ตอนที่ 391 แผนรบที่หนึ่ง
กงจิ่วคิดว่าชัยชนะในการต่อสู้จะตกอยู่ในเงื้อมมือของเขา แต่เขาคาดไม่ถึงเลยว่าฝ่ายศัตรูจะต่อต้านเขาได้อย่างเข้มแข็งต่อเนื่อง
เฒ่าบอดซอกำศรวลก็มีพลังมากกว่าที่เขาคิดและสามารถสร้างความเสียหายให้กับอาหมิงได้ พอรุกไปได้ครึ่งหนึ่ง ก็ถูกคุณชายขลุ่ยวิเศษขัดขวางอีก แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงขุนพลวิญญาณ แต่พลังของเขาก็ยังใช้ได้ดีทำให้น้องสี่ตายและน้องห้าบาดเจ็บ กงจิ่วยังดีใจที่คุณชายขลุ่ยวิเศษเป็นแค่เพียงขุนพลวิญญาณและไม่ใช่คนมีชีวิต
คนผู้นี้ต้องแข็งแกร่งทรงพลังมากเมื่อยามมีชีวิต
แต่กงจิ่วยังคงโกรธจัด เป็นเวลานานแล้วที่เขาไม่ได้เผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากขนาดนั้น
โชคดีที่อุปสรรคถูกกำจัดไปในที่สุด ที่ยืนอยู่ต่อหน้าเป็นกองกำลังที่แสดงท่าทางเข้มแข็งแต่อ่อนแอมากกว่าที่เขาคาด กงจิ่วปลดปล่อยรังสีฆ่าฟันและตะโกนใส่ข้างบน “ฆ่า!”
เมืองหย่งอันสร้างกองทัพจักรกล แต่กงจิ่วไปตรวจสอบมาด้วยตนเองแล้ว และในสายตาเขากองทหารที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขาเป็นแค่ตัวตลก กงจิ่วแสยะยิ้มอย่างถือดี อย่างไรก็ตาม อาวุธจักรกลวิญญาณก็ดึงดูดความสนใจเขาอยู่ดี เมื่อสังเกตดูรายละเอียดเขาพบว่าถ้าเขาสามารถจับอาวุธจักรกลวิญญาณเหล่านี้ได้ พลังของกลุ่มโจรสายลมก็จะเพิ่มทวีคูณ
อาวุธจักรกลวิญญาณในปัจจุบันยังอยู่ในสภาพตั้งไข่ ถ้าเขาสามารถได้มาครองก่อนคนอื่น เขาสามารถทิ้งชีวิตการเป็นโจรและกลายเป็นผู้ปกครองเผด็จการของสวรรค์วิถีได้อย่างแท้จริง
นักสู้ของกลุ่มโจรสายลมบุกเข้าหากลุ่มอาวุธจักรกลวิญญาณเหมือนคลื่นกระหน่ำใส่หน้าผา ไม่มีใครที่ไม่ถูกความกระหายเลือดต้องการฆ่าครอบงำ
ไม่มีคนอ่อนแออยู่ในกลุ่มโจรสายลม เสียงโห่ร้องประกาศศึกของพวกเขาลดลงเมื่อเข้าสู่สนามต่อสู้
ม่อจื่อหวีพยายามข่มความวิตกกังวลของเขา จากการได้ฝึกฝนที่นี่มายาวนานนี่เป็นครั้งแรกของเขาในสนามรบใช้อาวุธจักรกลวิญญาณร่วมกับหินดวงดาวระดับหก พร้อมกับการ์ดวิทยายุทธอีกสามใบ พวกเขาเตรียมพร้อมมากขึ้นต่อสู้เพื่อชีวิตพวกเขา
“หน่วยที่หนึ่ง เตรียมดำเนินตามกลยุทธที่หนึ่ง”
ม่อจื่อหวีตะโกนสุดเสียงจนรู้สึกเจ็บคอ เขาก็เหมือนกับนักเรียนคนอื่นเช่นกันที่ตื่นเต้น แผนรบแรกคือกลยุทธที่พวกเขาฝึกฝนด้วยกันเป็นส่วนใหญ่และพวกเขาคุ้นเคยกับการปฏิบัติการนี้ที่สุด
“ฆ่า!”
ม่อจื่อหวีตวาดลั่นเปิดศึกแรกของกลุ่มเขา
อาวุธจักรกลวิญญาณสามแถวแรกตั้งขบวนก้าวไปข้างหน้า แขนบรอนซ์มหึมาเรืองแสงระยิบระยับ
มีดบินยาวสามเมตรมากกว่าสามสิบเล่มบินตรงเข้าใส่กลุ่มโจรเหมือนกับม่านมีด
วิทยายุทธระดับหก หัตถ์มีดใหญ่
การโจมตีเป็นกลุ่มของนักสู้เพราะความหนาแน่นของพลังโจมตี และยิ่งตกใจหนักกับการผสานพลังโจมตี เป็นไปได้หรือที่คนสามสิบคนจะฝึกฝนในวิทยายุทธชนิดเดียวกัน?
รังสีเจิดจ้าจากมีดทั้งสามสิบสายมองดูละลานตา เสียงมีดฝ่าอากาศดังหวีดหวิว
โชคดีที่พวกเขามีประสบการณ์การต่อสู้แบบนั้นมาก่อน พวกที่มีวิชาตัวเบาก็หลบหลีกพลังโจมตีอย่างรวดเร็ว พวกที่ไม่มีก็เตรียมตั้งรับการโจมตีที่กำลังจะมาถึง วิทยายุทธที่ใช้ป้องกันถูกนำมาใช้ ขณะที่คนอื่นใช้สมบัติดวงดาวป้องกัน
บึ้ม! บึ้ม!
พลังของหัตถ์มีดใหญ่ช่างน่ากลัว ไม่มีเสียงครางเจ็บปวดจากนักสู้ผู้ซึมซับพลังโจมตีให้ได้ยิน
นักสู้คนหนึ่งที่หลบหลีกพลังโจมตีที่น่ากลัวด้วยวิชาตัวเบาที่ยอดเยี่ยม ปล่อยให้เขาหลบหลีกอย่างช่ำชอง เขาหลบการโจมตีสองครั้ง แต่พลังรุนแรงมากจนเขารู้สึกว่ากระแสอากาศเฉือนแก้มของเขา
ฉัวะ!
เขารู้สึกเจ็บแปลบที่อกของเขาเลือดฉีดพุ่งออกมาจากรูขนาดกำปั้นที่อกของเขา
ใคร...
เขาดูสับสน รังสีเทาสิบสายหรือมากกว่านั้นเหมือนกับฝูงปลาที่คล่องแคล่วพุ่งเล็ดลอดมาระหว่างปลายมีดเหมือนกับนักล่าเงียบ พวกมันค่อยๆ เลือกเอาชีวิตพวกที่มันโจมตี
พวกที่หลบการโจมตีที่น่าทึ่งนี้จะไม่ได้ตั้งท่าป้องกันตัวรังสีเทาเล็ดลอดออกมาจากช่องว่างของรังสีดาบนับไม่ถ้วนไม่สามารถจะหลบหลีกได้
ฉัวะ.. โลหิตฉีดพุ่งกระจายทุกที่
นักสู้ที่โชคร้ายคนหนึ่งพยายามหลบอย่างเร่งร้อนถูกดาบฟันที่ศีรษะขาด
ฉากภาพที่น่ากลัวเช่นนั้นเกิดจากวิทยายุทธระดับหกดรรชนีลอยลม
ผู้ที่รอดชีวิตจากการโจมตีก็คือพวกที่มีวิทยายุทธป้องกันที่น่ากลัว พวกเขายังคงยืนปักหลักกับพื้น มองดูพี่น้องที่ล้มลงของพวกเขา มีรูจำนวนมากในร่างของพวกเขาโลหิตฉีดพุ่งออกมาจากร่าง บางคนได้รับบาดเจ็บบ้าง ไม่มีผู้ใดไม่ได้รับบาดเจ็บหนัก
ทันใดนั้นม่านตาของพวกเขาหดลีบหลังจากเห็นสิ่งที่อยู่ต่อหน้าของพวกเขา
โดยไม่สามารถจับร่องรอยที่เกิดขึ้นอาวุธจักรกลวิญญาณกระโจนขึ้นในอากาศ แต่ละเครื่องมีรังสีหอกถืออยู่ในมือพวกเขา
มีอาวุธจักรกลวิญญาณบรอนซ์สามสิบชุด แต่ละชุดสูงสามเมตรพุ่งลงมาจากท้องฟ้าเข้าใส่เหล่านักสู้เป็นภาพที่น่าทึ่ง
รังสีหอกระดมพุ่งลงมาดุจสายฝน
ผู้เหลือรอดของกลุ่มโจรสายลมถูกหอกแทงใส่ร่างกายมากมาย
วิทยายุทธระดับหก รังสีหอกเจิดจ้า
ปัง!
อาวุธจักรกลบรอนซ์ทั้งสามสิบลงมายืนบนพื้นพร้อมกัน พื้นที่ต่อสู้ฝุ่นฟุ้งกระจายไปหมด
ม่อจื่อหวีไม่อาจทำความเข้าใจกับสิ่งที่เขาเห็นอยู่ข้างหน้า เขามองดูพวกที่ล้มลง ทุกคนนอนหมดแรงและเลือดไหลนองในพื้นที่
อาวุธจักรกลวิญญาณหน่วยที่หนึ่งมีการ์ดระดับหกสามใบใส่ไว้คือหัตถ์มีดใหญ่, ดรรชนีลอยลมและรังสีหอกเจิดจ้า
กลยุทธที่หนึ่งความจริงก็คือการผสานวิทยายุทธที่แตกต่างกันสามวิชาและดำเนินการสอดคล้องประสานกัน
ถังโฉ่วรู้ว่าเขามีทักษะควบคุมรังสีไม่ดี ดังนั้นเขาทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ให้กับการฝึกในเรื่องแผนการรบและฝึกเพลงกระบี่ของเขา ทุกส่วนของแผนรบในหน่วย ถังโฉ่วจะใส่ใจและวิญญาณทำความเข้าใจ ใช่ว่าการ์ดวิชาฝีมือทุกรูปแบบจะสะสมกันได้ถึงร้อยใบ และแต่ละใบจะมีคุณภาพที่คล้ายใบอื่นๆ
ความจริงถังโฉ่วมีฝีมือสร้างแผนการรบที่น่ากลัวขึ้นมาก แต่เขามีความสามารถจำกัดจึงต้องรับการ์ดวิญญาณที่มีคุณภาพระดับเดียวกัน
แม้ว่าจะเป็นเพียงการ์ดวิทยายุทธสามวิชา แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาสามารถสะสมไว้ได้มากมายขนาดนี้
ขณะที่ถังโฉ่วกำหนดสร้างกลยุทธเหล่านี้เขามักจะถูกนักเรียนถาม เนื่องจากไม่มีใครเคยทำเช่นนั้นสำเร็จมาก่อน การ์ดวิทยายุทธปกติจะใช้พัฒนาอาวุธจักรกลวิญญาณ แม้ว่าอาวุธจักรกลวิญญาณ จะมีการ์ดวิชาใส่เข้าไปในนั้น แต่เป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะปล่อยพลังและอำนาจที่คล้ายกันขณะเปรียบเทียบพวกเขาที่ฝึกฝนการ์ดเหล่านี้มาตั้งแต่เด็ก
สิ่งที่สร้างความประหลาดใจให้นักเรียนมากยิ่งขึ้นก็คือการ์ดที่จะนำมาใช้จะถูกใช้ในการโจมตีหลัก
ทั้งม่อจื่อหวีและม่ออู๋เหว่ยไม่เข้าใจว่ากองทัพจะดำเนินการรุกแต่ทำตามแผนของถังโฉ่วได้ยังไง
ถังโฉ่วมีฝีมือที่สูงส่งเมื่อใช้ร่วมกับกลยุทธ วิธีการใช้หัตถ์มีดใหญ่เมื่อใช้ดรรชนีลอยลมจะต้องใช้กี่ครั้ง ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการกระโจนสูง
จากมุมมองตรงนี้ สามารถเห็นได้ว่าถังโฉ่วมีมาตรฐานสูงในการประสานงาน แต่ในทางกลับกันเขาไม่ได้เน้นการฝึกท่ารุกทั้งสามแบบ เขาใช้เวลาเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์สงครามให้พวกเขาฟัง
ทุกคนตกตะลึง
พวกเขาฝึกกันทุกวัน ตราบใดที่มีช่องว่างให้โจมตี พวกเขาต้องเริ่มโจมตีจากด้านบน
ในไม่ช้า ไม่มีใครในกลุ่มที่ตามนับจำนวนครั้งที่พวกเขาได้ฝึกรุกโจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ลับหลังแล้วมีนักเรียนบางคนคุยกันเกี่ยวกับเรื่องแผนรบของถังโฉ่วพวกเขากล่าวว่ากลยุทธของถังโฉ่วเชยเหมือนชื่อเขา ทั้งน่าเบื่อและน่าเกลียด
แต่...
ม่อจื่อหวีและนักเรียนหน่วยที่หนึ่งยืนอย่างหวาดกลัว เพราะสังหารไปตามแผนรุกของถังโฉ่ว ศพเปื้อนโลหิตเกลื่อนอยู่บนพื้น
ไม่มีใครอยากเชื่อสิ่งที่พวกเขาเห็น
กลศึกที่น่าเบื่อและง่ายๆ อย่างนั้นมันสามารถสร้างพลังทำลายล้างที่ยิ่งใหญ่รุนแรงได้ยังไง
สนามต่อสู้ตกอยู่ในความเงียบ
กงจิ่วยืนตะลึงด้วยความกลัว กลุ่มโจรสายลมได้ถูกก่อตั้งและได้ยืนหยัดเคียงข้างเขาต่อสู้ผ่านสงครามมานับครั้งไม่ถ้วน ระลอกพลังโจมตีที่เขาได้เห็นประจักษ์ทำให้เขาเย็นสันหลังวาบ
ทหาร!
นี่คือวิธีการต่อสู้ของกองกำลังทหารที่น่าทึ่ง
เขาสู้ศึกมานับไม่ถ้วนพิชิตศึกมาหลายเมืองหลายดวงดาว แต่ทั้งหมดนี้เขาแพ้เพียงสองครั้งเท่านั้น และทั้งสองครั้งเป็นการแพ้ให้กับกองทัพ ในแต่ละครั้ง เขาจะมีทหารผู้แข็งแกร่งอยู่ใต้บังคับบัญชาในทุกครั้งกระบวนศึกของเขาจะน่ากลัวมากกว่าครั้งก่อนแต่ก็ยังเป็นการพ่ายแพ้ให้แก่กองทัพ
กองทหารที่แข็งแกร่งซึ่งอยู่ต่อหน้าเขาโดยรวมนั้นน่าชื่นชมทั้งความแข็งแกร่งและกลยุทธที่ใช้ ศักยภาพทั้งหมดถูกปลดปล่อยออกมาเต็มที่
ภาพที่เหลือในความทรงจำและภาพปัจจุบันนั้นคล้ายกันมาก
เขาหลงกล!
กงจิ่วเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งทรงพลังและรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล
เขาตะโกนขึ้นโดยไม่ลังเล “ถอย!”
กลุ่มโจรสายลมทั้งหมดถอยออกไปเหมือนกับคลื่นบนชายหาด
คุณชายผู้สังเกตการณ์รบอยู่ในที่ไกลตกตะลึงกับความแคลื่อนไหวของพวกเขา“ทำไม... ทำไมพวกเขาถึงได้ถอนกำลัง?”
พี่ชายของเขานั่งลงแล้วท่าทางที่น่าประหลาดใจบนใบหน้าของเขาหายไป เขายืนขึ้นพึมพำ “ศัตรูของพวกเขาคือกองทัพ นั่นถือว่าเป็นกองทัพอาวุธจักรกลเท่าที่เคยเห็นจริงๆ”
“กองทัพ? กองทัพอาวุธจักรกล?” คุณชายเจ้าสำอางตอบ จากนั้นยิ้มแล้วชี้ไปที่กลุ่มอาวุธจักรกลที่อยู่ในระยะไกล “พี่, ท่านกำลังพูดถึงกองกำลังตุ๊กตาเหล่านั้น...”
ใบหน้าของพี่ชายเขามีท่าทางเคร่งขรึม รอยยิ้มของคุณชายค่อยๆ จางหายไป “พี่, เจ้าไม่ได้ล้อข้าเล่นใช่ไหม...”
“ข้าไม่ได้ล้อ” พี่ชายเขาตอบขึงขัง “ข้าต้องรายงานความสูญเสียครั้งนี้ให้ท่านพ่อทราบโดยเร็ว”
คุณชายเกออุทาน “พี่!”
สถานการณ์นี้ร้ายแรงจนต้องรายงานให้ท่านพ่อรู้ด้วยเหรอ?
“ไม่ว่ายังไงก็ตาม ในช่วงนี้อย่าเคลื่อนไหวสร้างปัญหาใดๆ เด็ดขาด!” พี่ชายของเขากล่าว “ผลของการรบครั้งนี้เกินกว่าที่เราคาดหมายแน่นอน”
คุณชายเกอสิ้นหวัง
บุรุษหนุ่มชุดยาวหันไปกล่าวกับนักสู้ผมทองผู้นั่งอยู่ใกล้คุณชายเกอ “ดูแลคุณชายให้ดี”
นักสู้ผมทองรู้ว่าคุณชายผู้พี่สั่งให้เขาจับตาดูคุณชายผู้น้อง “ขอรับ”
แค่เพียงสะบัดแขนบุรุษหนุ่มชุดยาวก็หายและออกไปจากห้อง
ข่าวของการรบด้วยกองกำลังอาวุธจักรกลมีค่าและบุรุษชุดยาวตื่นเต้นที่ได้รับทราบข่าวนั้น
ปิงเพ่งมองความเคลื่อนไหวของกองกำลังทั้งฝ่ายของเขาและและศัตรูจากนั้นวิเคราะห์หลักสูตรการต่อสู้
เขาเตรียมพร้อมเข้าต่อสู้ทุกเมื่อ แต่ก็ต้องชะงักเพราะพลังของกองกำลังถังโฉ่ว
เขารู้สึกทึ่งกับแผนการรบของถังโฉ่ว นั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่ได้คาดไว้ก่อน
เขาไม่เคยตระหนักเลยว่าถังโฉ่วจะสร้างผลกระทบได้ เขามีการจัดตั้งกองทัพและการฝึกฝนเป็นอย่างดี และถังโฉ่วมีความมั่นใจพอสร้างความประหลาดใจครั้งใหญ่หลังจากการแสดงฝีมือครั้งนั้น
คำพูดของผี่ผาและกลศึกของถังโฉ่วดูเหมือนจะเปิดประตูเขาเข้าสู่โลกวิชาต่อสู้
เขาเพิ่งจะได้เห็นจากคนรุ่นใหม่