ตอนที่แล้วตอนที่ 397 ซุ่มโจมตี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 399 คำทำนายของอาซิ่ว

ตอนที่ 398 ชัยชนะที่ด้อยค่า 


รังสีแสงที่เปลี่ยนสภาพเป็นหอกแสงที่แหลมค,เจิดจ้ารบกวนสายตาหลิวจงกวง ขนที่ราบเรียบของเขาลุกชัน ภาพที่เห็นเหมือนกับอสูรดวงดาวขนาดมหึมาพุ่งผ่านไป

ในชั่วเวลานั้นหลิวจงกวงรู้สึกหัวสมองว่างเปล่า

รังสีหอกที่แหลมคมแทงแหวกเข้าไปในฝูงคน

ไม่มีใครคิดเลยว่ากองทัพหมาป่าจะโจมตีอย่างหนักหน่วงและบ้าระห่ำ นักสู้หลายคนไม่มีเวลาป้องกันตัวและต้องเผชิญกับรังสีหอก  พวกเขาได้แต่ต้านรับอย่างตื่นเต้น

ฉัวะฉัวะ ฉัวะ

รังสีหอกแทงร่างพวกเขาโดยไม่มีชะงักลังเล  ทิ้งไว้แต่รูที่น่ากลัว เต็มไปด้วยเลือดโลหิตฉีดพุ่งรดรังสีหอก บรรยากาศเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

แคล้งแคล้ง!

เสียงแสบแก้วหูสองครั้งดังขึ้นในเวลาเดียวกัน

คลื่นการโจมตีระลอกแรก  มีนักสู้รอดอยู่สามคนคือชายชราผู้หมุนควงไม้เท้าสตรีชุดดำผู้ใช้ห่วงฟันเลื่อยคู่และคนสุดท้ายก็คือบริวารของอูเซี่ย ม่อเป่า

วิชาไม้เท้าของชายชราดุร้ายยิ่งนักเขาเผชิญหน้ากับรังสีหอกไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย เขาตวาดก้อง ผมเคราชี้ชันและหวดฟาดไม้เท้า พอไม้เท้าเขากระทบ รังสีหอกก็แตกระเบิดทันที เขาถอยไปสองสามก้าวจากแรงระเบิด ชุดของเขาฉีกขาด

สตรีชุดดำตั้งหลักได้อย่างรวดเร็ว  เมื่อรังสีหอกพุ่งมาถึงนาง นางซัดห่วงฟันเลื่อยด้วยมือขวานาง ห่วงฟันเลื่อยสีเขียวพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้าหลังจากนั้นร่างสตรีชุดดำก็มาปรากฏที่ห่วงฟันเลื่อยเขียวทันทีหลบพ้นจากรังสีหอกได้

ม่อเป่าไม่มีทางเลือกที่จะหลบได้  เขาต้องการทดสอบน้ำหนักของพลังโจมตี  เขาอยู่ในท่านั่งม้าดาบด้ามห่วงในมือของเขาฟันลงตรงๆ ไม่มีล่อหลอก รังสีหอกระเบิดทันที ร่างของม่อเป่าไม่ถอยสักก้าว แต่ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวน่าเกลียด

หลิวจงกวงค่อยรู้สึกตัว  หน้าของเขาซีดและเริ่มมีสีแดงเขาลอบหัวเราะนิสัยขี้ขลาดของตนเองซึ่งไม่เคยเปลี่ยน เพราะความตกใจ

มาตรฐานของกองทัพหมาป่านับว่าสูงจริงๆ  คำว่ามาตรฐานนี้ไม่ได้รวมถึงพลังของแต่ละคนซึ่งโดดเด่น แต่หมายถึงการร่วมมือกันในกลุ่มในกองนั้นสมบูรณ์เกินไป การโจมตีก่อนนั้นรังสีดาบทั้งสิบเล่มได้ผสานกันเป็นหนึ่งเดียว ไม่มีพลังรั่วหรือสูญหายรวมพลังกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ มีแต่กองทัพที่มีมาตรฐานจึงจะทำได้อย่างนั้น

รูปแบบการรวมพลัง  ด้วยมาตรฐานเช่นนั้นก็หมายความว่าพวกเขาเป็นหน่วยทหารชั้นหนึ่งที่เพิ่งก่อตั้งยังไม่นาน

แต่พลังของทหารแต่ละคนยังแตกต่างกันอยู่บ้าง  ถ้าเป็นหนึ่งในหกกองพลของราชสีห์เลโอน  ผลครั้งแรกจะไม่มีผู้ใดรอดชีวิต  นั่นเป็นเพราะทหารแต่ละคนของหกกองพลใหญ่ของราชสีห์แข็งแกร่งมาก

หลิวจงกวงรู้สึกทันทีว่าความคิดของเขาช่างน่าขัน  เขาเอากองทัพหมาป่ามาเทียบกับหกกองพลราชสีห์ กองทัพเล็กและกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในสวรรค์วิถีเอามาเทียบกันเป็นเรื่องตลกสิ้นดี

แต่ในใจของเขานั้นต้องยอมรับ กองทัพภายใต้บังคับบัญชาของถังเทียน มีมาตรฐานอยู่บ้างจริงๆ

บุรุษชราที่เพิ่งป้องกันการโจมตีได้ปราณของเขากลายเป็นปั่นป่วน เขาตะโกนขึ้นอย่างตื่นเต้น “รอสักเดี๋ยวเถอะ เฒ่าผู้นี้ซึ่งมาจากกลุ่มดาวอินทรี...”

“กลุ่มดาวอินทรี!”

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึง  กลุ่มดาวอินทรีเป็นหนึ่งในสิบตำหนักระนาบกลางปัจจุบันนี้ไม่มีตำหนักระนาบกลางแห่งไหนที่อ่อนแอเลย  พวกเขาคือกลุ่มดาวในแนวระนาบกลางประกอบไปด้วยกลุ่มดาวสุนัขเล็ก, กลุ่มดาวนกอินทรี, กลุ่มดาวคนแบกงู  กลุ่มดาวงู กลุ่มดาวเซกซ์แทนส์ กลุ่มดาวงูทะเล(ไฮดรา) กลุ่มดาวยูนิคอร์น กลุ่มดาวนายพรานและกลุ่มดาววาฬ

อาเดรียนมาจากกลุ่มดาวนายพราน,ท่านอูเซี่ยมาจากกลุ่มดาวหมีใหญ่พวกเขาคาดไม่ถึงเลยว่ากลุ่มดาวอินทรีก็มาถึงด้วยเช่นกัน

เป็นสถานการณ์ที่ยุ่งเหยิงอย่างแท้จริง!

“กลุ่มดาวอินทรี อ๋า!”  ถังเทียนหยัน

ชายชราคลายใจ ความคิดเขาแต่เดิมต้องการจะฉวยโอกาสจากสถานการณ์เพื่อประโยชน์ตนเอง  แต่เขาคาดไม่ถึงเลยว่าพลังของถังเทียนเกินคาดหมายของเขาไปมาก  ด้วยการมีอำนาจที่เด็ดขาดอย่างกลุ่มดาวอินทรีคอยหนุนหลังเขา  ไม่ว่าถังเทียนจะทรงพลังขนาดไหนเขาก็ยังไม่เห็นถังเทียนอยู่ในระดับเดียวกัน

เขายังคลายใจและแสดงท่าทางหยิ่งยโสจนติดเป็นนิสัยเห็นได้อย่างชัดเจนมากขึ้น  เขารอให้ถังเทียนเปิดทางออกให้เขา  ตราบใดที่เขาไม่ใช่คนโง่  เขาจะไม่มีทางต่อต้านกลุ่มดาวอินทรีในช่วงเวลานั้นแน่นอน

กองทัพอินทรีคือหนึ่งในกองทัพชั้นสูงที่มีชื่อเสียงของสวรรค์วิถี  กลุ่มดาวหมาป่าคือชนบทอยู่แถวไหนกันแน่?

“แค่เพียงเพราะเจ้ามาจากกลุ่มดาวอินทรี เจ้าเลยคิดว่าเจ้าสามารถจู่โจมทำร้ายข้าได้ใช่ไหม?”

ชายชราตะลึงเขาคิดว่าได้ยินผิดไป ดังนั้นเขาเชิดหน้าเหลือบมองเห็นมือขวาของถังเทียนกำหมัด นิ้วหัวแม่มือของเขาชี้ที่หน้าซึ่งดูดุร้ายของเขา

นี่มัน...

ถังเทียนเชิดคางประกาศกร้าวเหมือนกับพวกอันธพาลตามท้องถนน“แค่เพราะเจ้ามาจากกลุ่มดาวอินทรี แล้วนึกว่าจะวิ่งเข้ามาหาเรื่องในถิ่นของคุณชายผู้นี้ตามใจชอบอย่างนั้นหรือ?”

นัยน์ตาของเขาเหมือนมีไฟลุกโชน  เขาแค่นเสียงใส่ชายชราที่อยู่ในสภาพจนใจ  และด้วยสีหน้าท่าทางที่เย็นชาและไว้ตัวเขาค่อยๆ กล่าวเสียงรอดไรฟัน “ฆ่ามัน!”

ชายชราตกตะลึง  “เขาบ้าไปแล้วหรือ?  เขาไม่รู้หรอกหรือ เมื่ออยู่ต่อหน้ากลุ่มดาวอินทรีเขาเป็นเหมือนมดตัวหนึ่ง?

คำพูดของถังเทียนยังไม่ทันขาดคำถังอี้เริ่มวิ่งไปข้างหน้าแล้ว

ทหารหน่วยย่อยเล็กๆสี่กลุ่มดูเหมือนมีพลังจิตสื่อสารถึงกันเคลื่อนไหวพร้อมกัน  พวกเขาเป็นเหมือนหัวลูกธนูสี่ดอกและถังอี้เป็นแม่เหล็กคอยดึงดูดพวกเขาเข้ามา

เจ็ดสิบก้าว!

พลังโจมตีที่น่าทึ่งของม้าฝีเท้าเพลิงในพริบตาเดียวช่วงเวลาสั้นๆ กลุ่มเล็กๆที่อยู่ด้านข้างของถังอี้ก่อขบวนเป็นมุมโจมตีทันที

ไม่มีเสียงคำรามถังอี้ชูดาบฟันขาม้าโดยไม่แสดงสีหน้าความรู้สึก

รังสีหอกทั้งสี่ยิงออกมาจากด้านข้าง  ขณะที่ถังอี้ฟันดาบฟันขาม้าลงรังสีหอกทั้งสี่สายผสานกันเป็นรังสีดาบ เกิดแสงเจิดจ้าแพรวพราวราวกับว่าถังอี้ถือดวงอาทิตย์ทั้งดวงไว้

ชายชราดูเหมือนถูกปลุกให้ตื่นจากความฝัน  เขาตะโกนอย่างสิ้นหวัง  “ไม่....”

ประกายแสงวาบผ่านตัวชายชรา  ร่างของเขาเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียว

ถังอี้วาดดาบในแนวขวาง  นัยน์ตาของเขากวาดผ่านทุกคน ท่วงท่าการมองของเขาดูสง่างามขณะที่กวาดตามองทุกคนในพื้นที่  เขาทำเหมือนกับว่าเพิ่งทำเรื่องง่ายๆจากนั้นหันหัวม้าเดินออกมา

กุบกุบ กุบ

เสียงกีบเท้าม้าย่ำลงพื้นเสียงดังเสียดหูในท่ามกลางความมืด

ทุกคนตกตะลึงกับความระห่ำของถังเทียนและตกตะลึงกับประกายดาบของถังอี้ในท่ามกลางความมืด  หลายๆคนได้รับผลกระทบจากพลังโจมตีของถังอี้  ขุนพลวิญญาณสามารถดูแคลนพวกเขาได้ตั้งแต่เมื่อใดกัน

แต่ไม่มีใครส่งเสียง  แม้แต่สตรีชุดดำและม่อเป่าที่หลบรังสีหอกได้ก็ยังมีความกลัวปรากฏอยู่ในแววตา

พวกเขาคงไม่อาจหลบดาบของถังอี้ได้เช่นกัน

พลังทวนหนักตะลุยศึกครั้งก่อนทำให้ทุกคนรู้สึกถึงแรงกดดันที่หนาแน่นไม่มีทางที่จะหลบได้ แต่พลังโจมตีของถังอี้เองกลับมีระดับที่แตกต่างสิ้นเชิง

พวกเขาไม่รู้ว่าถังอี้มีคุณสมบัติเพียงพอให้หยิ่งลำพองได้ เพราะเขาคือสุดยอดขุนพลวิญญาณโดดเด่น

พลังโจมตีของเขาโดดเด่นเฉพาะตัวที่สุดในโลก

ทุกคนตั้งใจจะจากไป

แต่ราวกับว่าถังเทียนจะรู้ว่าทุกคนกำลังคิดอะไร  เสียงที่หยิ่งยโสของเขาดังขึ้น

“ไม่ว่าใครก็ห้ามขยับ  ถังอี้ ใครก็ตามที่พยายามหลบหนี จงฆ่าให้หมด”

ทุกคนพร้อมใจกันหยุดนิ่งราวกับว่าพกลายเป็นหิน  ไม่มีใครเคลื่อนไหว

“ขอรับท่าน!”

ดวงตาของถังอี้ที่หลับอยู่ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ประกายตาสีทองทำให้ทุกคนเยือกเย็นจับใจ

ถังเทียนนั่งอยู่บนบันไดเข้าประตูและไขว่ห้างอย่างสบายใจมือข้างขวาเท้าคาง กวาดสายตามองดูทุกคน เหมือนกับว่าเขาเก็บงำเจตนาทำอันตรายไว้หลังจากคิดชั่วขณะ เขารู้สึกท่าทางของเขายังเท่ไม่พอ จึงหยิบดาบยาวเล่มหนึ่งขึ้นมาถือไว้

อาเฮ่อและหลิวซิ่วมองดูขณะที่สถานการณ์สงบลงแล้วพวกเขาจึงพุ่งมาอยู่ข้างตัวถังเทียน คู่ต่อสู้ของพวกเขาทั้งสองคนเมื่อเผชิญหน้ากับทหารจากกองทัพหมาป่าที่กำลังจับตาดูพวกเขาอย่างขึงขังไม่มีใครกล้าขยับ

ถังเทียนปักดาบลงพื้นทำให้หินแตกกระเด็ก  เขามองดูคนรอบๆ ราวกับว่ากำลังมองดูปศุสัตว์ของตนเอง

“สหายที่ซ่อนตัวอยู่  เชิญออกมาได้ คนที่หลบอยู่หลังหินโม่,คนที่เกาะอยู่ใต้หลังคา และคนที่หลบอยู่ที่มุม...”

ถังเทียนพูดด้วยน้ำเสียงเฉื่อยชาและชี้ตำแหน่งที่มีคนซ่อนตัวอยู่  สัญชาตญาณของเขาน่ากลัวและพวกเขาไม่มีความจำเป็นต้องคิดหาวิธีซ่อนตัวจากความรู้สึกของเขา

“และเหมือนกัน, ใครหนีก่อน... ตาย”

ถังเทียนย้ำประโยคเดิมทำให้คนสองสามคนที่ตอนแรกตั้งใจจะหนียอมเดินออกมาจากที่ซ่อนแต่โดยดี

หลิวจงกวงตะลึงเขาคิดในตอนแรกว่าสามารถปกปิดร่องรอยได้สุดยอดตามมาตรฐานของเขาแล้วแม้แต่อาเดรียนอาจารย์ของเขาก็ยังชื่นชม แต่กลับถูกถังเทียนหาพบได้

เขาช่างประหลาดคนจริงๆ...

ทุกคนมีสีหน้าหวาดกลัวในช่วงเวลานั้น  ทุกคนไม่สามารถรักษาความเยือกเย็นไว้ได้

ถังเทียนนั่งลงเหมือนลูกพี่ใหญ่ตะโกนเสียงลั่น  “ทุกคน, มาตกลงกันดีกว่าเราจะแก้ปัญหาวันนี้กันยังไง?”

เขาเคาะดาบลงบนพื้นครั้งแล้วครั้งเล่า  หน้าของเขาเต็มไปด้วยท่าทีที่หยิ่งผยอง ถ้าจะกันว่าแล้วบุคลิกท่าทางของเขาก็คืออันธพาลข้างถนนดีๆ นี่เอง  หลิงซิ่วไม่เห็นว่าแปลกมีแต่อาเฮ่อที่รู้สึกอึดอัดใจอยู่บ้าง เขารู้สึกดูแคลนตนเองและหลิงซิ่วและถังเทียน

ทำแบบนี้...เหมือนกับว่าเราจะขอเก็บค่าคุ้มครองจากพวกเขา...

และข้าก็เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของลูกพี่โดยตรงเสียด้วย  บางทีอาจจะมีการตั้งฉายาให้เรา เช่น สี่วายร้ายสิบสามอันธพาล...

ข้ามีความคิดความฝันเป็นของตนเอง เป็นศิษย์สำนักที่มีความทะเยอทะยาน  แล้วต้องมาประสบพบเหตุแบบวันนี้ได้ยังไง  อาเฮ่ออยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา

ทุกคนพากันเงียบ

เหมือนกับว่าถังเทียนกำลังถือมีดบินพิเศษปาหนึ่งครั้งคร่าหนึ่งชีวิต เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สามารถฆ่าได้ทุกคน แต่เขาจะฆ่าคนแรกที่เคลื่อนไหวก่อน ทุกคนมีแรงจูงใจและแผนซ่อนเร้น ในสถานการณ์เช่นนั้น ไม่มีใครกล้านำหน้า แต่ต้องการให้มีคนเคลื่อนไหวก่อน แล้วค่อยฉวยโอกาสหลบหนี

“เมื่อไม่มีใครต้องการพูด  งั้นข้าพูดเองทุกคนจะต้องทิ้งของบางอย่างเอาไว้ อะไรก็ได้ขอเพียงมีราคาอย่างน้อยร้อยล้านเหรียญดาว เอ่อ..การ์ดข้าก็รับด้วยเช่นกัน”

ถังเทียนพูดอย่างสบายๆแต่นัยน์ตาของเขาเคร่งขรึม ใบหน้าของเขาเหมือนไม่สนใจอะไร “อย่าบอกนะว่าพวกเจ้าไม่อะไร พวกเจ้าแต่ละคนมีสถานะและตำแหน่ง  มีหลายคนจับตาดูอยู่  ไม่มีร้อยล้านเหรียญทอง นั่นเป็นเรื่องน่าอับอายขายหน้าแน่นอน”

ทุกคนตะลึงกับคำพูดของถังเทียน  แต่หลังจากนั้นชั่วขณะ  พวกเขาจึงตั้งตัวได้

กรรโชกทรัพย์!

พวกเขาถูกกรรโชกทรัพย์อย่างโจ่งแจ้งจริงๆ!

หลายคนโกรธจนตัวสั่นพวกเขาถ้าไม่เป็นผู้นำที่เฉียบขาด ก็เป็นยอดฝีมือผู้มีชื่อเสียง  พวกเขาเคยถูกรีดไถกรรโชกตั้งแต่เมื่อไหร่?

“แน่นอน ถ้าพวกเจ้าไม่มีงั้นก็ไม่เป็นไร  จะมีอะไรที่สำคัญมากกว่าชีวิตตนเอง”

ถังเทียนยิ้มจนเห็นฟันขาวดาบยาวในมือฟันลงพื้นทันที ดาบจมลึกจนถึงด้าม

ทุกคนตะลึง

อาเฮ่อแทบอยากซุกหน้าหนี  ใจของเขารู้สึกอายอยู่ลึกๆ  เจ้าบ้านี่รีดไถกรรโชกทรัพย์จริงๆ ด้วย!  พระเจ้า  ข้าเป็นลูกผู้ดีมีตระกูลและใช้ชีวิตอย่างใสสะอาด และข้าจะก้มหัวให้กับการกระทำแบบนี้ได้ยังไง?  นี่ขัดกับหลักการดำเนินชีวิตของข้าอย่างมากมาย  นี่คือความด่างพร้อยในชีวิตของข้า...

อาเฮ่อรู้สึกว่ามีอะไรไหวๆอยู่ด้านหน้าเขา เขาเงยหน้ามองทันทีเห็นเป็นถุงผ้าใบหนึ่ง

ถังเทียนกำลังถือถุงผ้ายื่นให้อาเฮ่อ  “เสี่ยวเฮ่อ!  ไปเก็บรวมรวมทุกอย่างมา”

อาเฮ่อรู้สึกเหมือนกับถูกฟ้าผ่า  ตลอดทั้งตัวชะงักค้าง

ทำไม....ทำไมต้องเป็นข้า....

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด