ตอนที่แล้วตอนที่ 401 ตวนมู่ 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 403 เรามีแบบทะเล....

ตอนที่ 402 เจ้าแม่หมายเลขหนึ่ง


ตวนมู่ระมัดระวังตัวอย่างมากเขามีประสบการณ์มากมายในการลักลอบเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมแสงไฟและเงาหรือควบคุมเสียงเขาทำได้สมบูรณ์แบบ เขารู้สึกว่าสภาพร่างกายของเขาดีมาก ร่างกายเขามีสภาวะตื่นตัวที่เหมาะสม ใจของเขาสงบมากและทุกครั้งที่เขามีอารมณ์เช่นนั้น เขาสามารถใช้ศักยภาพได้สูงเกินคาดและบรรลุชัยชนะที่คาดไม่ถึงได้

ทันใดนั้นหูของเขาขยับ

หน้าของเขามีท่าทางระมัดระวัง  ม่านตาของเขาหรี่ทันที

หมาป่าจักรกลสองสามตัวปรากฏตัวจากกำแพงใกล้ๆอย่างเงียบงัน ร่างของทุกตัวเปล่งประกายสีทอง

หมาป่าบรอนซ์!

ตวนมู่กลั้นหายใจเขาถอยกลับเข้าไปในมุมเหมือนกับร่างเงา ตวนมู่ยังใจเย็น  เขาคาดแล้วว่าจะต้องมีอสูรจักรกล  เนื่องจากมีวิศวกรจักรกลมากมายอยู่ในเมืองสามวิญญาณ  ถ้าไม่มีอสูรจักรกลเลย นั่นคงเป็นเรื่องแปลก

หมาป่าบรอนซ์ตั้งแถวและลาดตระเวณไปตามกำแพง

ตวนมู่อยู่ที่มุมจับตามองพวกมันอย่างระมัดระวัง  ในใจเขาแอบชื่นชม  พวกมันถูกสร้างออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ  หมาป่าบรอนซ์ทุกตัวสร้างขึ้นมามีขนาดเท่าหมาป่าจริงๆและแตกต่างจากหมาป่าจักรกลอื่น พวกมันดูซับซ้อนมาก ข้อต่อไม่หนา ร่างไม่อ้วนบึกบึนแต่มองดูเหมือนงานศิลปะที่งดงามมากกว่า กรงเล็บและเขี้ยวสีน้ำเงินทำให้มันมองดูอันตรายมาก

ความเคลื่อนไหวของพวกมันสง่างามและคล่องแคล่วเสียงฝีเท้าของพวกมันเบา การตั้งกระบวนของพวกมันเหมือนกับเป็นทหาร

หลังจากสืบดูอยู่สองสามวันตวนมู่รู้จักค่ายค่อนข้างดีมาก เมืองสามวิญญาณมีคนอยู่หลายคน ที่มีความภูมิใจเรียกฐานทัพของพวกเขาว่าเป็นงานจักรกลที่ทันสมัยที่สุดมันดูเหมือนว่าเขาไม่ได้เข้าไปโดยไม่มีเหตุผลเลย

ตวนมู่เห็นหลายสิ่งหลายอย่างและนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นมาตรฐานเช่นนั้นในหมาป่าจักรกล

หมาป่าจักรกลดูเหมือนว่าจะไม่ทันสังเกตเขา  และยังคงก้าวไปข้างหน้าช้าๆ โดยไม่มีท่าทีจะรุกรานแต่อย่างใดญ

ขณะเมื่อเสียงแช็กแช็กดังเข้ามาใกล้กำแพงฐานทัพ ตวนมู่รู้สึกสงสัย แต่ขณะที่หมาป่าจักรกลเข้ามาใกล้เขามากและเขาไม่มีเวลาจะค้นดูว่าเกิดอะไรขึ้น

ใจของเขายิ่งเพิ่มความรู้สึกที่ไม่สบายใจมากขึ้น

เขาไม่เคยเห็นวิศวกรจักรกลอย่างเท่าเทียมกันมาก่อนในทุกอาชีพ วิศวกรจักรกลตกต่ำมาเป็นเวลานานถึงจุดที่มีแต่นักสู้จักรกลเท่านั้นที่พูดถึงพวกเขา

แต่ตอนนี้เขาตระหนักแล้วว่าวิศวกรจักรกลเป็นอาชีพที่น่ารังเกียจอย่างแท้จริง เนื่องจากพวกเขาสามารถสร้างสิ่งประดิษฐ์แปลกประหลาดที่ไม่มีใครสามารถโต้ตอบได้  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมาตรฐานฝีมือของวิศวกรจักรมีระดับสูงล้ำ  คนก็ยิ่งเกลียดพวกเขามากขึ้น

ทันใดนั้นเงาร่างหนึ่งลอยลงมาจากเหนือศีรษะเขา

ตวนมู่เงยหน้ากลุ่มร่มบรอนซ์กำลังลอยอยู่ขอบนอกกำแพงเมือง

ยังมีคนอื่นมาจากข้างนอกด้วยหรือ?

ตวนมู่ประหลาดใจ  แต่เขารีบสงบจิตใจโดยเร็ว  เขายังคงจับตาคนในค่ายต่อไป  เขาอาจไม่ใช่เพียงคนเดียว  แต่อาจมีคนอื่นที่วางแผนเตรียมลงมือเช่นกัน

ถ้าเป็นกรณีเช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแย่สำหรับเขา เนื่องจากเขาจะได้ฉวยโอกาสจากสถานการณ์ ถ้าไม่มีสถานการณ์แรกเริ่มขึ้น เขาจะไม่ลงมือสุ่มสี่สุ่มห้า นั่นคือกฎของเขา

ตวนมู่หยุดเคลื่อนไหว

ภายในค่าย  โดยรวมจะวุ่นวาย

เป็นกลุ่มของม่อจื่อหวีกำลังค้นหาและกลุ่มคนที่รวมกลุ่มกันกำลังบันทึกและถกเถียงกันอย่างเข้มข้น

“สมองคนผู้นี้บ้าไปแล้วหรือ?  ถึงได้บุกเข้าไปในพื้นที่สังหารของเรา นั่นคือพื้นที่ป้องกันแข็งแกร่งที่สุดของเรา”  หนึ่งในนักเรียนถามด้วยความสงสัย

ม่อจื่อหวีกางแขนและตอบ  “เขาคือยอดฝีมือ!”

“ทั้งหมดเป็นยอดฝีมือ แล้วจะคิดแบบนั้นไม่ได้หรือ”  นักเรียนอีกคนถามขึ้นอย่างไม่ประสีประสา

ม่อจื่อหวีชำเลืองมองและพูดกับนักเรียนคนนั้น  “ถ้าเจ้ายังสามารคิดได้  เจ้าก็เป็นยอดฝีมือได้เลยใช่ไหม?

“ลุ่มลึกมาก, คุณชาย  คำพูดของท่านลุ่มลึกเหลือเกินเข้าใจง่ายอีกด้วย”

นักเรียนยังคงประจบประแจงเขา  ม่อจื่อหวีดูเหมือนจะยินดี  เขาแตะแขนนักเรียนคนนั้น “เจ้าหนูเจ้าต้องขยันเข้าไว้”

“คุณชาย พวกเราจะเอาแต่คอยดูกันต่อไปเหรอ?” นักเรียนอีกคนหนึ่งถามอย่างไม่สบายใจ

ม่อจื่อหวีมองดูเขา“ทำไมล่ะ? อย่าบอกข้านะเจ้าต้องการชิงธุรกิจของพี่ใหญ่หญิง?”

นักเรียนผู้นั้นทำคอย่นทันทีไม่กล้าพูดอะไรต่อ

ม่อจื่อหวีเตือน  “เจ้ารู้ไหม คนในค่ายนี้ ใครที่ไม่ควรไปก่อกวนด้วย?”

นักเรียนที่พูดออกมาก่อนนั้นพึมพำ  “พี่ใหญ่ ท่านก็บอกแล้วนี่เป็นพี่ใหญ่หญิงเซรีน”

“โป๊ก!”  ม่อจื่อหวีเขกกบาลนักเรียนคนนั้นทันทีและกวาดตามองคนที่เหลือทุกคน “จำคำพูดข้าไว้ให้ดี เจ้าอาจยั่วโทสะใครก็ได้  แต่ต้องไม่ใช่พี่ใหญ่หญิง!”

“พี่ใหญ่,ท่านก็พูดเกินจริงไปหน่อยแล้ว...”  นักเรียนที่ถูกเขกศีรษะยังรู้สึกว่าเขาผิด

“เกินไปน่ะหรือ?”  ม่อจื่อหวีแค่นเสียง  “เจ้ารู้ไหม ทำไมข้าถึงได้เป็นหัวหน้าและพวกเจ้าก็ยังเป็นลูกไล่อยู่เรื่อย?  นั่นเป็นเพราะพัฒนาการความแตกต่างของการมองการณ์ไกลและการรู้วิธีทำ ใต้เท้าปิงเป็นหลักใหญ่และเขาจะไม่สนใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เลย หัวหน้าโฉ่วถ้าเราไปต่อต้านเขาก็มีแนวโน้มว่าเราจะถูกลงโทษให้ฝึกหนักขึ้นหรือไม่ก็คุมขัง  แต่คิดดูนะ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเจ้าล่วงเกินพี่ใหญ่หญิง?”

ม่อจื่อหวียังคงหัวเราะต่อไป  “เมื่อเจ้ากำลังฝึกเจ้าได้ยินเสียงแครกแตกเสียหายทันที อาวุธจักรกลวิญญาณข้อต่อพัง เจ้าจะกลายเป็นเหมือนหงส์สง่างาม เจ้าจะบินเป็นแนวโค้งอย่างสง่างาม  และในระหว่างศึกเจ้าจะเป็นหงส์ตายอย่างสง่างาม  จงใช้สมองของพวกเจ้าสักนิด คนที่อยู่เบื้องหลังในการจัดการดูแลอาวุธจักรของเจ้า  ถ้าพวกเขาทำอะไรบางอย่างนิดเดียว ชีวิตน้อยๆของเจ้าจะหายวับไปในทันที”

พวกนักเรียนกลืนน้ำลายเอื๊อก“พี่ใหญ่, คำพูดของท่านน่ากลัวเกินไปแล้ว...”

“น่ากลัว?” ม่อจื่อหวีใช้ท่าทางที่สมเพชมองดูนักเรียนที่ไร้เดียงสาและแค่นเสียงพูดต่อ  “แค่นี้น่ากลัวน่ะหรือ? พวกเจ้าทุกคนยังอ่อนประสบการณ์ทั้งนั้น!”

เขากระแอมให้คอโล่งจากนั้นเลียนเสียงของเซรีนพลางทำท่ากรีดกรายนิ้ว “เมื่อเร็วๆ นี้เราได้ค้นคว้าอาวุธจักรกลวิญญาณใหม่ทั้งหมด  และการทดสอบความสามารถในการรบของมันเราต้องใช้หน่วยแรกของพวกเจ้ามาทำการทำสอบกับมันดู”

“นั่นก็ดีแล้วนี่!”  นักเรียนทุกคนตะโกนพร้อมกัน และยังไม่เข้าใจ

“ดีกะผีน่ะสิ?” ม่อจื่อหวีชี้นิ้วมาทางพวกกลุ่มนักเรียน  “งั้นเจ้า เจ้าและเจ้า  พวกเจ้าจะตายกันหมด”

“ทำไมเราต้องตายด้วยเล่า? พี่ใหญ่”  นักเรียนสองคนถามขึ้นอย่างไม่สบายใจ

“อุบัติเหตุในการผลิตจักรกลเกิดขึ้นได้ระหว่างฝึกฝนได้” ม่อจื่อหวีพูดอย่างเฉื่อยชา

ทุกคนสูดหายใจหนาวเหน็บ  เด็กๆ บางคนกลัวจนหน้าซีดขาว

ม่อจื่อหวีทำท่ามืออีกครั้งเลียนท่าทางน้ำเสียงของเซรีน “ข้าไม่เคยคาดเลยว่ากลุ่มอาวุธจักรกลวิญญาณจะมีข้อบกพร่องที่เป็นอันตรายดังกล่าว  เราจะนำพวกมันกลับไปปรับปรุงซ่อมแซม นักเรียนผู้เสียสละเพื่อความก้าวหน้าของอาวุธจักรกลวิญญาณของเรามีมากนัก  เราจะเคารพยกย่องผลงานของพวกเขาตลอดไป”

เด็กทุกคนมีสีหน้าหวาดกลัว  แต่ละคนหน้าซีดเผือด

ม่อจื่อหวีไม่ยอมมองพวกเขาและยังคงกล่าวต่อไป  “เพื่อเกียรติยศและความรุ่งเรืองของประเพณีอันดีนี้ หน่วยที่หนึ่งจะเป็นหน่วยแรกในการใช้ทดสอบอาวุธจักรกลวิญญาณรุ่นใหม่”

ซูดดดด!  เด็กๆทำหน้าหวาดหวั่นยิ่งขึ้นกว่าเดิม โอวพระเจ้า มันน่ากลัวขนาดนั้นจริงๆ!

ม่อจื่อหวีกรีดกรายมืออีกครั้ง  “ต่อไป, โปรดเรียกนางว่าพี่ใหญ่หญิง”

เด็กทุกคนพยักหน้าหงึกหงักแสดงความหวาดกลัวและพูดขึงขังพร้อมกัน“พี่ใหญ่หญิง!”

ม่อจื่อหวีพยักหน้าพอใจ  “ทีนี้ยังจะมีใครคิดจะบังอาจชิงธุรกิจของพี่ใหญ่หญิงอีก!”

ทุกคนสั่นศีรษะรัว

*****************

ในอีกด้านหนึ่งของฐานทัพภายในห้องปฏิบัติการค้นคว้าพลังสายเลือด กลุ่มคนหลากหลายสีและประหลาดรวมตัวกันทำงาน

หนึ่งในชายชราบ่นอย่างไม่พอใจ  “หญิงเหล็กนั่นแอบเคลื่อนไหวก่อนแล้ว!”

พวกเขาไม่ได้มีความรู้สึกที่ดีต่อห้องปฏิบัติการณ์อาวุธจักรกลเท่าใดนักจึงเรียกแผนกจักรกลว่าแผนก(อุปกรณ์)เหล็ก และหัวหน้าเซรีนได้รับฉายาว่าหญิงเหล็ก

ผู้เฒ่าเฟ่ยรู้สึกโกรธขึ้น  “นั่นเป็นเพราะการสนองตอบของเราช้าเกินไป!”

“ข้าว่าเรื่องนั้นต้องกังวลด้วยเหรอ”  คุณนายหลินพูดอย่างไม่แน่ใจ

“ต้องกังวลมากๆ”  ผู้เฒ่าเฟ่ยส่ายหัวและพูดจริงจัง “พวกเราทุกคนมีชีวิตที่ดีขึ้นมาได้ไม่กี่วัน  แต่เราจะประมาทไม่ได้  จะหาเจ้านายใจกว้างอย่างนั้น หาได้ยากมากๆถ้าเราต้องสูญเสียเขาไป อย่างนั้นวันเวลาใช้ชีวิตดีๆ ของเราก็แทบจะนับได้เลย”

ในขณะนั้นทุกคนส่งเสียงฮือฮา

“เกิดอะไรขึ้นกับนายใหญ่?”

“นายใหญ่ไม่มีเงินอีกต่อไปแล้วใช่ไหม?”

…..

ผู้เฒ่าเฟ่ยขอให้ทุกคนสงบลงจากนั้นกล่าว “ทุกอย่างที่พวกเจ้าพูดยังไม่ได้เกิดขึ้น เจ้านายใหญ่ยังคงสบายดี แต่ทุกคนลองคิดดูให้ดี ต่อให้เขามีเงิน  แต่ก็ยังมีอยู่จำกัด  ถ้าทั้งหมดมอบให้เรา นั่นก็คงเป็นเรื่องดี  แต่เราก็ยังมีคู่แข่งอยู่ดี”

“เจ้ากำลังพูดถึงสตรีเหล็กคือคู่แข่งของเราใช่ไหม?”  ชายชราผอมถาม

“ถูกแล้ว!”  ผู้เฒ่าเฟ่ยหงุดหงิด  “ในช่วงเวลานี้ทุกคนควรรู้เรื่องการขยายตัวของแผนกโลหะ ฮึ่ม.. ก็แผนกโลหะของพวกเขาเห็นว่าขนาดของเราใหญ่เกินไป พวกเขาต้องการจะขยาย ดังนั้นนายผู้เฒ่าจึงถูกกดดันและไม่มีทางเลือกอะไร นอกจากเห็นด้วย”

“ดี!  ข้าได้พูดไปก่อนแล้ว ว่าสตรีนางนั้นไม่ใช่ง่ายๆอย่างที่เห็น!  นางจับตามองพวกเรามานานแล้ว”

“เราต้องไม่แพ้พวกเขา  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สตรีนางนั้นข้ายอมรับไม่ได้”

“มีอะไรกับสตรีคนนั้นเหรอ?”  คุณนายเซินถามอย่างใจเย็น ผู้เชี่ยวชาญพลังสายเลือดสตรีสองสามคนทำหน้าไม่พอใจ

เมื่อเห็นว่าทำท่าจะมีวิวาทะภายในเกิดขึ้น  ผู้เฒ่าเฟ่ยเปลี่ยนหัวข้อทันที  “เราจะปล่อยให้แผนกโลหะดูแคลนเราไม่ได้ เราต้องแสดงให้เจ้านายใหญ่เห็นว่าการลงทุนกับเรา คุ้มค่ามากกว่าแผนกโลหะ”

“ใช่แล้ว!”

“ถูกต้อง ถูกต้อง!”

“ลุยเอาชนะแผนกโลหะ!”

….

ทุกคนตื่นเต้นยิ่งขึ้น

ผู้เฒ่าเฟ่ยผงกศีรษะพอใจ  “ทุกคนต้องระวัง  จากวิธีการที่ข้าเห็น  แผนกโลหะไม่น่าเชื่อถือ  คนที่ทำการตัดสินขั้นสุดท้ายจะต้องเป็นแผนกวิจัยพลังสายเลือดของเรา!  ทุกคนจงรวมจิตใจ เพื่อเงินทุนสนับสนุน!”

“เพื่อเงินทุน!”

กลุ่มของผู้เฒ่าที่แต่งตัวหลากสีสัน..ปล่อยรังสีอำมหิตออกมา

************

ห้องวิจัยอาวุธจักรกล

“รังร่มจับตำแหน่งได้แล้ว”

“หมาป่าจักรกลล้อมเขาไว้หมดแล้ว”

“เปิดทำงานระบบกรรไกรป้องกัน”

“ก่อตั้งค่ายกล 108 มนุษย์บรอนซ์สำเร็จแล้ว”

“เริ่มใช้หน้าไม้จักรกลทั้ง 360

….

รายงานทั้งหมดถูกส่งมาที่เซรีน  เซรีนตื่นเต้น นางพาดขาข้างหนึ่งบนเก้าอี้  นางอยู่ในชุดต่อสู้แนบเนื้ออวดเรือนร่างที่อวบอิ่มของนาง  ภายใต้แสงไฟริมฝีปากนางทาลิปสติคเข้มรูปร่างมีเสน่ห์เย้ายวนใจ

“เสี่ยวหยาง ใจเย็นๆ”

นางจ้องดูตวนมู่ในภาพบันทึก  ใบหน้านางมีท่าทางเหมือนคนบ้าคลั่งฝ่ามือสีขาวบริสุทธิ์ของนางขยับคลายปกคอเสื้อของนาง  นางพึมพำอย่างดุร้าย  “เจ้ากล้าบุกรุกอาณาเขตของข้า  คงเบื่อหน่ายชีวิตแล้วกระมัง”

วิศวกรจักรกลทุกคนกลั้นหายใจ  เซรีนยังคงพูดอย่างฉุนเฉียวกรอกหูพวกเขาเรื่อยทำให้พวกเขามีความตั้งใจสู้มากขึ้น

“ทุกคนเตรียมพร้อม!  เราจะเริ่มกันเดี๋ยวนี้…”

ดวงตาของนางเบิกกว้างเหมือนมังกรพิโรธ  นางคำรามลั่น

“บดขยี้!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด