ตอนที่ 397 - เทพเหล็กไหลดาวตก
คนฉลาดอาจพินาศด้วยปัญญาของตนเอง
ถ้าศัตรูที่ทรงพลังซ่อนตัวอยู่ในกล่องทองรู้ว่า ก่อนนั้นไม่นานนัก อสุรกายดำที่ถูกผนึกอยู่ภายในด้วงหยกขาวถูกพี่น้องหงส์เพลิงสังหารตายทันที เนื่องจากข้อเท็จจริงที่ว่ามันทำร้ายเย่ว์หยาง มันก็คงไม่ทำเรื่องที่โง่เขลาเช่นนั้น อสูรอมตะมีพลังมากมายนัก โดยนิสัยจะมีจิตใจเมตตา ปกติแล้วจะไม่เป็นฝ่ายโจมตีสิ่งมีชีวิตอื่นก่อน อย่างไรก็ตาม ทันทีที่พวกมันถูกศัตรูทำร้ายโดยเจตนา พวกมันจะโจมตีและทำลายศัตรูอย่างไร้ความปราณี นี่เป็นการประกาศศักดิ์ศรีของอสูรอมตะ
ในทำนองเดียวกัน พี่น้องหงส์เพลิง ยังเป็นอสูรพิทักษ์อีกด้วย
เมื่อเย่ว์หยางเจ้าของพวกมันถูกโจมตี ขนาดที่เขาไม่สามารถป้องกันตนเองได้ พวกมันจะตื่นจากการหลับไหลและโจมตีใส่ศัตรูอย่างดุเดือด
กฎที่เข้มงวดที่ควบคุมวังเบญจธาตุมีผลต่อนักสู้ปราณก่อกำเนิดอย่างเย่ว์หยาง อย่างไรก็ตาม สำหรับพี่น้องหงส์เพลิง พวกเธอไม่สนใจข้อจำกัดของวังเบญจธาตุแม้แต่น้อย เพลิงอมฤตลุกโหมขึ้นไปในอากาศและกลายรูปเป็นหงส์เพลิงอมฤตขนาดยักษ์ แม้ว่าพี่น้องหงส์เพลิงจะยังไม่ปรากฏตัวก็ตาม แต่เพลิงอมฤตที่อยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเธอนั้นน่ากลัวมาก
เมื่อเพลิงอมฤตที่เปลี่ยนรูปเป็นหงส์เพลิงโจมตีใส่กล่องทองโดยยิงบอลไฟใส่ศัตรูที่ซ่อนอยู่ข้างในและไม่มีร่างหยาบเหลือแต่พลังงานวิญญาณ มันหลบหนีออกมาจากกล่องอย่างรวดเร็วเหมือนกับในหนังสยองขวัญ
กล่องทองละลายอย่างรวดเร็วขณะที่เงาร่างเหมือนปีศาจหนีออกมาอย่างรวดเร็ว มันพยายามฝ่าวงล้อมเพลิงอมฤต
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่มันทำไร้ผลทั้งหมด
พลังงานวิญญาณของเขาละลายราวกับหิมะที่อยู่ในเพลิงอมฤต ไม่เหลืออะไรไว้เลย
เงาร่างที่เหมือนกับปีศาจเกลือกกลิ้งไปมาอยู่ภายในเพลิงอมฤตที่ลุกโหมเจ็บปวดแสนสาหัสยิ่งกว่าตาย
“ปล่อยข้าไปเถอะ, ข้ายินดีจะรับใช้เจ้า…” เงาร่างเหมือนปีศาจดิ้นรนด้วยพลังทั้งหมด ก่อนที่ร่างเขาจะละลาย เขาร้องเรียกให้เย่ว์หยางผ่อนปรนละเว้นเขา
“เป็นความคิดที่ไม่เลว แต่ข้าต้องพิจารณาให้มาก” เย่ว์หยางแกล้งทำเป็นคิดหนัก
“ไม่, ไว้ชีวิตข้าด้วย” หลังจากตะโกนออกมาเช่นนี้แล้ว เงาร่างจ้าวปีศาจก็ไม่สามารถส่งเสียงได้อีกต่อไป เพราะร่างของเขาหลอมละลายหมดสิ้น
เพลิงอมฤตยิ่งเผาก็ยิ่งสว่าง เหมือนกับว่าเพลิงของมันมีชีวิตและหมุนวนช้าๆ
กระแสหมุนวนก่อตัวเป็นรูป
เปลวเพลิงชำระทุกสิ่งที่อยู่ในบริเวณนั้น
ไม่ถึงครึ่งนาที เพลิมอมฤตก็เผาเงาร่างจ้าวปีศาจจนหลอมละลาย เหลือแต่เพียงมุกสีเงินเม็ดเล็กลูกหนึ่งตกมาอยู่ในมือของเย่ว์หยาง
เย่ว์หยางดึงมุกดำที่เหลือจากอสุรกายดำออกมาเทียบกัน เขาแน่ใจว่ามุกทั้งสองนี้มีความคล้ายคลึงกัน
ดูเหมือนว่าพวกมันทั้งคู่เป็นนักสู้รุ่นเก่าที่ถูกผนึกไว้ คำถามตอนนี้ก็คือผนึกแบบนี้ถูกสร้างโดยยอดฝีมือคนเดียวกันหรือไม่? เฮ้อ เขาจะสามารถครอบครองพลังผนึกที่ทรงพลังขนาดนั้นได้อีกเมื่อไหร่? เย่ว์หยางเพ่งมองไปในอนาคตจริงจัง ถ้าเขาสามารถเชี่ยวชาญวิชาผนึกแบบนี้ได้ ซุ่นเทียน, องค์ชายดำและประมุขนิกายพันปีศาจก็จะกลายเป็นแค่แมลงตัวน้อย
ในท้องฟ้า หงส์เพลิงอมฤตใช้จะงอยปากคาบก้อนของเหลวสีทองระยิบระยับบินลงมา
นี่คือสมบัติที่อยู่ภายในกล่อง ตอนนี้มันกลายเป็นของเหลวไปแล้ว
เย่ว์หยางยินดีมากรีบใช้ขวดหยกรองรับมันเอาไว้ และใช้จักษุญาณทิพย์ตรวจสอบดู “คุณพระช่วย! เทพเหล็กไหลดาวตกนี่นา”
ตามปกติเหล็กไหลโดยทั่วไป จะหมายถึงโลหะที่อยู่ในสภาพเป็นของเหลว
เทพเหล็กไหลดาวตกความจริงหมายถึงอาวุธหรือสมบัติระดับเทพในตำนานถูกใช้โดยนักสู้ที่มีความแข็งแกร่งมาก มันละลายกลายเป็นของเหลว… อาวุธเทพนี่มีความสามารถที่คงอยู่ได้โดยไม่มีทางแตกสลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่มีจิตวิญญาณรับรู้ อย่างเช่นดาบเทพจักรพรรดิอวี้และคทาเทพจักรพรรดิอวี้ ทั้งสองอย่างนั้นเป็นของที่มิอาจทำลายลงได้ อาวุธระดับเทพที่สามารถละลายกลายเป็นเทพเหล็กไหลได้นั้นมีเพียงหนึ่งในล้าน
นี่หมายความว่าเจ้าของสามารถสร้างเป็นอาวุธระดับเทพได้
เย่ว์หยางมั่นใจว่ากล่องทองตอนนี้เป็นส่วนหนึ่ง หรือชิ้นส่วนของอาวุธระดับเทพ มันถูกทำลายได้ยังไง เขาไม่รู้ พี่น้องหงส์เพลิงช่วยเขาได้มาก พวกเธอใช้เพลิงอมฤตหลอมชิ้นส่วนของอาวุธระดับเทพอย่างคาดไม่ถึง
ถ้าให้เย่ว์หยางทำ แม้ว่าเขาจะพยายามหลอมทุกวันเป็นประจำนานเดือนหนึ่งโดยไม่หยุดจนกว่าจะทรุดล้มลงด้วยความเหนื่อยล้า เขาก็คงไม่อาจจะหลอมให้มันละลายได้
ที่สำคัญยิ่งกว่า หลังจากที่พี่น้องหงส์เพลิงหลอมละลายมันได้แล้ว ไม่เพียงแต่คุณสมบัติอาวุธเทพไม่ได้เสียหายไปเท่านั้น แต่คุณค่าของมันก็ยังเพิ่มขึ้นอีกด้วย
เย่ว์หยางคงไม่มีความมั่นใจเช่นนี้ ถ้าให้เขาหลอมมันด้วยตนเอง หากสามารถรักษาคุณภาพดั้งเดิมของชิ้นส่วนอาวุธระดับเทพได้ก็นับเป็นปาฏิหาริย์แล้ว ตอนนี้ได้รับความช่วยเหลือจากพี่น้องหงส์เพลิง เย่ว์หยางก็ยิ่งมีความสุขมาก ด้วยพลังอสูรอมตะในมือของเขา โลกทั้งโลกก็เป็นของข้าแล้ว ตอนนี้พี่น้องหงส์เพลิงยังเป็นเด็กเล็กอยู่ ก็น่าประทับใจมากขนาดนั้นเสียแล้ว เมื่อพวกเธอโตขึ้นจะมสามารถสร้างความพินาศที่น่าหวาดหวั่นหรอกหรือ? ความจริงเย่ว์หยางต้องการจะกอดและจูบสองเด็กหญิงพี่น้องหงส์เพลิง แต่แย่ตรงที่พี่น้องหงส์เพลิงไม่ให้โอกาสเขาได้แสดงความรู้สึกเช่นนั้น
พอมองดูเทพเหล็กไหลดาวตกในขวด นัยน์ตาของเย่ว์หยางแทบจะปะทุออกมาเป็นรูปหัวใจ
ความจริงจะตำหนิเขาก็ไม่ได้ เพราะถ้าผู้อาวุโสคนแคระเห็นมันเข้าบางทีอาจยอมแก้ผ้าวิ่งโทงๆ ไปทั่วปราสาทพร้อมไชโยโห่ฮิ้วตลอดสามวันสามคืนก็เป็นได้
เทพเหล็กไหลดาวตกคือวัตถุที่ใช้สร้างอาวุธระดับเทพ
ยิ่งถ้าเขาได้เพิ่มวิญญาณนักรบในตำนานและหยดเลือดเทพลงไปอีก 2-3 หยด เขาก็สามารถสร้างอาวุธระดับเทพที่มีคุณภาพสูงได้ทันทีชิ้นหนึ่ง
ต่อให้ไม่มีวิญญาณนักรบหรือเลือดเทพ แค่สละอสูรรูปแบบวิญญาณหรือฝังมุกวิญญาณ, ผลึกมังกร ฯลฯ ด้วยวิธีลับ มันอาจกลายเป็นอาวุธเทพระดับหนึ่งได้ แต่อย่างน้อยที่สุดก็ยังเป็นอาวุธระดับเทพ
“ข้อเสียเล็กน้อยเพียงประการเดียวของสมบัตินี้ก็คือ มีแค่เพียงขวดเล็กๆ คงจะดีไม่น้อยถ้ามีสักถังหนึ่ง เย่ว์หยางถอนหายใจด้วยความรู้สึกโลภ เทพเหล็กไหลดาวตกไม่ใช่น้ำแร่ แค่มีหนึ่งขวดเล็กก็ทำให้คนอื่นๆ อิจฉาแล้ว ถ้าว่าโดยเจาะจง เทพเหล็กไหลดาวตกยังมีค่ามากกว่าอาวุธชั้นเทพเสียอีก อาวุธชั้นเทพเลือกเจ้าของเอง แต่เทพเหล็กไหลดาวตกสามารถสร้างได้ด้วยตนเอง เทพศัสตราที่ทำเอง เทียบทั้งสองอย่างกันแล้ว แม้แต่คนโง่ก็ยังเลือกเทพเหล็กไหลดาวตก
“ครืดดดด..” เป่าเอ๋อยังคงหลับสนิทไม่รู้เรื่องราว
เย่ว์หยางแอบเอาเข็มสะกิดนิ้วของนางเบาๆ แต่นางแค่ชักนิ้วเล็กน้อย ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาแม้แต่น้อย
เย่ว์หยางคว้านิ้วของนางและหยดเลือดลงไปในเทพเหล็กไหลดาวตก ทันใดนั้นแสงสีรุ้งสว่างขึ้นมากระจายไปทั่วทั้งถ้ำ
เลือดสาวพรหมจรรย์ทำให้เทพเหล็กไหลดาวตกคงสภาพเป็นของเหลวได้นาน กล่าวกันว่าถ้ารวบรวมเลือดสาวพรหมจรรย์เก้านาง ก็สามารถเพิ่มพลังของเทพศัสตราได้อีกหนึ่งระดับเมื่อตอนหล่อเทพศัสตรา
แน่นอนว่า ขณะที่ใช้เลือดของเป่าเอ๋อ เย่ว์หยางคงไม่มีทางบอกเรื่องนี้กับเด็กสาวเอลฟ์ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นางปลาบปลื้มดีใจเกินไป
เขาแยกเทพเหล็กไหลดาวตกเก็บไว้ และเก็บมุกเงิน
ทันทีที่เย่ว์หยางเข้าไปในถ้ำลึกที่ปลดผนึกออกแล้ว ภายในนั้นมีอักขระโบราณนับไม่ถ้วน เหมือนกับว่าเป็นบันทึกบางอย่าง เย่ว์หยางอ่านไม่ออกแม้แต่ตัวเดียว แต่เขาเชื่อว่าถ้าเขาเอากลับไป, หญิงงามอู๋เหินก็คงจะแบ่งปันความรู้กับเขาอย่างมีความสุข หลังจากคัดลอกไว้แล้ว เย่ว์หยางพบวงแหวนผนึกวงหนึ่ง แย่หน่อยที่มันพังไปแล้ว หลังจากเย่ว์หยางพยายามฝืนเปิดมัน เย่ว์หยางพยายามคัดลอกไว้และลองผนึกนักสู้ปราณก่อกำเนิดด้วยตัวเขาเองเพื่อไว้ฝึกฝน
เหมือนเป็นกฎอย่างหนึ่ง เขาทำการคัดลอกวงแหวนผนึก เพื่อนำไปให้สาวงามอู๋เหินได้ค้นคว้า
หลังจากออกมาจากถ้ำ เย่ว์หยางพบว่าบนผนังหินปรากฏมีแสงฉายอยู่บนนั้น ผนังหินร่วงกราวเผยให้เห็นวงแหวนเทเลพอร์ท นี่น่าจะเป็นวงแหวนเทเลพอร์ตนำเข้าสู่ใจกลางวของวังเบญจธาตุเป็นสถานที่ถัดไป
เย่ว์หยางยืนอยู่บนวงแหวนเทเลพอร์และป้อนพลังงานบางอย่าง
เขาถูกเทเลพอร์ตภายในพริบตา
วินาทีต่อมา เย่ว์หยางพบว่าตนเองอยู่บนพื้นผิวของสิ่งที่ดูเหมือนเป็นทะเลใต้พิภพ ผีทะเลและปีศาจไซเรนหลายสิบตัวว่ายน้ำรี่เข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว
ในใจกลางของทะเลใต้พิภพ มีเกาะเล็กที่ส่องแสงสว่างรำไร
บนชายหาดไกลออกไป มีนกนางนวลวายุเป็นพันกำลังไล่จู่โจมทำร้ายพวกนักผจญภัยจนหนีกระเจิดกระเจิง
ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นการโจมตีที่อ่อนแอของนกนางนวลวายุ อสูรทองแดงระดับห้าเนื่องจากมันเป็นอสูรระดับต่ำ คนพวกนี้คงตายไปนานแล้ว เย่ว์หยางมองเห็นนักผจญภัยที่ดูเหมือนจุดดำจากที่ไกล แต่เขาไม่ได้ให้ความสนใจพวกนั้น เขาหันไปทางเกาะและเริ่มเหยียบย่างอยู่บนคลื่นแทน ก่อนที่นางไม้ทะเลและปีศาจไซเรนที่ตั้งใจจะเข้ามาโจมตีจะมีโอกาสได้เข้ามาใกล้ พวกมันก็ตระหนักได้ว่ามีปีศาจอสรพิษน้อยตนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น จากนั้นก็ตามด้วยเมดูซ่าศิลาและนางเงือกวายุปรากฏตัวขึ้น พวกมันถึงกับแตกกระจัดกระจายไปทุกทิศทาง เมดูซาศิลาไม่ได้ไล่ตามพวกมัน แต่นางกลับเรียกฉลามเสือทองออกมาให้เย่ว์หยางขี่แทน
นางเงือกพายุสร้างคลื่นขนาดใหญ่ ช่วยให้ฉลามเสือทองได้ว่ายน้ำได้เร็วขึ้นและมุ่งหน้าตรงไปที่เกาะน้อยแห่งนั้น
นางไม้ทะเลและปีศาจไซเรน แตกหนีกระเจิงด้วยความหวาดกลัว
แม้ว่าพวกมันจะไม่มีปัญญา แต่สัญชาตญาณบอกพวกมันได้ถึงอันตราย
ห่างออกไปราวๆ สิบกิโลเมตร เจ้าอ้วนไห่กำลังปวดหัวอย่างหนักกับนกนางนวลวายุที่ไล่กวดเขากระชั้นชิด อย่างไรก็ตามทั้งสองต่างก็เหนื่อยพอกัน
เมื่อเจ้าอ้วนไห่พัก นกนางนวลวายุก็พักด้วย เหมือนกับว่ามันก็เหนื่อยเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เจ้าอ้วนไห่ยืนขึ้น มันจะเริ่มบินทันทีและไล่ตามต่อ ไม่ยอมปล่อยเจ้าอ้วนนี้
“ได้โปรดเถิด.. ข้าขอร้อง, ปล่อยข้าไปได้ไหม! เจ้าอ้วนไห่ร่ำๆ จะร้องไห้ นี่มันสถานที่บ้าบออะไรกัน? ไม่มีสหายของเขาอยู่แถวๆ นี้เลย เขาไม่รู้สถานที่ๆ จะเทเลพอร์ตออกไป ได้แต่ทนทุกข์ทรมานอยู่ที่นี่ แต่ดันมีนกนางนวลวายุที่ไม่ยอมปล่อยให้เขาอยู่ตามลำพัง เขาก็แค่อยากจะจับมันย่างกินเท่านั้น ตอนนี้มันกลับเล่นงานเขากลับคืนเป็นร้อยเท่า นี่มันจะไม่ยอมยกโทษให้เขาเลยหรือ?
“ช่วยด้วย, ช่วยด้วย!” ทันใดนั้นเจ้าอ้วนไห่ได้ยินใครบางคนร้องให้ช่วย และคนๆ นั้นกำลังร้องเรียกมาทางเขา มองไปรอบๆ เจ้าอ้วนไห่เห็นนางนวลจำนวนมากร้องอยู่เต็มท้องฟ้ากำลังไล่กวดพวกนักผจญภัยจำนวนหนึ่งอยู่
เจ้าอ้วนไห่สะดุ้งเฮือกทันที นกนางนวลวายุตัวเดียวก็ทรมานเขาพอแล้ว ขืนมีเป็นพันตัวพวกมันได้กินเขาทั้งเป็นแน่
เจ้าอ้วนไห่ไม่ได้มีนิสัยชอบทำความดีเหมือนอย่างเหลยเฟิงเยาวชนดีเด่นพรรคคอมมิวนิสต์ เมื่อเขาได้ยินคนอื่นๆ ร้องขอความช่วยเหลือ ความคิดแรกของเขาก็คือช่วยชีวิตที่น่าสงสารของตนเองก่อน
เขากางแขนกางขาวิ่งออกไปอย่างบ้าคลั่งเต็มกำลัง
นกนางนวลวายุยังคงไล่ตามเขาไม่ลดละ
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่งโมง
ด้วยความชั่วเหลือของเสี่ยวเหวินหลี, เมดูซ่าศิลาและนางเงือกพายุ เย่ว์หยางเอาชนะปีศาจฟันทะเลองครักษ์พิทักษ์ตำหนักวารีได้รับสมบัติของตำหนักวารี “มุกผนึกมังกร”อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตาม สุราทิพย์หาไม่พบเลย นักสู้ปีศาจที่ถูกเขากำจัดไปคงจะโกหกเพื่อให้เย่ว์หยางประมาท
พอขี่ฉลามเสือทอง ทำให้เขาข้ามทะเลได้อย่างง่ายดาย ในทันใดนั้นเขาได้พบเจ้าอ้วนไห่นอนหงายเหยียดยาวอยู่ริมชายหาดคล้ายกับสุนัขตาย
ข้างๆ เขามีนกนางนวลวายุอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้กัน
“เจ้ามัวทำอะไรอยู่ตรงนี้?” เย่ว์หยางถามเจ้าอ้วนไห่ที่นอนอยู่บนชายหาดด้วยความสงสัย ตอนนี้หัวของเขาก็พาดอยู่บนประตูเทเลพอร์ตอยู่แล้วไม่ใช่หรือ? ประตูเทเลพอร์ตนั่นใช้ได้หรือเปล่า?
“จะเกิดอะไรเสียอีกเล่า? ไอ้นกบ้านี่ มันไล่กวดข้าอยู่ตลอดเวลา ข้าก็ต้องหนีน่ะสิ แต่มันก็ยังไล่ตามข้าไม่หยุด จากนั้นข้าก็ได้แต่หนีและมานอนเหนื่อยหอบอยู่ตรงนี้แหละ” เจ้าอ้วนไห่พยายามอธิบายอย่างยากลำบาก เขาพบว่าเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายด้วยตนเอง อย่าว่าแต่คุยกับเย่ว์หยางเลย เขายังไม่อาจเชื่อเลยว่า นกนางนวลอสูรทองแดงระดับห้าจะเล่นงานเขาสะบักสะบอมได้ขนาดนี้ นี่เป็นไปได้อย่างไร พูดไปใครจะเชื่อ?
“ก็ได้ ก็ได้ อย่างนั้นเจ้าค่อยๆ ไปก็แล้วกัน” ดูเหมือนเย่ว์หยางจะเข้าใจดี ก่อนที่เขาจะจากไป เขาแสดงความคิดเห็นว่า “เจ้านกน้อยตัวนี้ไม่เลวเลยนะ ดูมันฉลาดมากทีเดียว”
“เจ้าได้ยินหรือเปล่า? เขาชมว่าเจ้าฉลาด! เย่ว์หยางเจ้าเด็กบัดซบนี่ยากจะยกย่องชมใครเสียด้วย” เจ้าอ้วนไห่ตะโกนลั่นไปทางนกนางนวลซึ่งเหนื่อยจนหมดเรี่ยวแรง เจ้าอ้วนไห่ย่องเข้าไปหามัน ทันใดนั้นเขาพุ่งเข้าไปจับมัน แต่นกนางนวลวายุกระพือปีและบินขึ้นไปในอากาศ ไม่ยอมให้เจ้าอ้วนไห่จับมัน
ทันทีที่เจ้าอ้วนไห่เห็นว่าเย่ว์หยางจากไปจริงๆ เขาเริ่มวิ่งตามเย่ว์หยางไปติดๆ ด้วยความกลัว
นกนางนวลวายุพ่นมีดสายลมออกมาเข้าที่ก้นอวบอ้วนของเจ้าอ้วนไห่ ทำให้เขาล้ม เจ้าอ้วนไห่โกรธจนควันออกหู “แม่งเอ๊ย, จะจับก็ไม่ยอมให้ข้าจับเจ้า มิฉะนั้นข้าสาบานว่าจะถอนขนเจ้าทีละเส้น ถ้าเจ้ามีความกล้าก็ออกมาสู้กับข้าตรงนี้ตัวต่อตัว แกล้งข้าตรงนี้ไม่นับ มาเลย ตามข้ามา ถ้าเจ้ามีความกล้า โธ่เอ๊ย, ข้าลืมไป ข้ามีม้วนทำสัญญานี่ เจ้าได้เป็นเนื้อตายแน่ ทันทีที่ข้าทำสัญญาสำเร็จ ข้าจะปิ้งเจ้าอย่าหนีนะ ถ้าเจ้ามีความกล้า!”
ทันทีที่เห็นเจ้าอ้วนไห่ล้วงม้วนเวททำสัญญาออกมา นกนางนวลฉลาดก็ตระหนักได้ว่าเหตุการณ์จะพลิกผัน มันหันหลังบินหนีทันที
เจ้าอ้วนไห่ชำเลืองไปทางเย่ว์หยางที่จากไปแล้ว เขากัดฟันและตัดสินใจรับนกนางนวลตัวนี้ไว้ดูแล เขาสาวเท้าไล่ตามมันต่อเนื่อง ตอนนี้สถานการณ์พลิกผัน เมื่อครู่นี้ยังเป็นนกไล่คน แต่ตอนนี้กลายเป็นคนวิ่งไล่นกเสียแล้ว
ทันใดนั้น เย่ว์หยางก็เทเลพอร์ตเข้าตำหนักไม้
ป่าทั้งผืนเต็มไปด้วยดอกไม้และเถากินคน แต่ทันทีที่นางพญาดอกหนามมงกุฎทองปรากฏ พวกมันกลับประพฤติตัวดี ยิ่งกว่าเด็กว่านอนสอนง่ายเป็นร้อยเท่า ทุกต้นทุกตนล้วนยืนต้นสงบเสงี่ยม
มิใช่แต่เพียงเท่านั้น ต้นไม้กินคนตามรายทางกลับชี้ทางบอกตำแหน่งให้เย่ว์หยาง นำเขาให้เข้าไปใจกลางตำหนักไม้ ที่ตั้งของไม้ดึกดำบรรพ์หมื่นปี
*************