ตอนที่ 401 ตวนมู่
ห้องค้นคว้าวิจัยพลังสายเลือดในปัจจุบันนี้เป็นสาขาที่สำคัญที่สุดของค่ายบรอนซ์ก่อนขยายห้องปฏิบัติการอาวุธจักรกล พวกเขาใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในห้องทดลองซึ่งอยู่ห่างไกลจากห้องปฏิบัติการอาวุธจักรกล
ห้องประชุมที่ใหญ่ที่สุดของห้องปฏิบัติการค้นคว้าพลังสายเลือดเต็มไปด้วยผู้คน
พวกเขากำลังถกเถียงกันอย่างหนัก
การรบขู่ขวัญพวกเขาทุกคน แต่สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นก็คือความโกรธไม่รู้จบสิ้น ผู้เฒ่าเฟ่ยเชิญผู้เชี่ยวชาญพลังสายเลือดสองสามคนที่เชี่ยวชาญพลังที่เป็นเอกลักษณ์แต่พวกเขาล้วนแต่หยิ่งและภูมิใจต่างจากคนอื่นเพราะความเจ้าอารมณ์ไม่มีเหตุผลของพวกเขา
หลังจากค้นพบรากฐานด้วยความยากลำบากแล้ว พวกเขาทุกคนถอนหายใจโล่งอกเจ้านายก็ยากจะแวะเข้ามาและทำให้ผู้ช่วยใหม่บางส่วนเป็นกังวล แต่สำหรับพวกที่มัวเมากับการค้นคว้าวิจัยและไม่สนใจอะไรอื่น นั่นถือว่าดีที่สุดแล้ว การไม่มีใครกวนใจพวกเขาเป็นเรื่องที่ดีที่พวกเขาต้องการ
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ชอบกันเอง แต่ว่าเมื่อพวกเขาได้เรียนรู้หลังจากที่ได้ถกเถียงทะเลาะกันและยื้อยุดกันไปมาแล้ว ทุกคนจะเพลิดเพลินกับบรรยากาศในการเรียนรู้
บุคลิกของพวกเขาไม่มีเหตุผล แต่ไม่ใช่เพราะพวกเขาโง่ แต่เป็นเพราะพวกเขาเป็นคนหยิ่งภาคภูมิใจในความรู้ ดังนั้นพวกเขาจึงมีหลักการทั่วไป
หลังจากการรบต่อสู้ ในที่สุดพวกเขาก็ตระหนักว่า ที่ซึ่งพวกเขาอยู่ยังไม่ปลอดภัยอย่างที่พวกเขาคิด
ทุกคนตัดสินใจระดมความคิดเข้าด้วยกัน แต่แล้วพวกเขาก็ทะเลาะถกเถียงกันในเวลาอันรวดเร็ว
“กลัวเรอะ? แม่มันเถอะ!” ชายชราผู้มีผมและเครารกรุงรังหน้าของเขาแดงก่ำ เขาตบโต๊ะปังและคำรามลั่น “เฒ่าตั๋นเคยกลัวใครซะที่ไหน, ในอดีต แม้แต่เจ้า...เจ้า.. อะไรสักอย่างนี่แหละ ข้าลืมชื่อไปแล้ว ระดับสามพันกว่าในทำเนียบ...”
“ก็ได้ ก็ได้ เฒ่าตั๋นไม่ต้องฟื้นฝอยหาตะเข็บคอยจับผิดก็ได้ ว่าแต่รอบนี้ ใครหนีถือว่าขี้ขลาด” ชายชราหน้าดำหัวเราะอย่างใจเย็น
ผู้เฒ่าผอมซึ่งกำลังนั่งแคะเล็บเท้าพูดออกมาโดยไม่เงยหน้า “พวกเขาคิดว่ากองโจรสายลมจะขู่ขวัญพวกเราจนกลัวแล้วหนีไปหรือ?นั่นทำให้ข้าอายมากกว่าเสียอีก”
ผู้เฒ่าเฟ่ยตบโต๊ะอย่างเหลืออด “ทุกคน...หยุด! ข้าเชิญทุกคนมาปรึกษากันเพื่อระดมความคิดไม่ใช่มาคุยเรื่องไร้สาระ!”
คนเหล่านี้ทุกคนถูกผู้เฒ่าเฟ่ยดึงมาร่วมงานด้วย และนอกจากทุกคนแล้ว มีแต่ผู้เฒ่าเฟ่ยเท่านั้นที่มีชื่อเสียงกว่าใครเพื่อน
สตรีวัยกลางคนๆหนึ่งกล่าวอย่างเฉื่อยชา “ข้าได้ค้นคว้าสายเลือดกิ้งก่าโบราณ และเมื่อเร็วๆนี้ได้แยกพิษชนิดพิเศษอย่างหนึ่งออกมา มันสามารถทำให้จิตใจคนเป็นอัมพาตและได้ มันทำให้สภาพจิตใจเป็นอัมพาต และมันสามารถแพร่กระจายได้โดยผ่านปราณแท้ ดังนั้นเราสามารถปล่อยพิษนี้ในจุดที่สำคัญได้”
“นั่นเป็นของที่ดีจริงๆ ดีอย่างที่คาดเลยคุณนายเซิน” ชายชราผอมนัยน์ตาเป็นประกาย เขาหยุดแคะเล็บทันที “ข้าก็จะหยุดปกปิดงานของข้าด้วยเช่นกันเพราะช่วงเวลานี้ ข้าได้ค้นคว้ามาแล้ว จุดที่ข้าได้ค้นคว้าก็คือ ถ้าเราฉีดสายเลือดเข้าไปในอสูรดวงดาวแล้วเราจะสามารถสร้างอสูรดดวงดาวที่แข็งแกร่งได้?”
ความคิดของชายชราร่างผอมทำให้ทุกคนสนใจ
แม้แต่ผู้เฒ่าเฟยก็มีสีหน้าสนใจ “แล้วผลเป็นยังไงบ้าง?”
“ข้าทำได้สำเร็จแล้ว ด้วยอสูรดวงดาวสามชนิดพวกมันแข็งแกร่งมาก” ชายชราผอมมีท่าทางยินดี
คุณนายเซินถาม “แล้วเราจะควบคุมอสูรดวงดาวเหล่านี้ได้ยังไง?”
ชายชราผอมแสดงท่าทางรำคาญหงุดหงิด “นั่นคือปัญหาที่ข้ากำลังเผชิญ อสูรดวงดาวทั้งสามนี้อยู่ในกรงข้างห้องค้นคว้าข้า พวกมันเกินกว่าจะควบคุมไปแล้ว”
“แล้วจะใช้ได้ยังไง ถ้าเจ้าไม่สามารถควบคุมพวกมันได้” ชายชราคำรามและตบโต๊ะ
“เราสามารถใช้วิธีเหมือนอย่างอาวุธจักรกลวิญญาณได้ไหม?” ชายชราหน้าดำถาม“เปลี่ยนเป็นจิตวิญญาณพลังยุทธ”
ผู้เฒ่าเฟ่ยส่ายหัว “นั่นเป็นไปไม่ได้ จิตวิญญาณยุทธของอสูรดวงดาวซับซ้อนมากกว่าอาวุธจักรกลวิญญาณ”
มาถึงตอนนี้สตรีร่างท้วมเตี้ยซึ่งนั่งที่มุมโพล่งออกมา “ข้ามีความคิดอยู่อย่างหนึ่ง”
ทุกคนหันควับไปมองนางและดูมีท่าทางประหลาดใจ สตรีร่างท้วมเตี้ยนี้ก็คือคุณนายหลินมาตรฐานของนางนับว่าธรรมดาและปกตินางจะเป็นคนเงียบขรึมมาก นางเป็นคนพูดน้อยมากจนไม่มีใครสังเกตนาง
คุณนายหลินไม่ได้ตื่นเต้นต่อสายตาคนอื่นนางกล่าวอย่างใจเย็น “ในอดีตร่างกายข้าไม่ค่อยดี แต่ข้าไม่สามารถหาความช่วยเหลือจากใครได้ ดังนั้นข้าจึงคิดใช้อสูรดวงดาวให้ช่วยงานข้า หลังจากที่ข้าได้รู้ว่า ตราบเท่าที่ข้าฉีดพลังสายเลือดเจือจาง ข้าจะสามารถรู้สึกใกล้ชิดกับมันได้ เพียงแต่การสื่อสารระหว่างเราทั้งสองยังคงมีปัญหา และในตอนแรกเริ่มเมื่อข้ากำลังแยกสายเลือดหมาป่าโบราณ ข้าถึงได้ตระหนักว่าสายเลือดหมาป่าโบราณสามารถสร้างอาการตอบสนองได้ หลังจากข้าค้นพบเรื่องนี้แล้วก็เริ่มดูดซับพลังสายเลือดเจือจางของสายเลือดหมาป่าโบราณไปทั้งสองด้าน จากนั้นจึงได้พบว่ามีการสื่อสารได้อย่างสมบูรณ์แบบ”
ทุกคนตกตะลึง
“นั่นยอดเยี่ยมมาก!” ชายชราร่างผอมตบขาฉาดและพูดอย่างตื่นเต้น “ข้าจะไปทดลองดูเดี๋ยวนี้!”
พูดจบเขาไม่สนใจทุกคนรีบวิ่งออกไปดุจสายลม
โอว..ทุกคนลุกขึ้นยืนพร้อมกันแล้วไล่ตามไปติดๆต้องการจะดูเขา
ทุกคนรู้ว่าถ้าทำได้สำเร็จ ก็จะเป็นเรื่องเหลือเชื่อมาก
**********
“พวกเขากำลังจะเริ่มสู้กันหรือ?”
บุรุษหนุ่มชุดยาวมองดูรายงานในมือของเขา เขาประหลาดใจมีความเคลื่อนไหวเรื่องสินค้าอย่างหลากหลาย และเป็นเรื่องไม่ปกติอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการซื้อบรอนซ์เป็นจำนวนมหาศาล น่าทึ่งจริงๆ
สถานการณ์ไม่ปกติ
“พวกเขากำลังวางแผนขยายกองทัพของพวกเขากระมัง?” เด็กหนุ่มเจ้าอารมณ์ถามอย่างระมัดระวัง เขาไม่ใช่คนโง่ มุมมองที่พี่ชายเขามีต่อเมืองสามวิญญาณนั้นเกิดคาดไปมาก ด้วยความเข้าใจของพี่ชายเขา ด้วยการทุ่มคุณค่าขนาดนั้นจะต้องมีเจตนาแอบแฝงแน่นอน
บุรุษหนุ่มชุดยาวหัวเราะ “เราจะรู้กันในไม่ช้า”
เขารู้ว่าบิดาของเขาส่งใครเข้ามา บุรุษลึกลับที่อยู่ข้างตัวบิดาของเขา เขาไม่เคยพบมาก่อน แต่เขารู้ว่าเขาจะอยู่ข้างตัวบิดาของเขาตลอด มีวิทยายุทธที่แข็งแกร่งและลึกลับและในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด บิดาของเขาจึงจะยอมส่งเขาออกมา
สำคัญขนาดนั้นเชียวหรือ?
บุรุษหนุ่มชุดยาวมีความสงสัย แต่ในเวลาอันรวดเร็วเขาก็เลิกคิดเรื่องนั้น เมื่อมีความเคลื่อนไหวออกมา ความจริงก็จะปรากฏออกมาในเวลาอันรวดเร็ว เขาก็แค่ต้องรอผลและไม่จำเป็นต้องทำการสุ่มสี่สุ่มห้า
ตวนมู่ยืนมองป้อมบรอนซ์อยู่แต่ไกล เขาจับตาดูมานานสัปดาห์เต็มๆ เขายังไม่ลงมือทันที เขามีนิสัยรอบคอบ ไม่มั่นใจเต็มร้อยเขาจะไม่เคลื่อนไหวลงมืออย่างแน่นอน เขารู้ว่าหลังจากจบภารกิจสุดท้ายนี้ เขาจะฟื้นตัว ดังนั้นเขาจึงอดทนอย่างมาก
เขาสามารถมองเห็นภายในค่ายได้ว่ามีการป้องกันอย่างหนาแน่น
นั่นไม่ได้ทำให้เขาประหลาดใจ หลังมีประสบการณ์ต่อสู้แล้ว ถ้าการป้องกันของพวกเขายังหละหลวมอ่อนแอ อย่างนั้นเขาคงไม่ถูกส่งตัวออกมาลงมือกับสวะเหล่านี้
ในหนึ่งสัปดาห์ เขาได้ตรวจสอบค่ายบรอนซ์นี้อย่างระมัดระวัง และรู้สึกแปลกในหลายส่วน
ตัวอย่างเช่นมีหลายๆ ตำแหน่งของค่ายซึ่งเขาเห็นว่ามันแปลก เพราะดูย้อนยุคเกินไปสิ่งก่อสร้างโบราณและปัจจุบันมีความแตกต่างกันอย่างใหญ่หลวงและหลังจากผ่านไปหลายปีนานมาก วิธีการหลายอย่างก็เปลี่ยนไปทั้งหมด เหตุผลที่ส่วนเก่าแก่นี้สูญเสียประสิทธิภาพเป็นเพราะในทุกรุ่นคนยังมีการค้นคว้าวิจัยต่อเนื่องและพวกเขาก็พบช่องโหว่และทำการอุดช่องโหว่นั้นอย่างรวดเร็ว
ค่ายทหารที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายโบราณเป็นเหมือนสาวงามที่ไม่ป้องกันเขาเลย
แต่เขายังไม่กระทำการอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า เพราะการใช้งานที่ไม่ธรรมดาดังกล่าวอาจเป็นกับดักก็ได้ ตวนมู่ไม่คิดว่าจะมีคนที่ใช้วิธีการโบราณอย่างนั้นมาปรับเปลี่ยนการป้องกันของพวกเขา
เขาเดินวนเวียนรอบๆนานหนึ่งสัปดาห์ ก็ยิ่งเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น
เพราะเขาไม่พบอะไรที่แปลกประหลาด มันทำให้เขารู้สึกผิดปกติ ทุกๆรายละเอียดได้รับการบูรณะตกแต่งอย่างละเอียดกำแพงผนังโบราณแสดงถึงความเป็นมืออาชีพ ถ้ามืออาชีพคนใดก็ตามมาเห็นค่ายนี้ พวกเขาคงต้องอุทานออกมาเสียงดังแน่นอน
โครงสร้างการป้องกันที่โบราณสมบูรณ์แบบ
นั่นหมายความว่าฝ่ายตรงข้ามได้วิจัยค้นคว้าระบบป้องกันโบราณมาอย่างลึกซึ้ง เป็นไปได้อย่างไรที่คนผู้นี้จะไม่รู้เรื่องช่วงโหว่และจุดอ่อนของมัน?
เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามรู้ และยังทำเช่นนั้นอย่างต่อเนื่อง พวกเขาต้องมีไม้ตายอยู่ในแขนเสื้อแน่นอน
จนกระทั่งวันที่สิบ เขาต้องยอมรับว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นมืออาชีพระดับที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ในช่วงสิบวันนี้ เขาไม่พบร่องรอยการเสแสร้งใดๆ
ตำแหน่งป้องกันโบราณมีความถูกต้องยิ่งกว่าที่เขียนในตำราเสียอีก!
เขาพบยอดฝีมือเสียแล้ว!
ตวนมู่สงบจิตใจตนเองลงแต่ไม่มีอะไรที่จะทำให้เขากลัวได้ เขาสามารถเคลื่อนไหวได้ แต่จะทำให้ฝ่ายตรงข้ามเสียเปรียบได้หรือเปล่า?”
ในวันที่สิบห้า เขาตัดสินใจลงมือ
ในช่วงห้าวันตามตำแหน่งที่บันทึกไว้ เขาพบช่องโหว่สองสามแห่ง และยังไม่ได้ดำเนินการอะไรและตำแหน่งที่คาดว่าอาจจะเป็นกับดักมากกว่าสิบห้ารูปแบบ
เขามีความเชื่อมั่นในพลังของตนเอง แต่เขาไม่เคยอาศัยแต่ฝีมือสู้ของคนหรือการต่อสู้แต่เพียงอย่างเดียว การกระทำโดยวู่วามแบบนั้นเท่ากับรนหาที่ตาย
มีแต่ด้วยพลังที่แข็งแกร่งสอดประสานกับแผนการสู้ที่ดีละเอียดและเป็นไปได้จึงจะสามารถประสบความสำเร็จ
เขาเลือกตำแหน่งที่เขาสามารถผ่านการป้องกันเข้าไปได้ง่ายๆ เพราะในตำแหน่งนั้นจะไม่มีกับดักรอเขาอยู่แน่นอน
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการลอบเข้าไปก็คือตอนกลางคืนจุดที่เมฆครึ้มบดบังแสงจันทร์และมืดขนาดมองนิ้วไม่เห็น ตวนมู่เหมือนกับเงามุ่งหน้าเข้าไปในค่ายบรอนซ์อย่างเงียบกริบ
เขาทิ้งตัวลงจากกำแพงเมืองอย่างเงียบ
ภายในรูปแบบการป้องกันแบบโบราณ ตำแหน่งปัจจุบันของเขาคือพื้นที่ซึ่งมีความเข้มข้นในการโจมตีระดับสูงสุด สำหรับนักสู้ผู้ค้นคว้ารูปแบบการป้องกันโบราณมาอย่างลึกซึ้งพวกเขาจะไม่เลือกตำแหน่งแบบนั้นเข้าไป
เพราะเหตุนั้นนั่นจึงกลายเป็นพื้นที่มีความเป็นไปได้สูงสุดที่จะไม่มีกับดักวางไว้
มันคือพื้นที่ซึ่งเป็นจุดอ่อนอย่างแท้จริง
ตวนมู่มั่นใจ แต่เขายังไม่คิดอะไรมากวิชาตัวเบาของเขานับว่าโดดเด่น และไม่ทำให้คนอื่นแตกตื่น มือและขาของเขาไม่ได้แตะต้องผนัง เขาเป็นเหมือนลูกโป่งในอากาศผ่านไปอย่างเงียบๆ
เมื่อเขาลอยผ่านกำแพง ฉากภาพที่อยู่ต่อหน้าเขาทำให้เขาผงะ
ภายในของเมืองบรอนซ์มีขนาดใหญ่โตมาก แต่เมื่อเขามองขึ้นไปข้างบน ท้องฟ้าเต็มไปด้วยร่มมากมาย!
ร่ม?
เขาสงสัย และพิจารณาพื้นที่อย่างระมัดระวัง พวกเขากางร่มให้ลอยอยู่ในอากาศ มีร่มอยู่มากมาย ดูแล้วราวๆ สองสามร้อย
เมื่อคิดว่านั่นคือจักรกลชนิดหนึ่ง ตวนมู่ยิ่งสงสัยเพิ่มขึ้นทุกที
เขาไม่ทันสังเกตเลยว่าในมุมยังมีกองขยะอยู่อีกมาก แมงมุมบรอนซ์ขนาดเหรียญทองตัวหนึ่งกำลังตัวสั่น
ภายในห้องปฏิบัติการอาวุธจักรกลใต้ดินตกอยู่ในความวุ่นวายวิศวกรจักรกลทุกคนตื่นเต้นกันมาก
“เป็นไปตามคาด เขาเดินเข้ามาในกับดัก!”
“คนแรกที่เสนอตัวเองเข้ามา!”
“ฮ่าฮ่า โชคดีที่เราได้เตรียมตัวไว้แล้ว!”
…..
เซรีนขมวดคิ้วจากนั้นตวาด “ทุกคนเงียบ!”
ทุกคนตกอยู่ในความเงียบทันทีถึงขนาดที่เข็มตกก็ยังได้ยิน
นัยน์ตางดงามของเซรีนเปล่งประกายอำมหิต “ทุกคนเตรียมประจำตำแหน่งใครก็ตามที่กล้าบุกรุกในช่วงเวลาสำคัญอย่างนี้นะ เหอะ เหอะ”
ทุกคนแยกย้ายกันทันที
เซรีนมองดูภาพข้างหน้านางขณะที่ขบฟันแน่น “โชคดีที่เจ๊ผู้นี้เตรียมตัวไว้ก่อนแล้ว!”
เป๊าะ นางดีดนิ้วทันที
“เตรียมงานเลี้ยงให้พร้อม!”