ตอนที่ 403 เรามีแบบทะเล....
ตวนมู่ยืนอยู่ที่เดิมกลั้นหายใจอยู่กับที่โดยไม่เคลื่อนไหวสักนิ้วเดียว
แต่เขาก็ต้องตระหนักอย่างรวดเร็วว่ามีบางอย่างผิดปกติ เพราะสิ่งที่รายล้อมนั้นมากันเงียบมาก
สัญญาณเตือนภัยในตัวเขากำลังดังเตือนหมาป่าจักรกลลาดตระเวนที่อยู่ห่างออกไปพลันหยุด พวกมันหันร่างมาพร้อมกันหมด และตาสีฟ้าของมันจ้องมาที่เขา
ซวยแล้ว!
ตวนมู่หัวใจกระดอน ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกถึงการลอบเข้ามาของเขาแล้ว
ขณะเดียวกันหมาป่าจักรกลปล่อยพลังทั้งหมดลงขาของมันวิ่งเข้ามาหาเขาด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง เห็นได้ชัดว่าเขาตกเป็นเป้าหมายแล้ว เขาเลิกซ่อนตัวและไม่มีความตั้งใจจะซ่อนตัวอีกต่อไป เขาเริ่มวิ่งเข้าหาหมาป่าจักรกล
ทันใดนั้นเขาควงทวนเงิน
ด้วยการโจมตีที่คำนวณเป็นอย่างดีทวนเงินระเบิดพลังกระจายเป็นฝนเงินก่อตัวเป็นรูปสามเหลี่ยมที่สมบูรณ์แบบกักหมาป่าจักรกลไว้ภายใน
ทวนเงินในมือของเขาก็คือทวนฝนสามเหลี่ยมสมบัติกลุ่มดาวสามเหลี่ยมแห่งฟากฟ้าเหนือ กระบวนท่าที่เขาใช้ออกก็คือวิชาสังหารฝนสามเหลี่ยม
กลุ่มของหมาป่าจักรกลวิ่งเข้าไปในฝนทวนสามเหลี่ยม
ติง ติง ติง!
เสียงแหลมใสดังเหมือนฝนกระทบเกิดประกายไฟบนหมาป่าจักรกลทุกตัว พวกมันบาดเจ็บหนักตลอดทั้งร่างสั่นและปลิวกระเด็นไปหมด
หมาป่าจักรกลสองตัวระเบิดกลางอากาศหลังจากได้รับบาดเจ็บ
หมาป่าที่เหลือบินกลับมาและโจมตีอย่างหนักสุดกำลังของพวกมัน
ตวนมู่อารมณ์เสียทันที เขาใช้วิชาสังหารทันทีคิดจากฆ่าหมาป่าจักรกลกลุ่มเล็ก ใครจะคิดกันเล่าว่าเขาสามารถฆ่าได้เพียงสองตัว ผลเช่นนี้นับว่าเกินกว่าที่เขาคาดไว้
หมาป่าจักรกลมีความยืดหยุ่นมากกว่าที่เขาคิด พวกมันสามารถอดทนกับพลังโจมตีระดับนั้นได้!
คาดว่าเป็นฝีมือของวิศวจักรกลระดับปรมาจารย์!
ตวนมู่รู้ว่าคงไม่ดีแน่ถ้าจะเดินหน้าต่อไป เขาไม่มีอารมณ์สู้ต่อ หลังจากถอยออกมาจากหมาป่าจักรกล เขาหมุนตัวและร่อนขึ้นไปบนกำแพงค่าย
ภาพที่อยู่ต่อหน้าเขาทำให้ม่านตาของเขาหรี่แคบ ภาพต่อหน้าก็คือร่มบรอนซ์แน่นขนัด
ฮ่าห์...
เสียงช่างเครื่องดัง ขณะที่ร่มบรอนซ์เริ่มหมุนปั่นด้วยความเร็วสูง
ซี่ ซี่ ซี่!
ด้ายนับไม่ถ้วนยิงออกมาจากแก่นกลางของร่มบรอนซ์พุ่งเข้าหาเขา ในพริบตาด้ายนั้นก็ผสานตัวเป็นใยแมงมุม
จากนั้นตวนมู่ถึงได้ตระหนักว่าคู่ต่อสู้รู้สึกถึงตัวเขานานแล้ว ร่มบรอนซ์ลอยออกไปดักทางหลบหนีของเขา เขาหาไม่เจอว่าฝ่ายตรงข้ามพบตัวเขาได้อย่างไร แต่ไม่ใช่เวลาจะมาคิดถึงเรื่องเช่นนั้น
ร่างของเขาหมุนคว้างในกลางอากาศในมุมแปลกแนบกับขอบนอกกำแพง ต้องการจะไถลลง ขณะนั้นม่านตาของเขาก็ต้องหรี่แคบอีกครั้ง
ที่ด้านล่างกำแพงค่าย มีสายน้ำสีดำสนิท
พลังสายตาของเขาแข็งแกร่งมากและแม้อยู่ในความมืดเขาก็สามารถมองเห็นได้ดีเช่นกัน แม้แต่จิตใจที่แข็งแกร่งและอดทนของเขา ก็ยังอดขนลุกมิได้ แม่น้ำที่อยู่ใต้เขาก็คือกรรไกรแน่นขนัดเกินกว่าหมื่นเล่ม
ทั้งหมดมีขนาดฝ่ามือเดี๋ยวกางเดี๋ยวหุบได้ยินเสียงฉับๆและเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว พวกมันเหมือนกลุ่มหนอนหิวโหยที่ทุรนทุราย
แย่จริง!
ตวนมู่ระบายลมหายใจ แต่ปฏิกิริยาสนองตอบของเขารวดเร็ว เขารวบรวมปราณแท้ไว้ในทวนเงิน ฉึกเขาปักทวนเงินเข้าไปในกำแพงอย่างง่ายดาย และร่างเขาหยุดอยู่กับที่
กรรไกรกลสองสามร้อยเริ่มกระโดด เสียงดังฉับฉับอยู่ใกล้หูของเขา กรรไกรทำให้ปราณไหลออกมันเข้าใกล้ห่างเท้าของเขาไปครึ่งเมตรเท่านั้น
ตวนมู่เหมือนกับวานรที่คล่องแคล่ว เขาเหวี่ยงร่างตนเองไปตามกำแพงค่ายครั้งแล้วครั้งเล่า
ควั่บ ควั่บ ควั่บ
หมาป่าจักรกลยิงพลังโจมตีใส่อย่างน่าตื่นเต้น รังสีดาบเสี้ยวปรากฏอยู่ต่อหน้าเขาทันที
ตวนมู่ไม่สนใจทุกอย่างใช้กำลังเท้าพาตัวเองพุ่งตรงเข้าไปในค่ายเหมือนกับลูกธนู
ปัง!
เกิดแรงระเบิดที่รุนแรงที่กำแพงค่าย แต่ที่สะเก็ดระเบิดจะกระเด็นออกไปทั้งหมดกลับถูกห่อผนึกไว้ด้วยใยด้าย ตำแหน่งตรงกำแพงนั้นถูกหุ้มไว้ด้วยใย ถ้าตวนมู่ยังคงกลัวได้รับอาการบาดเจ็บ ถ้าเขาช้าไปเพียงครึ่งก้าว เขาจะถูกห่อเหมือนกับห่อข้าวแน่นอน
ที่สำคัญคือรังร่มกระจายตัวอยู่ด้านนอกกำแพงภายในยังปลอดภัยมากกว่า
ตวนมู่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามต้องการป้องกันไม่ให้เขาหลบหนีซึ่งแสดงให้เห็นว่าฝ่ายตรงข้ามเต็มไปด้วยความมั่นใจและเตรียมการรับมือเขา ถ้าเป็นนักสู้อื่น พวกเขาอาจตกอยู่ในความยุ่งยากครั้งใหญ่ แต่สำหรับตวนมู่ยังคงใจเย็นไม่ตื่นกลัว
การเตรียมตัวอย่างแน่นหนาของฝ่ายตรงข้ามทำให้พวกเขารู้สึกภูมิใจ แต่สำหรับเขา มันคือโอกาส
ตวนมู่ควบคุมตนเองอยู่ในอากาศปลดปล่อยพลังปราณแท้ เขาเป็นเหมือนใบไม้ล่องลอยอย่างนุ่มนวลในอากาศ
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
บางอย่างที่แหลมคมเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วฝ่าอากาศมาจากทุกทิศตำแหน่ง ฝนธนูถูกยิงออกมาจากทุกทิศ ไม่มีพื้นที่ที่มองข้าม
ตวนมู่สูดหายใจลึก และควงทวนเงินเหมือนโล่ใหญ่ทันที
กลุ่มของโล่ที่น่าทึ่งตั้งตระหง่านสูงสามเมตรและกว้างเกินกว่าเมตรครึ่งมีขนาดหนาใหญ่กว่าตัวของตวนมู่มาก
โล่กระทิงป่า อาวุธเงินจากกลุ่มดาวโล่
พลังดวงดาวจากโล่ทะลักเข้าไปในแขนของเขาทำให้แขนของเขาบวมและยืดขยายออก เขาระบายลมหายใจและเหวี่ยงโล่หนักเหมือนกับกังหันลมที่กำลังหมุน
นั่นคือวิทยายุทธโล่ที่มีชื่อเสีง โล่กังหัน
เผียะ เผียะ เผียะ
ธนูบรอนซ์ที่ยิงออกมาจากฟ้าร่วงลงทันทีและยิงกระทบตำแหน่งสุ่มๆ และแตกเหมือนสายฝน
“แข็งแกร่งมาก” ตาของม่อจื่อหวีแทบถลนขณะมองดูเขาเอามือทาบอกด้วยความกลัว “โอวดุร้ายและรุนแรงจริงๆ โชคดีที่เรามีพี่ใหญ่หญิงคอยกดดันเขา มา มา มาเลยทุกคนวางเดิมพันกัน ภาพตื่นเต้นแบบนี้ ถ้าไม่มีพนันก็น่าเสียดาย”
ตั้งแต่เขาได้เป็นหัวหน้าหน่วยบุคลิกของเขากลายเป็นกระตือรือร้นมากขึ้น เหมือนกับว่าเขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน แต่เขาไม่มีทางเลือกหน่วยของเขามีคนเจ้าเล่ห์หลายคน ถ้าเขาไม่กลายเป็นแบบพวกเขา ก็จะไม่มีใครฟังเขา เขาไม่เหมือนกับม่ออู๋เว่ยที่มีชื่อเสียงระดับสูงดังนั้นเขาจึงลดตัวและกลายเป็นที่คุ้นเคยกับคนในหน่วยที่หนึ่ง
เขาต้องฝืนตัวเองเพื่อเรียนรู้การฝึกแย่ๆของพวกจิ้งจอกเฒ่า
นัยน์ตาของพวกที่เหลือเป็นประกาย หนึ่งในนักเรียนถามอย่างตื่นเต้น “พี่ใหญ่จะพนันว่าชนะหรือแพ้?”
“เฮ่ย..ใช้สมองบ้างไม่ได้หรือไง?”ม่อจื่อหวีกลอกตาไปมา “แน่นอนว่าข้าพนันว่าเขาคงสามารถทนอยู่ได้สักสองสามยกภายใต้แรงแค้นของพี่ใหญ่หญิง! พี่ใหญ่หญิงโกรธแค้นขึ้นมาละก็,ใครจะรับมือนางได้?”
“พี่ใหญ่,ตาของท่านแทบมีไฟพวยพุ่งออกมาแล้ว!”
“เจ้ากำลังชมว่าตาข้าโตเหรอ?” ม่อจื่อหวีกระพริบตาตี่ของเขาและถาม
“ข้าพนันว่าสิบยก!” นักเรียนคนหนึ่งเปลี่ยนหัวข้อทันที
“ข้าว่าเจ็ด!”
“เอ่อ...ตาของข้าโตจริงๆ เหรอ?”
…..
“แข็งแกร่ง!” ม่ออู๋เว่ยและกลุ่มของเขาตั้งใจมองดูกล้องบันทึกอยู่ทั้งวัน
“เราจะต้องเข้าไปช่วยพวกมันไหม?” นักเรียนคนหนึ่งถามอย่างสุภาพ
ม่ออู๋เว่ยหันหน้าด้วยท่าทางแข็งๆ แบบหุ่นยนต์ และถามอย่างเฉื่อยชา “เจ้าอยากย้ายกลุ่มงั้นเหรอ?”
เด็กนักเรียนคนนั้นหน้าซีดเพราะกลัวหัวหน้าหน่วย“ข้า ข้า ข้า...”
ม่ออู๋เว่ยหันหน้ากลับไปด้วยท่าทางแบบหุ่นยนต์อีกครั้ง หลังจากนั้นชั่วครู่ เขาลูบคางและพึมพำ “เราจะจบภารกิจกับพวกมันได้ยังไง?”
เมื่อได้ยินว่าหัวหน้าหน่วยของเขาไม่มีรังสีอำมหิตแฝงอยู่ในคำพูดของเขาคนของเขาทุกคนยังคงเงียบอย่างเชื่อฟังต่อไป
“ดูเหมือนว่ามีแต่เพียงข้าที่สามารถเก็บกวาดความยุ่งเหยิงนี้ได้” ม่ออู๋เว่ยลูบคางพึมพำ จากนั้นพูดต่อโดยไม่หันหน้ามา “ทุกคน..เตรียมพร้อมสู้!”
สหายของเขาทั้งหมดมึนงงกันหมด แต่ไม่กล้าเถียง ทุกคนตอบอย่างขึงขัง “ขอรับ!”
เมื่อเห็นว่าตวนมู่แข็งแกร่งมากเพียงไหน เซรีนไม่ได้โกรธ แต่กลับรู้สึกตื่นเต้นแทน ตาของนางเป็นประกายวิบวับขาข้างหนึ่งยังพาดอยู่เก้าอี้ นางยังคงตะโกนต่อไป “ธนูจอมพลอยู่ไหน? โอว โอว โอว! เราต้องให้เขาได้ลองกับธนูจอมพลของเรา!”
ธนูจอมพลคือหน้าไม้จักรกลขนาดใหญ่สร้างมาเพื่อไว้ประจำฐานมีพลังทำลายล้างสูง ข้อเสียประการเดียวคือใช้เวลาเตรียมการนาน และผลจากการยิงก็ช้า
แก็ก แก็ก แก็ก!
ธนูจอมพลมีขนาดใหญ่ฝังไว้ด้วยหินดวงดาวระดับเจ็ดเก้าก้อนมีรัศมีแพรวพราว สายธนูถูกง้างช้าๆ คันธนูค่อยๆ เปลี่ยนรูปทรงปลดปล่อยเสียงจนได้ยินรู้สึกหูชา ลูกศรที่หนากว่าคันธนู หัวลูกศรเป็นประกายเยือกเย็น ทำให้ใครเห็นก็กลัว
ปัง!
เสียงทุ้มต่ำของสายธนูดังขึ้นรังสีแสงสามสายที่ทรงพลังพุ่งเข้าหาโล่ของตวนมู่
เมื่อได้ยินเสียง ตวนมู่รู้ว่ามันทรงพลังและเขาหลบฉากไปข้างๆ ต่อเนื่อง
ธนูสองดอกเฉียดผ่านร่างของเขาไปกระแสปราณที่กวาดตามมาด้านหลังเขาทำให้เขามึนชาขณะที่ธนูดอกสุดท้ายปะทะเข้ากับโล่ใหญ่ในมือเขา
ปัง!
โล่ใหญ่เปล่งแสงสว่างวาบ พอเสียงดังปังก็แตกพังกระจายเป็นสิบเสี่ยงกระเด็นไปทุกทิศ
ตวนมู่คราง ง่ามนิ้วฉีกขาดมีเลือดไหลไม่หยุดแรงระเบิดมหาศาลทำให้เขากระเด็นถอยหลัง
ธนูหน้าไม้ศึก!
ในฐานมีของน่ากลัวแบบนี้เชียวหรือนี่
คุณสมบัติในการรักษาความสมดุลที่โดดเด่นของเขาถูกเร่งเร้าออกมาใช้เต็มที่ภายใต้สถานการณ์ที่ปราณแท้ของเขาควบคุมไม่ได้ดังใจ เขายังสามารถรักษาสมดุลร่างกายไว้ได้มองดูเหมือนวิหคยักษ์บินร่อนอยู่ในอากาศ
ครืน!
เสียงดังออกมาจากพื้นที่ตวนมู่กระโดและเขาเห็นแล้วใจตกวูบทันที
กำลังวังชาทั้งหมดของเขาแข็งค้าง
บนพื้นเริ่มมีมนุษย์บรอนซ์เก้าตนออกมาจากพื้น
ครืน ครืน
พื้นข้างล่างพลิกเป็นช่องๆเหมือนกับระลอกคลื่น ในพริบตา 108 มนุษย์บรอนซ์ปรากฏออกมา ก่อตั้งกระบวนเป็นรูปสี่เหลี่ยม ทั้งหมดมุ่งความสนใจมาที่เขา
เขามั่นใจเต็มร้อยว่าเขาคิดไม่ผิดมนุษย์บรอนซ์ทั้งหมดเงยหน้าจ้องมาทางเขา
เส้นผมบนหัวของตวนมู่ลุกชัน
เผียะ เผียะ เผียะ!
เขาพูดไม่ออกสิ้นเชิง เนื่องจากมนุษย์บรอนซ์ทั้งร้อยแปดพุ่งเข้าหาเขาพร้อมกัน
ไม่ว่าเขาจะใจเย็นเพียงไหน แต่เขารู้สึกเหมือนกับว่าผิวของเขากำลังจะระเบิด
เขามีกระบี่อีกเล่มในมือและปลดปล่อยมันออกมาเหมือนสายลม รังสีกระบี่คมใช้แรงไม่มากก็ตัดมนุษย์บรอนซ์สองตนข้างหน้าขาดเป็นสองท่อน แต่เขาไม่ยินดีเลย พลองบรอนซ์ทางด้านซ้ายเขาส่งเสียงหวีดหวิวดัง ขณะที่ข้างขวาก็มีหอก ดาบและกระบี่เล่มหนึ่งพุ่งเข้ามาพร้อมกัน
ปลายกระบี่ของเขากระแทกใส่พลองบรอนซ์อย่างเบาทำให้ตัวกระบี่โค้งงอมาก ชั่วเวลาต่อมามันก็ดีด เขายืมพลังดีดนี้เพิ่มความเร็วและพุ่งผ่านมนุษย์ทั้งสามทางด้านขวาของเขา กระบี่ของเขากวาดประกายออกไปรอบหนึ่งทำให้มนุษย์บรอนซ์ทั้งสามได้รับความเสียหายหนัก
แต่พลังจากไม้เท้าบรอนซ์ก็ทำให้ปราณและเลือดลมของตวนมู่พลุกพล่านปั่นป่วนและทันใดนั้น เขาไม่มีทางปรับเปลี่ยนการเคลื่อนไหวของเขาได้
เขารู้ตัวว่าเขาไม่อาจลังเลได้แม้แต่น้อยจึงเร่งเร้าปราณแท้ในตัว แสงกระบี่ในมือของเขากระจายออก
กระบี่คำรามเหมือนกับมังกรรังสีกระบี่แพรวพราวเหมือนมังกรหมุนตัวทะยานขึ้นจากพื้น
สุดยอดวิชากระบี่โดดเด่น ร่ายมังกรฟ้า
รังสีกระบี่ที่คมกริบอย่างน่าทึ่งกวาดทุกสิ่งทุกอย่าง มนุษย์บรอนซ์มากกว่ายี่สิบรอบตัวตวนมู่ถูกทำลายพร้อมกัน
ลมหายใจของตวนมู่เริ่มไม่ปกติ วิชากระบี่สังหารถ้าใช้ในเวลาปกติก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่ทันทีที่ถูกใช้อย่างต่อเนื่องไม่เพียงแต่เขาจะได้รับบาดเจ็บเท่านั้น แต่ปราณของเขาและจังหวะของเขาจะปั่นป่วนไปด้วย การเรียกพลังมาใช้มากขนาดนั้น ทำให้เส้นชีพจรในร่างของเขามีปัญหา
“แข็งแกร่งมาก!”
เซรีนชมเชย จากนั้นจึงดีดนิ้ว
“มาเถอะ,เราจะบอกให้เขารู้ว่ายังมีแบบทะเล....”
ใบหน้าของนางฉายยิ้มที่มีเสน่ห์ริมฝีปากที่ยั่วยวนใจพูดออกมาเบาๆ
“เรียกว่าทะเลมนุษย์บรอนซ์”
เผียะ เผียะ เผียะ เผียะ!
เสียงพื้นพลิกอยู่รอบๆ ตัวตวนมู่พื้นรอบตัวพลิกเหมือนกับระลอกคลื่น
ในพริบตาตวนมู่ก็ถูกล้อมโดยกลุ่มมนุษย์บรอนซ์แน่นขนัดไปหมด กลายเป็นโดดเดี่ยวและทำอะไรไม่ถูก