ตอนที่แล้วตอนที่ 400 - สู้เขา เด็กๆ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 402 - เจ้ามีสมบัติอะไรบ้าง?

ตอนที่ 401 - เป่ายิงฉุบ


จ้าวไฟนรกโกรธขณะที่เขาเอื้อมมือยักษ์ไปจับและฉุดลากฮุยไท่หลางลงมาในทะเลสาบลาวา

ไม่ว่าสัตว์อสูรใดๆ ที่มีร่างกายหยาบก็ไม่สามารถต่อสู้ในพื้นที่ซึ่งได้เปรียบทางภูมิศาสตร์อย่างตำหนักไฟได้

ในสภาพที่ตำแหน่งและโอกาสที่ได้เปรียบเกิดขึ้นในการต่อสู้ของสัตว์อสูร อาจเปลี่ยนบทบาทและผลการต่อสู้ก็ได้ ตัวอย่างเช่น ต่อให้เป็นแมมมอธทอง อสูรทองระดับสิบอาจจะมีความอึดอยู่ยงคงกระพันระหว่างต่อสู้ มันก็อาจตายได้ในทันทีเมื่อตกลงมาจากที่สูง 2-3 พันเมตร หรือจะยกตัวอย่างจ้าวเพลิงนรกที่ทรงพลัง ถ้ามันตกลงไปในทะเล มันอาจตายก่อนจะได้สู้และกลายเป็นหินแตกหักพังก็เป็นได้ หรือการจะเอาชนะกองทัพผีที่ทนทานต่อการโจมตีทุกอย่าง เพียงแค่ฉายรังสีพระอาทิตย์ก็อาจฆ่าพวกมันตายได้ทั้งหมด

กรณีเช่นนี้มีอยู่นับไม่ถ้วน

แน่นอนว่า ฮุยไท่หลางก็ไม่ยินดีจะอาบลาวาในทะเลสาบลาวาแน่

ขณะที่ฮุยไท่หลางกระพือปีกของมันเพื่อต้านแรงฉุดดึงของจ้าวเพลิงนรก มันใช้เคียวเพลิงที่ได้รับมาใหม่ฟันใส่ศีรษะของจ้าวเพลิงนรกไม่หยุดยั้ง

ประกายไฟและหินแตกหักปลิวกระเด็นไปทุกที่ พลังของอาวุธระดับทองไม่มีผลต่อร่างของจ้าวเพลิงนรกซึ่งทำด้วยหิน พลังกระพือปีกของฮุยไท่หลางย่อมเล็กน้อยแน่นอนเมื่อเทียบกับพลังแขนยักษ์ของจ้าวเพลิงนรก

หลังจากดิ้นรนอยู่ไม่กี่นาที ฮุยไท่หลางก็ถูกลากลงไปทะเลสาบลาวา มันดิ้นรนสู้ด้วยกรงเล็บของมันสุดกำลัง แต่ก็ไม่มีประโยชน์

เย่ว์หยางมองดูอยู่เงียบๆ แต่ไม่ได้พยายามจะหยุดยั้งเหตุการณ์นี้

แม่ทัพปีศาจเพลิง 2-3 ตนและอสูรไฟเข้ามาช่วยแต่ไกล พวกมันรู้วิธีต่อสู้ระยะห่าง โดยใช้วิธีพ่นลาวาและยิงบอลไฟใส่เย่ว์หยาง แต่แน่นอนว่าทั้งหมดนั้นไร้ความหมาย แม้ว่าเย่ว์หยางจะถูกจำกัดพลัง แต่เขาก็ยังคงมีทักษะและความแข็งแกร่ง เขาไม่สนใจการโจมตีที่ไม่อาจสร้างความเจ็บปวดได้เลยแม้แต่น้อย

เมื่อเย่ว์หยางอยู่ในกลางอากาศ เขาสามารถหลบลาวาและบอลเพลิงโดยโยกตัวหลบเล็กน้อยเท่านั้น

เมื่อภูตควันไฟเห็นฮุยไท่หลางถูกลากลงไปในทะเลสาบลาวา นางโกรธ และปล่อยพายุหมุนที่รุนแรงที่เกือบจะยกร่างจ้าวเพลิงนรกขึ้นไปในอากาศได้

จ้าวเพลิงนรกเกาะแนวโขดหินแดงยักษ์ตรงขอบทะเลสาบลาวาอย่างทุลักทุเล พยายามจะยึดตัวเองไว้ในท่ามกลางพายุหมุนรุนแรง

ถ้าไม่ใช่เพราะมันมีน้ำหนักหลายร้อยตัน มันคงถูกพายุหมุนดูดขึ้นไปแล้ว

ลาวาจำนวนมหาศาลถูกพายุหมุนรุนแรงดูดขึ้นไปในอากาศและกระเด็นไปทั่วทิศก่อให้เกิดฝนลาวา

ปีศาจเพลิงที่อยู่ใกล้เกินไปและหนีไม่ทันก็ถูกดูดขึ้นไปในอากาศทันที ร่างของพวกมันแตกหักสลายอยู่ในใจกลางของพายุหมุนที่วนเป็นรูปดาบเกลียวที่คมกริบ ทำให้พวกมันตายอย่างทรมาน

มีโขดหินแดงใหญ่อยู่ในระยะห่าง

และมีบอลเพลิงลูกหนึ่งถูกลาวาปกคลุมอยู่เต็มตัว และดูคล้ายสุนัขที่ตกลงไปในน้ำ จากนั้นมันก็สลัดตัวทั้งตัว

หลังจากผ่านไปสักระยะ ลาวาก็หลุดออกจากตัวของมันเผยให้เห็นตัวของฮุยไท่หลาง ทะเลสาบลาวาไม่สามารถฆ่าฮุยไท่หลางผู้ได้ครอบครองร่างอมตะ แต่ก็ทำให้ฮุยไท่หลางลำบาก ขณะที่มันกำลังจามอยู่ จ้าวเพลิงนรกก็พุ่งเข้าใส่ฮุยไท่หลาง พร้อมกับยื่นมือยักษ์ออกมาเตรียมจะลากฮุยไท่หลางลงทะเลสาบลาวาอีก แต่ลูกไม้เดิมไม่สามารถใช้กับฮุยไท่หลางเป็นครั้งที่สองได้ ฮุยไท่หลางแปลงกายเป็นร่างเพลิง ดังนั้นจ้าวเพลิงนรกจึงไม่สามารถจับยึดตัวฮุยไท่หลางได้แม้แต่น้อย นิ้วมือของเขาผ่านทะลุตัวฮุยไท่หลางไป ฮุยไท่หลางร่างเพลิงเปล่งเสียงด้วยความภูมิใจ “เมี้ยวววว”

ความหมายตามภาษาของมันก็คือ “ลูกไม้ตื้นๆ แบบนี้, ล้าสมัยแล้ว”

แต่น่าเสียดาย ต่อให้เป็นแมวก็คงไม่เข้าใจว่ามันพูดอะไร

จ้าวเพลิงนรกเหวี่ยงหมัดที่แข็งแกร่งกระแทกใส่หินใต้เท้าฮุยไท่หลางจนแหลกเป็นชิ้น แต่ฮุยไท่หลางร่างเพลิงลอยตัวขึ้นในอากาศ ไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด

หางยาวโค้งของมันเป็นรูปเคียวเพลิงระดมฟันใส่จ้าวเพลิงนรกจนเกิดเสียงดังติงตังเป็นผลให้เกิดรอยขีดข่วนไม่กี่รอยบนร่างของจ้าวเพลิงนรก เคียวนั้นไม่สามารถทำอันตรายเขาได้

สถานการณ์ทางฝ่ายฮุยไท่หลางก็ไม่สามารถทำอะไรเจ้าเพลิงนรกได้ และในทางกลับกัน

พวกมันอยู่ในลักษณะยันกันชั่วคราว

ฮุยไท่หลางได้เปรียบเล็กน้อย เพราะมันยังมีโอกาสเอาชนะจ้าวเพลิงนรกได้ ตราบเท่าที่มันหาวิธีพบ แต่จ้าวเพลิงนรกไม่สามารถเอาชนะฮุยไท่หลางร่างไฟได้แน่นอน

ในอีกด้านหนึ่ง ภูตควันไฟไล่ต้อนนางมารเพลิงวิญญาณซึ่งมีระดับสูงกว่าอย่างน่ากลัว

นางมารเพลิงวิญญาณได้รับบาดเจ็บไปซ่อนตัวอยู่ในทะเลสาบลาวา แต่ภูตควันไฟมีพลังจะเข้าไปในทะเลสาบลาวาได้ นางชอบอาศัยอยู่ในภูเขาไฟอยู่แล้ว ทั้งสองต่อสู้กันอย่างยากลำบาก และแม้ว่านางมารเพลิงวิญญาณจะมีระดับที่สูงกว่าภูตควันไฟ แต่การโจมตีใส่ภูตควันไฟของนางนั้นไร้ประโยชน์ ในทางตรงกันข้าม เพลิงอมฤตและพลังไฟฟ้าของภูตควันไฟสามารถทำร้ายนางมารเพลิงวิญญาณได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพลิงอมฤตที่ทำให้นางมารเพลิงวิญญาณหวาดกลัว

ทั้งสองไล่กวดกันไปรอบๆ และพริบตาเดียว พวกนางก็ออกไปจากพื้นที่ใจกลาง

พอเห็นว่าเย่ว์หยางไม่ห้ามนาง ภูตควันไฟก็ไล่ตามนางมารเพลิงวิญญาณทันทีและตั้งใจว่าจะกินไฟของนางให้หมด

จ้าวเพลิงนรกก็ถูกฮุยไท่หลางเล่นงานหนักหน่วง เมื่อใดก็ตามที่มีโอกาส ฮุยไท่หลางก็จะบินขึ้นไปในอากาศและแปลงร่างเป็นดาวตกพุ่งกระแทกใส่จ้าวเพลิงนรกทำให้องครักษ์พิทักษ์ตำหนักไฟที่แข็งแกร่งที่สุดปวดเศียรเวียนเกล้าเป็นอย่างมาก ในที่สุดจ้าวเพลิงนรกตัดสินใจซ่อนตัวอยู่ในทะเลสาบลาวาหลบหนีฮุยไท่หลางชั่วคราว

แม้ว่านี่จะเป็นเรื่องเสื่อมเสียเกียรติของมัน แต่ก็ยังดีกว่าโดนฝ่ายตรงข้ามเล่นงานโดยโต้ตอบอะไรมิได้

พอเห็นจ้าวเพลิงนรกถอนตัว ฮุยไท่หลางโกรธ

ถ้ามันไม่สามารถเอาชนะการต่อสู้ได้ อย่างนั้นมันก็ควรยอมรับความพ่ายแพ้และมอบสมบัติให้ฮุยไท่หลางด้วยความเต็มใจ ทำไมมันจึงต้องทำตัวเหมือนนกกระจอกเทศด้วยเล่า?

ตอนนี้ฮุยไท่หลางโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแล้ว

พอเห็นว่าแม่ทัพปีศาจเพลิงและอสูรเพลิงยืนล้อมอยู่รอบๆ มองดูเหมือนไม่เห็น ฮุยไท่หลางหันไปฆ่าอสูรเล็กอสูรน้อยตายหมด แม้ว่าฮุยไท่หลางจะไม่สามารถฆ่าเจ้าตัวใหญ่ได้ แต่ฆ่าตัวเล็กตัวน้อยได้ก็ยังดี ยกเว้นแม่ทัพปีศาจเพลิง ปีศาจที่เหลือถูกฮุยไท่หลางฆ่าตายทันที

ปีศาจเพลิงและอสูรเพลิงทั้งหมดแตกกระจัดกระจายและอสูรสายธาตุไฟทั้งหมดลำลงไปซ่อนตัวอยู่ก้นทะเลสาบลาวา ไม่ว่าฮุยไท่หลางจะฆ่าสหายมันอย่างไร พวกมันก็ไม่ยอมโผล่ขึ้นมาอีก

ฮุยไท่หลางเชิดหัวและหอนด้วยความรู้สึกหดหู่

แม้ว่ามันจะไม่กลัวความร้อนของทะเลสาบลาวา แต่ฮุยไท่หลางก็ไม่สามารถจับศัตรูได้ ถ้ามันต้องดำลงไป

พลังของสัตว์ประหลาดไฟอาจจะอ่อนแอก็จริง แต่ในทะเลสาบลาวา พวกมันจะคล่องแคล่วกว่าปลาและกุ้งเสียอีก ฮุยไท่หลางไล่ตามเป็นเวลานานก็คงไม่ได้อะไร

“ฮ่าๆๆ..เจ้าโง่เอ๊ย” พอเห็นมัน เย่ว์หยางหัวเราะก๊าก แต่เขาไม่ได้แนะนำฮุยไท่หลางให้สู้ต่อไปแต่อย่างใด เหมือนกับว่าเขาต้องการให้ฮุยไท่หลางคิดด้วยตัวเอง

“อะฮู้ววววว..” พอรู้ว่าเจ้านายมันไม่ยินดีช่วย ฮุยไท่หลางกลอกนัยน์ตาและกางปีกเพลิงโอบล้อมไปด้านหลังจู่โจมนางมารเพลิงวิญญาณ มันมั่นใจพอว่านี่คือวิธีที่ดีที่สุด พอเห็นฮุยไท่หลางมาถึง นางมารเพลิงวิญญาณยิ่งหวาดกลัวมากขึ้น ถึงกับหนีไม่คิดชีวิต ถ้านางกลับไปยังที่ๆ จ้าวเพลิงนรกอยู่ นางสามารถใช้ประโยชน์จากขนาดที่ยิ่งใหญ่ของเขาให้ช่วยบดบังตัวนางได้ และหวังเต็มเปี่ยมว่านางจะสามารถสู้ต่อไปได้

การตัดสินใจครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของหายนะของนางมารเพลิงวิญญาณ

พลังของนางอ่อนแอกว่าฮุยไท่หลางและช้ากว่าในเรื่องของความเร็ว สติปัญญาของนาก็ยังห่างจากฮุยไท่หลางอีกมาก พลังเพียงอย่างเดียวที่มีก็คือซ่อนตัวในทะเลสาบลาวาจนกว่าพลังจะฟื้น

แต่พลังนี้กลับไร้ประโยชน์ เพราะการปรากฏตัวของภูตควันไฟ

ในทะเลสาบลาวา ภูตควันไฟยังแข็งแกร่งกว่านางมารเพลิงวิญญาณ นางสามารถดูดกลืนพลังไฟบริสุทธิ์ได้หมดจากร่างของนางมารเพลิงวิญญาณได้โดยตรง

ภายในหนึ่งนาทีหลังจากการต่อสู้เริ่ม นางมารเพลิงวิญญาณก็ถูกฮุยไท่หลางเล่นงาน ขณะที่นางมึนงงจากการโดนโจมตี ฮุยไท่หลางเหวี่ยงนางกระแทกผนังหินฝังลึกลงไปในผนังหิน ภูตควันไฟตามติดเข้าไปทันทีและดูดกลืนพลังไฟทั้งหมดอย่างบ้าคลั่ง นางมารเพลิงวิญญาณต้องการดิ้นรน แต่เนื่องจากฮุยไท่หลางกดร่างนางไว้ด้วยพลังของมันทั้งหมด ทำให้ภูตควันไฟสูบเอาพลังทั้งหมดของนางออกมา และในที่สุด แม้แต่ผนึกไฟก็ถูกดูดออกมาด้วย และมันถูกกลั่นด้วยเพลิงอมฤตทันที

หลังจากดูดกลืนพลังไฟและกินผลึกไฟแล้ว รัศมีทองก็เปล่งออกจากร่างของภูตควันไฟ

เพลิงลุกท่วมถึงท้องฟ้า

ควันหนาลอยตัวขึ้นไปในอากาศเหมือนกับภูเขาไฟระเบิด และควันเริ่มหนาเต็มพื้นที่ตำหนักเพลิง

มีฟ้าร้องฟ้าแล่บอยู่ในท่ามกลางควันหนาทึบที่บดบังแสงและเสียงไว้ทั้งหมด

หลังจากดูดกลืนพลังงานในร่างของนางมารเพลิงวิญญาณแล้ว ภูตควันไฟก็เริ่มมีวิวัฒนาการเปลี่ยนเป็นร่างใหม่ รูปใหม่ของนางใกล้เคียงร่างมนุษย์ ขณะที่นิ้วทั้งสิบของนางชัดเจนขึ้นและเท้าก็มองเห็นเป็นรูปร่าง แม้ว่าจะยังไม่ใกล้เคียงกับสิ่งมีชีวิตทีเดียวเพราะบางทีก็ชัด บางทีก็เลือนหาย แต่อย่างน้อยก็มีการพัฒนาการคุณสมบัติใหม่ อาจกล่าวได้ว่าเหมือนเป็นการเกิดใหม่ เพราะถ้าไม่คำนึงถึงภายในร่างหยาบของนาง ถือว่านางมีลักษณะหลายอย่างที่คล้ายมนุษย์ แน่นอนว่าคุณลักษณะเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นมาด้วยพลังเพลิง เป็นแค่เพียงลักษณะที่เหมือนมนุษย์เท่านั้น

ผลึกไฟของนางมารเพลิงวิญญาณถูกกลั่นและค่อยๆ กลายเป็นรูปหัวใจ

มันแตกต่างจากหัวใจมนุษย์ คล้ายกับว่าเป็นลูกบอลเพลิงที่ได้รับการหลอมขึ้นรูปด้วยอุณหภูมิเป็นพันองศา

คัมภีร์อัญเชิญของเย่ว์หยางปรากฏขึ้นมาและพลิกเปลี่ยนหน้าได้เอง ตอนนี้ภูตควันไฟเปลี่ยนลักษณะสภาพไปแล้ว แต่ยังไม่ถึงกับยกระดับ เพียงแต่วิวัฒนาการไปเป็นภูตเพลิงปฐพี

“ดูเหมือนนี่เป็นการเริ่มต้นวิวัฒนาการของนาง” เย่ว์หยางจำได้ว่านางเป็นภูตหมอกเพลิงในตอนแรก จากนางก็กลายเป็นภูตควันไฟ และในตอนนี้นางดูดกลืนแก่นพลังงานไฟ นางจึงกลายเป็นภูตเพลิงปฐพี เป็นไปได้ไหมว่านางจะกลายเป็นภูตเพลิงสวรรค์ในอนาคต? หรืออาจกลายเป็นภูตเพลิงอมฤต?

วิวัฒนาการในอนาคตของนางไม่อาจคาดเดาได้ แต่เย่ว์หยางคาดการณ์ว่าภูตเพลิงปฐพีจะวิวัฒนาการในอนาคต

ในช่วงเวลาสั้นๆ การวิวัฒนาการเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน

ไม่ว่าอสูรจะมีวิวัฒนาการไปทางใด ตราบเท่าที่มันสามารถวิวัฒนาการได้ นั่นนับว่าเป็นเรื่องดี

ตอนนี้ ควันหนาทึบได้เปลี่ยนเป็นผมดำสลวยเป็นประกาย ขณะที่เพลิงที่ลุกโหมเปลี่ยนเป็นร่างกายของนาง พายุหมุนกลายเป็นพาหนะและพลังไฟฟ้ากลายเป็นอาวุธของนาง ด้วยการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ เป็นจุดเริ่มต้นของความทุกข์ทรมานของจ้าวเพลิงนรก อย่างไรก็ตาม ภูตเพลิงปฐพียังคงห่างไกลจากรูปทรงมนุษย์ ผมดำของนางยังมองเห็นได้ไม่ชัดนัก พายุหมุนของนางก็ยังไม่คล้ายพาหนะ มันยังคงมีรูปร่างเป็นเกลียว พลังไฟฟ้าของนางก็ยังไม่มีรูปที่คงที่และยังกระพริบริบหรี่อยู่บนแขนนาง แต่ถึงอย่างนั้น เย่ว์หยางก็มีความยินดี

วิวัฒนาการใดๆ ไม่สำคัญมากเท่ากับการเติบโตทางปัญญา แม้ว่าภูตเพลิงปฐพียังด้อยปัญญาและการควบคุมตนเอง แต่นางก็เริ่มมีการพัฒนาสติปัญญาแล้ว

ตราบใดที่นางยังคงพัฒนาต่อไป นางก็จะก้าวตามรอยของนางพญากระหายเลือดและนางพญาดอกหนามมงกุฏทองและกลายเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ อย่างน้อยก็คืบหน้าไปในทิศทางที่มีรูปเหมือนมนุษย์

จ้าวเพลิงนรกที่ก่อนนั้นแทบจะป้องกันตัวได้ยากลำบาก แต่หลังจากนางวิวัฒนาการกลายเป็นภูตเพลิงปฐพี จ้าวเพลิงนรกก็รีบหลบหนีไปเมื่อนางกระโจนลงในทะเลสาบลาวา

เผชิญหน้ากับภูตเพลิงปฐพีที่สามารถชิงพลังเพลิงในทะเลสาบลาวาได้โดยเฉพาะ จ้าวเพลิงนรกก็ตระหนักได้ว่า เขาไม่ใช่จ้าวอัคคีอีกต่อไปแล้ว ไฟในทะเลสาบลาวาส่วนใหญ่ถูกควบคุมโดยภูตเพลิงปฐพี ถ้าเขาไม่ซ่อนตัว เขาจะแข็งตัวอยู่ก้นทะเลสาบลาวาเนื่องจากสูญเสียอุณหภูมิร่างกาย

และในที่สุด ทักษะไฟของเขาก็จะถูกดูดเหือดแห้ง และพลังของจ้าวเพลิงนรกก็จะหมดสิ้นแห้งตายไป

“บึ้ม! บึ้ม!” จ้าวเพลิงนรกรีบโผล่ขึ้นมาบนผิวทะเลสาบลาวาพยายามอย่างหนักที่จะว่ายน้ำหนี

“เมี้ยววว!” ฮุยไท่หลางยินดี นางทำหน้าที่ได้ถูกต้องแล้ว

ฮุยไท่หลางเตือนจ้าวเพลิงนรกไม่ให้ลืมมัน

พอเผชิญการโจมตีจากทั้งภูตเพลิงปฐพีและฮุยไท่หลาง จ้าวเพลิงนรกก็งุ่มง่ามสูญเสียความได้เปรียบทางภูมิประเทศทันที แม้ว่าเขายังมีความดิ้นรนอยู่ในตอนนี้ แต่เขาก็จะพบกับจุดจบอย่างน่าอนาถแน่นอน เย่ว์หยางไม่ต้องการดูต่อ เพราะเขารู้ผลแล้วว่าจะเป็นเช่นไร คำถามมีเพียงอย่างเดียวว่า ฮุยไท่หลางจะกินผลึกไฟของจ้าวเพลิงนรกที่อยู่ในกะโหลกของมันก่อนภูตเพลิงปฐพีหรือไม่

เกี่ยวกับฮุยไท่หลางผู้เจ้าเล่ห์และภูตเพลิงปฐพีที่ยังด้อยปัญญากว่า บางทีฮุยไท่หลางมีโอกาสทำได้สำเร็จที่สุด

แต่ถ้าเป็นนางพญากระหายเลือดหรือนางพญาดอกหนามมงกุฎทอง ฮุยไท่หลางคงพลาดท่าแน่ ต่อให้เป็นโคเงาก็ตาม โอกาสก็คงเป็นของฮุยไท่หลาง โคเงาผู้ภักดีบางทีอาจจะฉกฉวยมาให้เจ้านายของนาง เอาล่ะ.. ไม่เป็นไร ถ้าฮุยไท่หลางจะกลั่นแกล้งภูตเพลิงปฐพีและตั๊กแตนมัจจุราช อย่างน้อยก็ได้แค่ตอนนี้

หลังจากกินผลึกเวทของจ้าวเพลิงนรก เย่ว์หยางเชื่อว่ามันจะช่วยเพิ่มพลังต่อสู้ให้ฮุยไท่หลาง

เย่ว์หยางยังไม่อาจนับพลังต่อสู้ที่เพิ่มขึ้นรวดเร็วมาก แต่ก็นับว่าเป็นเรื่องดี ถ้ามันช่วยให้ฮุยไท่หลางยกระดับคัมภีร์ทองแดงได้สักเล็กน้อย ที่สำคัญที่สุด มันต้องค่อยๆ ทำ

หลังจากหาวงแหวนเทเลพอร์ตของตำหนักไฟพบ เย่ว์หยางออกจากตำหนักเพลิงที่เร่าร้อนและไปที่ตำหนักสุดท้ายของวังเบญจธาตุ

ตำหนักดิน

หลังจากเทเลพอร์ตแล้ว ก่อนที่จะลงถึงพื้น เย่ว์หยางตระหนักว่ามีคนกลุ่มใหญ่อยู่ข้างล่างเขา

คนกลุ่มใหญ่รวมตัวอยู่บนหลังด้วงจอมพลัง ขณะที่หมาป่าโคโยตี้และแมงมุมทรายนับพันรายล้อมพวกเขาไว้ แต่เรื่องที่เหลวไหลที่สุดที่เย่ว์หยางเห็นก็คือ จ้าวปฐพี อสูรแพลตตินัมระดับสิบ สูงเกินห้าสิบเมตร หัวศิลามหึมาและแขนยักษ์ของมันกำลังเล่นเกมพนันกับมนุษย์ตัวน้อย

มนุษย์นั้นตัวผอมบางเมื่อเทียบกับจ้าวปฐพีนั้น ไม่ใช่ใครอื่น ก็คือเย่คงนั่นเอง

“ถ้าเจ้าแพ้ คนสิบคนนี้เป็นของข้า หลังจากให้คนสิบคนกับข้าแล้ว เจ้าสามารถพนันใหม่ได้ ถ้าเจ้าชนะ ข้าจะคืนคนยี่สิบคนให้เจ้า แต่ถ้าเจ้าแพ้อีก เจ้าจะต้องให้คนสิบคนกับข้าอีกครั้ง ไม่ต้องลังเล ลูกผู้ตัวจริงต้องไม่ลังเล สิบคนลงมาเดี๋ยวนี้ ถ้าพวกเจ้าไม่ลงมา ข้าจะกวาดลงมาให้หมดด้วยตัวเอง อาจจะทำให้พวกเจ้ากระดูกกระเดี้ยวหักก็ได้ แล้วอย่ามาโทษว่าข้าร้ายเกินไปนะ” จ้าวปฐพีผู้นี้ ฉลาด ไม่จำเป็นต้องพูดเลย เขาเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์แน่นอน แม้ว่าเขาจะสูงกว่าจ้าวเพลิงนรกเพียงสามระดับ แต่พลังแท้จริงของเขาอาจมากกว่าเป็นร้อยเท่า

ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเขาเป็นสิ่งมีชีวิตในตำหนักดิน ต่อให้เป็นข้างนอกสถานที่นี้ เมื่อเทียบพลังของเย่คง, เจ้าอ้วนไห่, พี่น้องตระกูลหลี่, เสวี่ยทันหลาง, องค์ชายเทียนหลัวและนักผจญภัยที่เหลือ ไม่มีใครมีกำลังพอจะเอาชนะเขาได้

จ้าวปฐพีมีทักษะอยู่อย่างหนึ่ง ตราบใดที่เท้าของเขายังแตะพื้น พื้นก็จะให้พลังเขาได้ไม่สิ้นสุด

กล่าวอีกนัยหนึ่ง พลังของเขาไม่มีหมด

ก็เหมือนกับการหยั่งรากของต้นดอกหนาม แต่ทักษะของเขาเป็นทักษะตรงและสะดวกสบายมากกว่านั้น

บวกกับขนาดตัวมหึมาสูงห้าสิบเมตรของจ้าวปฐพีและมีน้ำหนักหลายร้อยตัน อย่าว่าแต่พลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งเลย ต่อให้เขากลิ้งไปบนพื้น เขาก็สามารถบดทับคนได้หลายคน และถ้าต้องให้ต่อสู้กันจริงๆ ต่อให้เย่คงมีร้อยชีวิตก็คงเสร็จอยู่ดี

แม้ว่าเย่คงจะมีด้วงจอมพลัง แต่เขาคงไม่สามารถต่อต้านพลังหมัดจากจ้าวปฐพีได้

หลังจากเย่คงต่อสู้เป็นเวลานานด้วยการเล่นพนัน แพ้ชนะสลับกันไป เย่คงและจ้าวปฐพีก็ยังเสมอกัน แต่โชคของเขาก็หมดไปก่อนที่เย่ว์หยางจะมาถึง เย่คงแพ้ติดต่อกันถึงสิบรอบ ที่สำคัญที่สุดแพ้เสียแมงมุมทะเลทรายที่เขาชนะได้มาก่อนนั้น เขายังแพ้เสียคนหกสิบคนให้จ้าวปฐพีอีกด้วย

ทำไมจ้าวปฐพีถึงเล่นพนันกับเย่คง?

เรื่องนี้ทำให้เย่ว์หยางงง

เป็นไปได้ไหมว่าเขาอยู่ในตำหนักดินมานานเกินไปจนรู้สึกเบื่อ?

“ยัน ยิง เยา ปั๊กกะเป้ายิ้งฉุบ! เย้ …ข้าออกค้อน เจ้าออกกรรไกร เจ้าแพ้อีกแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า มอบคนมาให้ข้าสิบคน” เมื่อเย่ว์หยางเห็นจ้าวปฐพีเล่นเกมเป่ายิงฉุบกับเย่คง เย่ว์หยางเกือบร่วงลงมาจากท้องฟ้า

“งี่เง่า!” เย่ว์หยางรีบพุ่งลงมาจากท้องฟ้าราวกับประกายไฟ และถีบเย่คงที่มีสีหน้าเสียใจจนกระเด็น “เฮ้! ข้าเองก็ชอบเล่นเกมเป่ายิงฉุบ ข้าจะพนันกับเจ้าเอง” เย่ว์หยางพูดขณะควงมือควงแขน

*************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด