ตอนที่ 397 ซุ่มโจมตี
ภายในห้อง บรรยากาศมืดสลัว
ทาร์ตันขมวดคิ้ว “เจ้าคิดว่าแบบนี้ดีแล้วหรือ?”
แอนเดรียนามีสีหน้าสงบ “เราได้ตรวจสอบจุดแข็งของพวกเขาดูแล้ว ถ้าพวกเขาไม่แข็งแกร่งพอจะกลายเป็นพันธมิตรของพวกเรา อย่างนั้นสมบัติทั้งร้อยชุดของเราก็เป็นแค่เพียงของไว้ใช้ต่อรองเท่านั้น”
ทาร์ตันเงียบ แอนเดรียนาพูดถูก สถานการณ์ยุ่งเหยิงมากขึ้นทุกที กับการเข้ามามีส่วนร่วมของกลุ่มดาวหมีใหญ่และกลุ่มดาวนายพราน แสดงแน่ชัดว่าพวกเขาคงไม่สามารถเก็บสมบัติทั้งร้อยชุดไว้ได้ ดังนั้นพวกเขาจะใช้สมบัติให้เกิดประโยชน์ต่อกลุ่มดาวอันโดรเมดาได้อย่างไรและนั่นเป็นเรื่องที่พวกเขาจำเป็นต้องไตร่ตรองอย่างรอบคอบ
เพียงแต่ว่าทาร์ตันไม่ชอบแผนเช่นนั้นเลย เขาต้องการอยู่ในสนามเพื่อต่อสู้ เขามองดูแอนเดรียนา ใบหน้าของนางไม่มีท่าทีบ่งบอกว่านางไม่กล้าตัดสินใจแต่อย่างใดและยังคงสงบมากขึ้น
นางเติบใหญ่แล้ว
ลึกๆ แล้วทาร์ตันตื่นเต้น แต่ไม่มีความสุขแม้แต่น้อย ถ้าเป็นไปได้ เขาอยากได้เด็กหญิงที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาเฝ้ารอของขวัญจากบิดาของนาง
แต่แอนเดรียนาคนปัจจุบันนี้คือผู้ที่กลุ่มดาวอันโดรเมดาต้องการ
ราวสามกิโลเมตรห่างจากจุดที่ถังเทียนและสหายอยู่ มีโกดังเก่าทรุดโทรมซึ่งเป็นของครอบครัวผู้ค้าเล็กๆ ตอนนี้ถูกอาคันตุกะลึกลับเช่าอยู่
แม้ว่าจะมีการพัฒนาฟื้นฟูธุรกิจในนครเทพสตรี แต่ตลาดทรุดโทรมมากกว่าแต่ก่อน และเพราะโกดังที่ว่างเปล่าถูกเช่าในราคามหาศาล เจ้าของกิจการจึงมีความพอใจมาก ถ้าโกดังอยู่ใกล้คฤหาสน์ของท่านถังเทียนนั่นจะสามารถเช่าได้ราคาที่ดีกว่าแน่นอน แต่ตำแหน่งที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันนี้ก็คือแถวๆ ที่พักท่านอาเดรียนและตามมาด้วยคฤหาสน์ของถังเทียน
ร้านเหล้าและบ้านพักที่อยู่ใกล้สถานที่ของทั้งสองคนเต็มไปด้วยผู้คน
น่าเสียดายที่โกดังของเขาอยู่ห่างจากคฤหาสน์ของถังเทียนเกินไป ดังนั้นเขาพอใจกับค่าเช่าที่ได้รับ
ที่ต่างกันโดยสิ้นเชิงจากความมืดมิดในภายนอก ภายในโกดังกลับสว่างไสว
ถ้าหัวหน้ากลุ่มหอการค้าเล็กๆเห็นภายในโกดัง พวกเขาคงตกตะลึงอย่างแน่นอน ภายในโกดังสินค้าใหญ่ ในนั้นเต็มไปด้วยม้าศึกและผู้คน ราวกับว่ามีการจัดเรียงรายไว้อย่างดีนักสู้ทุกคนนั่งอยู่ข้างม้าของพวกเขาและพักผ่อน ขณะที่ม้าฝีเท้าเพลิงยังคงสงบใจเย็น เนื่องจากพวกมันกำลังหลับ
ไม่มีใครติดต่อใคร ไม่มีใครสนทนากัน ภายในคลังสินค้าเงียบสงบ
ทันใดนั้น เสียงหึ่งๆคล้ายกับผึ้งกระพือปีกดังออกมา นักสู้ทุกคนที่กำลังนั่งพักหลับตาอยู่พลันลืมตาพร้อมกันทุกคน ใบหน้าของทุกคนมีแววตื่นเต้นและกระตือรือร้นจนบรรยายไม่ถูก
“ทุกคน...เตรียมพร้อม!”
เสียงตะโกนของถังอี้ดังกรอกหูทุกคนราวกับเสียงฟ้าร้อง
ฮูลา
เป็นเสียงที่ดังออกมาพร้อมกัน มันคือเสียงที่นักสู้ทุกคนลุกขึ้นขี่ม้าทหารที่ตอนแรกดูเหมือนทหารม้าที่ยุ่งเหยิงกลับกลายเป็นเข้มงวดจริงจัง
ถังอี้มีสีหน้าไร้ความรู้สึก แต่หัวใจของเขาลอบยินดีอยู่ภายใน หลังจากตั้งหน้าฝึกฝนอย่างยากลำบากในที่สุดพวกเขาจะได้มีพื้นที่สำหรับกองทัพที่แท้จริง
โกดังสินค้าเปิดออกอย่างเงียบงันปล่อยให้เสียงครึกครื้นจากด้านนอกถนนแว่วเข้ามาสำหรับชาวนครเทพสตรีผู้ใช้ชีวิตคุ้นเคยกับแสงสียามราตรีนั่นเป็นแค่จุดเริ่มต้นของชีวิตยามราตรี
“เคลื่อนขบวน!”
ถังอี้เป็นคนแรกที่วิ่งออกมาจากโกดังสินค้า ทหารม้าที่ตามมาเบื้องหลังของเขาพรั่งพรูออกมาจากโกดังสินค้าเหมือนกับสายน้ำไหล
โกดังสินค้าไม่ได้อยู่ที่ถนนใหญ่ และอยู่ไกลจากข้างถนน เสียงม้าควบดังมาจากด้านข้างถนนเหมือนสายน้ำหลาก
ขณะที่ถังอี้ควบม้าขึ้นถนนใหญ่คนเดินถนนตกใจยืนอยู่กับที่ทุกคน หน้าของพวกเขาตกตะลึงขณะมองดูกองทหารม้าที่ปรากฏออกมาไม่มีปี่มีขลุ่ย
เมื่อออกมาจากซอยเล็ก สีหน้าของถังอี้เยือกเย็น ม้าฝีเท้าเพลิงตะกุยพื้นและส่งเสียงร้องทันที
ม้าฝีเท้าเพลิงที่ถังอี้ขับขี่เป็นจ่าฝูงม้าฝีเท้าเพลิงระดับเจ็ดที่เห็นได้ยาก ตลอดทั้งร่างของมันสีแดงดังโลหิต ความกระตือรือร้นของมันมีมากเป็นพิเศษ เสียงม้าร้องดังผ่านอากาศแสดงออกว่ามันตั้งใจสู้
ทุกคนมองดูขบวนม้าที่พรั่งพรูออกมาจากซอยเล็กอย่างตกใจ
ในพริบตา กองทหารที่หนาแน่นปรากฏอยู่ต่อหน้าของทุกคน
“เดินหน้า”
ถังอี้มุ่งไปข้างหน้าด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก ราชันย์ม้าฝีเท้าเพลิงควบไปข้างหน้าเหมือนกับเงาแดงเลือนลาง ทหารม้าที่ตามหลังไม่มีท่าทีลังเลและควบตามไปข้างหน้าเช่นกัน
ม้าฝีเท้าเพลิงทั้งสองร้อยตัวเคลื่อนไปข้างหน้าในถนนที่เงียบสงัด
ถนนกว้างที่สร้างขึ้น จากที่เห็นเหมาะสมที่สุดกับการบุกตะลุยสำหรับทหารม้า
เสียงกีบเท้าม้าย่ำพื้นหนักหน่วงและทรงพลังกดกระทบพื้นหินที่แข็งและหนักเกิดประกายไฟและเสียงดัง เมื่อทหารม้าทั้งสองร้อยรวมตัวด้วยกัน ก็เหมือนสายลาวาที่ไม่อาจหยุดยั้งได้ ทุกคนที่อยู่บนถนนชะงักค้างตัวสั่น คนเดินถนนพากันตกใจทั้งหมดและก้าวหลบเปิดทางให้
ในความมืดเสียงกีบเท้ามาดังเหมือนกับเสียงฟ้าคำรามกำลังเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วเหมือนกับพวกเขากำลังเข้าสู่ศึกสงคราม เสียงนั้นดังกังวาลกว้างไกล
บนหลังม้าหน้าของถังอี้ยังคงสงบเหมือนสายน้ำ เขานึกสรรเสริญและนับถือแผนการของท่านอาเฮ่อ เป็นไปตามคาด คุณชายอาเฮ่อมีสติปัญญาไม่เป็นรองใคร
เมื่อทาร์ตันส่งคนให้นำสมบัติที่สร้างสำเร็จแล้วไปให้ที่คฤหาสน์ อาเฮ่อและหลิงซิ่วก็สังหรณ์ว่าจะมีอันตรายเข้ามาถึงตัว ดังนั้นอาเฮ่อจึงลอบส่งข่าวให้ถังอี้ตอนกลางคืนขอให้ทางค่ายทหารคอยสนับสนุนและกำหนดแผนการเช่นนั้นขึ้นมา
เพื่อป้องกันไม่ให้คนค้นพบ อาเฮ่อเลือกตำแหน่งไกลออกไปจากคฤหาสน์ เมื่อเข้าไปในเมืองถังอี้และบริวารของเขาทำตัวเหมือนเป็นพ่อค้าซึ่งหลิงซิ่วจะให้คำแนะนำสองสามอย่าง เนื่องจากเขาเคยเดินทางไปกับผู้ค้าขายที่ขอบฟ้าใต้มาระยะเวลาหนึ่ง และรู้สายสนกลในพวกเขา คนทั้งสองร้อยกระจายกลุ่มและเข้ามาเป็นขบวนที่ต่างกัน
กระบวนการนี้ราบรื่นมากกว่าที่พวกเขาคิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งนครเทพสตรีตกอยู่ในช่วงสับสนวุ่นวาย แม้ว่ากองกำลังทหารราบจะคอยปกป้องนครเทพสตรี แต่การป้องกันในแต่ละวันไม่เกวดขันเท่าใดนักเนื่องจากหน่วยลาดตระเวนยังรักษาการยังบาดเจ็บหนักอยู่นอกจากนี้ยังคงมีนักสู้หลั่งไหลเข้ามาในเมืองไม่ขาดสายนักสู้ที่แข็งแกร่งและน่ากลัวมากมักจะอารมณ์ไม่ดีอาจเกิดการต่อสู้ได้ทุกเมื่อ หน่วยลาดตระเวนที่ไม่แข็งแกร่งพอย่อมไม่สามารถต่อสู้ได้ และเนื่องจากไม่มีทางเลือกพวกเขาจึงต้องแกล้งทำเป็นเหมือนไม่เห็นอะไร เนื่องจากพวกเขาไม่กล้าหาเรื่องยุ่งยากใส่ตัว
แม้ว่าโกดังสินค้าจะค่อนข้างอยู่ไกล แต่ระยะสามกิโลเมตรยังถือว่าไม่ไกลสำหรับม้าฝีเท้าเพลิง พวกมันมาถึงในเวลาสั้นๆ
ด้วยพลังของท่านอาเฮ่อและท่านหลิงซิ่วคงไม่มีปัญหาในการต้านรับศัตรู
และพวกเขามีงานเพียงอย่างเดียวก็คือทำให้ศัตรูทุกคนชะงักงันเหมือนถูกฟ้าผ่าและคุกคามพวกเขา
ไฟต่อสู้ลุกโหมอยู่ในอกของถังอี้ ตาเล็กแคบของเขาสะท้อนแสงริบหรี่ รัศมีรอบตัวแปรเปลี่ยนอย่างเงียบงัน
ในฐานะที่เป็นทหารที่มีเจตนารมณ์กล้า การเปลี่ยนแปลงของถังอี้ส่งผลต่อทหารม้าทั้งสองร้อยเบื้องหลังเขาทันทีไฟนักสู้ของพวกเขาลุกโหม
ทหารม้าทั้งสองร้อยคนสวมเกราะเรียบร้อยจากนั้นควบตะลุยไปข้างหน้าเหมือนเป็นร่างเดียวกัน
คฤหาสน์ตกอยู่ในความเงียบ ขณะที่ทุกคนตะลึงกับการแสดงพลังฝีมือของถังเทียน มือของเขาก็สร้างความตื่นตะลึงได้เช่นกัน เมื่อมองเห็นอาวุธลับทั้งหมดสารพัดขนาดตกอยู่แทบเท้าถังเทียนทั้งหมดนั้นมีจำนวนมาก และหลากหลายรูปแบบ แค่เพียงชำเลืองมองดูก็บอกได้ว่ามีประมาณร้อย
ธนูเงินและหมอกโจมตีที่หุ่นกระบอกดำส่งออกมาถูกทำลาย
ในท่ามกลางความมืด นิ้วมือที่สร้างประกายไฟและไฟหายวับไปจากท้องฟ้าจะเป็นฉากภาพที่ตราตรึงอยู่ในความทรงจำของทุกคน
เจ้าผู้นี้....
ก่อนหน้านี้ ทุกคนสามารถคาดเดาและทำนายว่าถังเทียนจะเป็นเหมือนอะไร แต่ฉันพลันนั้นมีแต่ความกลัวที่เหลืออยู่ในใจพวกเขา
ในท่ามกลางความเงียบมีเสียงม้าควบดังราวกับฟ้าคำรามใกล้เข้ามา ทำให้ทุกคนตื่นขึ้นจากอาการมึนงง ทุกคนไม่สนใจสังเกต เนื่องจากการมีส่วนร่วมของทหารราบเป็นเรื่องธรรมดามาก และพวกเขาเชื่อว่ากองพลทหารราบจะไม่ลงมือกับพวกเขา
ทุกคนมีเบื้องหลังที่ลึกซึ้งและทรงพลังซึ่งกองพลทหารราบไม่มีทางต่อกรได้ ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาทำก็มีแค่เพียงป้องกันถังเทียนและสหายของเขา
ทุกคนคิดว่าการต่อสู้จะสิ้นสุดลงในไม่ช้า ไม่มีใครคิดว่าเพียงคืนแรกจะมีผลออกมาถึงตาย เนื่องจากทุกคนสืบดูมามากแล้วและพวกเขาต้องการเวลาเพื่อคิดผลของการต่อสู้
ทุกคนตระหนักว่าพวกเขาจำเป็นต้องประเมินพลังของถังเทียน
นั่นคือสิ่งที่ทุกคนกำลังคิดอยู่ในปัจจุบัน หลายๆ คนตัดสินใจหันหลังและออกไปจากสนามต่อสู้
ติง!
ขณะที่อาวุธลับชิ้นสุดท้ายร่วงลงจากมือของถังเทียน เขาถึงค่อยรู้สึกตัว เอ๋..ข้าถูกโจมตีหรือนี่? เอ่..ไม่ชอบมาพากลนะ..ที่ข้าถูกคนโจมตี!
ในประวัติของหนุ่มชาวฟ้ามีแต่รังแกคนอื่น แล้วนี่หนุ่มชาวกลับกลายเป็นถูกเขารังแกตั้งแต่เมื่อใด?
ใจของถังเทียนยิ่งโกรธมากขึ้นทุกที ตาของเขากลายเป็นสีแดง ขณะที่เขาตะโกน “พวกเจ้าทุกคนบังอาจทำร้ายข้า! วอนตายเสียแล้ว!”
“ก่อนที่คำว่าตายจะจบลงกำแพงก็ระเบิดทันที
ปัง!
เสียงดังสนั่น ขณะที่ฝุ่นฟุ้งกระจายในอากาศ
ในความมืด หลายๆ คนเบ้ปากกองพลทหารราบมีอำนาจแค่น้อยนิดยังคิดจะร่วมสนุก แต่ครู่ต่อมาทุกคนต้องตะลึง
ไม่ใช่กองพลทหารราบ
ทหารม้าสวมเกราะที่ไม่คุ้นเคยกำลังตรงรี่เข้ามา ความเร็วของพวกเขาสูงมากเพียงชั่วเวลาที่กำแพงพังทลายลง ฝุ่นฟุ้งกระจายไปทุกที่ขณะที่สถานที่เหมือนติดอยู่ในพายุหมุน ทุกสิ่งทุกอย่างหายไป
ถังอี้เห็นถังเทียนกำลังโกรธตาที่แคบยาวพลังเบิกโพลง รังสีฆ่าฟันกระจายออก
รังสีอำมหิตครอบคลุมไปทั้งพื้นที่
“ฆ่า!!”
กองทัพหมาป่ากระจายกำลังทันทีก่อตั้งขบวนกลุ่มเล็กๆกลุ่มละยี่สิบเหมือนกับธนูแหลมคมยี่สิบดอกพุ่งเข้าหาคนในบริเวณคฤหาสน์ทันที
กองทัพหมาป่า!
ตาของหลิวจงกวงหรี่แคบขณะที่คำว่าลอบจู่โจมผุดขึ้นมาในใจของเขา เวลาที่กองทัพหมาป่าใช้โจมตีตั้งแต่เริ่มแรกสามารถบอกได้ว่าเล็กน้อย แต่พลังที่กองทัพหมาป่าแสดงออกมาสร้างความประหลาดใจให้กับเขา
กองทัพของพวกเขาเข้ากันได้ดีเกินไปจนเขาไม่อยากเชื่อตาตนเอง
กลุ่มเล็กๆทุกกลุ่มวิ่งเป็นเส้นตรงขนานกันจนสามารถใช้ไม้บรรทัดวัดจากด้านข้างพวกเขาได้ เมื่อพวกเขาบุกทะลวงเข้ามา พวกเขาเป็นเหมือนทวนแหลมคมเล่มยาว
นี่เป็นครั้งแรกที่หลิวจงกวงเห็นกองทัพเช่นนั้นด้วยตาตัวเอง นอกจากพลังของทหารแต่ละคนแล้ว กองทหารมีลักษณะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน นั่นไม่ใช่สิ่งที่กองทัพใดๆ สามารถทำได้
แม้ว่าหลิวจงกวงจะทึ่งกับความสามารถของกองทัพหมาป่า แต่การโจมตีที่จะตามมาไม่มีคำเตือนอะไร คนสิบคนกลุ่มเล็กๆ บุกทะลวงเข้ามาสามารถเอาชนะนักสู้ธรรมดาคนหนึ่งได้ แต่สำหรับยอดฝีมือยังถือว่าไม่เพียงพอ
กองทัพที่สามารถสร้างความประทับใจได้เช่นนั้น ถังเทียนคงต้องการอวดพลังของเขาเอง...
หลิงจงกวงรู้สึกว่าเป็นทางเลือกที่สมบูรณ์แบบในการแสดงพลังของเขาและสิ่งที่ตามมาจะทำให้เขาอยู่ในสถานะที่ได้เปรียบมากขึ้น
เป็นไปตามคาด เขาชอบวางแผนการ
หลิวจงกวงเชื่อคำของอาซิ่ว
“ฆ่า!!”
กลุ่มคนทั้งยี่สิบคนตะโกนพร้อมกัน ขณะที่พวกเขาปกคลุมไปด้วยพลัง
หลิวจงกวงตกตะลึง เสียงโห่ร้องเต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน และดูเหมือนจะไม่ใช่แค่ข่มกัน
ในสายตาของเขาพวกนักสู้ชาวหมาป่าชูดาบสูงพร้อมกัน
หลิวจงกวงสับสน ม่านตาของเขาขยาย
ดาบโค้งเหมือนวงพระจันทร์รังสีแสงขาวเหมือนหิมะ
ดาบทั้งสองร้อยเล่มเหมือนเชื่อมโยงกันด้วยด้ายที่มองไม่เห็น
รังสีดาบทั้งสิบ รวมตัวเป็นหนึ่งรังสีดาบเปลี่ยนสภาพกลายเป็นหอก
ทันใดนั้นแสงรังสีละลานตาสะท้อนจนสีหน้าของหลิวจงกวงชะงักค้าง