสู่สภาพปกติ เขาเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ครั้งนี้เจ้ามาที่นี่ทำไม? เรื่องที่กลุ่มดาวอันโดรเมดาเสร็จแล้วหรือ?”
“ยังไม่จบ” ถังเทียนส่ายศีรษะ “ข้าต้องการถามติงตัง สถาการณ์ภายนอกเป็นยังไงบ้าง ข้าไม่ต้องการจะเสียเวลาที่กลุ่มดาวอันโดรเมดานาน ข้าต้องการไปกลุ่มดาวกางเขนใต้”
“เจ้านายต้องการจะไปยังไง?” ติงตังถาม
“ข้าได้ตรวจดูกับแผนที่แล้ว ถ้าจากกลุ่มดาวอันโดรเมดาไป อย่างนั้นข้าสามารถช่วยได้หลายอย่างข้าเพียงแต่ต้องเข้าไปกลุ่มดาวนายพรานหมายความว่าข้าต้องเข้าเขตสิบตำหนักระนาบกลาง จากตรงนั้น ข้ามีหลายหนทางเพื่อเข้าสิบสองตำหนักระนาบสุริยคลาส..” ถังเทียนนับนิ้ว
เขาถูกปิงตัดบท“เราแค่ต้องการเข้ากลุ่มดาวอควาเรียส”
“กลุ่มดาวอควาเรียส?” ถังเทียนสะดุ้ง
“ใช่แล้ว ตราบใดที่เราเข้ากลุ่มดาวอควาเรียสได้ เราก็สามารถกลับไปยังกลุ่มดาวกางเขนใต้ได้” ปิงพูดด้วยความมั่นใจ
“ลุงแน่ใจนะ?ลุงอย่าทำผิดจะดีกว่า” ถังเทียนสงสัยความรู้สึกไม่ไว้วางใจมีมากขึ้น
ปิงพูดจริงจัง “เชื่อข้าเถอะ!”
เมื่อเห็นท่าทีที่ปิงพูดแล้ว ถังเทียนไม่เถียง ดังนั้นเขาหันหน้าไปมองติงตัง “อย่างนั้นเราจะไปกลุ่มดาวอควาเรียส”
“สถานการณ์ไม่ค่อยดีนัก” ติงตังกล่าว “กลุ่มดาวราชสีห์และสมาพันธ์ชาวยุทธทำสงครามกันแล้วและสมาพันธ์ชาวยุทธเสียนักสู้ระดับทองไปเกินกว่าสิบหกคนแล้วพวกเขากำลังรวบรวมกำลังอย่างต่อเนื่อง และถ้าเจ้านายต้องไป อย่างนั้นจำเป็นต้องไปให้ไว ผี่ผากับข้าได้ปรึกษากันแล้วเกี่ยวกับความสำคัญของสิบตำหนักระนาบกลางก็เหมือนดาวบริวารของสิบสองตำหนักระนาบสุริยคลาสและที่แรกซึ่งจะได้รับผลกระทบของไฟสงครามลามไปถึงก็คือสิบตำหนักระนาบกลาง คงเป็นการไม่ฉลาดนักถ้าจะเดินทางไปที่นั่น”ั
ถังเทียนรู้สึกปวดหัว คำถามกลายเป็นเรื่องซับซ้อนอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นเช่นนั้น ปิงแนะนำ “เราควรจะร่วมกันวิเคราะห์กันทั้งหมด ใช่แล้วผี่ผาและถังโฉ่ว เจ้าทั้งสองรับหน้าที่นี้ไป ตอนนี้เราจะนำเสนอความคืบหน้าจากทุกทิศทางและดูกันว่าเราสามารถสร้างความคิดดีๆอะไรขึ้นมาได้บ้าง”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นถังเทียนชื่นชมและเห็นด้วยทันที เขาไม่ได้ปิดบังความหวังใดๆ สำหรับความคิดตัวเขาเอง
เนื่องจากเป็นเช่นนั้นฟังความเห็นของคนมีปัญญาดีกว่า