ตอนที่ 395 - เด็กติดพ่อ หรือคนชอบเด็ก?
“นี่มันที่แบบไหนกัน?” เจ้าอ้วนไห่พบว่าหมัดฮิปโปดาวตกของเขาใช้ไม่ได้ผลแม้แต่น้อย และเขาก็ยังโดนนกนางนวลวายุยิงดาบสายลมใส่เขาจนสะบักสะบอมอีกด้วย เขาคงจะไม่ว่าอะไรถ้านกนางนวลวายุนี้มีระดับที่สูง แต่ก็ต้องผิดหวัง มันเป็นอสูรทองแดงระดับห้า ในยามปกติถ้าอสูรทองแดงระดับห้า พยายามต่อสู้กับเจ้าอ้วนไห่ ก็เท่ากับว่ามันฆ่าตัวตาย
ตอนนี้ เขาโดนไล่ต้อนจนไม่มีที่ให้หลบซ่อน
เจ้าอ้วนไห่อยู่ในตำแหน่งที่แตกต่างเมื่อเทียบกับเย่ว์หยางและเป่าเอ๋อ, เขาถูกส่งตัวไปที่ชายหาดใต้ดิน ที่ชายขอบผาชันที่ไม่มีทางจะปีนขึ้นไปได้
โดมของถ้ำใต้ดินสูงมากมีปุยเมฆและหมอกเล็กน้อย แต่มีหินย้อยของถ้ำให้เห็นด้านบน
ห่างออกไปจากหาดใต้ดิน มีเกาะน้อยที่มีแสงรำไรมองเห็นได้ในระยะไกล
เหมือนกับว่ามีสมบัติที่ล้ำค่าถูกซ่อนอยู่ภายในเกาะ
สมบัติ? ทันใดนั้นเจ้าอ้วนไห่ไม่ต้องการอะไรอีกต่อไป ทั้งหมดที่เขาต้องการทำในตอนนี้ก็คือกำจัดเจ้านกนางนวลบ้าๆ นี่ เจ้าตัวน้อยที่น่ารังเกียจนี้สร้างความหงุดหงิดให้กับเขา เมื่อเจ้าอ้วนไห่มาถึงตอนแรก เขาคิดว่ามันเป็นเหยื่อง่ายๆ ที่เขาต้องการจะจับปิ้งกินเหมือนไก่ย่าง คาดไม่ถึงเจ้านกทะเลนี่จะยิงคมดาบพายุที่คมกริบเป็นร้อยใส่เขาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อย แต่มันยังไล่ตามเจ้าอ้วนไห่ไม่เลิกรา พอเจอเจ้าอ้วนไห่ปรากฏ มันก็โจมตีใส่เจ้าอ้วนไห่ที่โผล่ออกมาแบบทื่อๆ ยังดีว่าเจ้าอ้วนไห่ว่องไวผิดธรรมดา เขาร่ำๆ ว่าจะเป็นบ้า แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้แม้แต่น้อย แม้ว่าเขาจะเรียกแรดเหล็กและฮิปโปน้อยออกมา ก็ไม่สามารถบินได้ พวกมันก็โดนเล่นงานด้วยเช่นกัน ที่สำคัญยิ่งกว่า นกนางนวลตัวนี้ฉลาดมาก มันจ้องโจมตีใส่เจ้าอ้วนไห่เป็นหลัก
ลีนและแอนนาตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายเช่นกัน
ทั้งสองคนพบว่าพวกเขาเข้าไปอยู่ในพื้นที่เต็มไปด้วยเพลิงลาวาและกำลังยืนอยู่ริมแม่น้ำลาวา ที่นี่ นอกจากอสูรสายธาตุอัคคีแล้ว อสูรอื่นๆ ไม่สามารถเรียกใช้ได้
ลีนมีอสูรธาตุไฟ แต่พวกมันเป็นประเภทให้แสงสว่าง ไม่มีความสามารถในการรบ
ถ้าไม่ใช่เพราะฮุยไท่หลางที่ถูกเทเลพอร์ตมาอยู่ใกล้ๆ คอยช่วยปกป้องพวกเขาทั้งสองแล้ว บางทีทั้งสองคนคงตายไปแล้ว
อสูรไฟนับพันกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในแม่น้ำลาวา ระดับของพวกมันยังไม่สูงเท่าไรนัก ส่วนใหญ่เป็นอสูรทองแดงระดับหก ขณะที่มีบางส่วนเป็นอสูรเงินระดับหก อย่างไรก็ตาม พวกมันมีจำนวนมากและและภูมิประเทศในการต่อสู้ก็ไม่เหมือนที่ใด แต่ก็เกินพอจะเอาชนะศัตรูได้
พวกมันไม่กล้าพัวพันฮุยไท่หลาง และฮุยไท่หลางไม่กล้าปล่อยลีนและแอนนาไว้ห่างๆ ด้วยเช่นกัน ในกรณีที่อสูรสายอัคคีตัดสินใจถือโอกาสฆ่าพวกเขา ฮุยไท่หลางสามารถตัดสินใจพาลีนและแอนนาเดินทวนแม่น้ำไปด้วยกัน ลีนกับแอนนาหวังว่าจะหาทางออกได้เร็วและออกไปจากสถานที่ซึ่งน่ากลัวนี้ สิ่งที่น่าหวาดหวั่นที่สุดก็คือศิลาเทเลพอร์ตไม่สามารถใช้งานที่นี่ได้ ทางออกเดียวที่ใช้ได้ก็คือวงแหวนเทเลพอร์ต
“หนีเร็ว! ไปเร็ว!” สาวทอเรนฟ่านหลุนเถี่ยและสี่สาวคิวบัวร์อยู่ในทุ่งหญ้าสะวันนาใต้ดิน
ฝูงหมาป่าโคโยตี้และแมงมุมทะเลทรายกำลังไล่กวดตามพวกนาง บางตัวเป็นเพียงอสูรทองแดงระดับห้า สาวทอเรนฟ่านหลุนเถี่ยก็ยังไม่สามารถตอบโต้มันได้และทำได้แต่หนีเท่านั้น
เลโอ ทอเรนหัวหน้ากลุ่มและเย่คงก็อยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่เหมือนกัน โชคดีที่เย่คงยังเรียกอสูรของเขาได้ และแม้ว่าพลังเดิมของพวกเขาจะลดลงครึ่งหนึ่ง แต่ทันทีที่ด้วงจอมพลังปรากฏตัวขึ้น พวกเขาก็เหมือนอยู่ยงคงกระพัน แม้ว่าจะมีหมาป่าโคโยตี้, แมงมุมทะเลทราย, องครักษ์ยักษ์ศิลาและสัตว์ประหลาดปีศาจอื่น พวกมันทำได้แต่เพียงดูอยู่ห่างๆ พวกมันไม่กล้าก้าวเข้ามาโจมตีด้วงจอมพลัง
เห็นได้ชัดว่า ต่อให้พวกมันเข้าโจมตีใส่ด้วงจอมพลัง มันก็มีแต่สูญเปล่า
พลังป้องกันของด้วงจอมพลังทำให้เขี้ยวเล็บของพวกสัตว์อสูรต่างๆ ไร้ประโยชน์ เหมือนกับว่าไม่มีอะไรที่ต่างจากเครื่องประดับ
เสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัวขมวดคิ้วขณะที่เดินผ่านป่า
หุ่นกรงเล็บคมนักค้นหาขององค์ชายเทียนหลัวซึ่งเป็นอสูรหุ่นเงินระดับห้าต่อสู้บุกเบิกทางข้างหน้า
มีดอกไม้, เถาวัลย์และต้นไม้กินคนอยู่ในทุกหนแห่ง แทบจะคล้ายกับว่าทั้งป่ามีชีวิตและสามารถเรียกชีวิตได้ ตอนแรก เสวี่ยทันหลางพบว่าอสูรสายพฤกษาสามารถสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าได้ ถ้ามันมีมากเกินไป
เย่ว์หยางไม่รู้สถานการณ์สหายของเขา แต่เขาสามารถจินตนาการได้
เขาจำเป็นต้องหาตัวเจ้าอ้วนไห่และคนที่เหลือโดยเร็ว
การอยู่ที่นี่นานเกินไป จะเป็นภัยคุกคามถึงชีวิตได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าพวกเขาวิ่งไปมาเหมือนกับคนตาบอด ถ้าสุดท้ายพวกเขาจบชีวิตลงในดินแดนแห่งความตาย พวกเขาจะทำยังไงได้
ภายใต้คำสั่งของเย่ว์หยาง หุ่นเหยี่ยวพายุหลอกล่อทหารหุ่นออกไปห่างๆ เย่ว์หยางพาเป่าเอ๋อไปพร้อมๆ เขา พยายามผูกเชือกไว้ที่หลัง และล่อผู้พิทักษ์หุ่นกลทองออกมา ด้วยความเร็วกว่าสายฟ้า เย่ว์หยางพลิกตัวครึ่งรอบในอากาศลงไปยืนอยู่บนฝาโลหะที่เต็มไปด้วยอักษรรูนสวรรค์ “เร็วเขา, ก่อนที่อสูรทองพิทักษ์จะกลับมาอีกครั้ง” เป่าเอ๋อกระตุ้นเขา
“ข้าบอกให้เจ้าซ่อนตัวก่อน แต่เจ้าไม่ฟังกันเลย” เย่ว์หยางผิดหวัง ตอนแรก เขาต้องการให้เป่าเอ๋อซ่อนตัวอยู่ในที่แห่งหนึ่ง แต่นางปฏิเสธอย่างดื้อดึง
“ข้าไม่ยอมให้เจ้าหลอกข้าอีก ทันทีที่เจ้าเข้าไปได้ เจ้าจะทอดทิ้งข้าทันที! อา..ระวัง…” เป่าเอ๋อสังเกตว่าหุ่นเสือทองระดับสิบ ความจริงมีปีกงอกออกมา มันสามารถบินได้จริงๆ! ยิ่งกว่านั้น เสือดาวทองตัวนั้นก็รู้จักวิธีปีนป่ายหินและกำลังเตรียมโจมตีจากท้องฟ้า
“เงียบ!”
เย่ว์หยางหลบการพุ่งโจมตีของเสือดาวทองอย่างสุดฝีมือ
เงาร่างที่เต้นได้ของเขามุ่งตรงไปที่หน้าผาหิน และในทันทีพวกเขาก็อยู่ห่างไม่กี่มิลลิเมตร เขาหมุนตัวหลบ ทันที ในที่สุดหุ่นพยัคฆ์ทองกระแทกใส่หินเกิดเสียงระเบิด
สิงโตทองและหมาป่าทองไล่กวดใกล้เข้ามา แต่มีช่องว่างห่างมากในเรื่องความเร็วของพวกมันและเย่ว์หยางในฐานะนักสู้ปราณก่อกำเนิดคนหนึ่ง
สิบนาทีต่อมา เย่ว์หยางหยุดการทำงานวงเวทอักษรรูนสวรรค์บนฝาโลหะได้สำเร็จ
ฝาโลหะเปิดออก เผยให้เห็นอุโมงค์ลึก
เย่ว์หยางพาเป่าเอ๋อกระโดดลงไปโดยไม่ลังเล แต่อสูรอารักขาทั้งสี่ตัวหยุดและเลิกไล่ตามทันที หนึ่งนาทีต่อมา ฝาโลหะก็ปิดลงช้าๆ และอสูรทองอารักขาทั้งสี่ตัวกลับไปประจำแหน่งเดิมและหมอบลงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ในที่ไม่ห่างจากพวกมัน หุ่นเหยี่ยวพายุกลายเป็นเศษเหล็กเศษโลหะไปแล้ว เป็นฝีมือโจมตีของพยัคฆ์ทอง อสูรทองอารักขาทั้งสี่ตัว พยัคฆ์ทองเป็นกำลังโจมตีหลักอย่างมิต้องสงสัย
เมื่อเป่าเอ๋อได้ยินเสียงฝาโลหะปิดลงพร้อมกับเสียงปัง นางกระหืดกระหอบถาม “เราจะติดอยู่ที่นี่ตลอดไป ไม่สามารถออกไปข้างนอกตลอดกาลอย่างนั้นหรือ?”
“เจ้าไม่รู้ แล้วข้าจะรู้ได้ยังไง” เย่ว์หยางคลายสายรัดและปล่อยนางลง แต่เป่าเอ๋อยังกอดเขาแน่นเหมือนปลาหมึก
“ไม่” เป่าเอ๋อรู้สึกว่าสะดวกสบายจริงๆ เมื่อถูกแบกใส่หลังอย่างนี้ จึงปฏิเสธจะลงจากหลังเขา
นางไม่ได้คิดว่าจะทำให้เย่ว์หยางเหน็ดเหนื่อยแค่ไหน เพราะเย่ว์หยางแบกนางเหินไปมา แต่โชคดีที่เย่ว์หยางเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดคนหนึ่ง ถ้าเป็นแค่นักสู้ระดับหกพาเหินไปมาอย่างนั้นคงถึงขีดจำกัดไปนานแล้วเพราะเป็นเวลานานมาก และคงเหนื่อยเหมือนกับสุนัขใกล้ตายไปแล้ว
บินตามลำพังกับบินขณะที่แบกคนไปด้วยแตกต่างกันสิ้นเชิง
ยกตัวอย่าง สำหรับอินทรีศึก ให้มันบินพันไมล์ถือเป็นเรื่องที่มันทำได้ง่ายๆ อย่างไรก็ตาม ถ้ามันต้องแบกคนหนึ่งคนด้วย ต่อให้เป็นเด็กทารก มันก็คงร่วงลงพื้นหลังจากบินไปได้ไม่กี่ร้อยไมล์
ถ้าหากต้องนำคนที่มีระดับที่แตกต่างกันไปด้วย ทั้งสองคนจะรู้สึกอึดอัดมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคนที่แบกไปแบกมามีพลังมากกว่าเขา เขาคงรู้สึกหนักขึ้น แต่ก่อนนั้นเย่ว์หยางเรียนรู้วิธีควบคุมและและผสานปราณก่อกำเนิดของเขาด้วยการผสานพลังงาน แม้แต่นางพญากระหายเลือดที่มีทักษะการบินที่สูงกว่า นางก็ยังไม่สามารถแบกเย่ว์หยางในการบินช่วงเวลานานได้ แน่นอนว่า ตอนนี้แตกต่างออกไป หลังจากนางพญากระหายเลือดเชี่ยวชาญผสานพลังเหมือนเจ้านายนาง นางแทบจะใช้ชีวิตอยู่บนท้องฟ้าพร้อมกับเย่ว์หยางได้ ทักษะการบินของนางดีขึ้นกว่าเดิมเป็นสิบเท่า
ความลับในการโกงการผสานพลังนี้ สาวกิเลนเป็นคนสอนเย่ว์หยาง
นางอ้างว่าเพราะเผ่าภูตบูรพา ทำให้การขับขี่อสูรเป็นเรื่องง่ายๆ เจ้าของยิ่งทรงพลังมาก ก็เป็นเรื่องง่ายที่จะให้สัตว์อสูรโดยสาร ช่างแตกต่างจากวิชาขับขี่ที่ล้าหลังซึ่งชาวทวีปมังกรทะยานใช้กัน
“รีบหน่อย ลงมาเลยนะ” พอเห็นว่าเด็กสาวเอลฟ์ไม่ยอมลงมา เย่ว์หยางใช้มือตีก้นนาง
“เจ็บนะ…” เป่าเอ๋อบิดตัวและบ่นงอแง “โตจนอายุขนาดนี้แล้ว ข้าไม่เคยถูกตีมาก่อน… ไม่ดีเหรอไง? ข้ากลัวความมืด และข้าต้องการให้ท่านปกป้องด้วย…” เนื่องจากนางทำตัวเหมือนเด็กเอาแต่ใจ บุรุษหัวงูอย่างเย่ว์หยางรู้สึกว่าต้องฝึกวินัยให้นางเสียบ้าง แบกเด็กสาวสวยขึ้นหลังวิ่งไปมาเป็นสิ่งที่คนอื่นต้องการทำแต่ไม่สามารถทำได้ แม้ว่าขนาดอกของนางจะยังไม่โตเต็มวัยนัก ยามเสียดสีที่หลังก็ให้ความรู้สึกหวานอมขมกลืน นั่นคือเหตุผลที่เด็กสาวให้ความรู้สึกที่ดี
ก้นน้อยๆ ของนางก็ดูไม่เลวเลย
เย่ว์หยางอดไม่ได้จนต้องตีนางอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็ลอบคิดว่าร่างกายของเด็กสาวเอลฟ์ทองนั้นมีเสน่ห์ ถ้านางเติบโตขึ้น และหน้าตามีเสน่ห์เพิ่มอีกนิด สะโพกผายขึ้นอีกเล็กน้อย อย่าว่าแต่สัมผัสเลย แค่นางชายตามองไม่กี่ทีก็อาจจะฆ่าคนอื่นได้
มองดูผิวเผินเย่ว์หยางดุว่ากล่าวนางเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เป่าเอ๋อก็ยังปฏิเสธจะจากหลังเขา แม้จะถูกด่าว่าก็ตาม
ทันทีที่นางปล่อยความรู้สึกฟุบลงบนหลังของเขา ก็รู้สึกถึงความเข้มแข็ง ปลอดภัย และสะดวกสบายเป็นพิเศษ ทำให้นางรู้สึกปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
“ข้าไม่มีบิดา, ท่านเป็นบิดาให้ข้าได้ไหม!” พอได้ยินเป่าเอ๋อพูด แทบพ่นน้ำที่เขากำลังดื่มอยู่
“ทำไมเจ้าถึงไม่มีบิดา?” เย่ว์หยางสับสน สงสัยว่านางคงเป็นเหมือนซึงหงอคงที่เกิดมาจากหินกระมัง?
“ปกติเอลฟ์ทองมีแต่เพียงมารดา ดังนั้นข้าไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นบิดาข้า, มารดาข้ารู้ แต่นางเล่าให้ข้าฟังมานานแล้วว่าเขาตายในสงคราม ข้าไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อน” เป่าเอ๋อกอดคอเย่ว์หยาง และพักอยู่บนหลังของเย่ว์หยางอย่างสบายทันที และถอนหายใจ “ข้านึกว่าการได้อยู่บนหลังของบิดา ก็คงให้ความรู้สึกเช่นนี้”
“ขี่หลังหมูมันก็ดีอยู่หรอก, แต่เจ้าไม่ควรซี้ซั้วเรียกคนอื่นเป็นบิดา” เย่ว์หยางสงสัยว่า เด็กสาวนี้คงเป็นเด็กโหยหาบิดา แต่ไม่เป็นไร นางยังไม่มีบิดา เป็นเรื่องที่นางควบคุมไม่ได้ มันเป็นความคิดฝันอย่างหนึ่ง ความทรงจำ ความคิดคำนึงแทน นอกจากนี้ อาการโหยหาบิดายังคงส่งผลต่อเขาโดยตรง ดังนั้นคงไม่ถึงกับแย่ถ้านางเป็นลูกที่โหยหาบิดา
“…..” เป่าเอ๋อแลบลิ้น แต่ไม่ได้ตอบ นางหลับตาและเพลิดเพลินอยู่บนหลังเย่ว์หยางอย่างสบายอารมณ์
หลังจากเย่ว์หยางเดินลึกเข้าไปอีก 2-3 ร้อยเมตร แม้ว่าเขาจะเรียกนาง ก็ไม่มีเสียงตอบรับ
พอหันศีรษะมามอง เย่ว์หยางพบว่าเด็กสาวหลับเสียแล้ว และหลับอย่างสบายเหมือนเด็กทารก
ประสบการณ์ที่เขาได้รับจากการเข้าตำหนักหุ่น ความรู้ของเย่ว์กงและกำไลควบคุม เย่ว์หยางสามารถผ่านหุ่นอสูรและจุดตรวจไปได้อย่างสบาย
สำหรับคนที่มีทักษะจักษุญาณทิพย์ กับดักกลถือว่าเป็นงานง่ายมาก
ในที่สุด เย่ว์หยางก็มาถึงวงแหวนอักษรรูนขนาดมหึมา วงแหวนอักษรรูนนี้ สลักอยู่บนพื้นผนัง
ผนังมีขนาดไม่กี่ร้อยเมตร เรียบลื่นเหมือนกระจกเงา เย่ว์หยางจะหลบอสูรอารักขา แต่ก็พบในไม่ช้าว่าไม่สามารถบินได้ มีคำสาปป้องกันการลอยตัวในอากาศ สมบัติในตำหนักทองดูเหมือนจะอยู่ภายในวงแหวนอักษรรูน แน่นอนว่า มันอาจผนึกอสูรที่น่ากลัวเอาไว้ เย่ว์หยางคิดว่าโอกาสมีน้อยมาก ข้างในนั้น น่าจะมีสมบัติที่มีประโยชน์มากต่ออสูรหุ่น ก่อนหน้านี้ เย่ว์หยางไม่ได้หลงใหลคลั่งไคล้อสูรหุ่น แต่หลังจากเห็นปณิธานของเย่ว์กงแล้วและหลังจากให้สัญญาเย่ว์กงว่าจะทำสมบัติลับชิ้นที่สามให้สมบูรณ์ เย่ว์หยางมีความรับผิดชอบใหม่อย่างหนึ่ง ภายในวงแหวนอักษรรูน อาจมีสมบัติที่เป็นประโยชน์กับสมบัติลับที่สามก็ได้
เขาต้องฉวยโอกาสนี้เอาสมบัติลับออกมาจากผนึก
นอกจากนี้ เขาต้องพิสูจน์ความจริงว่าสมบัตินั้นถูกหยิบฉวยไปแล้วหรือไม่?
เย่ว์หยางเป็นเหมือนจิ้งจกขณะที่เขาปีนป่ายขึ้นไปบนผนังเรียบอย่างช้าๆ
นี่คือการแสดงผลความสามารถที่เชี่ยวชาญที่สุดของปราณก่อกำเนิด ใช้ปราณก่อกำเนิดสร้างแรงดึงดูดเหมือนน้ำวนที่นิ้วทั้งสิบ เย่ว์หยางสามารถทรงกายและปีนป่ายขึ้นไปช้าๆ
สมบัติต้องอยู่ข้างหน้าเขา
************