ตอนที่แล้วตอนที่ 402 เจ้าแม่หมายเลขหนึ่ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 404 กลุ่มดาวคนแบกงูปรากฏ

ตอนที่ 403 เรามีแบบทะเล....


ตวนมู่ยืนอยู่ที่เดิมกลั้นหายใจอยู่กับที่โดยไม่เคลื่อนไหวสักนิ้วเดียว

แต่เขาก็ต้องตระหนักอย่างรวดเร็วว่ามีบางอย่างผิดปกติ  เพราะสิ่งที่รายล้อมนั้นมากันเงียบมาก

สัญญาณเตือนภัยในตัวเขากำลังดังเตือนหมาป่าจักรกลลาดตระเวนที่อยู่ห่างออกไปพลันหยุด พวกมันหันร่างมาพร้อมกันหมด และตาสีฟ้าของมันจ้องมาที่เขา

ซวยแล้ว!

ตวนมู่หัวใจกระดอน  ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกถึงการลอบเข้ามาของเขาแล้ว

ขณะเดียวกันหมาป่าจักรกลปล่อยพลังทั้งหมดลงขาของมันวิ่งเข้ามาหาเขาด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง  เห็นได้ชัดว่าเขาตกเป็นเป้าหมายแล้ว เขาเลิกซ่อนตัวและไม่มีความตั้งใจจะซ่อนตัวอีกต่อไป  เขาเริ่มวิ่งเข้าหาหมาป่าจักรกล

ทันใดนั้นเขาควงทวนเงิน

ด้วยการโจมตีที่คำนวณเป็นอย่างดีทวนเงินระเบิดพลังกระจายเป็นฝนเงินก่อตัวเป็นรูปสามเหลี่ยมที่สมบูรณ์แบบกักหมาป่าจักรกลไว้ภายใน

ทวนเงินในมือของเขาก็คือทวนฝนสามเหลี่ยมสมบัติกลุ่มดาวสามเหลี่ยมแห่งฟากฟ้าเหนือ กระบวนท่าที่เขาใช้ออกก็คือวิชาสังหารฝนสามเหลี่ยม

กลุ่มของหมาป่าจักรกลวิ่งเข้าไปในฝนทวนสามเหลี่ยม

ติง ติง ติง!

เสียงแหลมใสดังเหมือนฝนกระทบเกิดประกายไฟบนหมาป่าจักรกลทุกตัว พวกมันบาดเจ็บหนักตลอดทั้งร่างสั่นและปลิวกระเด็นไปหมด

หมาป่าจักรกลสองตัวระเบิดกลางอากาศหลังจากได้รับบาดเจ็บ

หมาป่าที่เหลือบินกลับมาและโจมตีอย่างหนักสุดกำลังของพวกมัน

ตวนมู่อารมณ์เสียทันที  เขาใช้วิชาสังหารทันทีคิดจากฆ่าหมาป่าจักรกลกลุ่มเล็ก ใครจะคิดกันเล่าว่าเขาสามารถฆ่าได้เพียงสองตัว  ผลเช่นนี้นับว่าเกินกว่าที่เขาคาดไว้

หมาป่าจักรกลมีความยืดหยุ่นมากกว่าที่เขาคิด  พวกมันสามารถอดทนกับพลังโจมตีระดับนั้นได้!

คาดว่าเป็นฝีมือของวิศวจักรกลระดับปรมาจารย์!

ตวนมู่รู้ว่าคงไม่ดีแน่ถ้าจะเดินหน้าต่อไป  เขาไม่มีอารมณ์สู้ต่อ  หลังจากถอยออกมาจากหมาป่าจักรกล  เขาหมุนตัวและร่อนขึ้นไปบนกำแพงค่าย

ภาพที่อยู่ต่อหน้าเขาทำให้ม่านตาของเขาหรี่แคบ  ภาพต่อหน้าก็คือร่มบรอนซ์แน่นขนัด

ฮ่าห์...

เสียงช่างเครื่องดัง  ขณะที่ร่มบรอนซ์เริ่มหมุนปั่นด้วยความเร็วสูง

ซี่ ซี่  ซี่!

ด้ายนับไม่ถ้วนยิงออกมาจากแก่นกลางของร่มบรอนซ์พุ่งเข้าหาเขา  ในพริบตาด้ายนั้นก็ผสานตัวเป็นใยแมงมุม

จากนั้นตวนมู่ถึงได้ตระหนักว่าคู่ต่อสู้รู้สึกถึงตัวเขานานแล้ว  ร่มบรอนซ์ลอยออกไปดักทางหลบหนีของเขา  เขาหาไม่เจอว่าฝ่ายตรงข้ามพบตัวเขาได้อย่างไร  แต่ไม่ใช่เวลาจะมาคิดถึงเรื่องเช่นนั้น

ร่างของเขาหมุนคว้างในกลางอากาศในมุมแปลกแนบกับขอบนอกกำแพง ต้องการจะไถลลง ขณะนั้นม่านตาของเขาก็ต้องหรี่แคบอีกครั้ง

ที่ด้านล่างกำแพงค่าย  มีสายน้ำสีดำสนิท

พลังสายตาของเขาแข็งแกร่งมากและแม้อยู่ในความมืดเขาก็สามารถมองเห็นได้ดีเช่นกัน  แม้แต่จิตใจที่แข็งแกร่งและอดทนของเขา  ก็ยังอดขนลุกมิได้ แม่น้ำที่อยู่ใต้เขาก็คือกรรไกรแน่นขนัดเกินกว่าหมื่นเล่ม

ทั้งหมดมีขนาดฝ่ามือเดี๋ยวกางเดี๋ยวหุบได้ยินเสียงฉับๆและเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว พวกมันเหมือนกลุ่มหนอนหิวโหยที่ทุรนทุราย

แย่จริง!

ตวนมู่ระบายลมหายใจ  แต่ปฏิกิริยาสนองตอบของเขารวดเร็ว  เขารวบรวมปราณแท้ไว้ในทวนเงิน ฉึกเขาปักทวนเงินเข้าไปในกำแพงอย่างง่ายดาย และร่างเขาหยุดอยู่กับที่

กรรไกรกลสองสามร้อยเริ่มกระโดด  เสียงดังฉับฉับอยู่ใกล้หูของเขา  กรรไกรทำให้ปราณไหลออกมันเข้าใกล้ห่างเท้าของเขาไปครึ่งเมตรเท่านั้น

ตวนมู่เหมือนกับวานรที่คล่องแคล่ว  เขาเหวี่ยงร่างตนเองไปตามกำแพงค่ายครั้งแล้วครั้งเล่า

ควั่บ ควั่บ ควั่บ

หมาป่าจักรกลยิงพลังโจมตีใส่อย่างน่าตื่นเต้น  รังสีดาบเสี้ยวปรากฏอยู่ต่อหน้าเขาทันที

ตวนมู่ไม่สนใจทุกอย่างใช้กำลังเท้าพาตัวเองพุ่งตรงเข้าไปในค่ายเหมือนกับลูกธนู

ปัง!

เกิดแรงระเบิดที่รุนแรงที่กำแพงค่าย  แต่ที่สะเก็ดระเบิดจะกระเด็นออกไปทั้งหมดกลับถูกห่อผนึกไว้ด้วยใยด้าย ตำแหน่งตรงกำแพงนั้นถูกหุ้มไว้ด้วยใย ถ้าตวนมู่ยังคงกลัวได้รับอาการบาดเจ็บ ถ้าเขาช้าไปเพียงครึ่งก้าว เขาจะถูกห่อเหมือนกับห่อข้าวแน่นอน

ที่สำคัญคือรังร่มกระจายตัวอยู่ด้านนอกกำแพงภายในยังปลอดภัยมากกว่า

ตวนมู่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามต้องการป้องกันไม่ให้เขาหลบหนีซึ่งแสดงให้เห็นว่าฝ่ายตรงข้ามเต็มไปด้วยความมั่นใจและเตรียมการรับมือเขา  ถ้าเป็นนักสู้อื่น  พวกเขาอาจตกอยู่ในความยุ่งยากครั้งใหญ่  แต่สำหรับตวนมู่ยังคงใจเย็นไม่ตื่นกลัว

การเตรียมตัวอย่างแน่นหนาของฝ่ายตรงข้ามทำให้พวกเขารู้สึกภูมิใจ  แต่สำหรับเขา มันคือโอกาส

ตวนมู่ควบคุมตนเองอยู่ในอากาศปลดปล่อยพลังปราณแท้  เขาเป็นเหมือนใบไม้ล่องลอยอย่างนุ่มนวลในอากาศ

ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!

บางอย่างที่แหลมคมเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วฝ่าอากาศมาจากทุกทิศตำแหน่ง  ฝนธนูถูกยิงออกมาจากทุกทิศ  ไม่มีพื้นที่ที่มองข้าม

ตวนมู่สูดหายใจลึก และควงทวนเงินเหมือนโล่ใหญ่ทันที

กลุ่มของโล่ที่น่าทึ่งตั้งตระหง่านสูงสามเมตรและกว้างเกินกว่าเมตรครึ่งมีขนาดหนาใหญ่กว่าตัวของตวนมู่มาก

โล่กระทิงป่า อาวุธเงินจากกลุ่มดาวโล่

พลังดวงดาวจากโล่ทะลักเข้าไปในแขนของเขาทำให้แขนของเขาบวมและยืดขยายออก เขาระบายลมหายใจและเหวี่ยงโล่หนักเหมือนกับกังหันลมที่กำลังหมุน

นั่นคือวิทยายุทธโล่ที่มีชื่อเสีง โล่กังหัน

เผียะ เผียะ เผียะ

ธนูบรอนซ์ที่ยิงออกมาจากฟ้าร่วงลงทันทีและยิงกระทบตำแหน่งสุ่มๆ และแตกเหมือนสายฝน

“แข็งแกร่งมาก”  ตาของม่อจื่อหวีแทบถลนขณะมองดูเขาเอามือทาบอกด้วยความกลัว  “โอวดุร้ายและรุนแรงจริงๆ โชคดีที่เรามีพี่ใหญ่หญิงคอยกดดันเขา มา มา มาเลยทุกคนวางเดิมพันกัน ภาพตื่นเต้นแบบนี้ ถ้าไม่มีพนันก็น่าเสียดาย”

ตั้งแต่เขาได้เป็นหัวหน้าหน่วยบุคลิกของเขากลายเป็นกระตือรือร้นมากขึ้น  เหมือนกับว่าเขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน  แต่เขาไม่มีทางเลือกหน่วยของเขามีคนเจ้าเล่ห์หลายคน ถ้าเขาไม่กลายเป็นแบบพวกเขา ก็จะไม่มีใครฟังเขา เขาไม่เหมือนกับม่ออู๋เว่ยที่มีชื่อเสียงระดับสูงดังนั้นเขาจึงลดตัวและกลายเป็นที่คุ้นเคยกับคนในหน่วยที่หนึ่ง

เขาต้องฝืนตัวเองเพื่อเรียนรู้การฝึกแย่ๆของพวกจิ้งจอกเฒ่า

นัยน์ตาของพวกที่เหลือเป็นประกาย  หนึ่งในนักเรียนถามอย่างตื่นเต้น  “พี่ใหญ่จะพนันว่าชนะหรือแพ้?”

“เฮ่ย..ใช้สมองบ้างไม่ได้หรือไง?”ม่อจื่อหวีกลอกตาไปมา “แน่นอนว่าข้าพนันว่าเขาคงสามารถทนอยู่ได้สักสองสามยกภายใต้แรงแค้นของพี่ใหญ่หญิง!  พี่ใหญ่หญิงโกรธแค้นขึ้นมาละก็,ใครจะรับมือนางได้?”

“พี่ใหญ่,ตาของท่านแทบมีไฟพวยพุ่งออกมาแล้ว!”

“เจ้ากำลังชมว่าตาข้าโตเหรอ?”  ม่อจื่อหวีกระพริบตาตี่ของเขาและถาม

“ข้าพนันว่าสิบยก!”  นักเรียนคนหนึ่งเปลี่ยนหัวข้อทันที

“ข้าว่าเจ็ด!”

“เอ่อ...ตาของข้าโตจริงๆ เหรอ?”

…..

“แข็งแกร่ง!”  ม่ออู๋เว่ยและกลุ่มของเขาตั้งใจมองดูกล้องบันทึกอยู่ทั้งวัน

“เราจะต้องเข้าไปช่วยพวกมันไหม?”  นักเรียนคนหนึ่งถามอย่างสุภาพ

ม่ออู๋เว่ยหันหน้าด้วยท่าทางแข็งๆ แบบหุ่นยนต์ และถามอย่างเฉื่อยชา  “เจ้าอยากย้ายกลุ่มงั้นเหรอ?”

เด็กนักเรียนคนนั้นหน้าซีดเพราะกลัวหัวหน้าหน่วย“ข้า ข้า ข้า...”

ม่ออู๋เว่ยหันหน้ากลับไปด้วยท่าทางแบบหุ่นยนต์อีกครั้ง  หลังจากนั้นชั่วครู่ เขาลูบคางและพึมพำ  “เราจะจบภารกิจกับพวกมันได้ยังไง?”

เมื่อได้ยินว่าหัวหน้าหน่วยของเขาไม่มีรังสีอำมหิตแฝงอยู่ในคำพูดของเขาคนของเขาทุกคนยังคงเงียบอย่างเชื่อฟังต่อไป

“ดูเหมือนว่ามีแต่เพียงข้าที่สามารถเก็บกวาดความยุ่งเหยิงนี้ได้”  ม่ออู๋เว่ยลูบคางพึมพำ  จากนั้นพูดต่อโดยไม่หันหน้ามา  “ทุกคน..เตรียมพร้อมสู้!”

สหายของเขาทั้งหมดมึนงงกันหมด  แต่ไม่กล้าเถียง  ทุกคนตอบอย่างขึงขัง “ขอรับ!”

เมื่อเห็นว่าตวนมู่แข็งแกร่งมากเพียงไหน  เซรีนไม่ได้โกรธ  แต่กลับรู้สึกตื่นเต้นแทน  ตาของนางเป็นประกายวิบวับขาข้างหนึ่งยังพาดอยู่เก้าอี้ นางยังคงตะโกนต่อไป “ธนูจอมพลอยู่ไหน? โอว โอว โอว!  เราต้องให้เขาได้ลองกับธนูจอมพลของเรา!”

ธนูจอมพลคือหน้าไม้จักรกลขนาดใหญ่สร้างมาเพื่อไว้ประจำฐานมีพลังทำลายล้างสูง ข้อเสียประการเดียวคือใช้เวลาเตรียมการนาน และผลจากการยิงก็ช้า

แก็ก แก็ก แก็ก!

ธนูจอมพลมีขนาดใหญ่ฝังไว้ด้วยหินดวงดาวระดับเจ็ดเก้าก้อนมีรัศมีแพรวพราว สายธนูถูกง้างช้าๆ คันธนูค่อยๆ เปลี่ยนรูปทรงปลดปล่อยเสียงจนได้ยินรู้สึกหูชา ลูกศรที่หนากว่าคันธนู หัวลูกศรเป็นประกายเยือกเย็น ทำให้ใครเห็นก็กลัว

ปัง!

เสียงทุ้มต่ำของสายธนูดังขึ้นรังสีแสงสามสายที่ทรงพลังพุ่งเข้าหาโล่ของตวนมู่

เมื่อได้ยินเสียง ตวนมู่รู้ว่ามันทรงพลังและเขาหลบฉากไปข้างๆ ต่อเนื่อง

ธนูสองดอกเฉียดผ่านร่างของเขาไปกระแสปราณที่กวาดตามมาด้านหลังเขาทำให้เขามึนชาขณะที่ธนูดอกสุดท้ายปะทะเข้ากับโล่ใหญ่ในมือเขา

ปัง!

โล่ใหญ่เปล่งแสงสว่างวาบ  พอเสียงดังปังก็แตกพังกระจายเป็นสิบเสี่ยงกระเด็นไปทุกทิศ

ตวนมู่คราง ง่ามนิ้วฉีกขาดมีเลือดไหลไม่หยุดแรงระเบิดมหาศาลทำให้เขากระเด็นถอยหลัง

ธนูหน้าไม้ศึก!

ในฐานมีของน่ากลัวแบบนี้เชียวหรือนี่

คุณสมบัติในการรักษาความสมดุลที่โดดเด่นของเขาถูกเร่งเร้าออกมาใช้เต็มที่ภายใต้สถานการณ์ที่ปราณแท้ของเขาควบคุมไม่ได้ดังใจ  เขายังสามารถรักษาสมดุลร่างกายไว้ได้มองดูเหมือนวิหคยักษ์บินร่อนอยู่ในอากาศ

ครืน!

เสียงดังออกมาจากพื้นที่ตวนมู่กระโดและเขาเห็นแล้วใจตกวูบทันที

กำลังวังชาทั้งหมดของเขาแข็งค้าง

บนพื้นเริ่มมีมนุษย์บรอนซ์เก้าตนออกมาจากพื้น

ครืน ครืน

พื้นข้างล่างพลิกเป็นช่องๆเหมือนกับระลอกคลื่น ในพริบตา 108 มนุษย์บรอนซ์ปรากฏออกมา ก่อตั้งกระบวนเป็นรูปสี่เหลี่ยม  ทั้งหมดมุ่งความสนใจมาที่เขา

เขามั่นใจเต็มร้อยว่าเขาคิดไม่ผิดมนุษย์บรอนซ์ทั้งหมดเงยหน้าจ้องมาทางเขา

เส้นผมบนหัวของตวนมู่ลุกชัน

เผียะ เผียะ เผียะ!

เขาพูดไม่ออกสิ้นเชิง เนื่องจากมนุษย์บรอนซ์ทั้งร้อยแปดพุ่งเข้าหาเขาพร้อมกัน

ไม่ว่าเขาจะใจเย็นเพียงไหน แต่เขารู้สึกเหมือนกับว่าผิวของเขากำลังจะระเบิด

เขามีกระบี่อีกเล่มในมือและปลดปล่อยมันออกมาเหมือนสายลม รังสีกระบี่คมใช้แรงไม่มากก็ตัดมนุษย์บรอนซ์สองตนข้างหน้าขาดเป็นสองท่อน  แต่เขาไม่ยินดีเลย พลองบรอนซ์ทางด้านซ้ายเขาส่งเสียงหวีดหวิวดัง  ขณะที่ข้างขวาก็มีหอก ดาบและกระบี่เล่มหนึ่งพุ่งเข้ามาพร้อมกัน

ปลายกระบี่ของเขากระแทกใส่พลองบรอนซ์อย่างเบาทำให้ตัวกระบี่โค้งงอมาก ชั่วเวลาต่อมามันก็ดีด เขายืมพลังดีดนี้เพิ่มความเร็วและพุ่งผ่านมนุษย์ทั้งสามทางด้านขวาของเขา  กระบี่ของเขากวาดประกายออกไปรอบหนึ่งทำให้มนุษย์บรอนซ์ทั้งสามได้รับความเสียหายหนัก

แต่พลังจากไม้เท้าบรอนซ์ก็ทำให้ปราณและเลือดลมของตวนมู่พลุกพล่านปั่นป่วนและทันใดนั้น เขาไม่มีทางปรับเปลี่ยนการเคลื่อนไหวของเขาได้

เขารู้ตัวว่าเขาไม่อาจลังเลได้แม้แต่น้อยจึงเร่งเร้าปราณแท้ในตัว แสงกระบี่ในมือของเขากระจายออก

กระบี่คำรามเหมือนกับมังกรรังสีกระบี่แพรวพราวเหมือนมังกรหมุนตัวทะยานขึ้นจากพื้น

สุดยอดวิชากระบี่โดดเด่น ร่ายมังกรฟ้า

รังสีกระบี่ที่คมกริบอย่างน่าทึ่งกวาดทุกสิ่งทุกอย่าง มนุษย์บรอนซ์มากกว่ายี่สิบรอบตัวตวนมู่ถูกทำลายพร้อมกัน

ลมหายใจของตวนมู่เริ่มไม่ปกติ วิชากระบี่สังหารถ้าใช้ในเวลาปกติก็คงไม่มีปัญหาอะไร  แต่ทันทีที่ถูกใช้อย่างต่อเนื่องไม่เพียงแต่เขาจะได้รับบาดเจ็บเท่านั้น แต่ปราณของเขาและจังหวะของเขาจะปั่นป่วนไปด้วย  การเรียกพลังมาใช้มากขนาดนั้น ทำให้เส้นชีพจรในร่างของเขามีปัญหา

“แข็งแกร่งมาก!”

เซรีนชมเชย จากนั้นจึงดีดนิ้ว

“มาเถอะ,เราจะบอกให้เขารู้ว่ายังมีแบบทะเล....”

ใบหน้าของนางฉายยิ้มที่มีเสน่ห์ริมฝีปากที่ยั่วยวนใจพูดออกมาเบาๆ

“เรียกว่าทะเลมนุษย์บรอนซ์”

เผียะ เผียะ เผียะ เผียะ!

เสียงพื้นพลิกอยู่รอบๆ ตัวตวนมู่พื้นรอบตัวพลิกเหมือนกับระลอกคลื่น

ในพริบตาตวนมู่ก็ถูกล้อมโดยกลุ่มมนุษย์บรอนซ์แน่นขนัดไปหมด  กลายเป็นโดดเดี่ยวและทำอะไรไม่ถูก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด