บทที่ 23: ขอบเขตเซียนเทียน ฆ่าแม้แต่ผี
บทที่ 23: ขอบเขตเซียนเทียน ฆ่าแม้แต่ผี
ซุยเฮ็งค่อยๆ เดินเข้าไปหาโจรปล้นสุสานด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เมื่อมาถึงขอบเขตแก่นแท้ทองคำขั้นสมบูรณ์แล้ว ประสาทสัมผัสทั้งห้าของเขาก็เฉียบคมขึ้นมาก แม้ว่าเขาจะอยู่ในห้องด้านในสุดของสุสาน แต่เขาก็ยังสามารถได้ยินเสียงจากข้างนอกได้อย่างชัดเจน
เขาสามารถบอกได้ทันทีว่า “พี่ใหญ่” คนนี้กำลังพยายามจะฆ่าลูกน้องของตนเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน
“พี่ใหญ่” คนนี้วางยาพิษใส่คนอื่นๆ และเมื่อถึงเวลาที่สุสานเปิดออก พิษก็จะออกฤทธิ์และเขาก็จะสามารถเอาสมบัติทั้งหมดไปครองแต่เพียงผู้เดียวได้
อย่างไรก็ตาม ซุยเฮ็งก็ยังรู้สึกสับสนเล็กน้อย
ทำไมคนธรรมดาถึงกล้าปล้นสุสาน? พวกเขาไม่กลัวว่าจะเจอภูตผีวิญญาณพวกนี้บ้างหรอ?”
แม้ว่าหวังปาและคนอื่นๆ จะมีความสามารถในการต่อสู้และแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปมาก แต่พวกเขาก็ยังเป็นเพียงคนธรรมดาในสายตาของซุยเฮ็ง
“อ้าก! ตายซะเถอะ!”
ในขณะนี้ หวังปาก็ดูเหมือนจะหวาดกลัวจนเสียสติไปแล้ว
เมื่อเขาเห็นซุยเฮ็งที่กำลังเดินเข้ามาหาเขาอย่างช้าๆ เขาก็ชักมีดสั้นที่เอวออกมาและพุ่งตรงเข้าหาซุยเฮ็ง เขายกมีดสั้นของเขาขึ้นเหนือศีรษะและจวกมันลงไปที่ศีรษะของซุยเฮ็งอย่างสุดแรงเกิด
ในขณะนี้ สติของจ้าวกวงก็พร่ามัวมากเต็มทีแล้ว เขากำลังจะตายลงในไม่ช้า อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเห็นฉากนี้ เขาก็ยังคงต้องตกตะลึงให้กับความบ้าคลั่งของหวังปา
ไอ้บ้านี่จะฆ่าแม้แต่ผี!
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถัดไปก็ทำให้เขาหวาดกลัวจนตัวสั่นยิ่งกว่า มันทำให้เขาเกือบจะฟื้นคืนสติขึ้นมาในทันที
“ผี” ไม่ได้หลบเมื่อต้องเผชิญหน้ากับมีดสั้นของหวังปา ยิ่งไปกว่านั้น “ผี” ยังกลับสูดหายใจเข้าลึกๆ และหายใจออก—
บู้มมมม!
เสียงระเบิดดังกึกก้องในสุสานขนาดใหญ่ จากนั้นพายุทอร์นาโดก็ปรากฏขึ้นข้างในสุสาน!
มันดูดหวังปาเข้าไปโดยตรงและบดขยี้เขาจนแหลกละเอียดกลายเป็นผุยผง
มันไม่เหลือเศษเนื้อแม้แต่เพียงชิ้นเดียว
หวังปาถูกทำลายสลายกลายเป็นเถ้าธุลีไปแล้ว!
จ้าวกวงตกตะลึงอย่างสมบูรณ์ เขาเกือบจะเผลอคิดว่านี่เป็นภาพลวงตาก่อนที่เขาจะตาย มันจะมีสักกี่คนบนโลกกันที่สามารถเป่าให้สลายกลายเป็นเถ้าถ่านได้ด้วยลมหายใจ?
แม้แต่ผู้ที่เรียกกันว่าเซียนและผู้อาวุโสสูงสุดในยุทธภพก็ยังทำแบบนั้นกันไม่ได้เลย!
ผีเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ขนาดนั้นเลยหรอ?
อย่างไรก็ดี จ้าวกวงก็ไม่มีเวลาจะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก
นั่นเป็นเพราะเขาเห็น “ผี” กำลังเดินเข้ามาหาเขาหลังจากที่เป่าทรราชชั่วสลายไปในลมหายใจเดียว
เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ จ้าวกวงซึ่งมีเลือดไหลออกมาจากช่องทวารทั้งเจ็ดก็ได้หลับตาลงและเตรียมพร้อมที่จะตายแล้ว
“เจ้ามีคำพูดอะไรจะสั่งเสียไหม?” ซุยเฮ็งหยุดอยู่ต่อหน้าจ้าวกวงและมองไปที่เขาอย่างสงบ
ในขณะนี้ ร่างทั้งร่างของจ้าวกวงก็ได้ถูกพิษกัดกร่อนและเขาก็กำลังจะตาย
แน่นอนว่าซุยเฮ็งมีวิธีรักษาอีกฝ่าย เขาเพียงต้องใส่พลังปราณของเขาของเขาไปในร่างกายของอีกฝ่ายเพื่อขจัดพิษออกจากร่างกายของอีกฝ่าย
อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่สนใจที่จะทำเช่นนั้น
ก่อนที่จะรู้ถึงสถานการณ์ความเป็นไปของโลกใบนี้ การช่วยชีวิตคนแปลกหน้าอย่างหุนหันพลันแล่นก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดี มันอาจทำให้เขาเดือดร้อนโดยไม่จำเป็นได้
ท้ายที่สุดแล้ว นี่ก็ไม่ใช่พื้นที่มิติสำหรับผู้เริ่มต้น
“ท่านเป็นไม่ใช่ผี!”
ใบหน้าของจ้าวกวงดูตกใจมากหลังจากได้ยินเสียงของอีกฝ่าย “ท่านเป็นมนุษย์ แต่มนุษย์จะไปมีพละกำลังมหาศาลเช่นนี้ได้อย่างไร?”
ความผันผวนทางอารมณ์ที่รุนแรงทำให้อาการของเขาย่ำแย่ลง เขารีบพูดว่า “เอาเถอะ โปรดช่วยดูแลภรรยาและครอบครัวของข้าทีจะได้ไหม ข้าจะให้เงินจำนวนมากแก่ท่านเป็นการตอบแทน”
ครอบครัวของเขาเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เขากังวลมากที่สุดในตอนนี้
ซุยเฮ็งยังคงไม่ไหวติง
จ้าวกวงตื่นตระหนกและพูดว่า “ข้า.. ข้ายังมีคัมภีร์วรยุทธ์อยู่อีก มันคือวิชากระบี่ทานตะวันที่เคยสั่นสะเทือนยุทธภพเมื่อ 20 ปีก่อน ตราบใดที่ท่านให้สัญญากับข้า ข้าก็จะบอกท่านว่ามันอยู่ที่ไหน! แค่ก!”
ซุยเฮ็งขมวดคิ้ว ด้วยความคิดเดียว เขาก็แอบปล่อยเศษเสี้ยวพลังปราณของเขาออกมาและชะลอการไหลเวียนของพิษในร่างกายอีกฝ่าย จากนั้นเขาก็ถามว่า “วิชากระบี่ทานตะวันนี้ทรงพลังมากแค่ไหน?”
“ท่านไม่รู้จักวิชากระบี่ทานตะวันอย่างงั้นหรอ?” จ้าวกวงตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“บอกข้าสิ” ซุยเฮ็งยิ้ม
“เป็นไปได้ยังไงกัน!” จ้าวกวงมองไปที่ซุยเฮ็งด้วยความไม่เชื่อ “เมื่อ 20 ปีที่แล้ว หลินหนานถูซึ่งแต่เดิมเป็นเพียงคนรับใช้ของบริษัทคุ้มกันได้บังเอิญไปพบเข้ากับวิชากระบี่ทานตะวัน และไม่นานจากนั้น เขาก็ได้กลายมาเป็นยอดฝีมือระดับแนวหน้าในเวลาเพียงสามปี!”
“สิบปีต่อมา เขาใช้โอกาสนี้เพื่อก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทียน แสงกระบี่ของเขาทรงพลังจนมิอาจหยุดยั้ง และแม้แต่เกราะเหล็กก็ยังไม่สามารถต้านทานการโจมตีของเขาได้แม้แต่ครั้งเดียว”
“ครั้งหนึ่ง เขาเคยบังคับขับไล่กองกำลังร่วมของเหล่าสำนักใหญ่กับกองทหารม้าหลายร้อยนายจากราชสำนักจนต้องถอยกลับไปได้ด้วยมือเพียงข้างเดียวได้ และนับจากนั้นเป็นต้นมา เขาก็ได้ครองยุทธภพ!”
ด้วยความสำเร็จอันน่าเหลือเชื่อของหลินหนานถู วิชากระบี่ทานตะวันจึงกลายมาเป็นเคล็ดวิชาวรยุทธ์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก
ต่อมา หลินหนานถูได้ถูกฆ่าตายและวิชากระบี่ทานตะวันก็ได้หายสาบสูญไป อย่างไรก็ตาม ตลอดช่วง 20 ปีที่ผ่านมา เมื่อมีข่าวลือใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ผุดขึ้น มันก็จะทำให้เกิดการนองเลือดขึ้นที่นั่น
แบบนี้แล้วจะมีใครบนโลกนี้อีกบ้างที่ไม่รู้จักวิชากระบี่ทานตะวัน?!
จ้าวกวงไม่สามารถเข้าใจได้ และด้วยความตื่นตระหนก เขาก็ไม่ได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของเขาเลยด้วยซ้ำ
“ขอบเขตเซียนเทียน? ครองยุทธภพ?” สีหน้าของซุยเฮ็งดูแปลกใจอย่างมากในขณะที่เขาถามขึ้นอีกครั้ง “แล้วขอบเขตอื่นที่อยู่เหนือกว่าขอบเขตเซียนเทียนล่ะ?”
“เหนือกว่าขอบเขตเซียนเทียน?” จ้าวกวงดูเหมือนจะสับสนเล็กน้อยกับคำถาม เขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและถามกลับด้วยความสงสัยว่า “มันยังมีขอบเขตที่อยู่เหนือกว่าขอบเขตเซียนเทียนอยู่อีกหรอ? ข้า.. ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย”
“เจ้าเคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับขอบเขตเทพหรือขอบเขตเซียนบ้างไหม?” ซุยเฮ็งถามอีกฝ่ายอีกครั้ง
“มันคืออะไร? เซียนในหนังสือน่ะหรอ?” จ้าวกวงรู้สึกสับสนมากยิ่งขึ้น เขาไม่เข้าใจว่าชายคนนี้กำลังพูดเรื่องอะไร คำถามที่อีกฝ่ายถามเขามานั้นแปลกมาก “เดี๋ยวก่อนนะ… ทำไมร่างกายของข้ามันถึง...?”
ในขณะนี้ ในที่สุดเขาก็ค้นพบการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของเขา
ความเจ็บปวดในร่างกายของเขาหายไปและจิตใจที่สับสนมึนงงของเขาก็กลับมาเป็นปกติ ในขณะนี้ เขาก็รู้สึกว่าสภาพร่างกายของเขานั้นดีขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!
เป็นไปได้อย่างไร!
นั่นคือพิษที่ทรงพลังที่สุดในยุทธภพ “พิษเจ็ดสุสาน!”
หลังจากตระหนักได้ว่าเขาถูกวางยาพิษ จ้าวกวงก็สามารถตระหนักได้ในทันทีว่าเขาถูกวางยาพิษชนิดใดโดยพิจารณาจากสภาพร่างกายของเขาเอง
ว่ากันว่าแม้แต่เซียนก็ยังพบว่ามันยากที่จะช่วยเหลือผู้ที่ถูกวางยาพิษ พวกเขาทำได้แค่เพียงรอความตาย
มันไม่มีข้อยกเว้นใดๆ!
ถึงกระนั้น เขาก็กลับแก้พิษได้โดยไม่มีเหตุผล?
หรือมันจะเป็นเพราะ…
ใบหน้าของจ้าวกวงเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ เขาเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วและมองไปที่ซุยเฮ็ง อย่างไรก็ดี ทั้งหมดที่เขาเห็นก็มีเพียงสุสานที่มืดมิด
ชายลึกลับก่อนหน้านี้ได้หายตัวไปแล้วอย่างไร้ร่องรอย!
“ถ้าเจ้าต้องการจะดูแลครอบครัวของเจ้า เจ้าก็จะต้องทำมันด้วยตัวของเจ้าเอง ข้าไม่มีเวลามาทำเรื่องแบบนั้นหรอกนะ”
เสียงของซุยเฮ็งลอยเข้ามาจากนอกสุสาน มันไม่ต่างอะไรไปจากเสียงจากสวรรค์
ฟึ่บ!
จ้าวกวงคุกเข่าลงกับพื้นและก้มหัวคำนับไปทางด้านนอกของสุสานด้วยความเคารพ
“ขอบคุณที่ช่วยชีวิตข้าท่านเซียน! จากนี้ไปข้าจะสั่งสมกรรมดีและทำความดีไปตลอดอย่างแน่นอน ข้าจะทำงานเพื่อประโยชน์ของส่วนรวมและตอบแทนความเมตตาของท่าน!”
…
ซุยเฮ็งไม่จำเป็นจะต้องยกนิ้วขึ้นเพื่อกำจัดสิ่งที่เรียกว่า “พิษอันดับหนึ่ง” แต่อย่างใด
การขจัดมันออกไปนั้นเป็นเรื่องง่ายๆ ราวกับการหายใจเข้าออก
หลังจากที่เขาออกมาจากสุสาน เขาก็นึกถึงคำพูดของจ้าวกวงและหายใจเข้าลึกๆ
“ระบบ! นี่คือโลกเซียนระดับสูงจริงๆ หรอ? ทำไมฉันถึงรู้สึกว่านี่มันเป็นเพียงโลกฝึกตนธรรมดาๆ กัน?”
[ เรียนโฮสต์ที่เคารพ! ระยะเวลาการเป็นผู้เริ่มต้นของท่านได้หมดลงเรียบร้อยแล้ว โปรดชำระค่าธรรมเนียมและอัพเกรดเป็นแพ็คเกจการฝึกตนแบบรอบด้าน ระบบจะยังคงปกป้องเส้นทางสู่การเป็นเซียนของท่านต่อไป!]
ไอ้บ้าเอ้ย!
“ไอ้หน้าเงิน!”